หน้ากากมยุเรศ บทที่ 6 : ตุ๊กตาเจ้าหญิง (1)
โดย : สิตา
หน้ากากมยุเรศ นวนิยายโรแมนติกดราม่า โดย สิตา ผู้ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ อ่านเอาก้าวแรก ปี 2 ในนามปากกา “เยว่หวา” ที่ครั้งนี้ เธอขอพาทุกคนสู่การเฉือดเฉือนในวงการธุรกิจของครอบครัวบุหรงกาญจน์ ที่ต่างฝ่ายต่างสวมหน้ากากปิดบังเป้าหมายในใจ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่คาดเดาหรือหักมุม อ่านออนไลน์กันได้ที่ anowl.co
เทวิกาแต่งงานกับโกศลจากการจับคู่ของผู้ใหญ่ เนื่องด้วยครอบครัวเทวิกาคือคู่ค้าสำคัญกับบุหรงกาญจน์ อาม่าใหญ่จึงพยายามผลักดันเพื่อใช้เป็นฐานอำนาจให้ลูกชายในการชิงตำแหน่งกับประเสริฐ และผลลัพธ์ช่างยอดเยี่ยม โกศลขึ้นเป็นประธานบริษัทหลังแต่งงานแค่ไม่กี่ปี ก้าวสู่จุดสูงสุดในชีวิต สวนทางกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาที่เอาแต่ดิ่งลงเหว
วันหนึ่งผกาก็มาสมัครงานผู้ช่วยแม่ครัวกับบ้านบุหรงกาญจน์ สาวบ้านนอกคนซื่อผู้หลงรักนายผู้ชายคงกลายเป็นนางเอกในนิยายประโลมโลก แต่ความเป็นจริงเมื่อตั้งครรภ์จนเทวิกาจับได้ก็ถูกขับไล่ออกจากบ้าน ภายใต้คำแนะนำของมารดา โกศลจึงพาผกาไปฝากคนรู้จักช่วยดูแลจนคลอดลูกชายและส่งเสียเลี้ยงดูตลอด แค่ไม่อาจรับแคนเป็นบุตรที่ถูกต้องเพราะเทวิกาไม่ยอม ถึงกระนั้นโกศลยังคงใช้ชีวิตเสเพลไปเรื่อยจนพบวาดจันทร์
แม้จะเป็นสาวต่างจังหวัดเหมือนผกา นิสัยวาดจันทร์กลับแตกต่างคนละเรื่อง เธอกล้าหนีตามโกศลมาถึงกรุงเทพฯ และพอทราบว่าเขามีภรรยาก็เชิดหน้ากลับบ้านทันที ทุกอย่างคงจบแค่นั้นถ้าไม่เพราะวาดจันทร์ตั้งท้อง พอครอบครัวรู้จึงตัดขาดจนต้องซมซานกลับมาหาโกศล คราวนี้โกศลไม่อ่อนข้อให้เทวิกาอีกต่อไป เขาขู่จะหย่าจนเทวิกายอมรับวาดจันทร์มาอาศัยในบ้าน แต่แล้ววาดจันทร์กลับแท้ง เธอฟ้องโกศลว่าเป็นฝีมือเทวิกาทว่าโกศลไม่เชื่อ ไม่นานนักวาดจันทร์ก็ท้องอีกครั้ง โกศลจัดคนมาคอยดูแลอย่างดีจนวิมลินคลอดอย่างปลอดภัย ดูเหมือนเทวิกาจะเริ่มเหนื่อยใจจนยอมรับผกาและลูกชายเข้าบ้าน หรืออาจเอามาคานอำนาจกับวาดจันทร์ที่มีลูกสาวแล้ว ไม่มีใครรู้ความจริง
วิมลินจำได้แม่น สมัยเด็กที่พื้นใต้เท้าซึ่งยืนอยู่นี้ยังเป็นคฤหาสน์หลังเดิมของอากง หากมีธุระต้องไปอีกซีกบ้าน เธอยอมเดินอ้อมลงบันไดตรงสุดทางเดินชั้นสองเพื่อวิ่งผ่านชั้นล่างไป แทนที่จะเดินทะลุระเบียงชั้นสองไปตรงๆ แม้จะใกล้กว่าหลายเท่า เพราะมันต้องผ่านหน้าห้องของเทวิกา
ในความรู้สึกของเด็กหญิงตัวเล็กจ้อย หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ขอเฉียดกรายผู้หญิงคนนี้!
