มหรสพเวรา บทที่ 9 : เฟื่องฟ้า

มหรสพเวรา บทที่ 9 : เฟื่องฟ้า

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

มหรสพเวรา โดย คีตาญชลี แสงสังข์ นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่น 4 กับเรื่องราวที่จะพาคุณล่องลอยถอยสู่บรรยากาศบ้านเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ย้อนกลับไปเห็นตั้งแต่ของเล็กอย่างแก้วโอเลี้ยงไปจนถึงสิ่งยิ่งใหญ่อย่างโรงมหรสพสมัยใหม่ที่เรียกว่าโรงภาพยนตร์ ขอเชิญท่านพิศเพลินพร้อมกันทั้งประเทศ ณ บัดนี้

 

“ก็ตามที่เล่าให้ฟังนั่นแหละพ่อ เรือนหลังนั้นถึงจะสร้างใหม่ก็เป็นเรือนที่รื้อเอามาจากเรือนเก่า ข้าวของเครื่องใช้ก็มีทั้งของเดิมและของใหม่ปนๆ กันไป ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าถึงมาถามเรื่องนี้” คุณหญิงลำเจียกเลื่อนกระโถนเข้ามาบ้วนน้ำหมาก ทัพเที่ยงดูกิริยาของประมุขของบ้านแล้วให้สงสัยว่า หมากนั้นมันอร่อยอย่างไรหนอ ทำไมคนรุ่นพ่อรุ่นยายของเขาจึงนิยมกินกันนัก

“อา…เปล่าขอรับ” ทัพเที่ยงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“อย่ามาหลอกคนแก่เลยค่ะคุณ” แม่เย็นดักคอ “ถ้าไม่มีอะไรคนอย่างคุณมีหรือจะมาเรียนถามคุณหญิง ว่าก็ว่านะคะ ถึงจะพบหน้าค่าตากันไม่นาน แต่คุณคงไม่รู้ตัวกระมังว่าเป็นคนอ่อนน้อมขี้เกรงใจและอิฉันไม่เชื่อดอกค่ะว่า คนอย่างคุณจะอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ”

“แม่เย็นๆ” คุณหญิงลำเจียกเรียก อย่างจะบอกให้ยั้งปากยั้งคำเอาไว้บ้าง

“เล่ามาเถอะคุณ เจอดีแล้วใช่ไหมคะ” ต้นห้องคนสนิทว่าต่อ ชายหนุ่มมองหน้าผู้สูงวัยทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เพื่อยอมรับ

แม่เย็นตบพื้นกระดานข้างตัวผาง “นึกไว้ไม่มีผิด” ว่าพลางมองหน้าประมุขของบ้าน คุณหญิงลำเจียกพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเมตตา

“ถ้าอยากจะย้ายออกก็ไม่ต้องเกรงใจนะพ่อ”

“มิได้ขอรับ” ทัพเที่ยงรีบพูด “กระผมแค่มาเรียนถามเรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะขอย้ายขอรับ”

“แล้วไม่กลัวรึ”

“ไม่ขอรับ”

“แล้วเจอแบบไหนคะคุณ” แม่เย็นอยากรู้บ้าง

“อันที่จริงเมื่อวานผมดื่มไปมาก บางทีอาจจะฝันไปก็ได้”

“แล้วพ่อเห็นแบบไหนล่ะ” คราวนี้คุณหญิงลำเจียกถามอย่างอยากรู้เสียเอง

“อา…” ทัพเที่ยงเรียบเรียงคำ “เป็นหญิงสาวขอรับ สวมเสื้อผ้าโบราณ ไว้ผมประบ่า”

“หน้าตาเป็นแบบไหนคะ” คราวนี้แม่เย็นถาม หญิงสูงวัยมองหน้าเจ้านาย เมื่อเห็นประมุขของบ้านพยักหน้าจึงคลานเข่าผ่านหน้าคุณหญิงลำเจียกไปหยิบเอากรอบรูปบนหลังตู้มาบานหนึ่ง ก่อนจะส่งให้ทัพเที่ยงรับมาดู

ในนั้นเป็นรูปหญิงสาวสองคนในเสื้อแขนหมูแฮม ผมตัดสั้นเสมอต้นคอหวีเสยเห็นคางแหลมและหน้าผากอิ่ม ใบหน้านั้นงดงามแต่ไม่มีคนใดเหมือน ‘แม่กลิ่น’ ที่เขาพบเมื่อคืน

