ดาราอรุณ บทที่ 22 : ชีวิตก็เป็นเช่นนี้

ดาราอรุณ บทที่ 22 : ชีวิตก็เป็นเช่นนี้

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

ลมเย็นเองก็เพิ่งรู้ว่าการพูดคุยทำความเข้าใจในวิชาที่เราติดใจผูกพัน แท้จริงแล้วก็คือความสุขอย่างวิเศษสุดอีกด้านหนึ่งของชีวิต

เป็นสุขที่องอาจผงาดงาม เป็นสุขที่ซ่อนอยู่แทบก้นบึ้งของดวงวิญญาณโดยมิคาดฝัน

พ่อกับหล่อนจึงยังเป็น 2 คนที่นั่งคุยกัน หากแต่นาทีนี้ก็ได้ย้ายจากเรื่องราวสมุนไพรมาสู่โหราศาสตร์ที่ลมเย็นชื่นชอบขอบคุณ

น่าแปลกที่พ่อรักและศรัทธาขุนเขาแห่งวิชาการทั้ง 3 สาขาได้อย่างล้ำลึกปานนี้

ที่สุดของความน่ากังขา คงได้แก่พ่อไม่เคยถ่ายทอดวิชาทั้ง 3 ให้ผู้ใดมาก่อนแม้แต่เมียตนเอง ท้ายที่สุดก็มาลงเอยที่ลูกคนโตผู้จบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด แต่ก็สามารถต่อยอดวิชาการที่อยู่นอกระบบได้โดยใช้รากแก้วแห่งการบริหารและบริการ สู่ตลาดใดๆ ก็ได้ทั้งสิ้นในโลกนี้

เนื่องด้วย ‘อยู่ที่ตนเอง’ แท้ๆ ว่าสามารถจะนำ ‘ของมีค่า’ อันได้แก่ชาการทั้งหลาย ทั้งง่ายและยาก ทั้งเก่าและใหม่ ขึ้นรถแห่ตามกันมาเป็นขบวน มาเชิญมาชวนให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่า นี่คือของรักที่ซ่อนอยู่ได้อย่างงามสง่าหรือไม่

ทำได้…ลมเย็นยืนยันในใจ

พ่อของหล่อนทำได้ พร้อมกับทำแล้วตลอดมา

เพียงแต่กำลังทรัพย์เท่านั้นไม่กล้าแข็ง

หญิงสาวก็เลยถาม

“ดาวศุกร์ของพ่อล่ะคะ อยู่ไหน”

นายชัดจึงเลื่อนสมุดไปตรงหน้า

“อยู่ภพที่สอง” เขาทำเสียงพร้อมยิ้ม “พอไปได้ไหม”

“อูย…ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ”

“นี่พ่อก็กำลังไล่ดูอยู่เหมือนกันว่า คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเราทั้งตรงทั้งอ้อม ดาวศุกร์ของใครอยู่ตรงไหนมั่ง”

“ของแม่ล่ะคะ อยู่ไหน”

“โอ๊ย…ของแม่เราน่ะเหรอ ศุกร์เป็น ‘ศรี” เป็นราชาโชคอยู่ ‘ศุภะ” เลยละนะ” อีกฝ่ายว่าพลางทำตากริ่มๆ มีแววยิ้มแทนแซมความภูมิใจ “แม่เรา ลัคน์อยู่ราศีพิจิกไง เจ้าเรือนลัคน์คืออังคาร 3 ใช่ไหมล่ะ ดาวคู่คือดาวศุกร์อยู่ศุภะเป็นราชาโชค…ดาวคู่นี่ เขาเรียกว่าดาวปัตนิ…”

“คือพ่อใช่ไหมล่ะคะ” ลมเย็นถามล้อๆ

พ่อกับแม่น่ารักตรงที่ปรองดองกันมายาวนาน

นางยาใจเป็นคนอารมณ์ดี จะไม่ดีก็ต่อเมื่อมีคนเอ่ยถึงนายหัน

ครั้นแล้ว ทุกคนในบ้าน ‘จึงรู้กัน’ ดังนั้นต่างก็ไม่เคยเอ่ยถึงเพื่อนเก่านายชัดอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา

“ก็ใช่น่า-า-า ซี้” คืนนี้ดูบิดาร่าเริงดีทีเดียว ที่น่าแปลกก็เพราะไม่ทำท่าว่าเกี่ยวข้องเดือดร้อนใดๆ ในเรื่องที่ลมโชยขับรถไปชน

