ดาราอรุณ บทที่ 20 : ทองไม่รู้ร้อน
โดย : กฤษณา อโศกสิน
ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ
แต่ยังมิทันจะเอ่ยต่อ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ไอ้โชยหาเรื่องอีกละ” นั่นคือเสียงของบิดา ผู้ทิ้งท้ายอาการเหนื่อยใจไว้เสมอว่าลูกคนเล็กจะต้องทำเรื่องที่ไม่ควรเป็นเรื่องให้เปลืองอารมณ์ขึ้นมาในชั่วโมงใดชั่วโมงหนึ่งของทุกวัน
ด้วยว่าระหว่างหลายชั่วโมงที่เหินไปทำงาน หญิงชายแต่ละคนที่คบหากันต่างก็เข้าประจำทำอาชีพของเขา ลมโชยผู้ไม่มีคนว่าจ้างที่แน่นอน ทั้งนางแบบหรือเดินแบบ ก็มักจะฉวยเอารถคันใดคันหนึ่งออกไปผลาญน้ำมันเล่นซึ่งคนทั้งบ้านยอมให้เป็นและให้ไป
เพราะถึงอย่างไร นายชัดก็บอกเบาๆ กับแม่ น้า และพี่สาวของหล่อนว่า
‘ก็ยังดีกว่าเล่นพนันออนไลน์หรือออกไปมั่วสุมกับนักพนัน หรือไปตกหลุมมิจฉาชีพที่จะทำให้เราพลอยฉิบหายขายตัว…แล้วไอ้ที่กลัวที่สุดก็คือ แอบติดยา’
ดังนั้น เสียงของบิดาจึงเพียงแต่บอกลมเย็นให้ไปจัดการกับรถที่จะพังแค่ไหนยังไม่รู้
ลมเย็นกับหิ้งกำลังอยู่ในภวังค์อันแสนหอมหวาน ต่างก็พลันสะดุ้งตื่น
“โชยหาเรื่องอีกแล้วละพี่” หล่อนได้แต่พึมพำอย่างเกรงใจ ขณะที่ชวนกันกลับออกมาเรียกแท็กซี่ให้พาไปส่งยังที่เกิดเหตุ
แลเห็นลมโชยนั่งสบายๆ อยู่บนม้ายาวรอรถประจำทาง กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนท่าทางเปี่ยมล้นด้วยร่าเริง ขณะที่ผู้คนกำลังอลหม่าน หญิงสาววัยเยาว์กว่ายังคงยืนกระสับกระส่าย มีกระเป๋าสีดำสะพายเฉียงอยู่กับบ่า ด้วยว่าทั้งคู่ต่างก็มีประกันชั้นหนึ่ง จึงกำลังรอคนจากบริษัทประกันมาจัดการ
รถของลมโชยที่เกยอยู่กับท้ายรถของผู้เยาว์ ผู้มีหน้าตาคมคายผิวคล้ำ เห็นชัดทีเดียวว่าเกยอย่างตั้งใจ เนื่องด้วยรถสองคันคงวิ่งคู่กันมา
ลมเย็นนึกในใจว่า น้องสาวหล่อนอาจเกิดอารมณ์หมั่นไส้รถคันเล็กน่ารักใหม่เอี่ยมสีแดงขลิบดำ ก็เลยเข้าไปเฉี่ยวเอาไฟท้ายรถหน่อยหนึ่ง พอให้รู้สึกถึงอำนาจบาตรใหญ่ที่หล่อนเคยใช้แล้วสำเร็จตอนอยู่บ้าน
ถนนอันกว้างขวางยามเย็นที่แลเห็นอยู่ตรงหน้าขนัดแน่นด้วยรถประจำทางและส่วนบุคคล ดูโกลาหลเหมือนทุกวัน ตำรวจจราจรเข้ามากันการไปมาให้ผ่านไปได้ด้วยดี โดยเจ้าของรถทั้งคู่ก็ต้องเดินเข้าไปนั่งและยืนอยู่ข้างม้ายาวที่มีผู้คนทั้งนั่งคอยและยืนคอยพาหนะคันใหญ่ที่มาถึงแล้วและยังไม่มีวี่แววจะมา
“ตกลงใครผิดใครถูกคะเนี่ย” ลมเย็นเข้าไปถามหญิงสาวเจ้าของรถแดงผู้ยืนอยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ขณะที่ลมโชยยังคงนั่งไขว่ห้างทองไม่รู้ร้อน ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือ โดยไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไร
“หนูก็ไปทางตรงของหนูไงคะ” อีกฝ่ายตอบคำอย่างเห็นได้ชัดว่าขุ่นใจ พร้อมกับตวัดนัยน์ตาไปทางลมโชย “แต่พี่คนนี้มาจากไหนไม่ทราบ เข้ามาชนท้ายเอาดื้อๆ”
อีกฝ่ายพูดดังอย่างตั้งใจให้คนทั้งหลายในบริเวณนั้นล่วงรู้โดยทั่วถึง
แต่ลมโชยทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงก้มหน้าดูไลน์เฉยสนิท
