แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (1)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
เมื่อระแคะระคายว่ารุ่งรัตน์จะขายความลับ กันต์ก็เดาได้ทันทีว่ารพีพรรณจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อกำจัดพยาบาลสาว หากแต่แผนการนั้นคืออะไรล่ะ หนทางเดียวที่จะรู้ได้คือเพ่งมองอนาคตของรพีพรรณด้วยกระจกไขฟู่
ภาพนิมิตช่วงสั้นๆ ที่คันฉ่องอาถรรพ์เผยให้เห็นทำให้กันต์หัวเสีย เขาเห็นวิธีที่รพีพรรณวางยาพิษรุ่งรัตน์กับนายจำนง เป็นแผนง่ายๆ ทว่าแยบยลจนน่าทึ่ง
เสียอย่างเดียว…รพีพรรณดึงเอานาราเข้ามาเป็นแพะรับบาปในคดีนี้
อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อคำนึงถึงความชิงชังชนิดที่เรียกว่าเข้ากระดูกดำที่รพีพรรณมีต่อน้องสาว ความจริงที่ว่านาราเป็นเจ้าของเลือดที่ช่วยชีวิตหม่อมภรณีเป็นเสมือนหนามแหลมคอยทิ่มแทงจิตใจรพีพรรณยิ่งกว่าเรื่องใดๆ ทั้งหมด เพราะมันหมายความว่าเธอเป็นเพียงตัวปลอม ไม่ต่างจากหัวขโมย ผู้หญิงที่ถือตัวว่าเลิศเลอคนนั้นจะไม่ริษยาจนแทบคลุ้มคลั่งได้อย่างไร
พอได้โอกาสรพีพรรณจึงไม่รีรอที่จะทำลายน้องสาวให้ย่อยยับคามือ
แต่กันต์ยอมไม่ได้ที่จะเห็นนาราแหลกสลายไปตามความประสงค์ของพี่สาว ขณะเดียวกันเขาก็ต้องการให้รพีพรรณกำจัดรุ่งรัตน์ไปเสีย เพราะเขาเองก็คิดเหมือนเธอนั่นละว่าจะปล่อยคนที่รู้ความลับเอาไว้ไม่ได้ มิฉะนั้นคนพวกนี้จะทำตัวเป็นเหลือบไรคอยสูบเลือดสูบเนื้อเขาไปตลอดชีวิต
เพื่อผลประโยชน์มหาศาลที่กองอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มจึงได้แต่แอบขอโทษนารา และขอให้เธออดทนสักนิด ไม่นานหรอกกันต์จะชดเชยทุกสิ่งคืนให้ ผู้คนที่ประณามหยามเหยียดเธอในวันนี้จะกลับมาชื่นชมนารายิ่งกว่าที่แล้วๆ มาเป็นร้อยเป็นพันเท่า
กันต์ได้เตรียมวิธีปัดเป่ามรสุมที่จะเกิดกับหญิงสาวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว…
เมื่อหลายปีก่อนนางกานดา แม่ของกมลเนตรเคยหอบลูกสาวหนีสามีขี้เมามาพึ่งใบบุญวรรณาอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาหลังจากกานดาเลิกกับสามีก็ไปพบรักกับเสมียนนายหนึ่ง และแต่งงานพากมลเนตรย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับสามีใหม่ที่ตรอกเล็กๆ บริเวณถนนดินสอ
ล่วงไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากหนังสือพิมพ์ลงข่าวธิปกประกาศตัวเป็นคนรักของนารา กานดาก็ถูกตำรวจบุกไปจับถึงบ้านขณะกำลังตั้งวงเล่นไพ่อยู่พอดี วงรำพัดแตกกระเจิง ขาไพ่ร้องวี้ดว้ายวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น มีตำรวจหลายนายไล่กวดตามไปติดๆ ในจังหวะที่กำลังชุลมุนนี่เอง จ่าสิบตำรวจที่รับเงินจากกันต์ก็แอบซุกสมุดและรูปถ่ายปึกใหญ่ลงไปในลิ้นชักของกมลเนตร
