ดาราอรุณ บทที่ 30 : สัญญาณมาแล้ว

ดาราอรุณ บทที่ 30 : สัญญาณมาแล้ว

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

 

เปรียวกำลังสตาร์ทรถจักรยานยนต์คู่กายของเขาอยู่ที่เดียว ก็พลันแลเห็นสวนสนขึ้นแท็กซี่มาถึง ชำระเงินแล้วจึงประคองกระถางเล็กๆ หนึ่งกระถางที่มีพืชสีเขียวเข้มรูปร่างประหลาดชูก้านสูงขึ้นมาสองสามก้านประมาณสามสี่เท่าของนิ้วชี้สองสามนิ้วต่อกัน ก้าวเข้ามาถึงตัวเขาพลางส่งให้

“ว่านงาช้างไงพี่ มีคนเอามาให้พ่อ หนูเลยขอพ่อมาเป็นของกำนัลพี่ที่จะช่วยหางานให้หนูทำ” สวนสนออกอาการปะเหลาะหน่อยๆ “เลี้ยงไม่ยากเลยค่ะ…คุณสมบัติก็คับแก้ว”

“ไม่เคยเห็นเลย” ชายหนุ่มรับมาถือไว้พลางพิจารณา “ที่จริงก็สวยดีนะ…แต่แม่พี่เป็นโรคไม่มีเวลาทำเรื่องอื่นนอกจากเย็บปักถักร้อย”

“ไม่ต้องดูแลอะไรเลยนะพี่เปรียวขา…วางไว้หน้าบ้านข้างบ้าน ตรงไหนได้หมดเลย…คนให้เขาให้พ่อตั้งสองสามกระถาง เขาบอกว่าเป็นไม้มงคลน่ะค่ะ ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์”

แต่เปรียวก็ยังลังเลเนื่องด้วยเขากำลังจะไปแวะที่บ้านลมเย็นอยู่ทีเดียว…

นั่นก็เนื่องด้วยคิดถึงหล่อนขึ้นมาค่อนข้างแรงในเช้าวันนี้ เลยบอกสวนสน

“แต่นี่พี่กำลังจะไปบ้านคุณชัดนะ…ไปคุยธุระนิดหน่อย” สีหน้าชายวัยใกล้สี่สิบค่อนข้างเศร้าสร้อยชอบกล “สนมีอะไรต้องไปทำไหม…ถ้าไม่มี ซ้อนท้ายไปกะพี่ เอากระถางนี่ไปด้วย เอาไปให้คุณเย็น”

“ไปเลยพี่…ดีเลย…” อีกฝ่ายทำท่าดีใจขึ้นมาทันควัน “หนูชอบพี่เย็น…ชอบมองหน้า ชอบคุยด้วย…ชอบ…ชอบ…ชอบ”

“แต่อย่าชอบเลยไปถึงอีกคนนะ” เปรียวอดเหน็บแนมมิได้ขณะสตาร์ทรถอีกครั้ง พาสวนสนผู้มีกระถางว่านงาช้างตรงหว่างขาออกแล่นคึ้กๆไปยังบ้านนายชัด พลางลงไปกดกริ่ง เพียงพริบตา ประตูก็เปิดออก จึงชวนกันเดินเข้าไป

“อ้อ…หนูสน” นายชัดทักทายขณะรับไหว้คนทั้งคู่ โดยหญิงสาววางกระถางต้นว่านงาช้างลงบนโต๊ะตรงหน้า ขณะที่ลมเย็นเพิ่งลงมาจากชั้นบน

เปรียวได้แค่สบตากับหล่อนอย่างเสียดาย

เมื่อคืน เขากับพงาก็ทะเลาะกันรุนแรง โดยเขายังคงขอหย่า แต่อีกฝ่ายส่งเสียง ‘ไม่มีวันซะละ ที่ฉันจะหย่าง่ายๆ…แต่ถ้าจะหย่าก็ได้นะ…รอวันหมดตัวด้วยละกัน”