ตรงกันข้าม ดูเหมือนเขาจะเวทนาลูกคนเล็กเป็นอันมาก ขณะที่ลมเย็นอยากรู้

“แล้วศุกร์ของโชยล่ะพ่อ เป็นยังไง”

คราวนี้ ฝ่ายพ่อนิ่งไปอึดใจจึงตอบ

“ศุกร์เป็น 5 อยู่เรือนปุตตะ แต่ก็ไม่แก่องศา…จะว่าชอบศิลปะก็ไม่เชิง เพราะองศาหมิ่นมาก ยังไม่ถึงราศีตุลย์เลยเห็นไหม”

ลมเย็นจึงเพ่งมองเลข 6 ที่ปรากฏอยู่ตรงช่องด้านล่างที่พ่อว่า คือราศีพิจิก ก็เห็นเลขหกตัวเดียวโดดๆ ตรงนั้น

“เขาเกิดวันจันทร์นะพ่อ”

“ก็ใช่ไง…” เสียงของบิดาเริ่มแผ่วลงคล้ายเพลียใจ

“ลัคนาเขาราศีกรกฎที่เดียวกับเย็นนี่พ่อ”

“แต่ของโชยมีราหูกุมโดดๆ ราหูมาจากราศีกุมภ์ เรือนมรณะ” นายชัดเอ่ยมาถึงตรงนี้ ก็อดท้อใจมิได้ “ที่เรือนมรณะก็มีอะไรรู้ไหม…3 นี่ไง อังคาร ดาวอายุ”

คราวนี้ เขาเองก็อึ้งไปอีดใจเต็ม

ในที่สุดจึงพึมพำ

“พ่อก็สงสารมันมากเลยเห็นไหม…ถ้ายังไง เย็นไม่ถูกใจนั่นนี่ ก็ให้อภัยมันมั่งนะลูกนะ”

“โธ่เอ๋ย…พ่อคะ…เย็นน่ะ ไม่ถือสามันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วละค่ะ” หล่อนเองก็วูบวับในหัวใจจนน้ำตาซึม “พ่อไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ…แม้แต่เรื่องใหญ่ๆ…”

“เรื่องนั้นน่ะ พ่อไม่ห่วง ดวงมันยังไงๆ ก็ได้แค่เกี้ยวเขา”

คราวนี้ ลมเย็นจึงเพียงแต่หัวเราะออกมา

“แล้วนี่ พ่อกำลังจะทำอะไรคะ…สำรวจดวงหรือไง”

“จะรวบรวมดาวศุกร์ในดวงชะตาที่เข้ามาให้ดีให้ร้ายเราในตอนนี้ดู”

“มีให้ร้ายด้วยหรือคะ”

นายชัดนิ่งไป…เมื่อคิดถึงนายหัน

“อาจจะมี” เขาพึมพำเมื่อดูดวงนายหันผู้ที่เขาไม่เคยดูนับสิบปี “ดวงมันก็เล็งกับพ่อพอดีซะด้วย ตอนนี้ดาวมฤตยูก็เคลื่อนเข้ามากุมมาเล็งทั้งพ่อทั้งมัน…นี่ไงล่ะ…เย็นเห็นไหม 30กุมพ่อ เล็งมัน”

“แล้วจะเป็นยังไงคะ ร้ายมากไหม”

“มันอาจจะต้องเสียอะไรไปสักอย่าง”

“พ่อ” ลมเย็นเริ่มเป็นห่วง”ดาวศุกร์เดิมมันอยู่วินาสน์นี่ไงล่ะ นี่…นี่…นี่” เขาเลยชี้ให้ดูดวงนายหันผู้บัดนี้อายุย่าง 53

“ศุกร์เดิมของมันคือดาวคู่เป็นเกษตรกุมพฤหัสอยู่วินาสน์นี้เลยแข็งแรง เป็นขุนคลังของมันเลยละนะ กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลัง ดีกว่าออกหน้าเป็นไหนๆ”

“แล้วไงอีกล่ะคะ” ลมเย็นถามถี่ๆ อย่างใคร่รู้เรื่องครอบครัวชายที่หล่อนพึงใจ

“เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ” นายชัดไม่ชอบ 30 ที่เล็งลัคน์เขา กุมลัคน์นายหันเอาเสียเลย จึงตัดบท

 

หิ้งก็นอนไม่หลับเช่นกัน ดังนั้น เพียงแค่หกโมงเช้า เขาก็ถึงบ้านนายชัดที่มีลมเย็นตื่นเร็วแต่งตัวเสร็จยืนรออยู่แล้วตรงโรงเก็บพาหนะ

