ดาราอรุณ บทที่ 21 : ทวงคืน

ดาราอรุณ บทที่ 21 : ทวงคืน

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

ครั้นกลับถึงบ้านก็แลเห็นบิดามารดายังไม่นอน ยังคงนั่งโต้ตอบกันด้วยสีหน้าซึ่งแลเห็นชัดว่าความกังวลใจยังไม่จบสิ้น…ทั้งๆ เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดจากผู้อื่นนำมา

“เหินยังไม่กลับอีกหรือพ่อ”

“ยัง…แล้วนั่นแกมายังไง หนูเย็นมาส่งใช่ไหม”

หิ้งพยักหน้าพร้อมกับนั่งลง ครั้นแล้วจึงเล่าถึงเหตุการณ์วันนี้ให้บิดาฟัง

หากก็เหมือนทั้งคู่จะไม่มีแก่ใจฟังเรื่องอื่นเพราะนางพริ้งเอ่ยขึ้น

“เพชรกับพลอยที่แม่ให้หิ้งดูนั่นน่ะ ขายไม่ได้…”

ขณะที่นายหันแซงขึ้น

“ก็เลยกำลังคิดกันว่า…ถ้าพ่อจะขอวงที่ให้หนูเย็นไป…คืนมาก่อน…จะเป็นไรไหม…”

“พ่อ…พ่อ…พ่อ…” ชายหนุ่มตกใจจนต้องเรียกเขา…ย้ำแล้วย้ำเล่า…เพื่อเตือนสติว่า…อย่าทำ “ไม่ได้เลยนะพ่อนะ…แม่ครับ…อย่าเลย…แม่ก็หาเม็ดอื่นที่ดีกว่าสี่วงนั้นดู จะเหมาะกว่านะฮะ…แต่วงของเย็นผมขอเลย ขอไว้เลย อย่าไปแตะต้องอีกต่อไป ให้แล้วต้องให้เลย”

คราวนี้ นายหันผู้เอาแต่ได้เอาแต่ใจตนเองจึงเผลอตวาด

“แกหลงผู้หญิงขนาดนี้เลยเหรอวะ…ขอคืนมาก่อน แล้วจะหาวงดีกว่านี้ให้…สี่ห้ากะรัตเลยเอาไหม…เอา ‘D Color’ ซะเลยก็ได้นา” นายหันเอ่ยด้วยเสียงดังอย่างประชดประชัน “อ้อ…นี่แกเห็นมันดีกว่าพ่อแล้วละซี…หนอยแน่ะ…รู้งี้อย่าให้ก็ดีหรอก…”

“พ่อ” หิ้งเริ่มรู้สึกว่า…ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปีผ่านไป พ่อก็ไม่เคยละนิสัยเอาแต่ใจตน โมโหเร็ว ด่าเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนี้…

จึงมาถึงวินาทีที่เขาเริ่มนึกออกตั้งแต่ต้นจนจบว่า เหตุไฉน พ่อจึงทำให้อาชัดเลิกคบหาสมาคม…แม้แต่แค่เอ่ยชื่อ…เขาก็ยังไม่เคยได้ยินเลยแม้แต่หนึ่งคำจากปากอีกฝ่าย เลยไปถึงอายาใจ ราวกับคนชื่อหันสูญสลายไปจากชีวิตคนทั้งคู่นานแล้ว

ก็ยังดีที่ลูกสาวนามลมเย็นผู้นั้น…เย็นสมชื่อ

หล่อนไม่เคยถือสาอารมณ์อันวู่วามของพ่อเขาเลย ไม่ว่าในวันเวลาแต่ก่อนเก่าหรือเมื่อคบหากับเขาแล้วในวันนี้

ชวนให้นึกถึงสีหน้าหล่อนในยามที่เขาเอ่ยปากขอแหวนจากนิ้วนางขวาคืนมาชั่วคราว

คิดว่าหล่อนคงถอดให้โดยดี

อาจจะมีวาจากำกับมาด้วย

‘ดีเหมือนกันพี่…ถ้าแหวนนี้สามารถช่วยให้ลุงหายเดือดร้อน เย็นก็จะดีใจแทน’ หรืออย่างไรคล้ายๆ เช่นนั้น

