
เมื่อบางใครโบยบินข้ามสะพานรุ้ง
โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง
เคยฟังเรื่องเล่าสมัยพุทธกาลเรื่องนี้ไหม บุตรชายคนเดียวของหญิงม่ายสิ้นชีวิตลง นางได้แต่คร่ำครวญวิ่งหาคนนั้นคนนี้ทั้งหมอยาและผู้วิเศษเพื่อวิงวอนให้ช่วยชุบชีวิตลูกชายสุดที่รัก จนกระทั่งมีคนแนะนำให้มาหาพระพุทธเจ้า พระองค์ให้นางหาเมล็ดผักจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตาย นางเสาะหาทั่วเมืองแต่สูญเปล่า สุดท้ายจึงเข้าใจกุศโลบายของพระพุทธเจ้าว่าต้องการแสดงธรรมถึงความไม่เที่ยงแห่งชีวิต
หลังสามีเสียชีวิต แม่สามีของฉันไม่ยอมให้ใครอยู่บ้านเดียวกันเพื่อช่วยดูแล เราต้องมาๆ ไปๆ คอยดูแลรายวัน จนกระทั่งแม่เดินไม่ได้ เพราะมะเร็งที่ขาลุกลาม ผสมโรคภัยไข้เจ็บตามประสาคนแก่ ซึ่งเจ็บออดๆ แอดๆ ไม่รู้ว่าเจ็บออดก่อนหรือเจ็บแอดก่อน แต่สรุปว่าคงออดๆ แอดๆ ไปตามวัยนั่นแหละ
แต่แม่เป็นคนรอบคอบ จ่ายเงินค่าทำศพเอาไว้ล่วงหน้า จะว่าไปคนประเทศนี้ก็แปลกดี สถานที่จัดพิธิศพหรือฟิวเนอรัลโฮมจะมาหลอกล่อกวาดต้อนบรรดา สว.ให้ซื้อแพ็กเกจคู่สู่สวรรค์เอาไว้ก่อน ประมาณว่าตายไปจะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน ซึ่งแม่จัดการซื้อแพ็กคู่ เลือกล่วงหน้าทั้งสีโลงศพ พิธีกรรม ดอกไม้ ไปจนถึงหินหลุมศพโน่นเลย
ค่าทำศพในประเทศนี้แพงมหาศาล เอาง่ายๆ ราคาต่อศพแบบปานกลาง ไม่หรูหราอะไร ตกประมาณ $ 9,000-10,000 หากเทียบเงินไทย ค่าทำศพต่อคนอย่างประหยัด คือสามแสนถึงสี่แสนบาท ตอนพ่อสามีตายนั้นต้องจ่ายหมื่นดอลลาร์ยังไม่รวมหินหลุมศพ ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มอีก 5,000 ดอลลาร์
แม่สามีเหมาจ่ายทั้งงานศพสามีและงานตัวเอง นั่นหมายถึง เบ็ดเสร็จทั้งหมด $ 20,000 บวกค่าหินหลุมศพอีก $ 5,000 รวมค่าทำศพสองคน $ 25,000 ราคานี้ซื้อรถยนต์ใหม่เอี่ยมได้เลย คงกลัวว่าลูกบ้าๆ จะเอาร่างแกใส่ถุงขยะแล้วโยนให้ปลาย่อยสลายในทะเลสาบแน่ๆ ด้วยความไม่ไว้ใจลูกชายเพี้ยนๆ และลูกสะใภ้บ้าๆ เลยมัดมือชกไว้ก่อนด้วยเงินตัวเอง เป็นอันปลอดภัยและสบายใจทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าฝ่ายฉันก็สบายใจเพราะไม่ต้องจ่ายเงินค่าทำศพมหาโหด
หลังจากที่แม่เดินไม่ได้จนต้องหามส่งโรงพยาบาล หมอบอกให้หาที่ให้ “รอวันตาย” แต่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์การแพทย์และมีการรักษาดูแลอย่างดี ไม่ได้หมายถึงจะให้เราหามแม่ไปโยนทิ้งวัดหรือในกองขยะเสียเมื่อไหร่
จากนั้นเราย้ายแม่ไปอยู่บ้านพักคนชราแบบพิเศษ คือเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีแต่คนแก่ๆ และมีพยาบาลดูแลตลอดเวลา แต่เราก็ไปเยี่ยมแม่วันเว้นวัน วันหนึ่งพยาบาลโทรบอกว่าให้รีบมาที่บ้านพักฟื้นด่วนที่สุด พอไปถึง ภาพที่เห็นทำให้ฉันน้ำตาไหล