หิ้งเห็นสภาพรถเกยกันทางด้านขวาก็รู้แล้วว่า เจ้าของรถที่ตามหลังตั้งใจ ‘เฮี้ยว’ ซึ่งหน้า เฉี่ยวเอาโป๊ะไฟแตกร้าวภายในพริบตา
เจ้าของรถแดงเลยยิ้มแย้มออกมาได้ขณะชายหนุ่มเอ่ยต่อ
“ไงๆ ก็ต้องขอโทษด้วยนะฮะ นั่นน้องผมครับ”
“อ้อค่ะ” อีกฝ่ายเริ่มเสียงอ่อนไม่ถือสา “ไม่เป็นไรค่ะ ประกันมาใกล้ถึงอยู่แล้ว รอประเดี๋ยวคงไม่นาน”
“ชนตอนเลิกงานก็ลำบากยังงี้ละฮะ” ชายหนุ่มพูดเรื่อยๆ แต่ลมเย็นกลับนิ่ง ไม่ต่อความ
เจ้าของรถสีแดงคันงามอายุอานามคงราวยี่สิบเศษ คล้ายเพิ่งผ่านพ้นวัยรุ่นมาเมื่อสักปีสองปี ท่าทางดี มีอัธยาศัย ถ้อยคำทีท่าบอกกล่าวถึงการควรมิควรกว่าน้องหลายเท่า
เห็นได้ชัดว่ามิใช่คนขี้โมโห เอาแต่ได้หรือเอาแต่ใจ ที่แน่นอนกว่านั้นก็คือ หล่อนคงซึมซับเอาแบบอย่างของเจ้าของรถมีประกันที่ลมเย็นเองก็ต้องจดจำไว้ให้มั่นคงเช่นกัน คือต้องคุมสติไว้ให้ได้ว่า ควรทำอย่างไร เพียงไหน เรื่องราวจะได้ไม่บานปลาย เหมือนหลายรายที่เคยได้ยินมา
“แต่ถึงยังไง หนูก็ติดกรมธรรม์ไว้ในรถอยู่แล้วละค่ะ” ในที่สุดฝ่ายถูกชนก็เอ่ยกับทั้งคู่ด้วยสีหน้ามีไมตรี
“หนูชื่ออะไรล่ะคะ” ลมเย็นก็เลยต้องสานความรู้สึกที่ดีกับอีกฝ่ายแทนน้องสาวผู้ตวัดนัยน์ตามามอง หากก็ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ชื่อสวนสน อนันตาค่ะ”
สองทุ่มเกือบครึ่งทีเดียว ทั้งสามจึงถึงบ้านโดยรถที่หน้าหม้อซ้ายยุบเล็กน้อย ลมเย็นนั่งคู่กับชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่เสียอารมณ์มากมาย นั่นก็เนื่องด้วยบริษัทประกันตกลงกันได้ด้วยดีว่า ฝ่ายรถสีเทาเข้มจะเปลี่ยนไฟท้ายรวมทั้งเคาะและพ่นสีรอยยุบเล็กน้อยท้ายรถแดงและหน้ารถเทาให้พร้อมกัน เมื่อนำเอกสารรับรองของบริษัทไปยื่นให้อู่
กับสาวผิวคล้ำตาคมที่พบใหม่ ต่างก็ได้รับรู้ชื่อเสียงเรียงนามกันและกันเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งรู้ด้วยว่าหมู่บ้านที่สวนสนอยู่ก็มิไกลไปจากหมู่บ้านของทั้งสาม
“พ่อหนูเพิ่งซื้อรถคันนี้ให้เป็นของขวัญที่หนูจบปริญญาตรีเมื่อต้นปีนี่เองค่ะ ขับได้แค่สามสี่เดือนมาถูกชนก็ไม่ทราบว่าจะถูกเอ็ดไหม” สวนสนบอกกล่าวขณะร่ำลากันหลังจากสองบริษัทประกันยื่นเอกสารให้เจ้าของรถทั้งคู่นำรถไปเข้าอู่ซ่อมของบริษัทได้ทันที
“จะให้เราไปขอโทษคุณพ่อก็ได้นะคะ” ลมเย็นเอ่ยอย่างเอาใจแทนน้องสาวผู้บัดนี้ก็ยังไม่ปริปากพูดจาว่ากระไร ยังคงยืนนิ่ง เอียงข้างให้อย่างไม่ได้ดังใจ เนื่องจากโทรศัพท์ไปหาเหิน แต่อีกฝ่ายตอบมาว่า อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหัวหน้า จึงคล้ายกระพือโมโหโกรธาให้ลุกฮือราวถูกจุดด้วยไฟกองเล็ก
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ไว้ว่างๆ หนูจะไปเยี่ยมคุณพี่” สวนสนตอบอย่างหมดสิ้นอารมณ์เสีย
ทั้งสองฝ่ายแลกเบอร์โทรศัพท์และไลน์ให้กันและกันเรียบร้อยแล้ว จึงต่างก็ขับรถแยกย้ายกันไป
นายชัด นางยาใจและน้าเยี่ยมเยือนยังคงนั่งคอยทั้งสามอยู่ในห้องกลางอย่างกระวนกระวาย ลมเย็นตัดบทโดยส่งหิ้งที่บ้านเขาแล้วพาลมโชยกลับมาพร้อมสีหน้าบูดบึ้ง แกล้งวิ่งตึงๆ ขึ้นบันได ปล่อยให้คนทั้งสี่มองตากัน