ต่อจากนั้นเขาทำทีเป็นง่วนอยู่กับการค้นหาอุปกรณ์เล่นพนัน จนกระทั่งเพื่อนๆ จับตัวขาไพ่ได้ครบพากลับมาที่บ้านหลังเดิม ก็เห็นเขาค้นไปถึงห้องลูกสาวเจ้าของบ้าน จ่าดึงลิ้นชักให้เปิดออกแล้วหยิบปึกรูปถ่ายออกมา
“เอ๊ะ! นี่มันรูปนางงามนาราที่กำลังเป็นข่าวนี่”
เขาอุทานพลางก้มลงมองรูปในมือ หญิงสาวที่มองตอบกลับมามีกรอบหน้ารูปหัวใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มล้อมด้วยเส้นผมดำขลับ กำลังยิ้มพรายเห็นฟันขาวเรียงเป็นเงาอย่างน่ามอง
คำว่านางงามเรียกความสนใจได้ไม่ยาก เพื่อนตำรวจนายอื่นๆ ล้อมวงเข้ามาทันที
“เอ…ข้างหลังรูปมีตัวหนังสือทุกรูปเลย มันเขียนว่าอะไรบ้างล่ะจ่า” เพื่อนคนหนึ่งถาม
“ให้พี่จำนงสุดที่รัก รักพี่คนเดียวตลอดไป” จ่าอ่านเสียงดัง หยิบรูปอีกใบขึ้นมา “สำหรับพี่จำนงดวงใจของน้อง” “ให้ยอดรักไว้ดูเวลาคิดถึง”
เขาอ่านด้านหลังรูปอีกสองใบ ทุกใบมีข้อความบอกรักหวานหยดย้อยในทำนองเดียวกัน แต่พอมาถึงรูปใบที่สาม หน้าตาหญิงสาวในภาพกลับเปลี่ยนจากนาราไปเป็นผู้หญิงผิวเข้ม ตาคม ไว้ผมสั้นประบ่าดัดเป็นลอนคลื่นตามสมัยนิยม กำลังเดินกอดแขนนายจำนงด้วยอาการสนิทชิดเชื้อ อีกรูปเธอนั่งตักเขาส่งยิ้มหวานแฉล้ม หน้าตาชื่นบานราวกับเป็นภรรยาของผู้ชายคนนี้เสียเอง
จ่าทำหน้าแปลกใจ มืออ้วนอูมคลี่รูปที่เหลือทั้งปึกให้แผ่ออกรูปเป็นพัด แล้วยื่นให้เพื่อนๆ ดูว่าภาพทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของนายจำนงกับแม่สาวคนเดิมในอิริยาบถแนบชิด มากมายหลายสถานที่ ดูออกว่าทั้งคู่ต้องมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกันอย่างแน่นอน
ตำรวจทุกนายทำตาโต “ท่ามันจะยังไงๆ แล้วนะโว้ย ลงนั่งซบกอดกันไม่อายฟ้าดิน ผู้หญิงคนนี้คงไม่แคล้วเป็นเมียน้อยนายจำนงด้วย ทำไมไอ้หมอนี่เสน่ห์แรงนักวะ ทั้งนางงามทั้งสาวชาวบ้านหลงมันหมด”
“เอ…แต่ข้าว่าผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นๆ อยู่นา” จ่าว่า
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฝาผนังซึ่งประดับด้วยรูปถ่ายของครอบครัวเจ้าของบ้าน มีรูปหมู่และรูปเดี่ยวของกมลเนตรใส่กรอบติดอยู่หลายรูป เมื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายหญิงสาวในมือจ่าก็เห็นได้ทันทีว่าเป็นคนคนเดียวกัน ตำรวจทั้งหมดอมยิ้ม
“แต่ข้าว่าเรื่องนางงามนารานั่นอาจจะไม่จริงซะแล้วละ แม่หนูในรูปนี่มากกว่าที่น่าจะเป็นเมียน้อยตัวจริงของนายจำนง” จ่าบอกตามที่กันต์กำชับไว้
เขาสะบัดสมุดที่หยิบออกมาจากลิ้นชักเบาๆ หน้าปกมีชื่อนารา จรัสวงศ์ เขียนไว้บอกให้รู้ว่าเป็นเจ้าของ เมื่อเปิดดูภายในก็เห็นลายมือที่เจ้าของสมุดจดข้อความต่างๆไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่บนบรรทัดที่ว่างอยู่กลับมีตัวอักษรเรียงเป็นแถว ในลักษณะของคนที่กำลังหัดเขียน ก.ไก่ ข.ไข่ โดยเลียนแบบให้เหมือนกับลายมือของนารา
