แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 20 : เมื่อวันฟ้าใส (1)

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 20 : เมื่อวันฟ้าใส (1)

โดย : ณรัญชน์

Loading

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co

ทันทีที่งานสวดอภิธรรมศพของนายมงคลดำเนินไปจนครบเจ็ดวัน กันต์ก็เรียกลูกน้องเก่าแก่ของปู่มาพบที่ห้องทำงาน ยื่นซองขาวให้พร้อมกับบอกอย่างเฉยเมย

“คุณอารับใช้คุณปู่ผมมานานมากแล้ว น่าจะถึงเวลาพักผ่อนสบายๆ แล้วนะครับ เงินชดเชยนี่เท่ากับเงินเดือนคุณอาทั้งปีเลย จะเอาไปเที่ยวหรือจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้นอนเล่นหลังเกษียณก็ตามใจ”

ผู้อาวุโสแต่ละคนมีอาการตอบรับแตกต่างกันไป บ้างก็ตื่นตระหนกบ้างก็โวยวายอย่างเกรี้ยวกราด แต่ไม่ว่าจะมาในรูปไหน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือทุกคนถูกเชิญให้ออกจากงานที่ร่วมบุกเบิกมาตั้งแต่หนุ่มๆ เหมือนกันหมด กันต์ตั้งใจว่าหลังจากนี้เขาจะแต่งตั้งคนที่จงรักภักดีกับเขาขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

ถึงเวลาแล้วที่บริษัทนี้จะต้องขับเคลื่อนไปด้วยวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ๆ เสียที

ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นึกชมตัวเองที่กล้าตัดสินใจทำสิ่งที่เด็ดขาด ถึงแม้จะเลือดเย็นอยู่บ้างเมื่อคิดถึงความดีที่นายมงคลและอรสามีต่อเขา แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมาก็มากมายเกินคุ้มจนกลบความรู้สึกผิดให้มลายไปไม่เหลือหลอ

ที่ผ่านมาถ้าดูเพียงผิวเผินก็เหมือนกันต์จะมีชีวิตที่น่าอิจฉา เขาทั้งหล่อทั้งรวย ทำงานเก่ง ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบ อีกทั้งยังมีคนรักเป็นสาวสวยจากตระกูลผู้ดีเก่า เรียกได้ว่าชีวิตสมบูรณ์พร้อมพรั่งไปทุกด้าน

แต่ใครจะรู้ว่าในหัวใจส่วนลึก กันต์อยู่ในฐานะวัวสันหลังหวะมาโดยตลอด นั่นเพราะไม่มีแม้สักขณะจิตเดียวที่ชายหนุ่มจะลืมว่าความลับไม่มีในโลก และเมื่อไรที่นายมงคลรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของเขา ทุกสิ่งที่เขาครอบครองอยู่จะต้องหลุดลอยไปในพริบตา หรือถ้าเลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นเขาก็อาจต้องติดคุกเสียด้วยซ้ำ

ถ้าอยากเสพสุขบนกองเงินกองทองอย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยสะดุ้งผวาเกรงว่าจะถูกเปิดโปง เขาจะต้องสืบทอดทรัพย์สมบัติจากนายมงคลโดยเร็วที่สุด

ไหนๆ คุณปู่ของเขาก็อายุมากแล้ว อีกไม่นานก็ต้องตาย จะแปลกอะไรถ้านายมงคลจะตายเร็วขึ้นอีกสักหน่อย…

ชายหนุ่มเริ่มใส่ยาจีนชนิดพิเศษในอาหารให้นายมงคลกิน ยาตัวนี้มีสรรพคุณในการกระตุ้นและบำรุงหัวใจ ทว่ามีฤทธิ์รุนแรง หากรับประทานต่อเนื่องไปนานๆ หัวใจจะอ่อนแอลงและหยุดเต้นเอาดื้อๆ เมื่อเจ้าตัวโกรธ เครียด หรือทำงานหนัก

สาเหตุแท้จริงในการเสียชีวิตของนายมงคลไม่ใช่เพราะตกบันไดลงมา แต่เป็นผลมาจากยาสูตรเด็ดของกันต์ต่างหากเล่า

