ดาราอรุณ บทที่ 29 : ยิ่งกว่านี้ก็ทำได้
โดย : กฤษณา อโศกสิน
ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ
แต่ยังมิทันที่ใครจะเอ่ยว่าอย่างไร เสียงกริ่งประตูก็ดังรัวๆ
นายสันจึงลุกขึ้น ขณะที่เหินเผ่นแผล็วกลับลงมา
เสียงกริ่งถี่ๆ เช่นนี้ คงไม่มีผู้ใดใครอื่นนอกจากหญิงที่เพิ่งตัดขาดเขาออกจากรายนามความรักใคร่
‘จะมารังควานอะไรอีกวะ’ เขาได้แต่นึกในใจ
จริงดังที่คาดหวังไว้ไม่มีผิด เมื่อบริวารเก่าแก่เดินนำลมโชยเข้ามาพนมมือไหว้นายหันและนางพริ้งพลางนั่งลง
“อ้อ…” เจ้าของบ้านเริ่มกุกกัก ปริปากประโยคใดแทบไม่ได้เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่ตกลงกัน
“โชยจะขออนุญาตมาลาลุงกับป้าอีกครั้งน่ะคะ” เจ้าตัวทำเสียงสุภาพทีเดียวในค่ำคืนนี้ “คือ…โชยกับพี่เหินตกลงกันได้แล้วว่าจะเลิกกัน…”
“ทำไมจะเลิกซะล่ะ” นายหันถามเสียงเบา เพราะไม่ทันนึกว่าลูกคนเล็กของนายชัดจะผิดแปลกไปจากลูกคนโตถึงเพียงนี้
“ลองถามเขาดูดีกว่าค่ะ…อ้อ…แล้วเรื่องที่ลุงขอให้โชยไปทำให้น่ะ โชยทำให้ไม่ได้หรอกนะคะ…สงสารเขา…โชยใจไม่แข็งพอ”
ผู้ที่ตกตะลึงมากกว่านายหันก็คือลูกชายคนโต
หิ้งหันไปจ้องหน้าพ่อของเขาเขม็ง พลางถามอย่างผิดหวัง
“พ่อให้โชยไปทำอะไร…กับใครหรือฮะ”
สีหน้าบิดาสลดลงนิดหนึ่ง…แต่ความเป็นคนไม่ยอมใคร รวมทั้งคิดว่าเรื่องที่ตนเองตัดสินใจย่อมดีกว่าและถูกต้องกว่าผู้ใดอยู่เสมอ จึงเริ่มมีอาการเลือดขึ้นหน้าตามมา
“จะทำอะไรก็เรื่องของกู”
“พ่อ…อย่า…อย่าถึงกับเอะอะโวยวาย…ใจเย็นๆ หน่อยก็ได้”
“ทำไมถึงจะต้องเย็น…ในเมื่อเป็นเรื่องเดือดร้อนของเราล้วนๆ ทุกบาททุกสตางค์ก็ออกจากกระเป๋าเรา…ขอแค่นี้…ทำไมถึงไม่ฟังกันมั่ง”
ลมโชยมองดูอาการเจ้าของบ้านแล้วสาแก่ใจ
พี่หิ้ง…พี่คงยังไม่รู้ฤทธิ์โชยใช่ไหม ถ้ายังไม่รู้ ก็ควรหันไปดูหน้าตาน้องชายที่เพิ่งบอกเลิกกัน น้ำตาเขาเองก็ยังไม่ทันแห้ง ดูซิว่าใช่เขาไหม
เพียงแต่หล่อนมองดูทุกคนยิ่งอยู่ ไม่เอ่ยต่อว่ากระไร รอให้อีกข้างเป็นฝ่ายอธิบาย
หิ้งก็เลยยื่นคำขาด
“ถ้าพ่ออยากให้เรื่องจบ ก็ต้องพูดออกมาว่าพ่อให้โชยไปทำอะไร ทำใคร ไม่งั้นผมจะตัดสินใจไม่ได้”
แต่นายหันนิ่งอึ้งขณะสบตากับลมโชย ผู้มีสีหน้าเป็นต่อ รอให้อีกฝ่ายคิดได้ว่าตนเองควรทำอย่างไร แบบไหน เรื่องราวจึงจะจบลงอย่างราบรื่นเรียบร้อย