จนมาถึงหน้าหลังๆ ตัวอักษรเริ่มเรียงต่อกันเป็นประโยค เป็นข้อความบอกรักแบบเดียวกับที่เขียนอยู่หลังรูปถ่ายของนาราไม่มีผิด
จ่ายักคิ้ว “แปลกไหมล่ะ ที่ห้องนายจำนงมีรูปถ่ายของนารากับข้อความสลักหลังเหมือนนาราเป็นชู้กับนายจำนง แต่ไม่มีรูปคู่ของนารากับนายจำนงเลยสักใบ ไม่เหมือนแม่หนูนี่ มีรูปถ่ายเป็นหลักฐานชัดเจนว่าพัวพันฉันชู้สาวกับนายจำนงจริงๆ ถ้าจะให้เดาข้าว่างานนี้มีการใส่ร้ายกันแน่” เขาหัวเราะ ชี้ไปที่รูปกมลเนตรด้วยท่าทางเหมือนจะเฉลยกลเม็ดเด็ดพรายของคนร้าย
“ยายหนูนี่เป็นเมียน้อยนายจำนง แต่จะใส่ร้ายแม่นางงามนารา เลยฝึกปลอมลายมือนาราจนเหมือนแล้วเขียนข้อความหวานๆ ไว้หลังรูป ให้คนเข้าใจผิด” เขาชูสมุดให้เห็นกันชัดๆ “ต้นฉบับหัดปลอมลายมืออยู่ตรงนี้ หลักฐานชัดเจนชนิดดิ้นไม่หลุดเลยละ”
ที่สถานีตำรวจมีนักข่าวมาเตร็ดเตร่คอยหาข่าวเป็นประจำอยู่แล้ว พอกลับไปถึงโรงพัก กลุ่มตำรวจที่กำลังคันปากยิบๆ ก็รีบเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบมาให้นักข่าวฟัง ในจำนวนนี้มีนายวิเชียร นักข่าวที่รับเงินจากกันต์รวมอยู่ด้วย
วิเชียรขออนุญาตตำรวจถ่ายรูปกระดาษฝึกคัดลายมือและรูปถ่ายในอาการแนบชิดของกมลเนตรกับนายจำนงไว้ จากนั้นก็ไปสอบถามเพื่อนบ้านของนายจำนง ได้ความว่ามีคนเห็นกมลเนตรลอบเข้าไปในบ้าน ก่อนที่นางจำเนียรจะพบรูปถ่ายนาราในห้องลูกชายเพียงวันเดียว
พอได้ข้อมูลครบถ้วนนักข่าวหัวเห็ดก็กลับมาเรียบเรียงเหตุการณ์จนเข้าใจง่าย แล้วเขียนเป็นคอลัมน์ แบ่งเป็นตอนๆ ให้น่าติดตาม
วิเชียรไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตีพิมพ์รูปสมุดคัดลายมือและรูปชู้สาวของกมลเนตรโดยมีแถบคาดตาไว้ จากนั้นก็เขียนเล่าเหตุการณ์เมื่อตำรวจไปพบหลักฐาน รวมถึงความเชื่อมโยงที่น่าจะเป็นไปได้ทั้งหมดในคดีนายจำนง แสดงฝีมือใส่สีตีไข่จนออกมาเป็นนิยายพิศวาสฆาตกรรมรสชาติจัดจ้าน ไม่แพ้ละครวิทยุคณะแก้วฟ้าที่ผู้คนติดงอมแงมกันอยู่ในเวลานั้น
ใช้เวลาไม่นานประชาชนที่อ่านคอลัมน์ของวิเชียรก็จับต้นชนปลายได้ ทุกคนลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่ากมลเนตรต่างหากที่เป็นเมียน้อยตัวจริง และเป็นผู้ที่บีบคั้นจนรุ่งรัตน์ต้องหาทางออกด้วยการวางยาพิษสามีและตัวเองเพื่อจบปัญหารักสามเส้า ครั้นพอเหตุการณ์บานปลาย กมลเนตรเกรงคนจะรู้ความจริง เลยปลอมลายมือนารา เขียนข้อความบอกรักไว้หลังรูป แล้วนำไปซ่อนที่บ้านนายจำนงเพื่อโยนบาปให้นาราซึ่งไม่ถูกกันมาตั้งแต่เด็กรับไปแทน
หลังจากคอลัมน์ความยาวห้าตอนของนายวิเชียรตีพิมพ์จนจบ ความสงสารและเห็นใจจากประชาชนที่เคยประณามนาราก็หลั่งไหลมาหาหญิงสาวอย่างท่วมท้น มากมายยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ได้ตำแหน่งรองนางงามเสียอีก ถึงขนาดที่มีผู้สร้างภาพยนตร์หลายเจ้าติดต่อให้นาราไปแสดงภาพยนตร์ให้เลยทีเดียว
