ฝุ่นในสายลม บทที่ 21 : พลังมืด
โดย : ม.มธุการี
ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co
หลังอาหารเย็นก็ได้เวลาเอาคลิปเสียงที่เด็กแว่นอัดเอาไว้มาเปิดฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เขายิ่งฟังก็ยิ่งเศร้าใจ
ยิ่งถึงตอนที่ดาวพเนจรจะโคจรมาชนโลก และโลกจะลุกเป็นไฟ จากนั้นจะมียานแม่มารับ
“แสดงว่าสาวกรายนี้ได้รับการล้างสมองจนน่าจะกู่ไม่กลับแล้ว วิธีการสำคัญที่จะหลอกล่อเหล่าบรรดาสาวกให้อยู่กับความหวาดกลัว จะไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการเป่าสมองเกี่ยวกับวันสิ้นโลก และผู้รอดก็คือสาวกเท่านั้นที่ยึดมั่น ในคำสั่งสอน มันมีด้วยหรือดาวพเนจรที่จะโคจรมาชนโลกเราได้ง่ายๆ”
“เล่นเอาไดโนเสาร์สูญพันธุ์มาครั้งหนึ่งแล้วนะคะหัวหน้า ฝนว่าเราเองก็ไม่ควรที่จะประมาท เพราะทุกวันนี้มีอุกกาบาตวิ่งฉิวเฉียดโลกเราแทบไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดลูกจิ๋วๆยังเล่นเอาบ้านเรือนราบเรียบเป็นหน้ากลองได้ จากแรงสั่นสะเทือน แล้วถ้าลูกโตๆไม่ต้องมาก แค่หกกิโลเท่านั้นสูญพันธุ์ได้แน่”
“หกกิโลมันลูกเท่าแตงโมจะมีผลอะไรนักหนา” ภาวินโต้
“หกกิโลเมตรค่ะ เหมือนเมื่อตอนไดโนเสาร์เจอ”
“ถ้าใหญ่ขนาดนั้น เขาต้องตรวจพบเจอวงโคจรของมันเข้าแล้วว่าจะเฉียดเข้ามาเมื่อไหร่ ขนาดวงโคจรของดาวหางเรายังคำนวณได้ แต่นี่ไม่มีเลยในระยะเวลาร้อยปี จะมีมาก็แค่จิ้บจ้อย อย่างเช่นเจ้าอุกกาบาตอโพพิสยังงี้”
“เขาลือกันว่าเจ้านี่มันจะชนแน่นะครับหัวหน้า” กานนแย้งมั่ง
“ก็แค่ข่าวลือ เราอย่าไปสนข่าวลือ ต้องเอาความจริงมาตีแผ่ให้เห็นกัน เอาเป็นว่าในรอบร้อยปีโลกเราจะยังปลอดภัยแน่”
“แล้วเกิดถ้ามีพายุสุริยะพัดเข้ามาโจมตีละคะ เรื่องนี้พยากรณ์ไม่ได้แน่ และถ้าเจอพายุขนาดเอ็กซ์เข้าโลกเรามีถูกย่างสดทั้งเป็น เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้ว ฝนถึงว่าถ้าเกิดตาด็อกเตอร์คนนี้แกเกิดมีญาณทิพย์ และออกมาเตือนสาวกล่วงหน้าเกี่ยวกับภัยพิบัติที่มันอาจจะเกิดขึ้น”
“ยิ่งฟังก็เหมือนเจ้าลัทธิคนนี้จะได้สาวกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งราย”ภาวินพูดพลางก็ถอนใจ “หน้าที่เราคือเข้าไปช่วยแก้ความงมงายของผู้คนที่กำลังถูกล้างสมอง ไม่ใช่เข้าไปเพิ่มความเชื่อให้มันแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก จนป่านนี้ยังมองไม่เห็นอีกหรือ ว่าผู้หญิงคนนี้ กำลังตกเป็นเหยื่อของขบวนการลัทธิอุบาทว์ จนสูญเสียหมดไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเอง หรือแม้กระทั่ง ทรัพย์สินที่มีอยู่ ถ้าเราเห็นคนจะจมน้ำตายแต่แทนที่จะเข้าไปช่วยเหลือเขา กลับปล่อยให้เขาตาย ไปต่อหน้าต่อตา มันไม่ใช่จรรยาบรรณที่ดีของนักข่าวนะเท่าที่ดูๆ ใช่ นักข่าวต้องเสนอข่าวอย่างที่มันเป็นอยู่ โดยไม่มีการบิดเบือนความจริง แต่การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมมันต้องมาก่อนใช่ไหมล่ะ เราต้องถามตัวเองก่อนว่าได้ทำหน้าที่นั้นหรือยัง เอ้า พอได้แล้วสำหรับวันนี้”
เสวนาวันนั้นจบลงอย่างห้วนๆหลังจากการเทศนามหากาพย์มายาวเหยียด
ไอ้เราก็แค่แสดงความคิดเห็นมันมีด้วยหรือเจ้านายที่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่แบบนี้…
กลับมาถึงบ้านก็เอาปากกาที่จิ๊กมาได้ให้ป้าดู
“ของใช้ส่วนตัวเจ้านายฝน ได้มาแค่นี้เองป้า”