‘แต่วงนี้เป็นวงที่ได้มาจากร้านคุณอรุณนานแล้ว เขารู้ดีว่าเวลานี้ราคาเท่าไหร่ เพียงแต่เขาอยากให้รอหุ้นส่วนกลับจากนอกอาทิตย์หน้า…แล้วหุ้นส่วนจะเก็บแหวนนี่ไว้ ให้เงินสดเราแทน ถึงยังไงเขาก็จะเก็บไว้ให้ ไม่หักหลังเอาไปขาย’ นายหันพยายามสะกดใจไม่เอ็ดตะโร จึงเรียบเรียงถ้อยคำที่ถ่ายทอดให้ภรรยาฟังเมื่อสักครู่อยู่ในใจ
“แล้วพ่อก็จะเอาเงินไปช่วยลูกเขยคุณหญิง” แต่หิ้งไม่ยอมเข้าใจ “พ่อจะช่วยให้เป็นยังไงขึ้นมา” คราวนี้นายหันอ้ำอึ้ง
ใจนึงก็อยากได้แสงจันทรา จะได้ ‘ดอง’ กับคุณหญิงระวีฉาย แต่อีกใจนึงก็เอ็นดูลมเย็น
“เขาเป็นลูกค้าเรามานาน อุดหนุนสารพัดเพชรพลอย”
“ลูกค้าส่วนลูกค้านะพ่อ อย่าเอาไปปนกับลูกแท้…เพราะลูกแท้นี่เป็นสายโลหิตของพ่อ พ่อพลาดพลั้งเรื่องอะไร ผมที่เป็นลูกแท้ก็จะต้องเข้ามาช่วยพ่อให้รอดจากเคราะห์เท่าที่จะช่วยได้ คนอื่นเขาไม่มีหน้าที่ ช่วยก็ได้ไม่ช่วยก็ได้”
นายหันก็เลยเบนสายตาจากหิ้งมาอยู่ที่ดวงหน้าลมโชย
เด็กคนนี้ทำทีมาลา แต่ท่าทางแฝงเลศนัย ครั้นแล้วจึงทำท่าจะไขความลับที่เขาพูดกับหล่อนออกมาต่อหน้าทุกคน
มันหมายความว่ากระไร
ถ้ามีใช่มาข่มขู่ให้เขารับรู้บางอย่าง
อาจเพราะหล่อนอยากได้แหวนอีกซักวงก็เป็นได้
แหวนอีกหนึ่งวง
เมื่อคำตอบมาสิ้นสุดลงที่ตรงนี้ นายหันจึงพยักหน้ากับหิ้ง
“ลองถามโชยสิว่าอยากได้อะไร”
“อย่าให้นะพ่อ” เหินร้องอย่างเจ็บใจ “ก็เขารักพี่หิ้งไง”
หิ้งเพียงแต่ร้องโอ๊ะเบาๆ
“โชย…ขอทีนะ อย่ามาดึงพี่เข้าไปเกี่ยวอะไรกับเธอดีกว่า โชยจะรักจะเลิกจะดีจะร้ายกับเหินก็สู้รบกันไป แต่พี่ขอตัวได้ไหม เพราะชีวิตยังจะต้องเดินหน้า ทำการงานอีกมาก ขอตัวเลยนะโชย…นะ…ขอตัว” ชายหนุ่มคิดว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องพูดกันให้รู้เรื่องเด็ดขาดกันไป เพราะถ้ายังอลเวงไม่แน่นอน เขากับลมเย็นก็คงต้องคอยระแวดระวังหวั่นไหว มีแต่ความไม่เชื่อใจกันและกัน
ลมโชยนิ่งฟัง…ขณะที่ตัวชาแล้วชาอีกเสมือนถูกผลักล้มลงกลางที่สาธารณะ เนื่องด้วยรู้สึกขายหน้าเป็นครั้งแรก แม้คนที่นั่งมองหล่อนขณะนี้จะมิใช่คนอื่นคนไกล
เหินอยากส่งเสียงเยาะหยันหล่อนขึ้นมาเหมือนกัน แต่ก็กลับใจได้ เพราะนั่นมิใช่นิสัยของเขา
เพียงแต่บอกหล่อนอย่างปรารถนาดี
“โชย…ไม่รักพี่แล้วก็ไม่เป็นไร ต่อไปจะรักใครก็ดูให้ดี อย่าไปเอาคนอย่างพี่มาควง”
ลมโชยฟังแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ ด้วยกำลังนึกสนุกอยู่ทีเดียว ในที่สุดจึงเอ่ย
“แต่โชยก็เลิกโกรธพี่แล้วละน่า”
ขณะที่นายหันบอกนางพริ้ง