สำหรับอรสา เดิมกันต์เคยคิดว่าเขากับเธอจะอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น แต่เธอผิดเองที่ขู่จะเปิดโปงความลับของเขาให้นายมงคลรู้ กันต์ถึงต้องใส่ยาบำรุงชนิดเดียวกันในอาหารของอีกฝ่าย ทำให้หัวใจอรสาอ่อนแอลงโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ตระหนัก พร้อมกันนั้นเขาก็ใส่โพแทสเซียมไซยาไนด์ในยาดมที่อรสาพกติดกระเป๋าอยู่เป็นประจำ

เมื่อไรที่เธอหน้ามืดแล้วหยิบยาดมขึ้นมาสูดบรรเทาอาการ อรสาก็จะพ้นไปจากเส้นทางของกันต์ภายในไม่กี่นาที โดยไม่มีใครเฉลียวใจถึงสาเหตุที่แท้จริงเลย

และแล้วในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่มุ่งหวังก็ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ กันต์รู้สึกว่าเขาได้เดินมาถึงเส้นชัยของการเป็นวิศรุต กิตติไกรสีห์จริงๆ แล้ว

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่กันต์จะยื่นซองขาวให้ลูกน้องอาวุโสรายล่าสุด เขากำลังนั่งวางท่าอยู่ในห้องทำงาน รอให้อีกฝ่ายมาพบตามที่ถูกเรียก แต่เมื่อประตูห้องเปิดออก คนแรกที่เดินเข้ามากลับเป็นธิปก มีทนายความจากสำนักงานดูแลผลประโยชน์ของนายมงคลเข็นรถเข็นที่มีนายธงชัยนั่งอยู่ตามมา ปิดท้ายด้วยนายแสวง

ทุกคนมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา ทอดสายตามองเจ้าของห้องอย่างเย็นชา จากนั้นทนายความก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“คุณวิศรุตครับ ก่อนหน้านี้คุณมงคลทำพินัยกรรมไว้ สั่งว่าถ้าท่านเสียชีวิตให้ผมเปิดทันทีไม่ต้องรอจนเสร็จงานศพ วันนี้ผมก็เลยเชิญลูกหลานของท่านให้มาพร้อมหน้ากัน จะได้เปิดพินัยกรรมเสียเลย”

นายมงคลทำพินัยกรรมไว้หรือ…ทำเมื่อไร…ก่อนหรือหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นคนใส่ร้ายตวงพร!

คำถามทั้งหมดผุดขึ้นในสมองของกันต์ หากว่าทำพินัยกรรมไว้ก่อนจะเกิดเรื่องผิดใจกันก็ไม่กระไรนัก แต่ถ้าเป็นหลังจากนั้น…นายมงคลกำลังโกรธเขาจนไม่ยอมมองหน้า สมบัติที่จะยกให้หลานชายคงลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เขาคำนวณผลดีผลเสียอย่างเร่งด่วนว่าควรจะยอมให้เปิดพินัยกรรมหรือไม่ สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าการหลบเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันไว้ก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“ถึงคุณปู่จะสั่งไว้แต่ผมเห็นว่าควรให้เกียรติผู้ตาย รอให้ทำบุญครบร้อยวันก่อนค่อยเปิดพินัยกรรมก็ยังทันถมเถ ยังไงทายาทของท่านก็เหลือแค่ผมกับอาธงชัย ผมไม่รีบร้อน คุณอาเองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

เขาพูดพลางชำเลืองมองสภาพเป็นอัมพาตของผู้เป็นอา นึกแปลกใจที่นายธงชัยมองตอบกลับมาโดยไม่หลบเลี่ยง สายตาอีกฝ่ายดูแข็งกร้าวผิดไปจากทุกครั้งที่มักจะเลื่อนลอยไม่รับรู้สิ่งใด

ทนายความยังคงยืนกรานเสียงเรียบ “ผมต้องทำตามคำสั่งคุณมงคลครับ ท่านสั่งไว้ว่าให้เปิดเลยก็ต้องเปิดเลย แต่ถ้าคุณวิศรุตไม่พร้อม ผมก็จะเปิดพินัยกรรมต่อหน้าคุณธงชัยคนเดียว ผมว่าคุณวิศรุตคงไม่ชอบแน่ๆ”

ประโยคหลังของทนายทำให้กันต์คิดจะเลิกโต้แย้ง นาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ามรดกอีกแล้ว เขาลุกจากหน้าโต๊ะทำงาน เดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมที่จัดไว้สำหรับรับแขก พยักหน้าอย่างไว้เชิงเป็นสัญญาณว่ายอมให้มีการเปิดพินัยกรรมได้ ธิปกและทนายความจึงเดินไปนั่งลงบ้าง