ภายในห้องพักแม่เปิดเพียงไฟหัวนอนสลัวๆ เพราะเป็นช่วงกลางคืน คนแก่อื่นๆ ที่อาศัยในบ้านต่างเข้าห้องนอนของตนจนหมด บนเตียงคือร่างที่กำลังจะดับขันธ์ มีเพียงลมหายใจกระเพื่อมขึ้นลงเท่านั้นที่เหลืออยู่ ร่างแม่เริ่มเย็นชืด มือเท้ากลายเป็นสีม่วงคล้ำ ปากอ้ากว้างไร้ฟัน ดวงตาเบิกโพลงแต่ม่านตาค้างไร้แวว สัญญาณชีพเพียงอย่างเดียวที่แสดงถึงความมีชีวิตอยู่คือลมหายใจ ทั้งสามีและพี่สาวต่างเลี่ยงออกจากห้อง คาดว่าน่าจะไม่ชินกับสภาพคนใกล้ตาย เหลือฉันนั่งกุมมือเย็นชืดของแม่สามีอยู่เพียงลำพัง
คนเอเชียอย่างเราอ่อนโยนกว่าฝรั่ง เพราะถูกปลูกฝังให้มีความเห็นอกเห็นใจญาติผู้ใหญ่จนกลายเป็นคนขี้สงสาร จึงรู้สึกผิดหากจะทิ้งแกไป แข็งใจนั่งข้างๆ จนกว่าลมหายใจจะขาดห้วงลง ทั้งที่ปอดแหกถึงขนาด
บ้านพักคนชราหลายแห่งนิยมเลี้ยงแมวเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านให้คนชราที่อาศัยอยู่ในบ้านดูเล่น แต่จริงๆ แล้วยังมีจุดประสงค์อีกอย่างคือ ยามที่ความตายย่างกรายเข้ามา แมวประจำบ้านพักคนชรานี่แหละที่แสดงสัญญาณแจ้งเตือนให้รับรู้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่คนอเมริกันส่วนมากรู้ แต่สำหรับฉันแล้วถือเป็นความรู้ใหม่เอี่ยมทีเดียว
เราเห็นแมวตัวนี้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมแม่ ส่วนมากนอนทำตาวาวๆ วางท่าหรูอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะเดินเข้ามาในห้องพักแม่ แต่พอสามีเห็นแมวเดินเข้ามาในห้องแม่ตัวเอง ถึงกับหน้าซีด เพราะแมวกระโดดขึ้นมานอนหมอบปลายเท้าของแม่ นั่นหมายถึงวันนี้คือวันที่แม่จะจากไป
อีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืน แม่ก็จากไป ท่ามกลางความอาลัยนั้นทุกคนดูเหมือนโล่งใจที่แม่จากไปอย่างสงบ ฉันมองหน้าแม่สามีเป็นหนสุดท้ายแล้วถอนหายใจ ก่อนบอกให้สามีเอื้อมมือปิดตาที่เบิกค้างให้พ้นทุกข์ตามความเชื่อแบบไทยๆ
เราโทรเรียกสัปเหร่อมาจัดการศพ ทั้งที่ตอนนั้นเที่ยงคืนกว่าแล้ว ชั่วโมงต่อมา สัปเหร่อฝรั่งใส่สูทอิตาลีหล่อเฟี้ยวจากฟิวเนอรัลโฮมที่แม่ซื้อบริการมารับศพ โดยการเอาแม่ใส่ถุงบรรจุศพสีดำ อย่างที่เราเห็นในหนังเพื่อนำไปแต่งศพรอทำพิธี การประกอบพิธิศพช่วงแรกตกอยู่ในกำมือของสัปเหร่อและฟิวเนอรัลโฮมจนหมดสิ้น เพราะฉะนั้นธุรกิจประเภทนี้จึงร่ำรวยมหาศาล ทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายเลย ทางฝ่ายญาติตระเตรียมแค่เสื้อผ้าของคนตายและรูปภาพให้ฟิวเนอรัลโฮมไปทำภาพเคลื่อนไหวในงานศพเท่านั้นเอง