ตรงกันข้ามกับกมลเนตร ถึงแม้วิเชียรจะไม่ลงชื่อนามสกุลจริงของเธอ แต่ก็ไม่ยากสำหรับชาวบ้านบริเวณถนนดินสอ ที่จะสอบถามกันว่าบ้านหลังที่ถูกตำรวจบุกจับขณะเล่นไพ่เป็นของใคร
กมลเนตรถูกนินทาสาดเสียเทเสีย ไปทางไหนก็พบแต่สายตาเดียดฉันท์จนทนอยู่บ้านต่อไปไม่ไหว ต้องไปอ้อนวอนขอกลับไปอาศัยอยู่กับรพีพรรณตามเดิม
ตลอดเวลาที่สถานการณ์พลิกผันไปจนสุดขั้ว ไม่มีใครรู้ว่ากันต์คอยติดตามข่าวอยู่เงียบๆ ด้วยความปลื้มปีติ ในที่สุดเขาก็ได้ปลดเปลื้องความรู้สึกผิดต่อนาราลงไปได้เสียที และยังส่งเสริมหญิงสาวให้เฟื่องฟูเป็นที่รักของคนทั้งประเทศยิ่งกว่าที่ธิปกจะทำได้เสียอีก
ศาลเจ้าแห่งนั้นตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ แยกมาจากถนนเจริญกรุง ถึงจะไม่ใช่ศาลที่มีชื่อเสียงแต่ก็มีคนมาสักการะไม่ขาดสาย ธิปกจึงเลือกชวนนารามาไหว้ในวันธรรมดาที่คนไม่พลุกพล่านเท่าในวันหยุด
ชายหนุ่มปักธูปลงในกระถางหน้าเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม จากนั้นก็ลุกไปยืนข้างหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปด้านนอกอย่างใจลอย ระหว่างรอนาราซึ่งกำลังเขย่ากระบอกเซียมซีง่วนอยู่คนเดียว
ไม้ติ้วอันหนึ่งร่วงจากกระบอกลงไปแน่นิ่งอยู่ที่พื้น นาราหยิบมันขึ้นก่อนจะเดินไปรับคำทำนาย เธอหยอดเงินทำบุญใส่กล่องที่ตั้งไว้แล้วเดินกลับมาหาธิปก พอเห็นเขาทำหน้าเครียดก็ถามเสียงเบา
“ยังกังวลเรื่องที่สินค้าขายไม่ดีอยู่หรือคุณ”
ธิปกพยักหน้ารับ ตอบกลับเสียงขรึม “แต่ที่ผมกังวลมากยิ่งกว่าก็คือทำไมคุณวิศรุตถึงสั่งสินค้าเหมือนผม ซ้ำยังวางตลาดได้ก่อนทุกครั้ง อย่างกับเขารู้ความเคลื่อนไหวของผมล่วงหน้า เรื่องนี้ละที่น่าหนักใจที่สุด”
เมื่อหนึ่งปีก่อนนายมงคลได้ตั้งห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า ‘ห้างไดมอนด์’ แรกๆ เขาเป็นคนบริหารด้วยตัวเอง แต่หลังจากที่หม่อมภรณีช่วยให้กันต์ได้ทำสัญญาติดตั้งเครื่องปรับอากาศกับโรงแรมบุณฑรีก์ นับเป็นผลงานชิ้นโบแดง นายมงคลก็ไว้ใจในความสามารถของหลานชาย ยอมยกห้างไดมอนด์ให้ชายหนุ่มดูแล
ห้างไดมอนด์ถือเป็นคู่แข่งกับห้างเรืองอำพันเพราะขายสินค้าเบ็ดเตล็ดแบบเดียวกัน ที่สำคัญขายดีกว่าห้างเรืองอำพันที่ธิปกบริหารอยู่อย่างไม่น่าเป็นไปได้
ปกติธิปกมั่นใจในวิสัยทัศน์ของตัวเองว่าเขาเป็นคนมองการณ์ไกล รู้ว่าควรจะสั่งอะไรมาขายถึงจะถูกใจลูกค้า ทว่าห้างไดมอนด์กลับสั่งสินค้าที่เหมือนห้างเรืองอำพันออกมาขายตัดหน้าได้ก่อนทุกครั้ง พอธิปกวางจำหน่ายสินค้าของตัวเองบ้าง นอกจากจะขายไม่ออกแล้วยังถูกโจมตีว่าเลียนแบบสินค้าของห้างไดมอนด์ พลอยทำให้ชื่อเสียงของห้างเรืองอำพันตกต่ำไปด้วย