หากก็เป็นหน้าที่ของลมเย็นอีกตามเคยที่จะต้องนั่งลงบรรยายเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนอกบ้านอันทำให้หน้ารถด้านซ้ายยุบไป
แม้เพียงเล็กน้อย แต่พรุ่งนี้ก็จะต้องนำไปเข้าอู่
จู่ๆ ก็ต้องยุ่งยากซะงั้น…หล่อนได้แต่รำคาญใจ
‘ก็ไม่รู้เลี้ยงกันมายังไง ถึงได้เหมือนคนไม่มีสมอง’
แม้เมื่อถามพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ความว่ากระไร เนื่องจากไม่มีผู้ใดตอบได้
นางยาใจก็เคยพึมพำ
‘ใครจะไปรู้ ก็อยู่มาด้วยกันทุกวันนั่นแหละ เรียนหนังสือก็ให้เลือกเองว่าชอบอะไร ใครชอบวิชาไหนก็ให้เรียนวิชานั้น…แล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนี้’
แต่ถ้านายชัดได้ยิน เขาก็มักจะตัดบท
‘ก็คนเรา…ดวงมันเหมือนกันเมื่อไหร่ล่ะ…ไม่งั้นก็คงไม่มีน่ะซี…คนนี้นายกรัฐมนตรี คนนี้คนเร่ร่อน…อีกคนติดยาเสพติด อีกคนติดการพนัน แต่อีกคนเป็นเจ้าของที่ดินพันแปลง’
คงจริงของพ่อ
ณ บัดนี้ ลมเย็นจึงค่อยๆ เริ่มเชื่อว่า ‘ดวง’ มีจริง
ดูพ่อเวลานี้ก็ได้
มีสมุดจดดวงวางอยู่ตรงหน้า คงจะอยากรู้ขึ้นมาแล้วละว่า โชคก็มี เคราะห์ก็มา เพราะดาวดวงใด
แล้วก็จริงดังนั้น เนื่องด้วยเขาพยักหน้าให้หล่อนไปอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วค่อยลงมาคุยกัน ตัวเนื้อจะได้โปร่งเบา โดยปลอบว่า
“เย็นก็อย่าไปเอาเรื่องให้กลุ้มนาน วันนี้มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีดีก็จริง แต่เสียก็จ้องเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน”
ลมเย็นจึงทำตามคือ ขึ้นไปอาบน้ำ สวมเสื้อผ้าใหม่เพื่อให้สดชื่นเบาสบาย ครั้นแล้วจึงกลับมานั่งลงตรงหน้าโต๊ะดูดวงที่นายชัดกำลังพลิกดูกลุ่มดาวราศีมังกร คือ 279 โดยวันนี้กำลังเล็งดาว 16 ซึ่งแน่นอนที่ว่าจะต้องเกิดความยุ่งยากขึ้นหลังจาก 13.28 น. เป็นต้นไป
แล้วก็จริงตามปฏิทินจนเกินพรรณนาว่ากระไร
เขาเองยังนึกไม่ถึง
“แต่ก็ไม่เป็นไร…ได้ก็ส่วน เสียก็ส่วน ไม่เกี่ยวกัน”
พ่อพูดง่ายๆ แต่ลมเย็นก็เข้าใจ
“พรุ่งนี้ก็ดีแล้วละน่า” นายชัดยังคงเอ่ยต่อ
“พรุ่งนี้พี่หิ้งจะไปเป็นเพื่อนเย็น…เอารถไปเข้าอู่แต่เช้า”
“ดีแล้ว…” เขาพึมพำขณะพลิกดูตัวเลขของวันพรุ่งนี้และถัดไป
ต่อจากนั้น จึงย้อนกลับมาดูดวงลมโชย ตัวการที่ทำให้เกิดเรื่อง
“ก็เนี่ย 0 เดิมเล็งลัคน์มันอยู่ไง พอมี 279 มาทับก็เกิดเรื่อง ก็ตัวมันคือ 2 เหมือนเย็นนั่นแหละ…พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เย็นกับมันอยู่ราศีกรกฎเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นก็มักจะเกิดด้วยกัน
“ใช่อยู่แล้วละพ่อ” ผู้เป็นพี่สาวพยักหน้าอย่างยอมรับ
ก็คิดดู เรียนก็ตามไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน จบสาขาบริหารธุรกิจเหมือนกัน แต่ครั้นสำเร็จออกมา น้องสาวกลับหันเหไปสู่อาชีพนางแบบเดินแบบ เนื่องด้วยภูมิใจในเรือนกายดวงหน้าบุคลิกลักษณะของตนเองว่ามิแพ้ดาราดัง