โธ่เอ๋ย…เย็น…เย็น…เย็น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้…ก็คงเขานั่นเองที่เหลือจะทน

ให้แล้วทวงคืนนั้น มิใช่วิสัยชายอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย

“ผมก็คงเสียชื่อหมดเครดิตกันคราวนี้”

“แกก็ดีแต่หลงผู้หญิง” พ่อเขาอุตส่าห์ย้ำอยู่นั่นแล้ว

“พ่อก็น่าจะรู้ดีว่าไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับรักกับหลง ไม่รักไม่หลงอะไรทั้งนั้น แต่เกี่ยวกับเราให้เขาแล้วทวงคืน”

“คืนยังไง” คราวนี้นายหันเริ่มเสียงดังกว่าเดิม “บอกแล้วใช่ไหมว่าจะหาวงใหม่มาให้เอาให้ดีกว่าเก่าทั้งกะรัตทั้งเกรดเลยยังได้”

“กลุ้มใจมากเลย” หิ้งเอ่ย พลางลุกขึ้นยืน เตรียมจะปลีกตัวปลดอารมณ์จากความขุ่นมัวคราวใหม่ เพราะเริ่มรู้สึกราวกับว่า กลับมาบ้านครั้งนี้ แม้จะได้งานที่ดีในบริษัทใหญ่ แต่เรื่องราวปลีกย่อยของพ่อที่พัวพันกับใครต่อใครทั้งโดยตรงโดยอ้อมก็พลอยประดังกันเข้ามาให้เขาจำต้องมีส่วนร่วม…ทั้งร่วมดีและร่วมร้าย

“เออ…มึงมันจบปริญญา แต่กูไม่จบอะไร”

หิ้งฟังแล้วพลันเข้าใจดีว่า ประโยคต่อไป พ่อจะมีขบวนวาจาออกมาอย่างได้เนื้อได้หนังได้พลังโกรธาขนาดไหน

ดังนั้น เขาจึงไม่ตอบกลับว่ากระไร แต่รีบก้าวเร็วๆ ออกจากตรงนั้นไปยังบันได โดยมีเสียงเอ็ดอึงตามมา

“เห็นละยังว่ามันนึกว่ามันเหาะได้”

เขาฟังแล้วได้แต่เศร้าใจ

ความคิดที่ใคร่จะให้พ่อกับอาชัดดีกัน…พลันสลายลงทันใด

ดีกัน…มันจะเหมือนเขาหากองไฟไปใส่บ้านเพื่อนพ่ออีกครั้ง

ดังนั้น หลังจากอาบน้ำแล้ว เขาก็หาได้นอนหลับไม่ จนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นเข้าบ้าน เสียงฝีเท้าเหินกำลังจะผ่านหน้าห้อง

ชายหนุ่มจึงเปิดประตูพลางถาม

“เมาหรือเปล่าวะ”

“อ้าว…พี่หิ้ง ยังไม่นอนอีกเหรอ” เสียงน้องชายคล้ายละเมอนิดหน่อย

“ก็…มึน…ตะ..แต่ไม่มาก กลัวกลับบ้านม่ายล่าย-ย-ย-“

“ไปอาบน้ำซะไป๊ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“รู้ละ…โชยใช่ไหมเอารถไปชน”

“ใช่”

“ก็งั้นละ อย่าไปถือสาอะไรกะเขาให้มาก เดี๋ยวจะปวดกบาล”

ว่าพลางเจ้าตัวก็ผลุบเข้าห้อง

หิ้งได้แต่ถอนใจยาว…ถอยหลังกลับ แม้อยากหลับ ก็หาได้ข่มใจให้หลับได้ไม่

 

ขณะที่นายชัดยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะพยากรณ์ มีลมเย็นกำลังอ่านตำราที่ขอพ่อมาทำความเข้าใจเรื่องดาวศุกร์ที่พ่อว่าดีนักดีหนา