ครั้นแลเห็นเขามาถึง จึงถอยรถคันที่ต้องซ่อมออกจากบ้าน เตรียมนำไปให้อู่ของบริษัทที่ทำประกันชั้นหนึ่งไว้โดยไม่กังวลมากมาย เพราะได้เลือกแล้วว่าเป็นบริษัทที่ไว้ใจได้ว่าจะไม่หาทางบิดพลิ้วไม่ว่าน้อยหรือมาก…ต่อจากนั้นก็ถึงเวลารอคอย ซึ่งก็น่าจะทันวันที่ต้องซื้อขายที่ดิน

“ขับไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่าเย็น” หิ้งเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งคู่กันไปด้วยอารมณ์ที่มิสู้จะสำราญ”

ว่าแต่ว่าอย่าไปที่ร้านเก่าเลยนะ ไปที่ใหม่ๆ ดีกว่า”

“รู้ละค่ะ…พี่ไม่ชอบของซ้ำๆ” ลมเย็นก็เลยต้องทำใจให้ชื่นบาน ล้อเขานิดหนึ่ง

“แต่คนซ้ำๆ พี่ชอบ” อีกฝ่ายพูดพลางวางมือลงบนแขนซ้ายหล่อนอย่างเอาใจ “โดยเฉพาะคนซ้ำๆ ที่เลือกแล้ว”

หญิงสาวจึงได้แต่ยิ้มในหน้า…ขณะขับรถตามรถอีกหลายคันที่เพิ่งแล่นออกจากประตูบ้านดูเป็นแถวเป็นแนวจนครู่ต่อมาก็เต็มไปทั้งถนนกลางหมู่บ้านและซอยเล็กซอยน้อย

ขณะที่อารมณ์ของทั้งคู่ค่อยๆ เข้าสู่การทำใจได้

ชีวิตก็เช่นนี้ละ…ลมเย็นนึกในใจ

ใช่ว่าจะราบรื่นเรียบร้อยทุกชั่วโมงนาทีเมื่อไหร่ล่ะ…

“อาจจะชอบวันนี้ พอถึงวันหน้าอาจไม่ชอบก็ได้ละมั้ง” หญิงสาวก็เลยย้อนตอบ…ด้วยว่าเริ่มนึกเช่นนั้นตลอดมา…นับแต่นาทีที่พ่อบอกว่า

‘หนูน่ะ ติดจะขี้หึงนะลูกนะ’

กับอีกสองประโยคที่ยังคงติดอยู่ในหู

‘อย่าหึงเลยลูก ผู้ชายน่ะ เขาจะรักลูกทุกคน’

‘ถ้าเราได้คู่เป็นคนมีเสน่ห์ เราก็ต้องยอมรับว่าเขามี ตัวเราก็จำเป็นจะต้องมองข้ามไปเสียบ้าง…นะลูกนะ…’

แต่หญิงสาวก็ยังไม่แน่ใจจนบัดนี้ว่าตนเองจะทำได้

ทั้งๆ ที่ก็แลเห็นของจริงอยู่ตรงหน้า นั่นก็คือพ่อกับแม่ ลุงหันกับป้าพริ้ง คนสองคู่ผู้อยู่กันมายาวนานจนลูกเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็ยังเหมือนเดิม…นั่นก็เนื่องไม่นำ ‘อารมณ์’ ขึ้นหน้า

ลุงหันจะเคยหาหญิงอื่นมาเติมเต็มชีวิตที่ทุกลมหายใจมีแต่เพชรพลอยหรือไม่ หล่อนไม่รู้ แต่ก็ไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึง

“พี่ว่าเย็นอย่าคิดมากดีกว่านะ…พี่อาจจะดูเหมือนรู้จักคนนั้น พูดจากับคนนี้มากไปมั่ง แต่ในใจก็รู้คิดนะว่าอะไรควรไม่ควร…หรือเย็นคิดว่าพี่หว่านเสน่ห์กับ…เอ้อ…โชย”

“ไม่เลยพี่ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย”

“จริงหรือ” ชายหนุ่มลากเสียงขณะเหลือบมองหน้าคนขับ

นับเป็นเช้าที่ค่อนข้างสบาย หากจะไม่กังวลเรื่องซ่อมรถมากเกินไป

“จริง…ยิ่งกว่าจริงอีกค่ะ” ลมเย็นพูดตรงใจ

หล่อนเองก็แลเห็นคาตาอยู่แล้วอย่างไรล่ะว่า ใครเป็นฝ่ายทอดสะพานให้ใครก่อน ซึ่งเขาก็มิได้ถือสา กลับเห็นว่าลมโชยยังอ่อนต่อโลกยิ่งนัก