ครั้งหนึ่งธิปกสั่งให้โรงงานผลิตเครื่องครัวสีหวานๆ แบบที่ผู้หญิงน่าจะชอบ เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มแม่บ้าน แต่เพียงแค่ลำเลียงสินค้ามาถึงโกดัง ยังไม่ทันจะวางจำหน่าย เครื่องครัวสีและแบบเดียวกันก็ไปอยู่ในตู้โชว์ของห้างไดมอนด์เสียแล้ว ที่สำคัญขายดีสมดังที่ธิปกคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ราวกับจะเย้ยหยันกันก็ไม่ปาน
เรื่องประจวบเหมาะทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยเกินกว่าธิปกจะทำใจเชื่อได้ว่าเป็นเหตุบังเอิญ เขาสงสัยว่าในบรรดาลูกน้องสามคนที่ดูแลเรื่องการสั่งสินค้า น่าจะมีหนอนบ่อนไส้คอยนำความลับไปบอกคู่แข่ง จึงวางแผนทดสอบคนเหล่านั้นเงียบๆ
ธิปกแสร้งทำเป็นเก็บรายชื่อสินค้าที่จะสั่งครั้งต่อไปไว้เป็นความลับสุดยอด จากนั้นก็ปล่อยให้ข้อมูลรั่วไปถึงลูกน้องทั้งสาม ให้แต่ละคนรู้ชื่อสินค้าคนละชนิด ไม่มีใครซ้ำกับใคร หากห้างไดมอนด์สั่งสินค้าที่ตรงกับลูกน้องคนไหนมาวางจำหน่าย ก็แปลว่าคนคนนั้นเองคือไอ้โม่งที่ซ่อนตัวอยู่
แต่แล้ว…ท่ามกลางความอัศจรรย์ใจของเขา วิศรุตกลับไม่สั่งสินค้าที่ธิปกให้ข่าวลวงกับลูกน้องเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เป็นอันว่าลูกน้องของธิปกไม่ได้เป็นหนอนบ่อนไส้ หรือมิฉะนั้น คนทรยศก็ต้องรู้ล่วงหน้าว่าเขากำลังวางแผนทดสอบ ถึงได้ยกเว้นไม่เอาความลับไปบอกเสียเฉยๆ ซึ่งธิปกไม่คิดว่าจะมีใครรู้ทันความคิดในใจเขาได้ถึงเพียงนั้น
ยิ่งไตร่ตรองสถานการณ์รอบด้านชายหนุ่มก็ยิ่งสับสน วิศรุตทำราวกับล่วงรู้อนาคต ไม่เพียงแต่รู้ว่าธิปกจะสั่งสินค้าอะไร แต่รู้ไปถึงว่าในครั้งนั้นธิปกกำลังทดสอบลูกน้อง ไม่ได้จะวางจำหน่ายสินค้าที่ว่าจริงๆ
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร…คนเราจะรู้อนาคตได้หรือ
นารารับรู้ปัญหาของชายหนุ่มมาตลอดแต่ยังไม่รู้ผลการทดสอบลูกน้องทั้งสาม ธิปกจึงเล่าผลลัพธ์ล่าสุดให้เธอฟัง คนฟังนิ่งอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง พร้อมกันนั้นเหตุการณ์ที่เคยสร้างความคลางแคลง จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ก็กลับมาวนเวียนในสมองอีกครั้ง
หญิงสาวเปรยขึ้นมาลอยๆ “คุณว่าเป็นไปได้ไหมที่คุณวิศรุตจะรู้อนาคต”
ธิปกมองมาเหมือนจะขอคำอธิบาย นาราจึงเล่าเหตุการณ์ที่ป้ายชื่อร้านอนงค์ตกใส่คนร้ายจนคอหักให้เขาฟัง
“วันนั้นคุณวิศรุตทำเหมือนรู้ว่าป้ายนั่นจะต้องตกลงมา เขาถึงผลักลูกน้องนายเกรียงไกรให้ไปอยู่ใต้ป้ายพอดี และฉันเห็นด้วยนะว่าเขามองนาฬิกาก่อนหลายครั้ง เหมือนรู้ว่าป้ายจะตกลงมาตอนกี่โมง” เธอส่ายศีรษะอย่างอึดอัดใจ “คุณอาจจะคิดว่าฉันเพี้ยนหรือจินตนาการอะไรเกินจริง แต่การกระทำของเขาทั้งหมด ฉันคิดเท่าไรก็หาคำอธิบายอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากคุณวิศรุตรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว”