แต่ ณ บัดนี้ เหตุไฉนจึงดูราวกับว่าเกิดเรื่องไม่คาดฝันให้ข้องใจ

“อย่าลืมละกันว่า…เรื่องได้เงินขึ้นกับดวงแม่เราคนเดียวเพราะเขาเป็นเจ้าของโฉนด กับอีกคนคือคุณปรียาแค่นั้น…แต่เรื่องอื่นที่แทรกเข้ามานั่นไม่ใช่…ไม่เกี่ยวกัน” เขาก็เลยบอกกับลูกสาวให้เข้าใจ “แต่ถ้าจะอยากรู้เรื่องดาวพระศุกร์ล้วนๆ ก็อ่านบทความนี่ได้…เขาบรรยายไว้ถ้วนถี่น่าอ่าน”

ลมเย็นตั้งใจมั่นไว้แล้วตลอดมา…ว่า…หล่อนจะเพียรถ่ายทอดมรดกทั้งสามสาขานี้ไว้ให้ได้มากที่สุดและง่ายที่สุด นั่นก็คือเรียนรู้ด้วยตนเองจากบิดา

เนื่องด้วยได้ซึมซับมาแล้วด้วยวันเวลาอันยาวนานเพียงพอว่า…คนเรา…ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ตารางสอนของสถาบันใดสถาบันหนึ่งเพื่อจะรอรับสิ่งที่เรียกว่าปริญญาเสมอไป ด้วยคำว่า ‘มรดกทางปัญญา’ นั้นหลั่งไหลรวยรินอยู่เป็นนิจรอบกาย คนในชาติในสาขาหรือต่างสาขาสามารถดึงเอามาต่อยอด…จะให้กลายเป็นยอดที่สูงสง่าค้ำฟ้าหรือแค่ต่ำเตี้ยก็ย่อมสุดแต่กำลังกายกำลังปัญญารวมทั้งกำลังศรัทธาของแต่ละคนจะดลให้ผิวเผินหรือยืนนาน

ลมเย็นจึงค่อยๆ อ่านผ่านตัวอักษรอันปรากฏอยู่บนเนื้อกระดาษเก่าเก็บสีน้ำตาลเรื่อ

เป็นบทความที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องเชิญชวนแต่อย่างใด

เขียนโดยอาจารย์ใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งล่วงลับไปนานแสนนาน

‘ดวงดาวที่สดใสยามใกล้รุ่งมีแสงเย็นนวลตา ดูเหมือนโคมสีนวลที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าหรือดูเหมือนกับเพชรที่มีแสงแวววาว…เขาขึ้นต้นดวงดาวงามไว้เช่นนี้

ดวงดาวนั้นคือดาวพระศุกร์

ดาวพระศุกร์ในดวงชะตานั้นถือเป็นดาวสำคัญดวงหนึ่ง

ในการพยากรณ์พื้นชะตาของบุคคล ดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ (และพุธด้วย) เป็นดาวที่แสดงถึงความเฉลียวฉลาดของเจ้าชะตา

พฤหัสเป็นเจ้าแห่งวิทยาการทั้งมวล

แต่ศุกร์มีอิทธิพลที่จะทำให้ความรู้ความสามารถนั้นเด่นขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับงานประพันธ์แล้ว

ศุกร์เท่านั้นที่จะให้ได้

พฤหัสบดีเป็นดาวที่ให้คุณในทางวิชาการ ในทางความคิดอ่านก็จริง แต่ถ้าดีเพียงพฤหัสบดีตัวเดียว ไม่มีศุกร์ช่วยด้วยแล้ว ก็จะมีเพียงความคิดเท่านั้น ไม่มีการกระทำด้วย ดังนั้นศุกร์จึงมีความหมายหนักไปในทางการกระทำ

‘ศุกร์’ จึงมีฉายาอีกอย่างหนึ่งว่า ‘กวี’

กวีโดยมากจึงมีศุกร์อยู่กับลัคนา

ศุกร์กุมลัคน์ มักจะให้เจ้าชะตาเป็นคนมีเสน่ห์ ใบหน้าสวยงาม กิริยามารยาทเรียบร้อย เป็นมิตรกับคนทั่วไป เป็นคนมีมนุษยธรรม…