ทัพเที่ยงส่ายศีรษะ

“ไม่มีเลยหรือคะ” แม่เย็นว่า

“คนที่ผมจำได้ เธอไว้ผมยาวประบ่า ใบหน้าไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนในนี้ขอรับ”

“แล้วมีที่คล้ายๆ หรือเปล่า” คุณหญิงลำเจียกถาม ทัพเที่ยงพยายามนึก

“ไม่มีขอรับ หญิงคนนั้นมีดวงตากลมโต อาจจะไม่สวยจิ้มลิ้มเท่าผู้หญิงสองคนในรูป แต่ก็เป็นคนสวยอีกแบบหนึ่ง” ทัพเที่ยงหัวใจเต้นแรงขึ้น เมื่อคิดถึงความบ้าบิ่นที่เขาทำกับผีแม่กลิ่นเมื่อคืน

“อย่างนั้นรึ…เอาเถอะ” ประมุขของบ้านถอนหายใจ “จะเป็นใครก็ช่าง ก็คงจะมาดูแลคุ้มครอง ก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้พระเสีย ถ้าพ่อไม่กลัวก็จะได้อยู่อย่างร่มเย็น นี่ก็อยู่กันมานาน ว่าไปแล้วก็ยังไม่เคยมีใครได้รับความเดือดร้อน นอกเสียจากว่าจะบังเอิญไปพบไปเห็นบ้างเท่านั้น”

“คุณหญิงไม่พูดว่าตาฝาดอีกหรือเจ้าคะ” นางต้นห้องเย้า ประมุขของบ้านแสร้งมองดุ

“ฉันเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน จะไปเออออห่อหมกให้เด็กในบ้านกลัวได้อย่างไรกัน แม่เย็นนี่…ไม่เข้าเรื่อง แต่คุณทัพเที่ยงเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ได้ตื่นตูมเหมือนแม่พวกสาวๆ เห็นก็ต้องบอกว่าเห็น จะเป็นไรไป”

“เอ่อ…กระผมขอเรียนถามอีกเรื่องได้ไหมขอรับ”

“ถามมาเถอะพ่อ”

“เตียงน่ะขอรับ เป็นของผู้ใดมาก่อน”

“เตียงหลังไหนคะ” แม่เย็นถามแทนนายอย่างฉงน

“เตียงสี่เสาในห้องนอนใหญ่ครับแม่เย็น สวยอย่างวิเศษทีเดียว” ทัพเที่ยงว่า แม่เย็นทำท่านึกก่อนจะร้อง อ๋อ…

“ไม่ใช่ของเก่าแก่อะไรหรอกค่ะ คุณเฟื่องฟ้าเธอขนซื้อมาจากร้านขายของเก่า ซื้อก่อนจะขึ้นเรือบินไปเมืองนอก ไม่รู้ไปถูกใจอะไร ของบ้านเราก็มีตั้งมากตั้งมาย”

“ร้านขายของเก่า อย่างนั้นก็เก่าน่ะซีครับ” ทัพเที่ยงทัก แม่เย็นสะดุ้ง

“อุ๊ย ต๊าย… อิฉันไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ หรือว่าผีมันมากับเครื่องเรือนที่คุณเฟื่องฟ้าซื้อมาคะ” หญิงร่างท้วมหน้าตื่น หันไปมองผู้เป็นนาย บ่นปอดแปด “คุณฟ้านะคุณฟ้า ไปโดนฝรั่งมันต้อนอิท่าไหนไม่รู้ ขนซื้อมาได้…” นางทุบอกลากเสียง

“คุณหญิงเจ้าคะ ให้คนไปยกออกไปไว้ห้องเก็บของ แล้วย้ายเตียงห้องเล็กมาไว้ห้องใหญ่ดีไหมเจ้าคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับแม่เย็น” ทัพเที่ยงห้าม “เอาไว้แบบนั้นแหละครับ ผมอยู่ได้”

“จะดีหรือพ่อ” คุณหญิงลำเจียกออกอาการเป็นห่วง สายตาที่ผู้อาวุโสทั้งสองมองกันเป็นสีหน้าที่ไม่สบายใจ แต่ยังไม่ทันหารือจบ สาวรับใช้ชื่อจุกก็ถลาเข้ามาในห้อง

“คุณหญิงเจ้าขาๆ”

“อาไร้…นังจุก กะพึบกะพับไม่หายเสียที มีเรื่องอะไร” แม่เย็นต่อว่า มองร่างที่ค้อมตัวลงพื้น จุกมีอาการตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด

“คุณเย็นเจ้าขา มีคนมาขอพบคุณหญิงเจ้าค่ะ ให้เข้ามาเลยนะเจ้าคะ”

“ใครกัน” เสียงแม่เย็นออกรำคาญ “หล่อนจะรีบร้อนอะไรอย่างนี้”

“คุณจักรเจ้าค่ะ”

“ก็เชิญเข้ามาสิ…” คุณหญิงลำเจียกออกปากอนุญาต นึกสงสัยท่าทีแปลกประหลาดของสาวใช้ แต่ไม่ได้ซักต่อ ความสนใจทั้งหมดของคุณหญิงยังอยู่ที่ชายหนุ่มตรงหน้า เขาเป็นคนอ่อนน้อมและวันนี้ประมุขของบ้านก็ได้รู้เพิ่มอีกข้อว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่หนักแน่นและเข้มแข็งพอตัว ทัพเที่ยงอาจจะมาจากครอบครัวธรรมดา ไม่ได้มีเชื้อเถาข้างไหนเป็นผู้ลากมากดี แต่สายตาผ่านโลกมามากของคุณหญิงลำเจียกนึกคะเนเอาว่า เขาจะต้องเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากจะจับจองให้ช่วยดูแลลูกสาวตน ถึงแม้ยุคนี้ผู้หญิงจะเก่งและทะมัดทะแมงไม่เหมือนสมัยหล่อนยังสาว แต่ผู้หญิงก็ยังคงเป็นผู้หญิง และพ่อแม่ก็ยังคงเป็นพ่อแม่ ผู้ชายอย่างทัพเที่ยงนี่แหละที่ใครก็ต้องหวังจะฝากชีวิต

ผู้ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้มีแค่คนเดียว ด้านหลังของจักรนั้นมีร่างบางกะทัดรัดในชุดกระโปรงเข้ารูปคอปาด สวมถุงมือผ้าอย่างสาวสมัยตามติดเข้ามาด้วย

“แม่ฟ้า…” เสียงคุณหญิงอุทาน อาการสะดุ้งตัวจากหมอนขวางทำเอาหญิงสาวรีบถลาเข้าไปก้มกราบ

“แม่ฟ้า มาตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“เมื่อวานเจ้าค่ะคุณย่า” หญิงสาวเงยหน้าพลางคว้ามือหญิงชราขึ้นแตะแก้ม “หลานคิดถึงคุณย่าเหลือเกิน”

“มานี่ขึ้นมาให้ย่ากอดให้หายคิดถึง” คุณหญิงลำเจียกดึงหญิงสาวขึ้นมากอดอย่างรักใคร่ ทัพเที่ยงลอบมองใบหน้าของทั้งคู่แล้วเห็นว่ามีบางส่วนประพิมพ์ประพายเดียวกัน คุณหญิงนั้นเป็นสะใภ้ไม่ใช่เชื้อสายโชติกเสวกโดยตรง ส่วนหญิงสาวที่เข้ามาใหม่นั้นเหมือนหญิงในรูปเมื่อครู่ไม่มีผิด

หล่อนมีผิวขาวละเอียด ดวงตานั้นก็ยาวรีเข้ากันกับปากกระจับอวบอิ่มสมกับการเป็นสืบเชื้อสายมาจากพระยาโชฎึกราชเศรษฐีซึ่งมีต้นสายมาจากเมืองจีน

“แล้วทำไมพ่อเราถึงว่าจะกลับมาถึงเดือนหน้าล่ะ”

“หนูทำเซอร์ไพรส์ค่ะ” หญิงสาวยกไหล่ย่นคอเหมือนเด็กๆ “มีอาจักรคนเดียวที่รู้ว่าหนูจะถึงเมื่อไร”

“มันน่าตีนัก น่าตีทั้งอาทั้งหลาน”

“โธ่คุณป้าครับ ผมตกกระไดพลอยโจนต่างหาก ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงจะออกความเห็นได้เลย” จักรโอดครวญก่อนจะหันไปหาทัพเที่ยงถามคุณหญิงลำเจียกต่อว่า

“แล้วคุณทัพเที่ยงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ”

ทัพเที่ยงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเหลือบมองไปยังประมุขของบ้าน แต่ไม่ทันที่ท่านเจ้าของจะได้อ้าปากต้นห้องคนสนิทก็แทรกขึ้นอย่างรู้งาน