กันต์คิดวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วระหว่างรอให้ทนายเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเอกสาร ไม่สำคัญเลยว่านายมงคลจะยกสมบัติอะไรให้นายธงชัยบ้าง คนพิการอย่างนั้นจะไปทำอะไรได้ แค่เขายื่นเรื่องขอเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของอา เงินทองทั้งหมดก็จะตกอยู่ในกำมือเขาคนเดียวอยู่ดี

กันต์นิ่งฟังทนายแจกแจงรายการทรัพย์สินของนายมงคลอย่างใจจดใจจ่อ มันมากมายเสียจนเขาต้องยึดเก้าอี้ไว้แน่นไม่ให้ตัวลอยเมื่อคิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าสมบัติมหาศาลนี้ก็จะเป็นของเขาแล้ว

แต่เมื่อทนายอ่านพินัยกรรมมาถึงบรรทัดสุดท้าย ชายหนุ่มก็แทบไม่เชื่อหู

“ข้าพเจ้าขอยกเงินสดในธนาคาร บริษัท และอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของข้าพเจ้าให้กับนายธงชัย กิตติไกรสีห์ บุตรชายคนเดียวของข้าพเจ้า”

อาการตกตะลึงจนตัวชาเป็นอย่างไรกันต์เพิ่งได้ประจักษ์ในคราวนี้เอง จริงอยู่ว่าในระยะหลังนายมงคลคลายความรักในตัวเขาไปมาก แต่ในวันที่ทำพินัยกรรมผู้เป็นปู่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอื่นสวมรอยเข้ามาเป็นหลานชาย อีกฝ่ายจึงน่าจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดยกทรัพย์สินให้เขาบ้าง ไม่ใช่ตัดขาดกันอย่างเลือดเย็นอย่างนี้

พอตั้งสติได้เขาก็ตะคอกเสียงกร้าว “ไม่จริง คุณปู่ไม่มีทางตัดฉันจากกองมรดก พวกแกโกงฉันละสิ พินัยกรรมนี่เป็นของปลอม”

ทนายความอธิบายอย่างใจเย็น “คุณท่านสั่งให้ทำพินัยกรรมประมาณสามสัปดาห์ก่อนที่ท่านจะเสีย ผมเป็นพยานได้ว่าไม่ใช่พินัยกรรมปลอมแน่นอนครับ”

กันต์กำหมัดแน่น เพ่งสายตาดุเดือดมองกราดไปที่ใบหน้าของแต่ละคน ก่อนจะไปหยุดที่ใบหน้าธิปก

“ฉันไม่เชื่อ ฉันจะฟ้องศาลว่าพวกแกทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมา อาธงชัยเป็นอัมพาตไม่มีปัญญาทำอะไรอยู่แล้ว คนที่จัดการได้ก็มีแต่แกคนเดียว ไอ้ธิปก”

“ฉันไม่ได้เป็นอัมพาต”

เสียงหนึ่งดังขึ้น แม้จะอ้อแอ้ไม่ชัดเจนนักทว่ายังพอจับใจความได้ว่าเปล่งออกมาจากร่างผอมแห้งที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั่นเอง

“แกคิดจะวางยาฉันให้ฉันพิการไปตลอดชีวิต แต่ฉันก็ยังหายอยู่ดี”

เป็นอีกครั้งที่กันต์รู้สึกเหมือนถูกไฟดูดจนชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกันนั้นความคลั่งแค้นสุดขีดก็พลุ่งสวนขึ้นมา ที่แท้อาการธงชัยดีขึ้นแล้วแต่แกล้งทำเป็นป่วยปิดบังเขามาตลอด เขาชะล่าใจเกินไปประกอบกับมีเรื่องบันเทิงมากมายให้ทำในฐานะหลานชายเศรษฐี จึงไม่ได้ตรวจสอบอาการของชายพิการ ใครเล่าจะคิดว่าธงชัยจะกลับมาพูดได้อีกครั้ง

