
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 19 : ความลับกับความจริง (1)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
ความรู้สึกปลอดโปร่งของธิปกและนายมงคลตรงกันข้ามเสียเหลือเกินกับอาการหัวเสียแทบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ของกันต์ เนื่องจากเมื่อชั่วโมงก่อนนี้เอง นายมงคลได้ส่งลูกน้องคนหนึ่งไปกินตำแหน่งผู้จัดการห้างไดมอนด์ และมีหนังสือคำสั่งให้ลดตำแหน่งหลานชายลงเหลือเพียงรองผู้จัดการ
อันที่จริงช่วงหลังๆ มานี้นายมงคลก็หมางเมินใส่กันต์อย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคิดในทางดีว่าถ้าทอดเวลาออกไปอีกระยะหนึ่ง ให้เขาได้เอาอกเอาใจ รวมถึงสร้างผลงานใหญ่ๆ สักสองสามชิ้น นายมงคลก็คงจะหายโกรธไปเอง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นหลานชายเพียงคนเดียว เป็นทายาทที่จะรับช่วงดูแลทรัพย์สมบัติต่อไปในอนาคต
ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยึดอำนาจเขาเอาดื้อๆ อย่างนี้!
ห้องทำงานของนายมงคลอยู่บนชั้นสองของบ้าน กันต์ก้าวขึ้นบันไดอย่างรีบร้อน แต่พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นธิปกนั่งอยู่กับเจ้าของห้อง สีหน้านายมงคลเมื่อหันมามองเขาไม่ใช่เพียงเคร่งเครียด แต่ยังบอกความชิงชังโดยไม่ปิดบัง
กันต์นึกสะดุ้งอยู่ในใจ กระนั้นเขาก็ยังเดินไปนั่งลงตรงหน้าชายชรา พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“คุณปู่ครับ ผมได้รับจดหมายแต่งตั้งของคุณปู่แล้ว ผมรู้ว่าคุณปู่กำลังโกรธผมอยู่ ผมยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียวขอให้คุณปู่ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองว่าผมไม่เคยคิดร้ายคุณปู่หรือตระกูลของเราเลย ถึงอย่างไรผมก็เป็นกิตติไกรสีห์คนหนึ่ง ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันครับ”
“แกเป็นกิตติไกรสีห์อย่างนั้นหรือ”
เสียงนายมงคลห้วนจัด พอเห็นหน้ากันต์ นึกถึงความปลิ้นปล้อนตลบตะแลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความแค้นใจก็พวยพุ่งยิ่งกว่าไอน้ำเดือด
“ฉันว่าแกคงหลอกคนอื่นนานเกินไปจนตัวเองก็พลอยหลงเชื่อไปแล้ว แกไม่ใช่หลานชายฉัน นายกันต์ อรสาเอาแกมาอุปโลกน์เป็นหลานฉันทั้งๆ ที่ตัวจริงของแกมันก็แค่เด็กที่เขาเอามาเลี้ยง”
ถ้อยคำง่ายๆ ไม่ต้องตีความให้ยุ่งยากนั้น มีอานุภาพเทียบเท่าอสุนีบาตที่ผ่าเปรี้ยงลงมาตรงหน้า กันต์ตะลึงงัน นั่งตัวแข็งทื่อด้วยความมึนงงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก สายตาเขาเหลือบมองไปบนโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ แล้วก็เห็นรูปถ่ายที่คิดว่าเผาจนมอดไหม้ไปแล้วใบนั้นวางอยู่
ฉับพลัน ความคลางแคลงทั้งหมดก็พลันกระจ่างแจ้งทันที ชายหนุ่มใจเต้นรัว หูอื้อตาลาย เหงื่อเย็นเฉียบซึมออกมาทุกรูขุมขน
“คุณปู่ครับ โปรดฟังผมก่อน” กันต์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเค้นเสียงแหบพร่าออกไปได้อย่างไร
“ไม่ต้องเรียกฉันว่าปู่ ฉันกับแกไม่ได้เป็นอะไรกัน” นายมงคลตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “ไอ้เด็กข้างถนนไม่มีหัวนอนปลายเท้า แกสวมรอยมาเป็นหลายชายฉัน มาเสวยสุขอยู่ในบ้านของฉันตั้งเป็นสิบปี เพราะอย่างนี้เองแกถึงไม่มีเยื่อใยกับฉันเลยสักนิด ไม่สนใจว่าฉันจะติดคุกติดตะราง กับธิปกแกก็ใส่ร้ายเพราะอิจฉากลัวเขาจะเก่งกว่า ที่ฉันพูดมามีตรงไหนไม่ถูกต้องบ้าง ยังมีอะไรจะให้ฉันฟังแกอีก”
คำว่า ‘เด็กข้างถนนไม่มีหัวนอนปลายเท้า’ ไม่ต่างจากมีดคมกริบที่แทงสวบเข้ามากลางหัวใจของกันต์ โทสะของเขาแล่นพล่าน แค้นจนอยากบีบคอคนพูดให้ตายคามือ แต่ที่มีมากยิ่งไปกว่าโทสะก็คือความประหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่เมื่อคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า
นายมงคลพูดต่อไปด้วยสีหน้าดูถูก
“เท่าที่ฉันเลี้ยงแกมาอย่างดี ให้วิชาความรู้ติดตัวก็ถือว่าฉันทำทานไปมากแล้ว แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ข้าวของในบ้านห้ามเอาไปแม้แต่ชิ้นเดียว”
“ไม่ได้นะครับคุณปู่ อย่าไล่ผมออกไปเลย”
กันต์พรวดพราดเข้าไปเกาะแขนนายมงคลไว้ แม้จะอยู่ในภาวะตื่นตระหนกสมองของเขาก็ยังเฉียบคมพอจะคิดได้ว่านอกจากรูปถ่ายเจ้ากรรมที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ธิปกก็ไม่มีหลักฐานอื่นอีก พยานปากเอกอย่างอรสาตายไปแล้ว ใครเล่าจะมายืนยันความผิดของเขาได้
สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือยืนกรานกระต่ายขาเดียวไว้ก่อน!
