ดาราอรุณ บทที่ 28 : อยากได้…เอามาแลก

ดาราอรุณ บทที่ 28 : อยากได้…เอามาแลก

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

นายชัดฟังน้ำเสียงของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมิสู้จะแปลกใจ

นึกอยู่แล้วตลอดมาว่า ท้ายที่สุดเหินจะต้องมีวันนี้

วันที่ลูกของเขาคงบอกเลิกเอาดื้อๆ เมื่อพานพบหนุ่มคนใหม่ที่ตนเองพึงใจ

หากก็ไม่แปลกประหลาดใดๆแม้แต่น้อยเพราะคอยวันนี้อยู่ก่อนหน้า

คอยวันที่ดาวเสาร์มาถึง มาเล็งลัคนาหนุ่มหน้าเก่าผู้ที่ลมโชยเบื่อเซ็งจนออกนอกหน้า แต่เพราะลัคนาและเจ้าเรือนลัคน์ของทั้งคู่อยู่ราศีเดียวกัน แม้จะอยู่ในเรือนกาลกิณีก็ยังดี ช่วยให้ไปจากกันมิได้ หากก็คบหากันอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสงบเดี๋ยวตะลุมบอนดังเช่นที่ผ่านมา

ครั้นแล้ว ในวันนี้ จุดจบของความสัมพันธ์อันยาวนานก็มาถึงเมื่อดาวเสาร์เดินทางมา ‘เล็ง’ ลัคนาของทั้งคู่

ผู้สูงอายุ…แม้รู้อยู่แก่ใจ ก็ยังอดสงสารอีกฝ่ายมิได้ จึงไต่ถาม

“อ้าว ทำไมถึงจะไม่กินด้วยกันล่ะเหิน กับข้าวก็มีนี่ น้าเขาแบ่งไว้ให้อยู่แล้ว”

“ขอบพระคุณครับอา…ผมเองก็มารบกวนอาบ่อยจนเกรงใจจริงๆ ฮะ” เหินเองก็อดสะเทือนในอารมณ์มิได้ แม้ตนเองจะนึกอยากเลิกคบกับลมโชยเป็นระยะๆ เช่นกัน หากแต่ความรู้สึกที่ลึกกว่าคู่รักคือความเป็นเพื่อนเล่นหยอกเอินกันมายาวนาน นึกชังบ้าง รักบ้าง ระอาบ้าง สลับกันไปมา แต่ก็หาได้นึกอยากตัดใจใดๆไม่

“ถ้างั้น…เอางี้…วันนี้กินด้วยกันก่อน…คิดซะว่ากินส่งท้ายก็แล้วกัน” เจ้าของบ้านบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงรอมชอม “ดีไหมโชย”

“เขาไม่อยากกินก็อย่าไปคะยั้นคะยอเลยพ่อ” ลมโชยก็เลยเสียงอ่อนลง

“กินก็ได้ครับ” ในที่สุดอีกฝ่ายจึงพยักหน้าเดินตามลมโชยเข้าไปในประตูที่ติดกับเตียงนวด โต๊ะอาหารยาวตั้งอยู่ตรงนั้น น้าเยี่ยมเยือนจัดไว้ให้พร้อมแล้ว

นายชัดก็ได้แต่ทอดถอนใจตามหลัง อย่างมิวายท้อแท้

เพราะถึงอย่างไร ดวงเหินก็กำลังจะเจอคู่ใหม่

แต่ลมโชยไม่พบ แม้พบก็ไม่ใช่คู่ ด้วยว่าดวงของหล่อนถูกพินทุบาทว์ ที่ทำให้พาชีวิตขึ้นที่สูงได้ยาก แม้มีเพื่อน ก็มิใช่เพื่อนที่เรียกว่ามิตร มีการงาน ก็ไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะต่อแขนขาของตนเองให้ยืนหยัดได้มั่นคง

ดาวอังคาร-กัมมะเป็นมรณะแก่ลัคนาเพียงหนึ่งเดียว สามารถกดเจ้าชะตาลงสู่ความไม่แกร่งกล้ายั่งยืนได้เพียงนี้