ทั้งเหินและลมโชยนั้น เขาก็ไม่เคยใส่ใจเลยว่าจะทำให้เรื่องใดเป็นอย่างไรขึ้นมา ถ้าทั้งสองคนไม่หาเรื่องใส่ตัว แล้วตะโกนว่า ‘โชยท้องแล้ว’ ก็หาได้มีอาเพศอันใดไม่

“ถ้างั้นก็พอได้แล้ว ไม่ต้องระแวงอะไรอีกละ…แหม…ทำยังกะพี่เนื้อหอมงั้นแหละ”

“แล้วหอมไหมล่ะ”

“ไม่ถึงกับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ใช้ได้แล้ว ขอแค่โอเดอโคโลญจน์ก็พอ”

“พี่หิ้ง” หญิงสาวพึมพำ ขณะนึกในใจว่าหล่อนมิบังควรหลงรักเขาง่ายดายถึงเพียงนี้

เพราะเพิ่งล่วงรู้เมื่อไม่กี่วันมานี่เองว่า ความรักที่คือ ‘ดาวศุกร์’ ของพ่อ ที่พ่อว่าเป็น ‘ราชาโชค’ อันกอปรด้วยโยคเกณฑ์สุดงาม จะนำความทุกข์ใจมาให้ตั้งแต่ได้สัมผัสแตะต้องประดุจท้าทายกับของมีคมอันชะโลมด้วยน้ำผึ้งพร้อมกันไปจนหัวใจทั้งดวงร้าว ระบมขนาดนี้

นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะ พี่หิ้ง

“ว่าไงเย็น…มีอะไรข้องใจพี่ เย็นบอกมา บรรยายมา เพราะพี่หวังว่าต่อไปนี้เย็นกับพี่…พี่กับเย็นคือทองแผ่นเดียวกัน…ทุกข์ร้อนของเย็นก็เป็นของพี่ แต่ทุกข์ร้อนของพี่ ถ้าไม่จำเป็น พี่ก็จะไม่ให้เย็นแบกทน…พอใจไหม”

“เย็นไม่เคยรังเกียจทุกข์ร้อนของใครเลยนะพี่ ตั้งแต่พ่อแม่น้าน้อง…ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยทันที” ลมเย็นก็เลยชี้แจง “แต่เย็นรังเกียจความหลายใจ ความไม่แน่นอน ความไม่ชัดเจนมากกว่า”

“ถ้างั้น…ข้าพเจ้าขอความชัดเจนระหว่างนายเปรียวกับนางสาวลมเย็นอีกทีจะได้ไหม…ได้หรือไม่ขอรับ” หิ้งถามไถ่ “อย่าลืมว่าพี่ใจผู้ชาย แต่ก็หึงเป็น เวลาหึง ก็หึงไม่ใช่เล่นนะครับ…อาจจะยิ่งกว่าผู้หญิงก็ได้…”

คราวนี้ลมเย็นเลยหัวเราะคิกคักออกมา

เช้าแสนเช้าเมื่อสักครู่ ครั้นตะวันตรูตาเต็มหนทางเพียงพักเดียว ถนนกว้างทางเลี้ยวก็

เหลือแค่หมู่รถเพียงบางตา

ในที่สุดก็ถึงอู่…ทั้งคู่จึงเข้าไปจัดการกับอุบัติเหตุวันวาน หิ้งก็เลยนึกขึ้นได้ถึงสวนสน

“น้องคนนั้นบ้านอยู่หมู่บ้านตรงข้าม ป่านนี้คงเอารถไปเข้าอู่แล้วมั้งนะ”

แต่ยังมิทันจะขาดคำ มือถือลมเย็นก็ดังขึ้น เสียงสวนสนสดใสบอกกล่าว

“นี่หนูมาอยู่ที่อู่แล้วค่ะ เขาจะต้องตีราคาก่อนถึงจะบอกได้ว่าที่เสียหายทั้งหมดนี่เท่าไหร่…พี่ล่ะคะ…ไปอู่หรือยัง”

“พี่มาถึงพอดีเหมือนกันค่ะน้อง”

“จบเรื่องซ่อมแล้ว เราพบกันอีกดีไหมคะ” พลางอีกฝ่ายก็หัวเราะ “แต่พี่อย่าเข้าใจว่าหนูตามเพราะเรื่องรถละกัน…แต่อยากรู้จักพี่มากกว่าที่รู้จักแล้วน่ะค่ะ แล้วหนูจะเล่าให้ฟังดีไหมคะ”

 



Don`t copy text!