จริงอยู่…ความรักที่นายมงคลมีให้เขาอาจจะลดเลือนลงไปมาก แต่คนเราอยู่ร่วมบ้านกันมาเป็นสิบปี และเขาเองก็คอยประจบเอาใจผู้เป็นปู่มาตลอด ไม่เคยทำให้ขุ่นเคืองเลยสักครั้ง อีกฝ่ายจะไม่เหลือเยื่อใยไม่เหลือความผูกพันบ้างเชียวหรือ
“ผมเป็นหลานชายคุณปู่นะครับ ทำไมคุณปู่ถึงไปเชื่อคนอื่นทั้งๆ ที่ไม่มีพยานหลักฐาน นายธิปก! แกมาใส่ร้ายฉันเพราะโกรธที่ฉันเปิดโปงที่แกเคยโกงบริษัทละสิ”
เขาคว้ารูปถ่ายบนโต๊ะขึ้นมาก่อนที่ธิปกจะทันห้าม ฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยความแค้นสุดขีด ก่อนจะหันกลับไปวิงวอนต่อ
“ผมรักคุณปู่นะครับ เราอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี รักกันคอยดูแลกันมาตลอด คุณปู่ไม่เมตตาผมบ้างเลยหรือ”
หากว่ากันต์พูดถึงความหลังเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำลายรูปถ่ายที่มีภาพลูกและหลานชายของเขารวมอยู่ด้วย นายมงคลก็อาจใจอ่อนลงบ้าง แต่การกระทำอุกอาจเพราะความร้อนรนของชายหนุ่มกลับยิ่งสุมฟืนเข้ามาในเพลิงอารมณ์ของชายชรา
นายมงคลยกมือตบฉาดลงไปบนใบหน้าที่เงยแหงนมองเขาอย่างอ้อนวอน จนกันต์หน้าหัน
“ไอ้สารเลว ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ต่อไปอย่ามาเหยียบบ้านฉันและห้ามไปที่บริษัทฉันด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความเอาแกเข้าตะราง จะอื้อฉาวเป็นขี้ปากชาวบ้านฉันก็ยอม”
จบคำนายมงคลก็กระแทกเท้าย่ำตึงๆ ออกไปจากห้อง เท่าที่เขาไม่แจ้งความเอาผิดกันต์ก็เพราะคำนึงถึงความยุ่งยากที่จะตามมา หากเป็นคดีความเมื่อไร เรื่องจะต้องแพร่กระจายไปทั่วพระนคร กลายเป็นข่าวใหญ่ให้ผู้คนวิจารณ์กันเซ็งแซ่ ทีนี้ใครต่อใครคงหัวเราะเยาะในความโง่ของเขาที่ถูกเด็กจรจัดไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาล้วงตับถึงในบ้าน
นับเป็นความเสียหายใหญ่หลวงที่เศรษฐีผู้เชี่ยวชาญในการคำนวณผลได้ผลเสียเล็งเห็นว่าไม่คุ้ม
กันต์ลนลานจะคว้าตัวนายมงคลกลับมา แต่ธิปกกระชากแขนเขาไว้
“อย่ารบกวนท่านอีกเลยนายกันต์ นายทำร้ายท่านมามากพอแล้ว”
กันต์สะบัดเต็มแรง ผุดลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
“อย่าคิดว่าแกจะชนะฉันได้ ฉันเป็นหลานคนเดียวของคุณปู่ ไม่ใช่ไอ้คนอาศัยที่เป็นกาฝากอย่างแก”
เขาตวาดก้อง ผลักธิปกไปทางหนึ่งแล้วผลุนผลันกระโจนตามนายมงคลไป พบอีกฝ่ายกำลังยืนกุมอกด้วยใบหน้าซีดเผือดอยู่ที่ชานพักบันไดพอดี
“คุณปู่ครับ ฟังผมก่อน” กันต์ถลาเข้าหา
นายมงคลกำลังแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง ความเครียดและแรงโทสะที่ฮือโหมขึ้นมาจากเหตุการณ์ในห้องทำงาน ส่งผลใหญ่หลวงต่อหัวใจที่อ่อนแออยู่แล้วของเขา พอกันต์ปราดเข้ามาจับแขนเขาก็สะบัดออก ทว่าฝ่ายที่หนุ่มกว่ายึดไว้แน่น ไม่ต่างจากคนจมน้ำที่ไขว่คว้าหาขอนไม้เพื่อพยุงตัว
ธิปกที่ตามมารีบเข้ามาดึงกันต์ให้ออกห่างจากชายชรา กลายเป็นการยื้อยุดกันอยู่ที่ชานพักแคบๆนั่นเอง
เมื่อกันต์ไม่ยอมปล่อย เพลิงพิโรธของนายมงคลก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด เขาตะโกนลั่นเกือบจะเป็นคำรามพลางสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม เป็นจังหวะที่มือของกันต์หลุดจากแขนเหี่ยวย่นข้างนั้นพอดี ร่างที่กำลังหอบหายใจจึงเสียหลักหงายหลังกลิ้งลงมาตามขั้นบันได กระแทกไปทีละขั้นๆ จนถึงพื้นห้องโถง แล้วฟุบหน้านอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเอง
“คุณท่าน”
ธิปกใจหายวูบ กระโจนพรวดมาถึงร่างที่นอนอ่อนปวกเปียกอยู่กับพื้น เขารีบประคองชายชราขึ้นมา มีกันต์โดดลงบันไดตามมาติดๆ ชายหนุ่มก้มลงมองนายมงคลที่เหมือนจะหยุดหายใจไปแล้ว ดวงตาแดงก่ำทั้งคู่วาวโรจน์อย่างตื่นเต้น
หากดวงใจที่สั่นระรัวสามารถเปล่งเสียงเป็นคำพูดได้ ธิปกจะได้ยินเสียงหัวใจของกันต์ตะโกนกึกก้อง
‘ตาย! ตายซะไอ้แก่!’
ปราศจากนายมงคลสักคน พายุที่กำลังโถมกระหน่ำเข้ามาทำลายชีวิตของกันต์จะผ่านพ้นไปทันที เพราะตอนนี้นอกจากธิปกก็ไม่มีใครอีกแล้วที่รู้ว่าเขาไม่ใช่วิศรุตตัวจริง
ที่ผ่านมาเขาอยู่ในฐานะหลานชายของตระกูลกิตติไกรสีห์มาโดยตลอด ผู้คนทั้งพระนครต่างรับรู้ แม้แต่ในทางกฎหมายก็ยังยอมรับ ฉะนั้นคนคนเดียวที่จะฉุดเขาลงจากฐานะอันทรงเกียรตินี้ได้ ก็มีแต่นายมงคลที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ในอ้อมแขนของธิปกเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่กำลังโกลาหล ไม่มีใครสังเกตว่าชัชวาลมายืนอยู่ที่ประตูห้องโถงตั้งแต่เมื่อไร มารู้ก็เมื่อชายหนุ่มปราดเข้ามาช่วยธิปกพยุงชายชราไปขึ้นรถ ขับพาไปส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
นายมงคลถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที ระหว่างนั้นธิปกได้แต่เดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่ได้สนใจกันต์ที่ขับรถตามมาดูเหตุการณ์ด้วย เขาจึงไม่เห็นว่ากันต์ดึงตัวชัชวาลไปที่มุมหนึ่งซึ่งลับหูลับตาคน ปรึกษาหารือกันด้วยท่าทางมีลับลมคมใน
และไม่เห็นอีกนั่นละว่าเมื่อกันต์ย้อนกลับมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน อีกฝ่ายก็ปรายตามองเขาด้วยสายตาของผู้ชนะ!