นึกๆ แล้วก็เจ็บใจตัวเอง เสียแรงมีคันฉ่องอาถรรพ์อยู่ในมือ ทว่าเพราะเขามัวแต่สนใจเพ่งดูอนาคตของธิปก จึงละเลยกระจิบกระจอกคนอื่นๆ ที่เห็นว่าไม่สำคัญไป ไม่อย่างนั้นขอแค่กันต์เพ่งดูอนาคตของนายธงชัยสักครั้ง…แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…เขาก็จะไม่พลาดท่าถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมอย่างนี้เลย

ธิปกมองอาการจังงังของอีกฝ่ายด้วยแววตาสมเพช

“คนที่ทำชั่วไว้ไม่มีใครหรอกจะไม่ได้รับผลของมัน นายวางยาคุณธงชัยเพราะไม่อยากให้ลุกขึ้นมาเดินเหินได้ปกติ แต่ย่าของฉันไปพบความจริงเข้าเลยไปบอกคุณท่าน พอรวมกับเรื่องที่นายวางแผนทำร้ายคุณแม่ของนาราโดยไม่สนใจว่าคุณท่านจะต้องเดือดร้อนไปด้วย ท่านก็เลยหมดใจกับนายทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่านายคือนายกันต์ ไม่ใช่คุณวิศรุตหลานชายแท้ๆ ของท่านเสียด้วยซ้ำ ท่านถึงได้สั่งให้เขียนพินัยกรรมยกสมบัติทั้งหมดให้คุณธงชัยคนเดียว”

ย่าแหวนเป็นผู้ค้นพบว่ามีสิ่งผิดปกติในนมผงที่กันต์นำมามอบให้นางชงให้ธงชัยดื่ม หลังจากเด็กรับใช้คนหนึ่งหยิบนมที่นายธงชัยดื่มเหลืออยู่กว่าครึ่งแก้วไปดื่มเสียเอง จากนั้นก็นอนหลับไม่รู้เรื่องไปทั้งวัน พอเห็นอาการของเด็กรับใช้ย่าแหวนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงให้ธิปกนำนมกระป๋องนั้นไปตรวจสอบ แล้วก็พบว่ามียากล่อมประสาทอย่างแรงเจือปนอยู่จริงดังคาด นางจึงรีบรายงานให้นายมงคลรู้ทันที

ขณะนั้นนายมงคลกำลังผิดหวังในตัววิศรุตที่วางแผนใส่ร้ายตวงพร โดยไม่ห่วงใยสวัสดิภาพของเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้รู้ว่าแม้แต่ชีวิตของธงชัยก็อาจย่อยยับไปด้วยน้ำมือหลานชายคนนี้ จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ชายชราถอดใจ ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ธงชัยเพียงคนเดียว

โทสะร้อนแรงที่พลุ่งพลั่กๆ ขึ้นมาราวกับลาวาเดือด ทำให้กันต์เลิกวางท่าทางสง่างามอีกต่อไป ใบหน้าเขาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับปูนโปนด้วยความโกรธแทบคลุ้มคลั่ง ขณะแผดเสียงลั่นห้อง

“แกอย่าเอาเรื่องโกหกมาเบี่ยงเบนประเด็น และอย่าคิดว่าจะโกงฉันได้ ฉันคือวิศรุต กิตติไกรสีห์ เป็นหลานที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณปู่ สังคมก็รับรู้กันทั่ว ฉันจะฟ้องศาลว่าพวกแกทุกคนรวมหัวกันโกงฉัน แกอยากขึ้นโรงขึ้นศาลให้อายคนก็ตามใจ”

ฟังจากน้ำเสียงอาฆาตแค้นของกันต์ก็เดาได้ว่าเขากำลังเลือดเข้าตา พร้อมจะกระโจนเข้าห้ำหั่นทุกคนที่เข้ามาขวางทาง แต่ชายทั้งสามที่นั่งฟังอยู่ไม่มีอาการสะทกสะท้านใดใดทั้งสิ้น ธิปกจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

“ถ้าอยากฟ้องร้องให้เรื่องอื้อฉาวก็ตามใจนายเถอะ แต่ถ้าทำอย่างนั้นคนทั้งเมืองก็จะรู้ว่านายไม่ใช่วิศรุต กิตติไกรสีห์ และนายยังจะต้องติดคุกข้อหาพยายามฆ่าคุณสรวงด้วย”

เขาผายมือไปทางนายแสวง “คุณแสวงเป็นพยานได้ว่านายเป็นคนเอาขนมใส่ยาพิษไปให้คุณสรวงกิน”