“คนอยู่รั้วเดียวกันก็เข้ามาทักมาถามกันบ้างสิคะคุณจักร ใครจะเหมือนคุณล่ะคะถ้าไม่มีธุระละก็ เป็นไม่มาให้คนแก่เห็นหน้า”

“โธ่…โถ แก่ที่ไหนกัน คุณหญิงป้ากับแม่เย็นแข็งแรงยิ่งกว่าสาวๆ จริงไหมยายฟ้า”

“จริงค่ะ” หญิงสาวกระชับเอวผู้เป็นย่าอย่างประจบอีกครั้ง

เมื่อย่าหลานโอภาปราศรัยกันพอสมควรแล้ว จักรก็แนะนำให้หลานสาวรู้จักกับทัพเที่ยงที่นั่งสำรวมมองพื้นมาพักหนึ่ง

“สวัสดีค่ะคุณทัพเที่ยง” เฟื่องฟ้าพนมมือไหว้ รอยยิ้มกระจ่างเหมือนเด็กหญิงที่หล่อนมีให้ผู้เป็นย่าเปลี่ยนเป็นงานเป็นการขึ้น

“สวัสดีครับ” ทัพเที่ยงรับไหว้แล้วส่งยิ้มเรียบๆ คืนให้ ก่อนจะลดสายตาก้มมองมือตัวเองตามเดิม

“เดี๋ยวว่างๆ เราค่อยนัดดื่มกาแฟกันนะ” สายตาของจักรมองทัพเที่ยงอย่างมีนัย บุรุษร่างบางแลเลยไปยังใบหน้ากระจ่างอย่างสาวสมัยใหม่ของหลานสาว ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ทัพเที่ยงพอจะเดาได้ว่า จักรคงจาระไนเรื่องโครงการสร้างหนังรวมถึงเรื่องของตัวเขาให้หญิงสาวฟังหมดแล้ว

“มาถึงก็จะนัดกันเสียแล้ว ไม่อยู่ให้คนแก่ชื่นใจสักนิด” นางต้นห้องบ่นแทนนาย

“แหม…แม่เย็นก็ อาจักรหมายถึงนี้วันนี้เสียเมื่อไรคะ วันนี้ให้ช้างมาฉุดฟ้าก็ไม่ออกไปไหน จะอยู่รับประทานข้าวกับคุณย่าก่อน”

“ปากหวานไม่เปลี่ยนเลยหลานคนนี้ ไปเรียนซีเครตทารีมานี่ยิ่งหวานใหญ่”

“คุณย่าพูดเหมือนหลานปด” หญิงสาวทำแก้มป่องบ่นปอดแปด

“ใช่ซะที่ไหน แน่ะ…โตเป็นสาวแล้วยังงอนเป็นเด็กไม่เปลี่ยนเลยหลานคนนี้” คุณหญิงลำเจียกหัวเราะกิริยาหลานสาวเบาๆ ทัพเที่ยงเหลือบมองอาการของเฟื่องฟ้าก็ให้นึกเลยไปถึง ‘แม่กลิ่น’ หญิงผู้นั้นแม้แต่จะโกรธผู้ชายแย่ๆ อย่างเขายังไม่กล้าทำ ถ้าเปรียบแม่กลิ่นเป็นกะปิ น้ำปลา คุณเฟื่องฟ้าผู้นี้ก็คงจะเป็นนม เนย ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และอาการของหล่อนนั้นทันสมัย ถ้าจู่ๆ หล่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเหมือนออเดรย์ เฮปเบิร์นในเรื่องโรมรำลึกบ้าง เขาคงไม่แปลกใจเลย

 

เขาเป็นผู้ชายอย่างที่เรียกว่า ดาร์ก ทอล แอนด์ แฮนซั่ม แม้ความ ‘ดาร์ก’ จะไม่มากมายแต่เมื่อเทียบกับผิวสะอาดบางของจักรแล้ว ทัพเที่ยงดูกร้านขึ้นมากว่าความเป็นจริง เฟื่องฟ้ามองหลังไหล่แผ่กว้างอย่างที่คนโบราณวัดไว้ที่ 3 ศอก มันห่อน้อยๆ จากการประกบมือไว้บนหน้าขาของเขาอย่างไม่จงใจ

สายตาของเธอกำลังประเมินชายหนุ่มที่จักรยกย่องในฝีมือหนักหนา แต่เป็นแบบลอบมอง เมื่อเขาเหมือนว่าจะรู้สึกหล่อนก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างสุภาพให้กับเขาเสีย