จึงแสนสงสารลูกคนเล็ก จนนายชัดอยากสะอื้นออกมา

ครู่เดียว ทั้งสองก็ออกจากห้องข้างใน

คราวนี้ สีหน้าเหินดูแจ่มใสขึ้นเมื่อบอกลา

“อาครับ แล้วว่างๆ ผมจะมาเยี่ยมนะฮะ ขอบพระคุณอามากครับที่เมตตาผมมาเหมือนลูกหลาน…โชยเขาบอกว่าเขารักพี่หิ้งครับ ถ้าเขาแต่งงานกับพี่หิ้งเมื่อไหร่ ผมจะมาร่วมงานแน่นอนฮะ”

ลมโชยฟังแล้วได้แต่ยกหัวแม่มือให้

“มันก็ต้องอย่างงี้ล่ะ…” หล่อนทำเสียงกิ๊กกั๊กรื่นรมย์

แต่พ่อของหล่อนร้องเฮ้อพร้อมมองหน้า

“เราจะติงต๊องไปถึงไหน” สายตาบิดาสุดแสนจะเวทนายิ่งนัก

นึกเป็นห่วงอนาคตของลูกสาวคนเล็กมายาวนาน…ทำอย่างไรๆ ก็ไม่หายกังวลใจลงได้ แม้ตัวเลขตรงหน้าจะชวนให้ปลงตกสักเท่าไหร่ก็ตาม

แต่ลูกสาวเก๋กร่างหัวเราะชอบใจ

“พ่อก็พูดอย่างนี้เป็นด้วยหรา” พร้อมกับยื่นหน้าออกไปส่ายให้เห็นจะจะ

นายชัดก็เลยพยักเพยิด

“เหินไปซะไป๊…เลิกกับมันไปดีแล้ว มันอยากแต่งกะใคร ให้มันไปพาเขามา ถ้าเขาแต่งด้วย อาให้เลย ยกให้ไม่เอาอะไรแม้แต่บาท ออกเงินจัดงานให้หมดด้วยซ้ำไป” ท้ายที่สุดก็อดขำออกมามิได้

“พ่อไม่ต้องซื้อแหวนให้ด้วยหรอกนะ…โชยกำลังรอแหวนจาก…” พลางหล่อนก็หลิ่วตา “จากใครเอ่ย…ทายซิ…จะถูกไหม”

“โชยเขาอยากให้พ่อผมให้แหวนเขาเหมือนให้เย็น” เหินบอกกล่าวเชิงฟ้อง

“รู้แล้ว” นายชัดพยักหน้า “ใคร้เขาจะอยากให้เรา…โชย…ใครจะอยากให้”

สบตามองหน้าลูกแล้วก็เวทนา ผู้พูดผู้แม้มีศาสตร์ล้ำค่าเต็มสมอง ก็ยังมิอาจช่วยดึงสายโลหิตของตนเองขึ้นมาจากความมืดบอดได้เลย

“คอยดูไปแล้วกันพ่อ…ว่า…พ่อพี่หิ้งจะให้แหวนโชยไหม”

คราวนี้ผู้ฟังถึงกับนิ่งไป เนื่องด้วยรู้ว่าลูกสาวทำจริง

‘มันก็ดีอย่าง ดูง่าย รักก็บอก เบื่อก็ไม่เสแสร้ง…นี่คงเพราะดาวศุกร์อยู่พิจิกหมื่นองศาละมัง ก็ยังบุญอยู่หรอกที่มีดาวเกตุอยู่มีน’

นั่นก็คือ ช่วยให้เกิดมนตรีโกณกับราหูที่กุมลัคน์ กลายเป็นมุมดีที่ช่วยพยุงดาวศุกร์ไว้มิให้แตกหักพลัดพรากมากเกินควร

เฮ้อ…

“ช่างเขาละกันอา…ถ้าพ่อผมให้ก็ดี” เหินบัดนี้มีอารมณ์ที่ใคร่ปลงอนิจจัง

นางพริ้งมองหน้าสบตาลูกคนเล็กพลางถาม

“แกเป็นไรไปเหิน วันนี้ดูเหงาๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกแม่” เสียงของเขาเย็นชืด ไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนทุกค่ำ แม้บางค่ำจะหน้าตายู่ยี่ อารมณ์ไม่สู้ดี ก็ยังดีกว่าคืนนี้ที่เขาทำท่าเสมือนหุ่นเดินได้