“แม่…ช่วยหาแหวนสวยๆ มาให้โชยซักวงได้ไหม”
พลางมองเลยไปสบตากับเหิน
‘นึกซะว่า ชดเชยให้มันไปตอนที่แกไปคั่วอยู่ตั้งหลายปี’
แต่สมองที่ราวกับเครื่องคิดเลขของเขาก็ยังคงส่งเสียงลับลึกสืบไป มิได้หยุดอยู่เพียงนี้
ฝ่ายนายชัดและลมเย็นยังคงนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะพยากรณ์ นางยาใจและน้าเยี่ยมเยือนดูโทรทัศน์อยู่ด้านใน
บรรยากาศยามค่ำสงบสบายเงียบกริบ เหมาะสำหรับหารือเรื่องสำคัญ ดังนั้นคืนนี้แม้กำลังมีกังวลว่าลมโชยหายวับไป หลังจากพาเหินมากินอาหารแล้วบอกลา แต่เขาเองก็รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าคราวนี้คนทั้งคู่ขาดกันแน่
แต่ลมเย็นมิสู้จะแน่ใจ
น้องสาวเลิกรากับน้องชายเขาแล้วจะหันมาหาชายผู้พี่ชนิดกัดไม่ปล่อยอีกหรือไม่
คิดแล้วก็ได้แต่รำคาญ จึงหันมาหาพ่อ ช่วยพ่อคัดเฟ้นรายชื่อสมุนไพรที่อาจจะแนะนำให้คุณปรียาหามาปลูกไว้ในที่ดินที่ซื้อใหม่ เลือกเอาแต่ชนิดที่ใช้ดีใช้บ่อย รักษาโรคที่มักเกิดได้ ไม่เลือกคนสูงอายุหรือวัยเยาว์
“อย่างยาแก้ไอง่ายๆ แก้ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหอบหืดที่ผู้คนชอบเป็นกัน ยาแก้ไอก็มีชะเอม สมอไทย พริกไทย อบเชย ขิง…เห็นไหม…มันก็ง่ายๆ…ปลูกไว้อย่างละสองสามต้นก็พอ…แต่ยาแก้อัมพาตมากหน่อย…” นายชัดเอ่ยชื่อสมุนไพรที่เขาคัดใส่สมุดไว้ต่างหาก
ขณะที่ใจลมเย็นเหาะเหินไปสู่อีกบ้าน
แม้กระนั้นก็ยังแข็งใจไล่สายตาดูรายชื่อยาวเหยียดรวม 40 ชื่อ
“แต่ปลูกง่ายๆ อย่างกระทือ กระชาย เถาวัลย์เปรียง ข่า ขมิ้นอ้อย พริกไทย ชะพลู ขิง กานพลู ดีปลี ลูกจันทน์ กระชาย กระวาน…พวกนี้ หาไม่ยากนะพ่อ”
“ใช่…ไม่ยาก…ที่ยากก็พวกไม้ป่าที่ต้องซื้อจากเอเย่นต์…คือถึงไงเราก็ปลูกได้ไม่มากเพราะเนื้อที่น้อยไป แต่ก็เอาละ ปลูกได้แค่ไหนก็แค่นั้น เราทำเราก็ทำยาเฉพาะที่พอทำได้ เหมือนที่ทำอยู่ทุกวันนี่ไง”
“ก็ต้องแค่นั้นแหละพ่อ…” ยังมิทันขาดคำ เสียงกริ่งประตูรัวถี่ๆ ก็ดังขึ้น
“มาแล้ว…” บิดาครางเบาๆ พลางสบตากับลูกคนโต “ถ้ามันจะพิเรนทร์อะไรอีก…ก็…ช่างมันนะ…”
“ค่ะ…ไม่มีอะไรหรอก พ่อ…มันก็แค่ชอบแสดงอวดคนดู”
พอดีเจ้าตัวก้าวเข้ามา
“กำลังปรึกษาอะไรกันคุณพ่อคุณพี่” พลางผู้พูดก็ชูนิ้วนางที่สวมแหวน ร่อนเข้ามาจนเกือบติดจมูกลมเย็น “เห็นละยัง…แหวน…แหวน….พ่อพี่หิ้งให้แหวนโชยเหมือนกันนา-า-า ไม่ได้ให้แค่พี่เย็นคนเดียว รู้ป่าว”