เขาจึงแทบไม่สามารถจำบรรจงกับผู้ใดในเช้าวันนี้ แม้แต่กับมารดาผู้เมื่อกี้ที่พบหน้ากันก็มีแต่น้ำตาเต็มตา

“ไปไหนกันมาคะเนี่ย” ลมเย็นไถ่ถามพลางนั่งลงสมทบตรงหน้าโต๊ะพยากรณ์หลังจากเปรียวและสวนสนหันไปไหว้นางยาใจและน้าเยี่ยมเยือนโดยนางทักทายอย่างคุ้นเคยขึ้นมากกับหญิงผู้มาใหม่

“เอาต้นว่านงาช้างมาให้พี่เปรียวน่ะค่ะ แต่พี่เขาอยากให้คุณลุง”

ลมเย็นแลเห็นสีหน้าชายหนุ่มเช้านี้ก็แทบจะเดาได้ทีเดียวว่า คงมีเหตุไม่ชอบมาพากลเข้ามาในอารมณ์เขาแต่เช้าอย่างแน่นอน

“อ้าว…ทำไมไม่รับไว้ล่ะคุณ…อีกหน่อยจะได้เอามาลงที่ที่ผมกำลังจะขายให้คุณปรียาไงฮะ” นายชัดบอกกล่าวอย่างอารมณ์ดี…ขณะที่เดาได้เดาถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปรียวเช้านี้

“อยากให้คุณชัดเลี้ยงไว้ก่อนไงฮะ…ซื้อขายกันแล้วค่อยทะยอยเอามาปลูก คุณแม่ก็กะว่าจะให้คุณชัดช่วยแนะนำด้วยว่าควรปลูกอะไรยังไงแค่ไหนดี”

“ถ้างั้นก็ได้คุณ…ว่าแต่ว่ามีเรื่องอื่นอีกไหม” ฝ่ายโหรถามยิ้มๆ อยู่ในหน้า

“มีซีฮะ” เปรียวลงเสียงหนักแน่น ขณะนั่งเอียงๆ เพื่อจะได้เห็นหน้า ฟังเสียงหญิงสาวที่ตนเองปรารถนา แต่มีอุปสรรคใหญ่ให้ได้เห็นคาตา “คือ…เมื่อคืนก็เอาอีกละครับ…ทะเลาะกันบ้านแทบพัง…”

นายชัดก็เลยเปิดสมุดที่มีดวงชะตาของชายหนุ่มกับภรรยาเขา

“อือ” ผู้พยากรณ์แลเห็นตัวเลขแล้วก็มิรู้จะเอ่ยคำใดดี…ก็ใช่ว่าเขาเพิ่งรู้เมื่อไหร่เล่า…หากแต่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เปรียวมาดูดวงแล้วว่า ชายผู้นี้คงต้องผจญภัยคงต้องผจญกับทุกข์จากการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับหญิงคนนั้นสืบไปจนกว่าดาวเสาร์ 7 จะยาตราเข้ามาทับลัคน์หล่อน เริ่มจากวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. หน้า เนื่องด้วยเป็นปีที่ทั้งเสาร์ 7 พฤหัส 5 ราหู 8 ย้ายราศี…ช่วยให้มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้น โดยมิคาดหมายซึ่งมีทั้งดีและร้ายแต่ความแข็งแรงและอ่อนแอของแต่ละดวงชะตา “แต่ถึงยังไงคุณก็ต้องรอ…ถ้าไม่อยากทุกข์หนัก ก็ควรหาทางเลี่ยงที่จะช่วยให้ไม่ต้องปะทะกัน”

เสียงกริ่งดังขัดจังหวะขึ้นมากรี้งเดียว พอให้รู้ว่า ‘ฉันมาแล้วนะ’

สักสองสามอึดใจ หิ้งก็เดินเข้ามาถึงห้องรับแขก

เปรียวจึงหันไปทักอย่างเสียไม่ได้

“สวัสดีฮะ…มาแต่เช้าเลยนะครับ” ลูกชายคุณปรียาลงเสียงคล้ายรวนนิดๆ

หิ้งก็เลยตอบพลางนั่งลงชิดกับลมเย็น

“เช้าทุกวันละฮะ…เรื่องเวลานี่ไม่มีพลาด”