ทัพเที่ยงยืดตัวขึ้นเมื่อบอกลาคุณหญิงลำเจียก ตอนนี้เองที่เฟื่องฟ้าเป็นว่าเขาสูงใหญ่ และยิ่งเมื่อเขาเดินเคียงกับจักรออกไปจากห้อง เธอเห็นแล้วว่า รูปร่างหน้าตาของเขานั้นละม้าย เกรกอรี่ เป็ก พระเอกสุภาพบุรุษของยุคนี้อย่างที่จักรว่าจริงๆ

เฟื่องฟ้าเผลอหัวเราะอย่างพอใจออกมา คุณหญิงลำเจียกมองหลานสาว ถามอย่างสงสัย

“ขำอะไรยายฟ้า”

“เปล่าเจ้าค่ะคุณย่า หลานแค่นึกถึงเรื่องที่อาจักรพูดนิดหน่อย”

“เรื่องอะไรกัน” คุณหญิงลำเจียกซัก เฟื่องฟ้าสะบัดผมเหมือนกำลังจะพูดเรื่องที่หล่อนไม่ใส่ใจนัก

“ก็อาจักรน่ะสิคะ คุยฟุ้งว่าฟ้าจะต้องประหลาดใจหลายเรื่องในพระนคร อะไรที่เมืองนอกมีตอนนี้เราก็มีหมดแล้ว”

“อะไรที่ว่ามีหมดแล้ว ย่าเคยไปแค่ปีนังเสียด้วยสิ ไม่เคยขึ้นเรือบินไปยุโรป“

“ก็ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ ฝรั่งบ้างจีนบ้างแขกบ้างเอาของเมืองนอกมาขายเรา โรงหนังเอย ดาราเอย โอ๊ย…อาจักรว่ามีหมด นี่ยังบอกว่านอกจากบางลำพู เดี๋ยวนี้เขายังไปเที่ยวที่วังบูรพากันด้วย หลานอยากจะเห็นนักว่าวังเก่านั่นจะทันสมัยขนาดไหน”

“ถ้าเรื่องนั้นย่าก็ว่าจริงของตาจักรนะ แต่เรื่องดารามันจะเหมือนกันได้ยังไงกัน หัวแดงกับหัวดำ”

“เหมือนกันได้สิคะ” ตาของเฟื่องฟ้าแวววาว

“ยังไงกันแม่ฟ้า”

“อาจักรคงหมายถึงบุคลิกเหมือนกันกระมังคะ คุณย่าเจ้าขาอย่างสนใจเลยค่ะ อาจักรเขาก็พูดไปเรื่อย”

“เอ…ถ้าเรื่องนั้นอิฉันก็ว่าน่าจะจริงนะเจ้าคะ” คราวนี้แม่เย็นเสริม “ไม่ใช่เหมือนแต่ดีกว่าเสียอีก ชรินทร์น่ะเขาเสียงหวาน วุ้ย…นักร้องฝรั่งที่ไหนก็สู้ไม่ได้”

“แหม…ถ้าเรื่องนั้นฟ้าเห็นจะไม่เถียงแม่เย็นหรอกค่ะ อาจักรเขาก็คงหมายความแบบนี้” เฟื่องฟ้าพูดเอาใจ ตามองเลยออกไปทางประตูทั้งๆ ที่ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

“มีทุกอย่างมันก็ดีแล้ว เราจะได้ไม่มาบ่นว่าไม่เหมือนเมืองนอก ระวังแต่ว่าอย่าให้อาเราพาเที่ยวเพลินจนลืมการบ้านการเรือนไปล่ะ ไม่เอานะพวกแม่สาวสมัยแต่งตัวลอยไปลอยมาตามวงเต้นรำ ฉันเห็นแล้วมันขัดลูกตาจริงๆ”

“แหม…คุณย่าเจ้าขา หลานข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนเมืองนอกเมืองนามา จะให้นั่งพับเพียบร้อยมาลัยอยู่ได้ยังไงคะ”

“จ้ะ..แม่สาวสมัย” คุณหญิงลำเจียกมองค้อน “แล้วคิดหรือยังว่าจะทำอะไร” คุณหญิงถาม นาทีนั้นคุณหญิงก็ได้เห็นดวงตาของเฟื่องฟ้าสุกใสราวกับส่องแสงได้

“คิดเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ หลานกำลังจะไปคุยกับเขา คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วง” หล่อนตอบ น้ำเสียงใสๆ นั่นบอกความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

 



Don`t copy text!