“ปากกาปลอกทอง” ป้าส่องดู “มันทองแท้รึเปล่าลูก แถมสลักชื่อเอาไว้ด้วย”
“ไม่แท้หรอกป้า ถ้าแท้ป่านนี้โวยลั่นไปแล้ว ฝนแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงได้ฝันร้ายติดต่อกันแบบนั้น”
“บ้านแม่หมออยู่แถวนี้เอง งั้นป้าจะเอาไปตอนนี้เลย เกิดเป็นเรื่องร้อน”
“ยังไงฝนต้องเอาปากกาไปคืนเขาพรุ่งนี้นะป้า ก่อนที่ฟ้าจะผ่าลงมากลางหัว”
ป้าไปแล้ว หายไปเป็นชั่วโมงกว่าจะกลับมาจังหวะเดียวกันกับที่ลุงสุขุมกลับเข้าบ้านพอดี หล่อนได้ยินเสียงลุงกับป้าเถียงกัน เริ่มจากเบาๆก่อน จากนั้นก็ดังขึ้นทุกที ตามมาด้วยเสียงปาข้าวของเปรี้ยงปร้าง
มีเสียงลุงขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปในที่สุด ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาครอบงำไปทั่วบริเวณ เหลือทิ้งไว้แต่เสียงหมาในซอยเห่าอยู่ไกลๆ
ฝนดาวเตรียมเข้านอนและป้าก็เข้ามาในห้อง คงยังไม่หายโกรธเพราะมานั่งด่าลุงต่อ
“บอกจะไปเข้าเวร มันเข้ากันอาทิตย์ละเจ็ดวันหรือฝน แถมหอบผ้าผ่อนใส่กระเป๋าไปด้วย นี่มันอะไรกัน แก่จนปูนนี้แล้วยังไม่วายมีกิ๊ก ต้องเป็นกิ๊กแน่ เพราะเงินเดือนป้าไม่เคยเห็นเลยเหมือนกัน อาศัยที่เราทำมาหากินได้ ทุกอย่างเงินป้าทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ จะเลือกผู้ชายเลือกให้ดีๆนะฝนป้าจะเตือนไว้ ลุงแกน่ะเจ้าชู้มาตลอด เพียงแต่ไม่ได้เลี้ยงดูใครจริงจังเท่านั้นแหละ แต่ว่าหลังๆนี่เริ่มลายออกแล้ว รึว่าป้าจะหย่ามันดี”
ฝนดาวรับฟังไปเงียบๆ รู้แค่ว่าป้าคงอยากระบาย ป้ารักและอยู่กับลุงมานานตั้งแต่ลุงเป็นตำรวจยศแค่จ่าสิบตรี จนลุงไต่เต้าได้ยศร้อยโทเมื่อสองปีมานี่เอง สามสิบปีที่อยู่กินด้วยกันมาโดยไม่มีลูกเต้ามันยาวนานพอที่ความคุ้นชินจะฝังราก
ป้ายอมรับลุงมาได้นานขนาดนั้นแล้ว…
ป้าทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงหลังจากที่บ่นจนเหนื่อย หยิบปากกาปลอกทองของเจ้านายมาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
“มาเข้าเรื่องของเรา…ป้าเอาปากกาไปให้แม่หมอเขาลองสัมผัสดูแล้ว”
“แม่หมอว่าไงมั่งป้า” ฝนดาวกระตือรือร้น
“พอจับเข้าเท่านั้นเขารีบวางเลย”
“อ้าว ทำไม”
“เขาว่ามันร้อนเป็นไฟ มือแกงี้บวมแดงไปหมดเลยป้าเห็น แกว่าเจ้าของ
กำลังมีพลังมืดตามคุกคามรังควาน อาจจะถึงขั้นเอาชีวิตไม่รอดเลยก็ได้”
“ตาย พลังมืดอะไรป้า วิญญาณผีรึว่าอะไร”ฝนดาวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“แกไม่ได้บอก บอกแต่ว่าเป็นพลังมืดที่แกเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แนะนำให้ไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดก่อนที่จะสาย แกก็บอกมาแค่นี้ ถามป้าว่าเป็นใคร ป้าก็ว่าเป็นเจ้านายของฝน นั่นแหละ แกก็เป็นห่วงเป็นใย แนะนำได้เท่านั้น”
ฝนดาวอึ้งทำอะไรไม่ถูก แบบนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ความหัวดื้อหัวแข็งของเจ้านายอาจทำให้เขาไปท้าทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้า
ส่งผลให้ถูกเล่นงานทางจิตวิญญาณโดยไม่ทันได้รู้ตัวสักนิด ถึงขั้นจะเอาชีวิตไม่รอดนี่แม่หมอคงไม่ทำนายทายทักอะไรง่ายๆถ้าแกไม่เชื่อตามนั้นจริงๆ ความขลังของแกเกี่ยวกับเรื่องความแม่นยำในการทำนายทายทักเป็นที่เลื่องลือไปไกล ถึงขนาดคนกรุงเทพฯยังถามหา
เริ่มห่วงขึ้นมาถึงกับส่งข้อความไปถึงกานนตอนดึก