“คนธรรมดาอย่างเราจะรู้อนาคตได้ยังไงกัน ยกเว้นคุณวิศรุตจะไม่ใช่คนธรรมดา”
ธิปกพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศเคร่งเครียดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่ในใจไม่นึกขำเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่นาราพูดมาตรงกับความกังวลของเขาพอดี เพียงแต่ยังไม่เห็นหนทางที่จะเป็นไปได้เท่านั้นเอง
ทั้งคู่มัวแต่กระซิบกระซาบจนไม่ทันสังเกตอาเจ็กเส่ง ผู้ดูแลศาลเจ้าที่คอยตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ในบริเวณนั้น เขาเป็นชาวจีนมาจากโพ้นทะเลแต่พูดไทยได้ชัดเจน เพราะอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตั้งแต่เด็ก อาเจ๊กเส่งได้ยินคำปรารภของธิปกก็เดินตรงมาหา
“ทำไมคนธรรมดาถึงจะรู้อนาคตไม่ได้ล่ะ ทำได้ซีพ่อหนุ่ม ถ้ามีคันฉ่องไขฟู่” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี
“หมายความว่ายังไงหรือครับ” ธิปกถาม
ขณะนั้นอรสาก้าวข้ามธรณีประตูศาลเจ้าเข้ามาเงียบๆ เธอนั่งลงตรงหน้าเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม หยิบธูปขึ้นมาจุดโดยไม่สนใจใคร แต่เพราะบรรยากาศเงียบสงัด คำสนทนาของธิปกกับผู้ดูแลศาลจึงสะท้อนมาเข้าหูเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
“อ้าว! อั๊วเห็นลื้อสองคนมาศาลนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นภาพที่วาดไว้บนผนังนี่หรือ” อาเจ๊กเส่งย้อนถามธิปก ชี้มือกวาดไปรอบตัว
ผนังทั้งสี่ด้านของศาลแห่งนั้นประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังวาดเป็นเรื่องเล่าจากตำนานจีนหลายสิบเรื่อง เรียงต่อๆ กันจากผนังด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง อาเจ๊กเส่งชี้ไปที่รูปตรงมุมที่ลึกและห่างไกลที่สุด ธิปกมองตามไปก็เห็นรูปวาดของชายจีนในชุดโบราณ ในมือถือคันฉ่องทองเหลืองบานหนึ่งไว้ มีลำแสงสีเงินพุ่งออกมาจากคันฉ่องสาดเข้าใส่ผู้ถือ ในลำแสงมีเรื่องราวมากมาย เป็นภาพชีวิตของชายผู้ถือในช่วงวัยต่างๆตั้งแต่หนุ่มจนล่วงเข้าสู่บั้นปลายชีวิต
“นี่ละคันฉ่องไขฟู่ ตำนานโบราณเล่าว่าคันฉ่องนี้กำเนิดมาเมื่อพันปีก่อน มันมีอำนาจวิเศษสามารถบอกโชคชะตาในวันข้างหน้าให้กับเจ้าของมันได้ ไม่ว่าจะเป็นชะตาชีวิตของตัวเจ้าของเอง หรือว่าชะตาของคนที่เจ้าของอยากรู้”
ธิปกกับนารามองหน้ากัน เห็นความประหลาดใจแกมตื่นตะลึงทอแสงอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย อาเจ๊กเส่งหัวเราะ
“แต่ก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้นนะ เล่ากันสนุกๆ ปากต่อปากเรื่อยมา ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันมีจริงหรือเปล่า”
