คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี

คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี

โดย : พงศกร

คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ดาราเรศไม่มีเวลาจะสนใจว่าอยุธยาคิ้วต์บอยของหล่อนออกไปทำงานแล้วหรือยัง เพราะวันนี้มีสิ่งที่ต้องทำหลายอย่าง เนื่องจากเป็นวันแรกที่เธอจะเปิดร้านกับเพื่อนๆที่ป่าผ้า

ดังนั้น หลังจากตักบาตร อาบน้ำอาบท่า กินข้าวเช้าเรียบร้อย แม่หญิงดาราก็ออกเดินทางไปยังป่าผ้าพร้อมกับบ่าวคนสนิท

แม่หญิงมีนาและแม่หญิงเข็มมารออยู่แล้วพร้อมกับบ่าวไพร่หลายคน ทุกคนช่วยกันเรียงสินค้าใส่บนชั้นในร้านด้วยความตื่นเต้น ดาราเรศกลั่นน้ำปรุงใส่ขวดแก้วใบเล็กๆ มีหลายกลิ่น ขายในราคาที่ไม่แพงมาก แม่มีนานั้นได้ผ้าสุหรัดมาจากบิดาหลายพับ ล้วนแต่สีสันสวยงาม ส่วนแม่เข็มให้บ่าวไพร่ในเรือนช่วยกันทำกำไลหางช้างมาวางขายในร้านเช่นกัน ขนหางของช้างนั้นเธอได้มาจากบิดาที่เป็นเจ้ากรมคชบาล ทั้งสามช่วยกันจัดร้านจนตะวันสาย ร้านค้าของพวกเธอก็คับคั่งไปด้วยสินค้าหลากหลาย

“อยากรู้จังเลยว่าใครกันนะจะเป็นลูกค้ารายแรกของเรา” แม่หญิงดารากับเพื่อนๆพากันพึมพำด้วยความตื่นเต้น

“ฉันอย่างไรเล่าจ๊ะ” เสียงลูกค้าคนแรกดังมาจากทางด้านหน้า ครั้นเมื่อแม่หญิงดาราหันไปมอง ดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้าง เพราะที่ก้าวเมาในร้านก็คือคุณหญิงกระต่ายนั่นเอง

“คุณหญิง” ดาราเรศอุทานด้วยความดีใจ

“คุณหญิงอะไร เรียกคุณแม่สิจ๊ะ” คุณหญิงกระต่ายยิ้มกว้าง “ลูกสาวฉันเปิดร้านทั้งที แม่จะไม่มาอุดหนุนก็กระไรอยู่”

“ลูกสาว” แม่เข็มกะพริบปริบๆ

“คุณหญิงกระต่ายเมตตาฉัน ให้ฉันเรียกท่านว่าคุณแม่น่ะจ้ะ” ดาราเรศรีบอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ

“เป็นบุญของแม่ดาราจริงๆเจ้าค่ะ” แม่เข็มยินดีกับเพื่อนสนิทด้วยใจจริง

เธอสงสารแม่หญิงดารามาก เพราะหลังจากมารดาแท้ๆตายจากไป เพื่อนของเธอก็ถูกแม่เลี้ยงคอยกลั่นแกล้งสารพัด คุณหญิงกระต่ายออกหน้ารับเป็นลูกสาวแบบนี้ คุณหญิงเนียนจะทำอะไรแม่ดาราคงไม่ถนัดเหมือนแต่ก่อน เพราะคุณหญิงกระต่ายเป็นภรรยาของออกญานคเรศลือไชย ซึ่งมีตำแหน่งใหญ่โตในอยุธยา

“ว่าแต่วันนี้ คุณหญิงจะรับอะไรบ้างเจ้าคะ” แม่มีนารีบเข้ามาสอบถาม

แม่ดาราตั้งให้แม่หญิงเข็มดูแลเรื่องการเงินในร้าน เพราะเป็นคนรอบคอบถ้วนถี่กว่าใครทั้งหมด ส่วนแม่หญิงมีนานั้นให้มีหน้าที่ดูแลลูกค้า คอยเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อของ เพราะแม่มีนาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา เหมาะกับหน้าที่นี้เป็นที่สุด