“ก็โชยไปทวงเขาถึงบ้านใช่ไหมล่ะ” ลมเย็นเลยย้อนเรียบๆ ยิ้มๆ
นายชัดก็ได้แต่มองอย่างอ่อนใจ
“พ่อไม่เข้าใจโชยเล้ย…แกทำแบบนี้ได้ไง”
“ทำได้พ่อ…โชยทำได้อยู่แล้วล่ะ…ยิ่งกว่านี้ก็ทำได้” เจ้าตัวว่าพลางกรีดฝ่ามือซ้ายออกแผ่ร่อนอยู่ชิดดวงตา ทำท่าราวจะร่ายรำ
“แล้วนี่ เจ้านั่นมันมิกำลังนินทาถึงโคตรเหง้าเราแล้วมังว่า…ก็คนมันไม่เคยมี”
“พ่ออย่าไปคิดไกล…ได้แล้วก็ดีแล้ว เขาเต็มใจให้ด้วยซ้ำไปน่ะนา…ป้าพริ้งแกเข้าไปไขเซฟมาให้เลยละ…พ่อรู้ป่าว” อีกฝ่ายยังคงคึกคักกรีดแขน
อ้อ…นึกออกแล้ว…เจ้าหันมันต้องเสียทรัพย์สินมีราคานี่เอง
ถ้างั้นก็ช่างมัน
เขาจึงทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่โต้ตอบให้ยาวความ ก้มลงอ่านรายชื่อสมุนไพรต่อจากที่อ่านค้างไว้
ลมเย็นอยากรู้เหมือนกันว่า นางพริ้งให้แหวนระดับไหนน้องสาวก็เลยขอดู
“ไหน…โชย…เอามาให้ชมกันชัดๆ หน่อยดีกว่า…เห็นไหม…ป้าเขาก็ใจดีออกจะตาย เขาให้พี่แล้วจะไม่ให้โชยได้ไง”
แต่น้องของหล่อนกำมือเข้าหากัน
“ไม่ต้องมาเทียบก็ได้…กะจะหัวเราะเยาะเค้าใช่ไหมล่ะ”
“โธ่เอ๊ย” ลมเย็นส่ายหน้า นึกเวทนาความรู้สึกของอีกฝ่ายจนต้องให้อภัย “พี่เคยหัวเราะเยาะโชยเหรอ…ถามคำ…”
“ไม่เอานะ…ไม่มาเถียงกันเรื่องใครเด่นกว่าใคร” บิดาอดรำคาญมิได้จึงยกมือขึ้น “ไปดูทีวีซะไป๊โชย…พ่อก็จะไปเหมือนกัน”
ครั้นแล้ว เขาก็ลุกขึ้น เดินนำเข้าห้องในที่มีโต๊ะอาหาร มีโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่นางยาใจกับน้าเยี่ยมเยือนนั่งดูอยู่ก่อน เพราะคืนนี้จะมีละครที่นางติดใจตามดูมาลงจอ
ดังนั้น ลมโชยจึงปิดไฟห้องนอกเดินตามบิดาไปสมทบกับแม่และน้า
แต่ลมโชยแยกตัวขึ้นบันได…เข้าห้องตนเอง พลางใช้ไฟฉายดวงเล็กส่องดูแหวนในนิ้วนางซ้ายที่หล่อนจัดแจงสวมใส่ทันทีที่นางพริ้งยื่นถุงกำมะหยี่สีน้ำเงินเล็กๆ มีเชือกเกรียวรูดปิดให้กับมือเมื่อสักครู่
ตอนที่พี่สาวชูมือร่อนอวดเพชรน้ำงามให้คนในบ้านอยู่ หล่อนก็แลเห็นเพียงแวบๆ ไม่ชัดว่าเม็ดนั้นกับเม็ดนี้งดงามต่างกันเพียงไร ต่อจากนั้นก็ไม่เห็นอีก เห็นแต่สีหน้าพี่หิ้งดูปลาบปลื้มมากมาย…คล้ายชายหนุ่มบูชารัก ปักใจมอบหมายของมีค่าที่หาได้ยากให้แก่หญิงสาวที่ตนสุดสวาท
ครั้นแล้ว น้ำใสก็ไหลรินร่วงหล่นลงมาโดยหล่อนเองก็ไม่ทันรู้ตัว
รู้แต่เพียงว่า
แข่งใดใดในชีวิต ไม่มีความยากเทียมเท่าแข่งแย่งชิงหัวใจใครสักคนมาอิงแอบแนบดวงกมลของตนเอง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 32 : เพชรลูก