กันต์ไม่ยี่หระกับคำขู่นั้น เขาคิดหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วตั้งแต่นาทีที่เห็นนายแสวงปรากฏตัวในห้องเลยทีเดียว

“นายคนนี้เห็นด้วยตาตัวเองหรือว่าฉันเอาขนมให้นายสรวงกิน อย่ามาใส่ร้ายกันดีกว่า ฉันบอกตำรวจได้ว่าฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายใคร ไอ้นายสรวงที่นายพูดถึงฉันก็ไม่รู้จัก จะไปฆ่ามันทำไม”

ธิปกพูดเรียบๆ แต่ถ้อยคำที่เอ่ยมาไม่ต่างจากแล่เนื้อกันต์ออกเป็นชิ้นๆ

“คุณแสวงอาจจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุตอนนายเอาขนมให้คุณสรวงกิน แต่มีคนหนึ่งที่อยู่แน่ๆ คุณสรวงยังไงล่ะ เขายังไม่ตาย ตอนนี้เขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าหากนายฟ้องคัดค้านพินัยกรรมละก็ เขาจะไปแจ้งความทันทีว่าถูกวางยาพิษ ส่วนเหตุผลว่าทำไมนายถึงต้องฆ่าเขา นั่นก็เพราะเขาคือคุณวิศรุตตัวจริง ถ้าไปพาเพื่อนบ้านที่สงขลามาเป็นพยาน ฉันมั่นใจว่าต้องมีคนจำหน้าเขากับนายได้แน่ๆ เหตุผลแค่นี้คงพอถมเถกระมัง นายกันต์”

กันต์กำมือที่กำลังสั่นระริกไว้แน่น เล็บจิกลงบนเนื้อโดยไม่รู้สึกเจ็บ ความหวาดหวั่นและเคียดแค้นกระจายซ่านไปทุกรูขุมขนตรงกันข้ามกับแข้งขาที่อ่อนเปลี้ยหมดเรี่ยวแรง ห้องนั้นเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นสบาย แต่เขากลับหนาวเยือกจนขนลุกเกรียวสลับกับร้อนผ่าวราวพลัดตกลงไปในกองไฟ

เป็นไปได้หรือที่คนอย่างเขาจะพ่ายแพ้หมดรูป นับตั้งแต่ได้ครอบครองไขฟู่ คำว่าปราชัยไม่เคยมีอยู่ในสมองของกันต์เลย…จนกระทั่งนาทีนี้เอง!

ธิปกปล่อยใจคิดไปถึงอรสา เพราะคำพูดก่อนตายของเธอ เขากับนาราถึงได้ไปที่โรงพยาบาลศิริราช ถามหาคนชื่อวิศรุต ในตอนแรกทั้งคู่ไม่พบใครชื่อนี้จนเกือบจะหมดหวังเสียแล้ว แต่ต่อมาธิปกก็นึกขึ้นได้ จึงเปลี่ยนไปถามหาคนชื่อสรวง แล้วก็พบว่าชายหนุ่มถูกพามารักษาตัวอยู่ที่นี่จริงๆ

นับเป็นโชคดีที่นายแสวงมาพบสรวงหลังจากยาพิษเพิ่งจะออกฤทธิ์เพียงไม่นาน อีกทั้งสรวงเองก็กินขนมใส่ยาพิษเข้าไปไม่มากจึงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด

ที่อรสาบอกกันต์ว่าวิศรุตตายไปแล้ว ก็เพื่อป้องกันไม่ให้กันต์ตามไปทำร้ายลูกชายของเธออีกเท่านั้น

เห็นฝ่ายตรงข้ามนิ่งอึ้งอย่างคนจนตรอก ธิปกก็รู้ว่ากันต์พ่ายแพ้ทุกประตู ไม่จำเป็นต้องรุกไล่อีกต่อไปแล้ว เขากำชับเสียงหนัก ภาวนาขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะต้องพูดจากับมนุษย์สารเลวคนนี้

“ออกไปจากบริษัทของคุณธงชัยและอย่ากลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีก คุณธงชัยยอมปล่อยนายไปดีๆไม่เอาเรื่อง นายก็ควรถือเป็นพระคุณแล้ว อย่าทำอะไรให้ท่านหรือคุณวิศรุตต้องเดือดร้อนมากไปกว่านี้อีกเลย นายกันต์”



Don`t copy text!