เจคเดินตามวิมลินเข้าใกล้โถงทางเข้าบริษัทไปทีละนิด หากลองพินิจชัดๆ เทวิกาจัดเป็นหญิงที่ใบหน้าธรรมดามาก ยิ่งเมื่อเทียบกับภรรยาอีกสองคนของโกศลผู้ต่างมีความงามกันคนละแบบ เทวิกาก็เกือบหลุดไปอยู่ฝั่งขี้เหร่ แต่ด้วยบุคลิกสง่าภูมิฐานจากส่วนลึกแบบที่ต้องถูกปลูกฝังไว้แต่เยาว์ จึงชวนพิศไปอีกแบบ
ชายหนุ่มเอียงตัวกระซิบถามสาวข้างกาย “ผมพอรู้คุณเทวิกาหย่ากับคุณพ่อคุณก่อนท่านตาย แต่ไม่รู้หย่ากันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนอากงทุบบ้านหลังเก่าทิ้ง ลูกหลานแยกไปสร้างบ้านตัวเอง ส่วนฉันกับแม่ขอพักคอนโดกันแค่สองคน พอแม่เสียพ่อจะรับฉันกลับมาอยู่ด้วยกันแต่คุณเทวิกาไม่ยอม ทะเลาะกับพ่อใหญ่โตจนต้องหย่า”
เจคลากเสียงอ๋อยาวเหยียด “นั่นคงเป็นที่มาของสายตาอาฆาตที่จ้องคุณเอาๆ ตอนนี้ละสิ”
เสียงกระซิบหยุดแค่นั้นเพราะพวกเขามาถึงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว วิมลินก้มศีรษะไหว้เทวิกา เจครีบทำตาม แต่เทวิกาไม่เพียงไม่รับไหว้ยังเชิดหน้าขึ้น เอ่ยเสียงกระด้างใส่ประชาสัมพันธ์ผู้ยืนตัวลีบหลังเคาน์เตอร์
“ลืมมารยาทกันหมดแล้วรึ ปล่อยฉันยืนรอแทนที่จะรีบเชิญเข้าไป!”
“อย่าดุพวกเด็กๆ เลยค่ะ เขาไม่ได้ลืมมารยาทหรอก และไม่ลืมด้วยว่าใครยังเป็นเจ้านาย” วิมลินเว้นระยะเล็กน้อย “ไม่มีคำสั่งของเจ้านายใครจะกล้าเชิญคนนอกสุ่มสี่สุ่มห้า”
เทวิกาสะบัดหน้ากลับมาทันควัน “ฉันเลิกกับคุณศลแค่ไม่กี่ปี คางคกก็ปีนขึ้นวอซะแล้วรึ”
“จะสิบปีหนึ่งปีหรือแค่หนึ่งวินาที…หลังเซ็นใบหย่าก็ถือเป็นอดีตภรรยาทั้งนั้นแหละค่ะ”
อีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ “เฮอะ! เรื่องที่ฉันดีใจที่สุดหลังหย่าคือไม่ต้องนับเธอเป็นลูก”
“แปลกนะคะ นานทีปีหนที่เราจะเห็นตรงกัน”
“เธอ!” เทวิกาเพิ่งขึ้นเสียงเจคพลันถลันมาขวางระหว่างสองหญิง ยกมือไหว้เทวิกาอีกครั้ง
“สวัสดีครับคุณวิ ไม่พบกันนานนะครับ”
ทางด้านหลังชายหนุ่ม วิมลินแอบทึ่งอยู่เงียบๆ เจคจำเรื่องอดีตที่พี่แคนเคยเล่าได้แม่นทีเดียว พวกเธอไม่มีสิทธิ์เรียกอีกฝ่ายว่าแม่เพราะเทวิกาไม่ยินยอม สำหรับบรรดาลูกเมียน้อยเทวิกาเป็นได้แค่คุณวิเท่านั้น แน่นอนทางฝั่งวิมลินก็ไม่เคยอยากเรียกคนอื่นว่าแม่ แต่ลึกๆ หญิงสาวนึกกังขามาตลอด ถ้าเทวิกายอมลดทิฐิลงแค่สักนิด…สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงจากนี้บ้างหรือไม่