“น้ำปรุงของเรามีหลายกลิ่นเจ้าค่ะ” มีนาทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง “กลิ่นดอกมะลิ กลิ่นดอกกระดังงา กลิ่นดอกแก้ว กลิ่นดอกพุด กลิ่นดอกนมแมว มีมากมายหลายกลิ่นให้เลือกเต็มไปหมด ส่วนทางด้านโน้นเป็นผ้าลายจากเมืองสุหรัดเจ้าค่ะ เจ้าคุณพ่อของดีฉันเลือกมาเองกับมือ รับรองสีสันลวดลายแปลกตาไม่เหมือนร้านไหนๆ ราคาก็ไม่แพงด้วยนะเจ้าคะ ส่วนทางด้านนั้นเป็นกำไลหางช้าง สวมแล้วเป็นศิริมงคล แถมยังคุ้มครองผู้สวมใส่ ปัดเป่าอันตรายและเภทภัยทุกประการเชียวนะเจ้าคะ”

“แหม ลูกสาวเจ้าคุณจุฬาราชมนตรีนี่พูดเก่งจริงๆ” คุณหญิงกระต่ายเอ่ยชม

“คุณหญิงจะรับอะไรบ้างเจ้าคะ” แม่มีนายิ้มกว้าง

“รับหมดเลย” คุณหญิงกระต่ายใช้พัดในมือชี้กวาดไปทั้งร้าน

“รับหมดเลย หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” มีนาไม่แน่ใจ

“หมายความว่าฉันเหมาทั้งร้าน” คุณหญิงกระต่ายหัวเราะชอบใจ “น้ำปรุงมีกี่ขวดเอามาให้หมด ผ้ามีกี่พับฉันเหมา รวมถึงกำไลด้วย ฉันซื้อทุกวงจ้ะ”

“ว๊าย” แม่หญิงทั้งสามถึงกับอ้าปากค้าง ไม่นึกว่าเปิดร้านวันแรกก็ขายของจนเกลี้ยงร้านภายในเวลาไม่ถึงอึดใจ

“สายเปย์ของจริง” ดาราเรศพึมพำ

“เปลอะไร ใครมีลูกหรือจ๊ะ” คุณหญิงกระต่ายขมวดคิ้ว

“เปล่าเจ้าค่ะ” ดาราเรศรีบแก้ตัว “ดีฉันเพียงแต่ตกใจ ไม่คิดว่าคุณแม่จะเหมาของหมดร้านแบบนี้”

“ตกใจอะไร ฉันน่ะเมียเจ้าคุณนคเรศฤๅไชยเชียวนะจ๊ะ มากกว่านี้ก็มีปัญญาเหมา” คุณหญิงกระต่ายพยักหน้าให้กับแม่หญิงทั้งสาม “เอ้า…อย่ามัวอ้าปากค้าง เร่งให้บ่าวจัดข้าวจัดของเตรียมไว้สิ ประเดี๋ยวฉันจะให้บ่าวที่เรือนมายกเอากลับไป…อ้อ นังจำปี”

คุณหญิงหันไปทางบ่าวรับใช้คนสนิทและสั่งว่า

“เอาเบี้ยมาจ่ายค่าสินค้าให้พวกแม่หญิงด้วย นับให้ครบนะ”

“เจ้าค่ะ” จำปียกเอากระบุงใบใหญ่มาวางลงตรงหน้าแม่หญิงเข็ม ภายในนั้นบรรจุเบี้ยจำนวนมาก แหวนรีบตรงมาช่วยจำปียกกระบุงอันหนักอึ้งไปให้แม่เข็มนับเงินด้วยความขยันขันแข็ง

…คุณพระ…ดาราเรศอ้าปากค้าง…เงินทั้งนั้น !

“มา มา” ขณะที่จำปีไปจัดการเรื่องจ่ายเงิน คุณหญิงกระต่ายก็กวักมือเรียกแม่หญิงดาราให้มานั่งใกล้ๆ มีนากำลังจัดสินค้าลงตะกร้าให้กับคุณหญิง ส่วนแม่เข็มก็สาละวนกับการนับเงิน “มานั่งคุยกับแม่ทางนี้ดีกว่า”

“เจ้าค่ะ” ดาราเรศยิ้มกว้าง

“แน่ะ แม่รู้ไหม…เมื่อวานท่านเจ้าคุณบ่นอยากกินหมูต้มพะโล้ที่หล่อนทำไปให้ ฉันลองทำดูบ้าง แต่ทำยังไงก็ไม่เหมือนของแม่ดารา” คุณหญิงกระต่ายว่า “แม่ดาราช่วยไปสอนวิธีทำให้แม่หน่อยจะได้ไหม”

“ได้สิเจ้าคะ” ดาราเรศพยักหน้าอย่างเต็มใจ “คุณหญิง…เอ้อ…คุณแม่จะให้ดีฉันไปสอนเมื่อใดดีเจ้าคะ”