หลังตั้งศพให้ญาติมาแสดงความอาลัยที่ฟิวเนอรัลโฮมหนึ่งวัน พอรุ่งขึ้นเป็นพิธีที่โบสถ์ สัปเหร่อซึ่งสวมสูทตลอดงานจะนำทั้งร่างและโลงมาที่โบสถ์ นำรถลีมูซีนมาให้ญาติๆ นั่งไปสุสานด้วย ฝ่ายชายในตระกูลมักจะเป็นลูกหลาน แต่งตัวสุภาพใส่สูทจำนวนหกคนมาช่วยกันยกโลงขึ้นรถ หน้าที่นี้ถือเป็นเกียรติและเป็นการส่งศพครั้งสุดท้าย
เจ้าหน้าที่ของฟิวเนอรัลโฮมนำธงเล็กๆ มาเสียบไว้หน้ารถแต่ละคันที่ขับตามขบวนไปยังสุสาน โดยรถคันแรกจะเป็นรถบรรทุกศพ ตามด้วยลีมูซีนของญาติผู้ตายนั่งไปด้วยกัน จากนั้นเป็นขบวนรถยาวเหยียดของผู้ที่มาร่วมพิธี
ขณะที่รถขบวนศพวิ่งไปตามถนน แม้ว่าจะเป็นไฟแดงก็วิ่งฝ่าไปได้ ไม่ผิดกฎหมาย และไม่มีใครกล้าแซงรถขบวนศพ ถือเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างร้ายกาจ นอกจากไม่มีการแซงแล้ว รถที่แล่นสวนมาฝั่งตรงข้ามจะหยุดจอดข้างทาง เพื่อให้รถขบวนศพเคลื่อนตัวผ่านไปยังสุสานได้สะดวกด้วย
หลังจากส่งแม่สามีลงไปนอนสงบนิ่งเคียงคู่กับพ่อในหลุมได้ไม่นาน ฉันก็ฝันประหลาด ฝันถึงแม่สามีบ่นว่าไม่ชอบโลงศพโลงนี้ เพราะไม่ใช่โลงที่แกเลือกเอาไว้ พอตื่นขึ้นมาก็เล่าให้สามีฟัง พอดีวันนั้นพี่สาวสามีแวะมาหาที่บ้าน เลยเล่าเรื่องฝันประหลาดนี้ให้ฟังด้วย พอพี่สาวสามีได้ฟังถึงกับหน้าถอดสี แล้วบอกว่า
“จริงๆ แล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้ สามียูก็ไม่รู้ว่าไอเป็นคนเปลี่ยนโลงใหม่ให้แม่ เพราะเห็นว่าโลงสีน้ำตาลที่แม่เลือกไว้ก่อนตายไม่สวย ไอชอบสีฟ้าของโลงอีกใบหนึ่งเลยถือวิสาสะเปลี่ยนให้เอง”
พอฉันกับสามีได้ฟังก็อดขนลุกไม่ได้ คาดว่าแม่สามีคงเกิดความเมตตาปรานีเป็นหนสุดท้ายจึงแวะมาบ่นให้ฟังก่อนจะโบกมือจากไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาของตน
- READ ผีบ้านฝรั่ง
- READ เมื่อบางใครโบยบินข้ามสะพานรุ้ง
- READ พี่เจนนี่แอนด์ขี้คันคาก
- READ เรื่องของคนคอแดง
- READ หมาขี้ย้อน
- READ ผู้ชอบดูการละเล่นเป็นนิสัย
- READ อย่าลืมทัดดอกไม้ก่อนหอน
- READ วันที่แม่น้ำกลายเป็นสีเขียว
- READ เทศกาลคลำไข่
- READ ประธานาธิบดีแสนรักและแสนชัง
- READ เรื่องของเฮียดำลง (ที่ไม่ใช่พุตตาล)
- READ พลาดท่าเสียของดี
- READ เมื่ออเมริกันฝันหาคุก
- READ บ้านหลอกผีที่ไม่มีวันสร้างเสร็จ
- READ กำแพงขาวดำในเมืองสนธยา
- READ ขี้หมาพารวย
- READ อาหารสันหลังยาว
- READ โลกนี้ยังมีมนุษย์ถ้ำ
- READ ฮาร์ดไซเดอร์..หอมผลไม้ในฟองเบียร์
- READ อาณานิคมล่องหน
- READ ผู้ปรีชาชาญนั้นผลิตเบียร์
- READ ฤดูหนาวอันยาวนานในเทศกาลแห่งความสุข
- READ อุรังอุตังเฒ่า..เราจะคิดถึงเธอ
- READ มลรัฐวูล์ฟเวอรีน
- READ ประโยชน์ของเบียร์ที่เมียไม่รู้
- READ โลกทับซ้อนของคนสองแผ่นดิน
- READ เมียบังเกิดเกล้า
- READ จับงูบูชาพระเจ้า
- READ ภาษามหาระทวย
- READ อินเดียนแดงที่โลกลืม