“แล้วตำนานบอกไหมคะว่าคันฉ่องไขฟู่นี่มีข้อจำกัดอะไรบ้าง หรือว่ามีโอกาสจะทำนายผิดบ้างไหม”
“วะ! นังหนูนี่ ไขฟู่มันดูดซับพลังของฟ้าดินไว้ในตัวเอง เป็นของอาถรรพ์ที่หาได้ยาก ขืนทำนายผิดก็เสียชื่อหมดสิวะ” ผู้ดูแลศาลเจ้าเงื้อมือทำท่าเหมือนจะเขกหัวแต่ไม่จริงจังนัก
“เรื่องทำนายผิดน่ะไม่มีหรอก แต่ว่าเจ้าของที่ได้รับคำทำนายจากมันต่างหากที่จะทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไป คืออย่างนี้ ผู้ใหญ่เขาเล่ากันว่าถ้าหากคนที่รับคำทำนายจากไขฟู่ เอาสิ่งที่รู้ล่วงหน้านั่นไปเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนอื่น เหตุการณ์ที่จะเกิดหลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนไปด้วย เพราะเป็นการไปขัดขวางเจตนาเดิมของฟ้าดินยังไงล่ะ”
“หมายความว่าเจ้าของไขฟู่ก็ไม่ใช่จะเป็นผู้ชนะเสมอไป เพราะถึงเขาจะเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในครั้งแรก แต่ถ้าไปเปลี่ยนแปลงมันเข้าเขาก็จะไม่รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดหลังจากนั้น ถูกต้องไหมครับ” ธิปกถามบ้าง
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” อาเจ๊กเส่งพยักหน้า
“แล้วเวลาจะใช้กระจกต้องทำยังไง มีคาถาไหมอาเจ๊ก” นาราซัก เริ่มสนุกเหมือนได้ฟังนิทานสักเรื่อง
ผู้ดูแลศาลเจ้าโบกมือเป็นทำนองปฏิเสธ “ไขฟู่มันเป็นของอาถรรพ์ ไม่มีคาถาอะไรจะไปควบคุมมันได้หรอก เพียงแต่มันจะทำนายโชคชะตาได้เฉพาะในวันแรมสิบห้าค่ำ และก่อนใช้งานเจ้าของจะต้องให้มันดื่มเลือดเป็นเครื่องสังเวยเท่านั้นเอง”
ทั้งสามคุยกันตามสบายเพราะคิดว่าในศาลเจ้าไม่มีคนอื่น อาเจ๊กจึงเส่งแทบสะดุ้งเมื่อจู่ๆ อรสาที่นั่งสำรวมอยู่หน้าเทวรูปก็ลุกพรวดขึ้น ปรี่เข้ามาหาเขาด้วยหน้าตาร้อนรน
“ที่อาเจ๊กบอกว่าก่อนจะให้กระจกทำนายอนาคตจะต้องสังเวยด้วยเลือด มันยังไงกัน หมายถึงต้องฆ่าไก่ฆ่าวัวเอาเลือดมาสังเวยกระจกงั้นหรือ”
ธิปกรีบทำความเคารพอรสาซึ่งเขารู้จักดี อีกฝ่ายรับไหว้เร็วๆ ไม่ได้ใส่ใจนัก ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปรวมอยู่ที่คำตอบจากผู้ดูแลศาลเจ้ามากกว่า
“ไม่ใช่หรอกคุณ” อาเจ๊กเส่งตอบ “คันฉ่องไขฟู่มันจะดื่มแต่เลือดเจ้าของของมัน ตำนานว่าเจ้าของต้องกรีดเลือดจากร่างกายตัวเองให้มันดื่มเสียก่อน มันถึงจะยอมทำนายชะตาให้”
อรสารู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นระทึกราวกับตีกลอง จนเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมาเฉยๆ เธอยกมือทาบอก ไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าตัวเองเผือดสีลงมากจนธิปกที่มองอยู่ตกใจ
“คุณอรสาไม่สบายหรือเปล่าครับ ไปนั่งพักก่อนดีกว่าไหม” ธิปกอุทาน เตรียมจะเข้ามาประคองหากว่าอรสาล้มลงไปตรงนั้น