“นี่เธอ…แคนงั้นหรือ” เทวิกาเปรยขึ้นอย่าลืมตัว ชายหนุ่มจึงยิ้มให้
“รู้ข่าวด้วยหรือครับว่าผมกลับมาแล้ว แต่พอดีผมเปลี่ยนชื่อเป็นเจค โปรดเรียกแบบนั้นดีกว่าครับ”
เทวิกาไม่รับคำแต่กลับสำรวจเขาตั้งแต่หัวจดเท้า ด้วยสายตาอันอยู่ระหว่างความรังเกียจกับขยะแขยง “อุตส่าห์ไปชุบตัวถึงเมืองนอก แต่รี่กลับมาหลังพ่อตายเพราะหวังสมบัติ!”
เจครับคำหน้าเป็น “เงินใครบ้างไม่อยากได้ หรือถ้าคุณวิไม่สนใจเงินจะยกให้ผมก็ยินดีนะครับ”
เทวิกากัดฟันจนแทบได้ยินเสียงดังกรอดลอยเข้าหู “แบมือขอเงินเป็นขอทาน!”
เจคหลุบตาซ่อนความสมเพชเบาบางในนั้น เสียดายบุคลิกความสามารถของผู้หญิงตรงหน้า กลับยอมปล่อยอารมณ์ครอบงำจนไม่เหลือเค้าความสง่างามใดๆ
“ที่นี่เคยเป็นบ้านเก่าของอากง ยังจำได้สมัยนั้นคุณวิจะอยู่แต่ชั้นสอง คอยมองลงมาแล้วตวาดใส่ผมกับอิงว่าชั้นต่ำบ้างละ ลูกเมียน้อยบ้างละ ผมเองก็ไม่เคยนึกจะมีสักวันที่เราได้มายืนชั้นเดียวกันอย่างเท่าเทียม” เขายิ้มให้เพลิงลุกโชนในดวงตาอีกฝ่าย “ความเท่าเทียมหมายความว่ายังไงรู้ไหมครับ หมายความว่าถ้าคุณยกอีกฝ่ายขึ้นตัวคุณจะสูงตาม แต่ถ้ากดเขาติดพื้นคุณเองก็ย่อมต่ำลงไปด้วย คอยแต่กระทืบศักดิ์ศรีตัวซ้ำๆ อยู่นั่น…ไม่เหนื่อยบ้างหรือครับคุณวิ”
“กล้าดียังไง!” เทวิกาตะโกนจนตัวสั่น “อย่าคิดจะชูคออยู่ตำแหน่งประธานได้ ฉันไม่มีวันยอมให้แกปีนขึ้นไป ไม่มีวัน!”
จังหวะนั้นประเสริฐนำทีมญาติหลายคนออกจากลิฟต์มาโผล่ตรงโถงทางเข้าพอดี มองสถานการณ์ตรงหน้าก็ประเมินได้เกือบหมด เขาขยับเนกไทอย่างอึดอัด
ผู้หญิงระดับเทวิกามีทางเลือกในชีวิตมากมาย ดันยอมจมปลักอยู่กับสามีที่ไม่เคยรักเธอสักนิด ทำร้ายจิตใจขนาดนำอนุภรรยามาอาศัยร่วมชายคา ประเสริฐรู้จักโกศลน้องชายตัวเองชนิดสิ้นไส้สิ้นพุง โกศลสามารถปิดเรื่องอนุภรรยาจากเทวิกา หรืออย่างน้อยก็พาผกาและวาดจันทร์ไปอยู่นอกบ้านได้สบาย แต่เขากลับทำตรงกันข้าม นั่นเพราะสถานะโกศลตอนนั้นออกปากหย่าเทวิกาเองไม่ได้ หากทำให้บริษัทคู่ค้าสำคัญที่หนุนหลังภรรยาหลวงโมโหย่อมไม่เป็นผลดี จึงหาทางกดดันเผื่อเทวิกาทนไม่ไหวยอมหย่าให้เอง หรืออย่างน้อยโกรธจนออกจากบ้านไปเลยก็ยังดี แต่เทวิกาก็ดื้อด้านยึดติดกับสามีเพียงคนเดียว พร้อมสร้างปัญหาตามหลังอีกเป็นพรวน!