- READ ดาราอรุณ บทที่ 31 : ‘รู้ใจ’ และ ‘รู้ตัว’
- READ ดาราอรุณ บทที่ 30 : สัญญาณมาแล้ว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 29 : ยิ่งกว่านี้ก็ทำได้
- READ ดาราอรุณ บทที่ 28 : อยากได้...เอามาแลก
- READ ดาราอรุณ บทที่ 27 : ใจหนอใจ
- READ ดาราอรุณ บทที่ 26 : รักพี่เหมือน...
- READ ดาราอรุณ บทที่ 25 : เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ
- READ ดาราอรุณ บทที่ 24 : ของของเขา ไม่ใช่ของของเรา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 23 : เนื้อคู่...ของคนอื่น
- READ ดาราอรุณ บทที่ 22 : ชีวิตก็เป็นเช่นนี้
- READ ดาราอรุณ บทที่ 21 : ทวงคืน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 20 : ทองไม่รู้ร้อน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 19 : มิละพยศ
- READ ดาราอรุณ บทที่ 18 : ฤทธิ์เดชของ 27
- READ ดาราอรุณ บทที่ 17 : สามหมอในหนึ่งคน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 16 : อยากได้ใคร...เลือกได้เลย
- READ ดาราอรุณ บทที่ 15 : ดาวศุกร์ยาตราเข้ามาพักพิง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 14 : ดาวการเงิน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 13 : นิยายครอบครัว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 12 : ตีตราจอง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 11 : ดาวศุกร์...คนขี้หึง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 10 : ชะตากรรมกำหนดมาแล้ว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 9 : ความเป็นเขา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 8 : จอมโลกีย์แห่งสวรรค์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 7 : เจ้าเรือนลัคน์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 6 : ดาวพระศุกร์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 5 : พินทุบาทว์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 4 : แสงจันทรา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 3 : ศุกร์ราชาโชค
- READ ดาราอรุณ บทที่ 2 : ดาวประกายพรึกและดาวประจำเมือง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 1 : พบกันอีกครั้ง