ที่จริงก็อยากจะเดินผ่านหน้าแม่ไปเงียบๆ เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีวันเสียล่ะที่นางพริ้งจะไม่นั่งรอไต่ถามทุกข์สุขเล็กน้อย ก่อนที่ต่างคนต่างต้องแยกกันเข้าห้องไป

“ไม่เป็นไรได้ยังไง…หน้าตาใกล้จะร้องไห้ยังไม่รู้ตัวอีกเรอะ”

เหินก็เลยยืนอยู่…ยืนนิ่ง…ยืนเงียบในเบ้าตามีน้ำซึมหล่อลื่น

“มีอะไรเหรอลูก” คราวนี้อีกฝ่ายดึงแขนเขาเข้าไปพลางบอก “นั่ง…นั่ง…คุยกันก่อน”

“พ่อไม่อยู่หรือฮะ” ลูกคนเล็กถามขณะตามมือมารดาที่ฉุดให้นั่งลงบนเก้าอี้เชิงบันไดที่วางไว้สองตัว

“ไม่อยู่…ไปกับสัน…เห็นบอกว่าจะไปคุยกับคุณอรุณ” ชื่อที่เอ่ยขึ้นนั้นคือชื่อเจ้าของร้านเพชรโด่งดังผู้รู้จักสนิทสนมกันมายาวนาน ซื้อขาย ฝากขาย แลกเปลี่ยนกันด้วยความเชื่อถือ นับถือว่าต่างฝ่ายต่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีโกงไม่มีปลอม “ก็ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องหาทางช่วยลูกค้า…”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็ได้แต่ค้อนขวับอย่างไม่ถูกชะตา

แต่เหินไม่สนใจ ด้วยว่าไม่ชอบหน้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“แม่…” เขาก็เลยบอกข่าวเรื่องใหม่ “ผมเลิกกะโชยแล้วนะ”

“อ้าว…เหรอ…” นางพริ้งร้องอย่างดีใจ หากก็สงสารลูกชาย แต่ก็แสร้งไต่ถามเชิงกังวล “ทำไมถึงจะเลิกกันซะล่ะ คบกันมาตั้งแต่ชาติก่อน…”

พลางนางก็หัวเราะขำออกมา

ทั้งสงสารและสาแก่ใจ

นั่นก็เนื่องด้วยเงินเดือนเหินไม่พอใช้ต้องมา ‘ไถ’ นางวันยังค่ำ ‘ก็คบใครไม่คบ คบเด็กใจแตกนั่น ผู้ชายคนไหนๆ ก็สู้ไม่ไหว มีเท่าไหร่ก็หมด รู้ป่าว’ นางเองก็เคยพูดใส่เขาเป็นครั้งคราว หากแต่เหินมักทำหูทวนลม

มาครั้งนี้ นางก็เลยดีใจแกมสมน้ำหน้า

แต่ลูกชายยกมือห้าม

“แม่…แค่นี้พอ แล้วก็ไม่ต้องบอกพ่อหรอกนะ” ว่าพลางจึงลุกขึ้นเตรียมก้าวไปยังบันได “นี่ก็เห็นว่าเขาจะมาขอแหวนอีกวง…มีอย่างที่ไหน พ่อให้แหวนพี่สาว แต่ไม่ให้เขาจะได้ยังไง”

“นี่เขาก็ขอให้แม่โชยไปเอาแหวนนั่นคืนมาก่อนเหมือนกัน แต่ยังเอามาไม่ได้…โอย…ฉันเองก็ปวดกบาลแล้ว รู้ไหม…ใครต่อใครก็จ้องจะมาให้พ่อนี่ช่วย” แม่ของเขายกนิ้วกดขมับให้เห็นชัดๆ ว่ากลุ้มใจ “มันเรื่องอะไรของเราจะต้องไปลงทุนขนาดนั้น…”

แม้นางจะรู้ถึงแผนของนายหันก็ยังไม่เคยเห็นด้วย

‘ถ้าให้เลือก ไงๆ ฉันก็เลือกหนูเย็นอยู่ดี’ นางพริ้งนึกเพียงในใจโดยไม่ปริปากเอ่ยชื่อแสงจันทรา

แต่พอดีมีเสียงรถแล่นเข้าบ้าน

นางก็เลยออกไปรอรับนายหันผู้ก้าวเข้ามาด้วยหน้าตาชื่นบาน

ฝ่ายเหินได้แต่หลบบิดา รีบก้าวขึ้นชั้นบนโดยกระซิบ

“แม่ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเค้า ให้มากเรื่องมากหรอกนะ” พลางก็เผ่นแผล็วหายไป