แม้กระนั้นเวลานี้ ประเสริฐจะทำอะไรได้นอกจากฉีกยิ้มกว้างต้อนรับแขก
“สวัสดีครับน้อง…เอ่อ คุณวิ” เขาเปลี่ยนสรรพนามจากที่เคยเรียกตั้งแต่สมัยอีกฝ่ายยังคงฐานะน้องสะใภ้ “สบายดีนะครับ”
เทวิกาปรับสีหน้าคืนปกติอย่างรวดเร็ว ความโกรธละลายหายราวปิดสวิตช์ ทักทายประเสริฐอย่างสุภาพอ่อนหวาน ถ้าคนอื่นเจอเช่นนี้ครั้งแรกคงงุนงงแต่ทางบุหรงกาญจน์คุ้นเคยดี อดีตสามีอย่างโกศลและพวกอนุภรรยากับลูกๆ เป็นจุดอ่อนของเทวิกามาตลอด…ไม่เคยควบคุมตนเองได้สักครั้ง
หลังโอภาปราศรัยชั่วครู่จึงตามด้วยการเชื้อเชิญไปพูดคุยต่อที่ห้องประชุมชั้นบน แต่ลิฟต์จุคนไม่หมดในครั้งเดียว วิมลินกับเจคจึงขอตัวรอรอบต่อไป ทุกคนล้วนเห็นด้วย ใครเล่าจะอยากให้พวกเขาอยู่ในลิฟต์เดียวกับเทวิกา
วิมลินยืนกอดอกด้านหน้าลิฟต์ ปรายตาไปทางเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พนักงานที่แอบชะโงกมองสถานการณ์หดหัวหนีแทบไม่ทัน จนเหลือกันสองคนจริงๆ เธอค่อยเอ่ยเสียงแผ่ว “ตกใจคุณเทวิกาไหม”
“เธอเป็นอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่”
“ไม่นึกว่าพี่แคนจะเล่าให้คุณฟังละเอียดขนาดนั้น ที่คุณวิชอบตวาดใส่พวกฉันสมัยเด็กน่ะ”
ชายหนุ่มเผยอยิ้มภายใต้ดวงตาหม่นเศร้า “เชื่อไหม เขาพูดถึงคุณวิมากกว่าพ่อตัวเองเสียอีก แม่เลี้ยงที่ชอบหาเรื่องทุกวัน ส่วนพ่อกลับไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่เคยห้ามปรามอะไร” เจคหันไปสบตาเธอ “เขาอดทนแค่ไม่กี่ปี แต่คุณใช้ชีวิตกับมันมาตลอด”
“เพราะแบบนี้หรือคะเมื่อกี้ถึงเอาตัวขวางฉันจากคุณวิ ฉันขอบคุณนะแต่อยากขอร้องสักอย่าง…อย่าทำมันอีกเลย”
“ผมไม่ได้ทำเพราะปกป้องคุณนะ แต่กลัวคุณวิจะถูกปั่นหัวจนอกแตกตายต่างหาก”
หญิงสาวทำเมินน้ำเสียงยั่วแหย่ พูดต่อไม่ขาดตอน
“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดต้องการคนดูแล” ใช่…เด็กหญิงที่เคยกลัวการเดินผ่านหน้าห้องผู้ใหญ่ใจร้าย ถูกผลักหายไปในอดีตนานแสนนานแล้ว “อีกอย่างฉันต่างหากที่ดึงคุณเข้ามาในเกม ถ้าใครต้องเป็นฝ่ายปกป้องนั่นก็ควรเป็นฉัน…ไม่ใช่คนนอกอย่างคุณ”
เจคกลอกตาขึ้นฟ้า “รู้ไหมคุณกับผมคิดเหมือนกันเปี๊ยบแต่ดันมองไปคนละมุมเลย”
เธอเลิกคิ้วรอเขาอธิบาย เผอิญลิฟต์มาถึงพอดีพวกเขาจึงก้าวเข้าไปด้วยกัน
“ก็ใช่ ผมเป็นคนนอก เพราะอย่างงั้นถึงเหมาะเป็นกระโถนท้องพระโรงแทนคุณไง คุณน่ะยังต้องอยู่ที่นี่เจอเธออีกนาน ยิ่งทะเลาะเรื่องจะยิ่งลุกลามบานปลาย มิสู้ปล่อยผมรับหน้าแทนเพราะหลังจบเรื่องคนนอกอย่างผมก็จรลีหายหน้า”
นิ้วที่กดปุ่มลิฟต์ชะงักเล็กน้อย วิมลินพึมพำ “อ้อ เดี๋ยวคุณก็ไม่อยู่แล้วนี่นา ฉันลืมสนิทเลย”
“ถูกต้อง จึงสมควรใช้ประโยชน์จากมันสิ อารมณ์ด้านลบน่ะสะสมไว้เยอะๆ ทำไมล่ะครับ แบ่งมาที่ผมบ้างก็ได้ คนที่จะอยู่แค่อีกแป๊บเดียว”
เธอไม่ตอบคำใด เพียงแค่ความรู้สึกว่างโหวงในอกตอนนี้…คงเพราะร่างกายตอบสนองต่อการเคลื่อนที่ของลิฟต์เท่านั้นเอง