แต่ลมโชยลืมไปว่า นิสัยใจคอของทุกบุคคล มีผลลัพธ์ต่อหล่อนทั้งทางบวกและลบ
มิว่าอาชีพใด นิสัยใจคอ ทัศนคติจะประดุจดังประทีปนำทาง
บางดวงไฟก็สามารถส่องสว่างให้แก่อนาคตของตนเองได้ยืนยาว
บางดวงไฟก็สว่างสลับกับเปิดๆ ดับๆ ไม่ยั่งยืนมั่นคง
บางดวงไฟก็สามารถจะดับดิ้นสิ้นชื่อลงในวันเวลามินาน
ดังนั้น ‘ดวง’ ของคนเรา จึงราวกับขุมทรัพย์ที่มีมากหรือน้อย
ถ้ามีมาก ก็ขุดมิรู้หมด
หากมีน้อย เมื่อขุดๆ ไปแต่แรกก็เจอทอง ครั้นแล้วก็เจอแต่โคลนตม
จึงเมื่อนำดวงสองพี่น้องมาเปรียบกัน
นายชัดก็ได้แต่เศร้าใจ
มิอาจสะกดกลั้นความสงสารลูกคนเล็กได้
- READ ดาราอรุณ บทที่ 32 : เพชรลูก
- READ ดาราอรุณ บทที่ 31 : ‘รู้ใจ’ และ ‘รู้ตัว’
- READ ดาราอรุณ บทที่ 30 : สัญญาณมาแล้ว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 29 : ยิ่งกว่านี้ก็ทำได้
- READ ดาราอรุณ บทที่ 28 : อยากได้...เอามาแลก
- READ ดาราอรุณ บทที่ 27 : ใจหนอใจ
- READ ดาราอรุณ บทที่ 26 : รักพี่เหมือน...
- READ ดาราอรุณ บทที่ 25 : เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ
- READ ดาราอรุณ บทที่ 24 : ของของเขา ไม่ใช่ของของเรา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 23 : เนื้อคู่...ของคนอื่น
- READ ดาราอรุณ บทที่ 22 : ชีวิตก็เป็นเช่นนี้
- READ ดาราอรุณ บทที่ 21 : ทวงคืน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 20 : ทองไม่รู้ร้อน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 19 : มิละพยศ
- READ ดาราอรุณ บทที่ 18 : ฤทธิ์เดชของ 27
- READ ดาราอรุณ บทที่ 17 : สามหมอในหนึ่งคน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 16 : อยากได้ใคร...เลือกได้เลย
- READ ดาราอรุณ บทที่ 15 : ดาวศุกร์ยาตราเข้ามาพักพิง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 14 : ดาวการเงิน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 13 : นิยายครอบครัว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 12 : ตีตราจอง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 11 : ดาวศุกร์...คนขี้หึง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 10 : ชะตากรรมกำหนดมาแล้ว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 9 : ความเป็นเขา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 8 : จอมโลกีย์แห่งสวรรค์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 7 : เจ้าเรือนลัคน์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 6 : ดาวพระศุกร์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 5 : พินทุบาทว์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 4 : แสงจันทรา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 3 : ศุกร์ราชาโชค
- READ ดาราอรุณ บทที่ 2 : ดาวประกายพรึกและดาวประจำเมือง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 1 : พบกันอีกครั้ง