นาราถือแฟ้มใส่เอกสารประชาสัมพันธ์ที่เพิ่งเขียนเสร็จ ตั้งใจจะนำมาเสนอธิปก แต่พอไปถึงห้องทำงานของเขา ก็พบกุลธิดากำลังนั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟาสำหรับรับแขก อีกฝ่ายค้อนขวับอย่างหมั่นไส้ทันทีที่เห็นหญิงสาว
“เมื่อไรเธอจะเลิกมาวุ่นวายกับพี่ธิปกเสียที เธอก็รู้ว่าเขาจะแต่งงานกับฉัน”
นาราถอนใจ ตั้งแต่มัดมือชกให้ธิปกรับปากว่าจะแต่งงานด้วยได้สำเร็จ กุลธิดาก็ทำราวกับจะจับชายหนุ่มมาทากาวติดกันไว้ เด็กสาวบังคับให้เขาพาไปซื้อของ ดูภาพยนตร์ หรือไปเต้นรำด้วยกันทุกวัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวก็ปฏิเสธตลอดโดยอ้างว่างานยุ่ง กุลธิดาจึงใช้วิธีมาเฝ้าธิปกที่ห้างเพื่อคอยควบคุมไม่ให้เขาใกล้ชิดกับนารา และจะหาเรื่องแขวะคู่แค้นเมื่อมีโอกาสเสมอ
“ฉันเป็นพนักงานของห้างนี้ก็ต้องมาทำงาน ไม่ได้มาวุ่นวายอย่างที่คุณเข้าใจหรอกค่ะ”
นาราชี้แจง พยายามบอกตัวเองว่ากุลธิดาเป็นแค่เด็กที่ถูกพ่อแม่พะเน้าพะนอมากเกินไปเท่านั้น
“แต่ฉันไม่ชอบ” กุลธิดาสะบัดเสียง “พี่ธิปกจะแต่งงานแล้วไม่ควรมีเธอมาอยู่ใกล้ๆ อีก ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจทำไมไม่ลาออกไปซะล่ะ”
อันที่จริงนาราก็ตั้งใจจะลาออกอยู่เหมือนกัน ไม่สนุกเลยที่จะต้องมาเป็นเป้านิ่งให้กุลธิดาเชือดเฉือน ติดที่นายปกรณ์ขอให้เธออยู่ช่วยงานต่อไปก่อน
‘ธิปกจะต้องหาทางออกจนได้ เชื่อฉันเถอะ’ ชายชราบอก
กุลธิดาค้อนคู่อริอีกทีหนึ่ง ส่งเสียงแหลมอย่างคนเจ้าอารมณ์ “พี่รพีกับพี่เนตรเตือนฉันแล้วว่าคนอย่างเธอไว้ใจไม่ได้ แล้วก็จริงเสียด้วย นี่ถ้าฉันเผลอเมื่อไรเธอคงรีบฉกพี่ธิปกไปละสิ”
กุลธิดายังติดต่อกับรพีพรรณและกมลเนตรอย่างสม่ำเสมอ เรื่องนี้นารารู้ดี และรู้ต่อไปอีกด้วยว่าเห็นทีเธอกับกุลธิดาคงไม่มีทางปรับความเข้าใจกันได้ ลงว่าเด็กสาวมีสองคนนั้นเป็นกองเชียร์คอยเป่าหูอยู่ละก็
เมื่อพูดกันไปก็ไม่มีประโยชน์นาราจึงเดินเลี่ยงไปเสีย เป็นจังหวะที่ธิปกออกมาจากห้องพอดี ชายหนุ่มใส่ชุดดำทั้งชุดเพื่อจะไปร่วมงานสวดอภิธรรมศพนายมงคลในตอนเย็น กุลธิดารีบวางนิตยสารแล้วปรี่ไปเกาะแขนว่าที่เจ้าบ่าว
ธิปกรู้ว่ากุลธิดาพยายามประกาศความเป็นเจ้าของเขาให้ทุกคนเห็น แต่เขาไม่อยากทำตัวประเจิดประเจ้อในที่ทำงานจึงค่อยๆ ปลดมือเด็กสาวออกอย่างละมุนละม่อม ขณะนั้นพนักงานของห้างคนหนึ่งเดินนำตำรวจสามนายมาถึง พอเห็นเจ้านายเขาก็รีบบอก
“คุณธิปกครับ มีตำรวจมาขอพบ”
เจ้าหน้าที่ก้าวออกมาด้านหน้า แจ้งความประสงค์กับชายหนุ่มด้วยเสียงฉาดฉาน
“เรามาขอเชิญตัวคุณธิปกไปโรงพักในข้อหาฆาตกรรมคุณมงคล กิตติไกรสีห์ครับ”
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 20 : เมื่อวันฟ้าใส (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 19 : ความลับกับความจริง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 19 : ความลับกับความจริง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 18 : แกฆ่าลูกชายฉัน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 18 : แกฆ่าลูกชายฉัน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 17 : ความจริงที่ซ่อนอยู่ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 17 : ความจริงที่ซ่อนอยู่ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)