สวนสนจึงพนมมือไหว้ บอกให้เขาดูว่านงาช้างที่วางอยู่บนโต๊ะกลมติดกับเก้าอี้

“หนูเลยเอามาให้พี่เปรียวค่ะ พี่เปรียวก็เลยอยากให้คุณลุงช่วยปลูกให้บนที่ที่จะซื้อขายกัน”

“อ้อ…ก็ดีแล้วนะฮะ…แล้วนี่หนูจะไปไหน” หิ้งหันไปทางดวงหน้าร่าเริงของหญิงสาวคมขำผู้ช่วยให้เช้าวันใหม่ที่ดูเหมือนบรรยากาศจะเริ่มมัวซัว เปลี่ยนเป็นแจ่มใสขึ้นมาบ้าง

“พี่เปรียวชวนมาหาคุณลุง หนูเลยรีบมารถก็ยังไม่เสร็จค่ะ…ยังไปไหนไกลๆ ไม่สะดวก”

“เหมือนกัน” ลมเย็นพยักหน้า ขณะที่ยังลอบสังเกตอาการกิริยาของสองฝ่าย “พี่ก็ยังไม่คิดจะไปไหน อยู่บ้านตลอด”

“มีคนเดียวที่ได้ไปทำงาน”

“ใครคะ”

“น้องชายพี่” หิ้งหัวเราะๆ เพราะยังคงนึกเวทนาบทบาทของลมโชยเมื่อค่ำคืนที่ผ่านไปจนอดสงสารน้องของตนเองมิได้

เหินที่เขาแลเห็นเมื่อครู่…ตอนกินอาหารเช้าแล้วเตรียมขับรถไปทำงาน จึงเพียบด้วยอาการของคนอกหัก

แล้วนี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีเรี่ยวแรงพอทำงานหรือไม่

เหินเอ๋ยเหิน แกริอ่าน มีคู่รักเป็นลมโชยก็ต้องลงเอยอย่างนี้ละ คือไม่มีวันทันหล่อน

‘อีกะล่อนดงจริงๆ พี่หิ้ง’ น้องชายร้องไห้พลางคร่ำครวญ

เขาเองยังช่วยไม่ไหว จึงได้แค่ปลอบใจ

‘เออน่า…แกจะได้ฉลาดขึ้นมั่งไง’

‘ที่จริงก็ไม่มีใครเสี้ยมสอนเขาหรอกนะ แค่สันดานเป็นเอง’

เหินก็เลยหายแค้น ยกแขนปาดน้ำตาพร้อมกับสาแก่ใจ

‘จริง…พี่หิ้ง…ทั้งๆ บ้านนั้นเขาก็ดีทางบ้าน…มีแกะดำหลงมาตัวเดียว’

แต่ขณะนี้ ‘แกะดำ’ ยังไม่ตื่น

ไม่รู้ว่าดูเพลินจนดึกดื่นหรือไม่

“พี่มีน้องชายด้วยหรือคะ” สวนสนถามตามมารยาทโดยไม่มีเจตนาใดใด

แต่ใจลมเย็นเย็นวาบขึ้นมาทันควัน

เกือบจะเปล่งเสียงเรียกพ่อออกมาแล้ว

 

นายชัดได้แต่มองหน้าสบตาลูกคนโตก็เนื่องด้วยใคร่จะบอกใบ้

‘เห็นไหม…ยังไม่ทันที่ดาวจะย้ายปีหน้าก็เริ่มมีสัญญาณมาแล้ว’