“เป็นไงมั่งล่ะ สำเร็จไหมสัน”

นายสัน คู่หูคู่ใจเจ้าของบ้านจึงน้อมตัวลงตอบอย่างสุภาพอารมณ์ดี

“เดี๋ยวนายจะขอเติมเบียร์อีกสักขวดเล็กๆ มังคุณแม่” พลางผู้พูดก็แกมหัวเราะในลำคอ

“คุณอรุณเขาพาไปเลี้ยง สั่งเบียร์คนละแก้วเอง…สามคนสามแก้ว…ที่ไหนจะพอ…”

“ขอให้มีข่าวดีแค่นั้นแหละ” นางพริ้งวางตัวเป็นแค่ลูกคู่เช่นเคย

“มี” นายหันลงเสียงหนัก “นี่ก็เลยนัดกันอีกหนเพราะเขาจะต้องรอหุ้นส่วนกลับจากออสเตรเลียก่อน เอ้า…สัน…เอาเบียร์มา…แม่กินด้วยกันไหม…สันกินกะกูดีกว่า”

“ครับ” ว่าพลางคู่ใจของนายหันก็รีบหายเข้าไป ครู่เดียวจึงกลับออกมาพร้อมถาดที่มีแก้วเบียร์และขวดเบียร์ขนาดเล็ก จัดแจ้งเปิดขวดแล้วรินส่งให้นาย “แม่…สักกรึ๊บดีไหม”

นางพริ้งพยักหน้า นายสันจึงส่งให้นายผู้หญิง ซึ่งนางพิ้งก็รับมาอย่างคุ้นเคย พลางจิบนิดนึงจึงตัดสินใจบอกเล่าเรื่องลูกคนเล็กเลิกรากับลูกนายชัดเรียบร้อยแล้ว

“อ้าว…แล้วมันซิวแหวนมาได้ไหม”

“ไม่ได้ถาม”

“บ๊ะ…ไม่ได้น่ะไม่ได้นาเว้ย…” นายหันเริ่มเอ็ดตะโร ขยับจะลุกขึ้น

นายสันก็เลยเตือนใจ

“นายฮะ”

เสียงรถแล่นเข้าบ้านพอดี คนเก่าแก่จึงรีบบุ้ยใบ้

“มาแล้วครับ”

“ถามเขาดีๆ ละกันพ่อ” นางพริ้งค่อนข้างเกรงใจลูกคนโตเหมือนกัน นอกจากเกรงใจแล้ว ยังเต็มใจให้แหวนวงงามสอดใส่อยู่ในนิ้วนางขวาของหญิงสาวผู้ที่นางตกลงกับตนเองว่า คนนี้ล่ะที่ฉันจะขอเลือกมาเป็นลูกสะใภ้

ขณะที่หิ้งก้าวเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้ามีกังวล

“อ้อ…แหม…อยู่กันครบเลยนะ” ครั้นแล้วเขาจึงลงนั่งร่วมวงพลางถาม “กำลังปรึกษากันจะไปซื้อเพชรที่ไหนอีกหรือเปล่าพ่อ…”

“ซื้อบ้าอะไร…ชั้นก็ขอแหวนแกอยู่นี่แหละ”

“พ่อครับ” ชายหนุ่มขยับตัวนั่งตรงพลางตอบชัดถ้อยชัดคำ “ผมไม่มีวันขอแหวนคืนจากเย็นแน่นอนเลยฮะ…คือถึงยังไงผมก็อาย…”

แต่คู่ใจของนายหันเอ่ยขึ้น

“เอางี้ไหมครับนาย…ผมขอเสนอให้เอาแหวนหนึ่งในสี่วงที่คุณแม่กะจะเอาไปขายช่วยลูกเขยคุณหญิง คัดเอาวงที่ดีที่สุด ให้คุณลมเย็นไปแทนวงที่เคยให้”

“ไม่ได้” หิ้งค้านเด็ดเดี่ยว เนื่องด้วยแหวนที่ให้ไปคือแหวนเพชรเกรด 98 เปอร์เซ็นต์ “นอกจากจะเอา ‘ดีคัลเลอร์’ มาแลก”

 



Don`t copy text!