แต่ก็มีเหมือนกันที่คนมีศุกร์กุมลัคน์มักเป็นคนเจ้าชู้ ไม่น่าไว้ใจ…’

ลมเย็นอ่านมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่ใจหายวูบ ถอนสายตาจากตัวพิมพ์ตรงหน้า พลางเงยขึ้นบอกบิดา

“ดาวศุกร์นี่แสนดีนะพ่อ แต่พอถึงคราวไม่ดี…ก็…ก็…” หล่อนพูดพลางกะพริบตาถี่ “ดวงพี่หิ้งก็มีดาวศุกร์กุมลัคน์เหมือนเย็น…”

นายชัดยิ้มในหน้าขณะสบตาอีกฝ่าย หากก็ปลอบใจ

“ไม่เป็นไรหรอกลูก…ไม่เป็นไร เราไม่แพ้เขาเป็นใช้ได้…ลองอ่านให้จบแล้วจะรู้ว่า ดาวศุกร์มีดีก็มีเสียนะ ไม่ใช่ดีล้วน” บิดาชี้แจง “ฉะนั้น…ถ้าเมื่อไหร่จรไปในภพที่เสีย แล้วปีนั้นศุกร์ก็เสียด้วย ถึงดวงเดิมจะดี ยังไงๆ ก็ต้องเดือดร้อน”

ลมเย็นก็เลยยอมเข้าใจ ขณะอ่านต่อ พร้อมกับพ่อหล่อนทิ้งท้าย

“ไม่มีใครในโลกนี้ไม่เคยเดือดร้อน แม้แต่คนดวงดีที่สุด…จำไว้”

หญิงสาวก็เลยอ่านดังๆ

“ศุกร์ในเรือนที่ 2 แม้จะเกิดในตระกูลเข็ญใจ แต่ก็ต้องเป็นมหาเศรษฐีจนได้

ศุกร์เรือนที่ 3 ไม่ให้ผลดีอะไรนัก แต่ก็ไม่ให้ผลร้าย เจ้าชะตาจะมีพี่น้องหญิงมากกว่าชาย

ศุกร์เรือนที่ 4 ดีมาก เจ้าชะตาจะมีแต่ความสุขสบาย มียานพาหนะ มีบ้านช่องสวยงาม แม้อาจจะไม่ใช่ของตนเอง ก็สามารถอยู่อย่างสบาย จะได้รับความสุขจากญาติฝ่ายมารดา

ศุกร์เรือนที่ 5 จะมีบุตรหญิงมากกว่าบุตรชาย บางรายอาจมีลูกถึงหกคน

ศุกร์เรือนที่  6 ไม่ดี

ศุกร์เรือนที่ 7 ตำราเดิมว่า ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันดร์ มักให้ผลร้ายแก่ดวงชะตาหญิงมากกว่าชาย

ศุกร์เรือนที่ 8 เป็นเรือนมรณะ ทายเช่นเดียวกับเรือนที่หก

ศุกร์เรือนที่  9 ดีมาก และจะยิ่งดีมากขึ้น ถ้าอยู่ในเรือนที่ 10

ศุกร์เรือนที่ 11 ศุกร์เรือนนี้ ถ้ามีกำลังดี จะให้ผลลัพธ์เหมือนศุกร์เรือนที่ 2 แต่ถ้ากำลังไม่ดี ก็ลดน้อยลงไปบ้าง

ศุกร์ในเรือนที่  12 ศุกร์เรือนนี้ อันตรายต่ออายุขัยมาก อายุมักสั้น เพราะศุกร์นั้นถือว่าเป็นดาวที่ประสาทชีวิตดวงหนึ่งเหมือนกัน

คนที่มีศุกร์ในเรือนที่สิบสอง มักเป็นคนขี้โรค สามวันดีสี่วันไข้

มักเป็นเหยื่อของโรคร้ายหลายชนิด”

ลมเย็นค่อยสบายใจขึ้นมาหลังอ่านจบ

ถึงอย่างไร ศุกร์ของหล่อนก็แสนดี



Don`t copy text!