แค่เท่าที่เขาบอกลูกค้าคนสำคัญก็คือ

“คุณคงต้องใจเย็นอีกหน่อยนะฮะ นี่ก็เพิ่งสิงหา รอให้คุณปรียาได้ที่ดินก่อนดีกว่า…เพราะซื้อขายที่นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน…อีกนิดเดียวก็จะได้ละ…ปีนี้…ยังไงๆ ก็ขอให้ดาวศุกร์อำนวยโชคใหญ่ให้คุณแม่คุณก็แล้วกัน” โหรคนสำคัญบอกกล่าว “ผมกับเย็นช่วยกันหารายชื่อสมุนไพรตั้งแต่เมื่อคืน…ซึ่งก็ไม่ยากลำบากอะไร…เพราะมีอยู่ในตำรานานแล้วว่ายาขนานไหนใช้สมุนไพรชื่ออะไรมั่ง…ดวงก็อยู่เรียบร้อย เท่ากับโอเคหมดเลย วันเวลาโอนก็คงไม่หนีไปจากที่ผมว่า ฉะนั้น คุณเปรียวช่วยคุณแม่เรื่องง่ายๆ ก่อนดีกว่า…อย่าไปเดือดดาลหรือทุกข์ใจอะไรให้มาก…นี่พูดจริงๆ เลย…เก็บแรงกายแรงใจไว้สำหรับปีหน้าที่ดาวเสาร์จะย้ายก่อน…ดาวเสาร์นี่ก็ทักพฤหัสของเมียผมมานาน แล้วก็เล็งลัคน์คุณปรียาด้วย…คิดอะไรก็ติดขัดเชื่องช้าไปหมด…นะฮะ…คุณเปรียว”

“ครับ…ผมจะพยายาม” อีกฝ่ายค่อนข้างอ้อมแอ้มเมื่อคิดถึงเสียงปรี๊ดปร๊าดของพงาเมื่อคืน

‘รู้นะ…ว่าคิดยังไง…กะใคร….เห็นเทียวไปเทียวมาบ้านหมอดู…คงไปติดใจลูกสาวเขาละมัง…คอยไปละกันทั้งชาตินี้ชาติหน้า…โอ้ย…ขำ….กะจะซื้อทั้งคนทั้งที่’

สะใภ้ของมารดาอดพาดพิงแม่ของเขาไม่ได้…มิว่าจะเอ่ยอันใดขึ้นมา…เรื่องแม่จะต้องแว้งเข้าเรื่องลูก เรื่องลูกก็มักจะต้องตวัดไปถึงแม่

ลมเย็นนิ่งฟัง ใจก็ยังอยากให้ถึงปีหน้าเร็วๆ

อยากรู้ที่สุดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เพราะพ่อว่า ดาว 3 ดวง จะย้ายไล่ๆ กัน เสาร์ 7 ย้ายแล้ว แค่ไม่ถึง 1 เดือนต่อมา พฤหัส 5 ก็ย้ายตาม ครั้นถึง 17 ตุลาคม ราหู 8  ก็ย้ายอีก

แต่เขาก็ดูดวงของทั้งคุณปรียาและนางยาใจแล้ว ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอันใด

ส่วนเรื่องแตกร้าวระหว่างผัวเมีย…นายชัดปวดหัวจนไม่อยากดูเวลานี้

“เอางี้ดีไหมคุณเปรียว เรื่องคู่นี่มันค่อนข้างละเอียดอ่อน ผมว่าถ้าผ่อนปรนกันได้ ก็ผ่อนกันไปดีกว่าไหมฮะ”

แต่เปรียวนั้น บัดนี้เขาเพิ่งรู้ตัวเองว่าตัวเขามีความนัยเกิดขึ้นอย่างที่มิอาจช่วยเหลือตัวเองได้อีกต่อไป…นอกจากคอยแต่จะสะกดกลั้นอาการบางอย่างที่มักจะเอ่อท้นล้นขึ้นมาในหัวใจในทีท่าที่แม้ใคร่จะเก็บงามสักเท่าใดก็หาได้เป็นฝ่ายช่วยปกปิดให้เขาไม่

ทุกวันนี้ เขาก็เลยมีแต่ความกระวนกระวายทุกข์ใจทั้งตื่นและหลับ

 



Don`t copy text!