อรสาสูดหายใจลึกๆ พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “อาไม่ได้เป็นอะไรหรอกธิปก อายุมากแล้ว พอได้ยินเรื่องแปลกๆ เลยตื่นเต้นไปหน่อย”
เธอฝืนยิ้มให้ทุกคนที่มองมาเป็นตาเดียว ก่อนจะหันไปพิจารณาภาพบนผนังอีกครั้ง รูปวาดคันฉ่องไขฟู่ที่อยู่ตรงหน้า ไม่เหมือนกันนักกับคันฉ่องโบราณที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นในห้องของกันต์
แต่ก็นั่นละนะ จะหวังความแม่นยำอะไรได้…ช่างที่วาดภาพในศาลเจ้านี้ก็ได้แต่วาดไปตามคำบอกเล่าเท่านั้น ไม่มีใครเคยเห็นไขฟู่ของจริงด้วยตาตัวเอง
อรสาจำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่งเธอเผลอผลักประตูห้องของกันต์เข้าไปโดยไม่ได้เคาะ เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าของห้องยังไม่กลับจากงานเลี้ยง กันต์ไม่ได้เปิดไฟ ภายในห้องจึงมืดสนิท กระนั้นลำแสงแพรวพราวที่สาดออกมาจากวัตถุในมือของเขาก็ทำให้อรสาเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน
สิ่งที่อยู่ในมือชายหนุ่มเป็นคันฉ่องทองเหลืองทรงกลมล้อมด้วยกรอบดีบุก สภาพดูเก่าหมองปราศจากราคาค่างวด ทว่ากิริยาของผู้ถือนั่นสิ…ประคับประคองราวกับกำลังถือสิ่งมีค่าอยู่ก็ไม่ปาน
แสงสีเงินสว่างไสวที่เปล่งออกมาจากคันฉ่องกระทบใจอรสาจนไม่อาจลืมได้เลย มันมลังเมลืองเปี่ยมมนต์ขลังอย่างประหลาด เพียงมองแวบเดียวเธอก็ตกอยู่ในภวังค์เคลิบเคลิ้ม ตัวแข็งทื่อ มือเท้าชาหมดความรู้สึก ไม่อาจแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องออกมาได้
แต่ฉับพลันลำแสงงามราวเนรมิตก็เลือนหายไป ร่างกายของอรสากลับเป็นปกติในทันทีที่กันต์หันขวับมามองผู้บุกรุก หน้าตาเขาบิดเบี้ยวถมึงทึง สองตาแดงก่ำจ้องมาที่เธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
อรสาไม่เคยเห็นกันต์เกรี้ยวกราดเหมือนวันนั้นมาก่อน เขาตะคอกเธอไม่ไว้หน้า ท่าทางฉุนเฉียวราวกับไม่ใช่ชายหนุ่มคนเดิม อรสารีบลนลานจากมาทันที กระนั้นก็ยังสังเกตว่าฝ่ามือของกันต์มีแผลเป็นทางยาว เลือดสดๆ เกรอะกรังเกาะเป็นก้อนอยู่ที่ปากแผลโดยที่เจ้าตัวไม่เอาใจใส่
พอได้ยินอาเจ๊กเส่งพูดถึงวิธีใช้ไขฟู่ อรสาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามือของกันต์มักจะบาดเจ็บอยู่เสมอ และทุกครั้งจะเกิดในคืนแรมสิบห้าค่ำเสียด้วย ต่อให้เขาอ้างว่าตัวเองซุ่มซ่ามจนเกิดอุบัติเหตุก็เถอะ แต่ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนน่าประหลาดใจอยู่ดี
หรือคันฉ่องที่เธอเห็นในห้องของกันต์คือไขฟู่…
แต่แล้วอรสาก็สะบัดความคิดที่ปลงใจเชื่อได้ยากนั้นทิ้งไป ตำนานอาถรรพ์ที่คนดูแลศาลเจ้าพูดถึงเป็นเพียงเรื่องเล่าโบร่ำโบราณ ไม่ต่างจากงิ้วที่เล่ากันสนุกๆ เท่านั้น ไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอกน่า
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)