“พี่นนอยู่ไหนตอนนี้ เฝ้าหัวหน้าอยู่รึเปล่า”
ครู่เดียวก็มีข้อความตอบกลับมา
“เฝ้า ทำไม?”
“หัวหน้าหลับไปรึยัง” หล่อนถามกลับไป
“ยัง มีอะไร”
“ไม่มี เท่านั้นแหละ”
จากเตียงที่นอนอยู่ภาวินมองเห็นกานนนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟาตัวยาว มีแค่ดวงไฟเล็กๆส่องที่ดวงหน้าของอีกฝ่าย
อุ่นใจแค่มีใครบางคนอยู่ในห้องด้วย คล้ายอาการของเด็กกลัวการฝันร้าย
ยังไงยังงั้น นี่เขาบ้าไปหรือเปล่าหรือไม่ก็โรคประสาทกำลังกินหัวขั้นรุนแรง ชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเขามาก่อน เมื่อไหร่กันที่ฝันร้ายจะจบสิ้นลงไปเสียทีหรือว่าแท้จริงแล้วมันเพิ่งจะเริ่มต้น…
เป็นอีกคืนที่ฝันร้ายกลับมาเขย่าโลกธาตุของเขาอีกครั้ง รอบนี้มีพายุหมุนเกิดขึ้นในห้องพักใหญ่โตกว่าครั้งแรกจนตึกทั้งหลังสั่นสะเทือน ข้าวของในห้องถูกดููดเข้าไปในวังวนรวมทั้งตัวกานนที่นอนบนโซฟาเขาคว้าแขนฝ่ายนั้นเอาไว้ได้และพยายามต่อสู้กับพายุมืดดำที่กำลังดึงดูดทุกสิ่งเข้าไปในวังวนอันมืดมิดนั้น ในฝันมือที่จับกานนเอาไว้ลื่นหลุดไปทีละนิดตั้งแต่ข้อมือจนถึงปลายนิ้ว และนั่นก็คือสัมผัสสุดท้ายของเขาก่อนที่จะได้ยินเสียงดังโครมสนั่น…
ตกเตียง…
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบตัวเองลงมากองที่พื้นข้างเตียง ในห้องมืดสนิทจนมองแทบไม่เห็นอะไรเลย
เพ่งสายตาไปที่โซฟามุมห้องเป็นจุดแรก มันว่างเปล่าและไม่มีร่างของกานนนอนอยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว…
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 21 : พลังมืด
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 20 : ศูนย์ปฏิบัติธรรมเอกภพ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 19 : คุณจันทรา
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 18 : พลังของลัทธิ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 17 : ศรัทธา
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 16 : เรื่องประหลาดในพื้นที่
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 15 : จิตกับกาย
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 14 : แฝงตัว
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 13 : เงาในกล้อง
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 12 : ลักพา
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 11 : เรือลึกลับ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 10 : แสงไฟกลางทะเล
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 9 : ค่ำคืนบนเกาะ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 8 : ผีเจ้าที่
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 7 : อาคันตุกะยามวิกาล
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 6 : กำเนิดเจ้าลัทธิ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 5 : ดอกเตอร์เอกภพ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 4 : เกาะประหลาด
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 3 : กฏสามข้อ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 2 : เขี้ยวมา เขี้ยวไป
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 1 : ลัทธิประหลาด