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 15 : สิ่งที่ซ่อนไว้ในความลับ (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 15 : สิ่งที่ซ่อนไว้ในความลับ (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 14 : เผยความลับ (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 14 : เผยความลับ (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 14 : เผยความลับ (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 13 : เหตุพลิกผัน (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 13 : เหตุพลิกผัน (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 12 : เปิดใจ (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 12 : เปิดใจ (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 11 : หัวใจ…ไม่ใช่กำแพง (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 11 : หัวใจ…ไม่ใช่กำแพง (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 11 : หัวใจ…ไม่ใช่กำแพง (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 10 : ข้อเสนอ (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 10 : ข้อเสนอ (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 10 : ข้อเสนอ (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 9 : แตกหัก (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 9 : แตกหัก (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 9 : แตกหัก (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 8 : ที่ดินเจ้าปัญหา (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 8 : ที่ดินเจ้าปัญหา (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 8 : ที่ดินเจ้าปัญหา (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 7 : รอยแผลจากอดีต (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 7 : รอยแผลจากอดีต (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 7 : รอยแผลจากอดีต (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 6 : ตุ๊กตาเจ้าหญิง (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 6 : ตุ๊กตาเจ้าหญิง (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 6 : ตุ๊กตาเจ้าหญิง (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 5 : งานแฟชั่นโชว์ (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 5 : งานแฟชั่นโชว์ (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 5 : งานแฟชั่นโชว์ (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 4 : กุญแจดอกสุดท้าย (4)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 4 : กุญแจดอกสุดท้าย (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 4 : กุญแจดอกสุดท้าย (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 4 : กุญแจดอกสุดท้าย (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 3 : เหตุผลที่แท้จริง (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 3 : เหตุผลที่แท้จริง (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 3 : เหตุผลที่แท้จริง (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 2 : ใครที่กลับมา (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 2 : ใครที่กลับมา (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 2 : ใครที่กลับมา (1)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 1 : ครอบครัวบุหรงกาญจน์ (3)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 1 : ครอบครัวบุหรงกาญจน์ (2)
- READ หน้ากากมยุเรศ บทที่ 1 : ครอบครัวบุหรงกาญจน์ (1)