“บ่ายวันพรุ่งก็ได้ ปิดร้านแล้วก็ตรงไปที่เรือนฉันเลยทีเดียว จะชวนแม่มีนากับแม่เข็มไปด้วยก็ได้นะ” คุณหญิงนิ่งนึก “วันพรุ่งเจ้าคุณนัดพ่อเข้มกับลูกน้องคนอื่นๆประชุมหารือเรื่องงาน เราทำขาหมูพะโล้เลี้ยงพวกผู้ชายก็น่าจะดี”

“ได้เจ้าค่ะ” ดาราเรศรับปากรับคำ

“จริงสิ” คุณหญิงกระต่ายนึกขึ้นได้ “เมื่อสองวันก่อนท่านเจ้าคุณเปรยว่าเจ้าคุณโชดึก พ่อของหล่อนไม่มาเข้าเฝ้าพ่ออยู่หัวที่ศาลาลูกขุนหลายวันแล้ว…แม่ดาราได้ไปเยี่ยมพ่อบ้างหรือเปล่า”

“เอ้อ…ไม่ได้ไปเยี่ยมนานแล้วเจ้าค่ะ” ดาราเรศพึมพำ ที่จริงตั้งแต่วิญญาณของเธอมาสวมอยู่ในร่างของแม่หญิงดาราผู้นี้ เธอยังไม่เคยแวะไปเยี่ยมออกญาโชดึกราชเศรษฐีเลยสักครั้ง

“แวะไปหน่อยก็ดีหนา” คุณหญิงกระต่ายว่า “ปกติเจ้าคุณโชดึกไม่เคยขาดราชการ ครั้งนี้เห็นจะเจ็บหนักจริงๆ”

“ได้เจ้าค่ะ” ดาราเรศตัดสินใจ “ถ้าเช่นนั้น ดีฉันจะแวะไปเสียบ่ายวันนี้เลย”

“ก็ดี” คุณหญิงกระต่ายพยักหน้า ดวงตามีร่องรอยกังวล “ฝากบอกด้วยนะว่าพี่ไชย…ท่านเจ้าคุณสามีของฉันน่ะ เป็นห่วง…”

 

เรือนของเจ้าคุณโชดึกราชเศรษฐี หรือที่จริงก็คือเรือนเดิมของแม่หญิงดารานั้น เป็นเรือนไทยหลังใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแถวป้อมเพชร อาณาบริเวณร่มครึ้มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ

สองข้างทางปูอิฐที่ทอดไปสู่เรือนไทยขนาดใหญ่ตรงหน้าปลูกต้นไม้ไว้แน่นขนัด ที่เห็นเด่นเป้นสง่าคือดอกไม้สีขาวคล้ายกับแตรที่ห้อยระย้ารายเรียง

“ลำโพง…”

ดาราเรศพึมพำ อดแปลกใจไม่ได้ เพราะพืชชนิดนี้มีพิษ ไม่มีใครนิยมปลูกไว้ในบ้าน เรือนแห่งนี้ดูแปลกประหลาด เพราะนอกจากจะไม่กลัวแล้วยังปลูกลำโพงเอาไว้แน่นขนัด

“ของคุณหญิงเนียนปลูกไว้เจ้าค่ะ” นังแหวนอ่านสายตาสงสัยของผู้เป็นนายออก “เธอบอกว่ากลิ่นดอกลำโพงหอมอ่อนๆ ชื่นใจดี”

“ชื่นใจกะผีนะสิ อันตรายขนาดนี้” ดาราเรศพึมพำ พร้อมกันนั้นก็รู้สึกระแวดระวังตัวขึ้นมาอีกหลายส่วน

ตอนแรกแม่มีนาและแม่เข็มอยากจะมาเป็นเพื่อน แต่ดาราเรศอยากไปคนเดียวมากกว่า จึงปฏิเสธเพื่อนทั้งสองไปด้วยความเกรงใจ

แต่ก่อนจะมาหาเจ้าคุณพ่อ ดาราเรศสอบถามแม่หญิงทั้งสองจนได้ความว่าตำแหน่งโชดึกราชเศรษฐีคือขุนนางที่คุมกรมท่าฝ่ายซ้าย มีหน้าที่ติดต่อ ดูแล กำกับชาวต่างชาติทางฝั่งซ้ายขอท้องทะเลไทย คือ พวกจีน ญวน ญี่ปุ่น คู่กับตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นบิดาของแม่หญิงมีนา เจ้าคุณจุฬาราชมนตรีกินตำแหน่งเจ้ากรมท่าฝ่ายขวา มีหน้าที่ดูแลติดต่อชาวต่างประเทศ ที่อยู่ทางฝั่งขวาของทะเลไทย อันได้แก่พวกฝรั่งต่างๆ และแขกนั่นเอง

เจ้าคุณทั้งสองยังมีหน้าที่แต่งเรือสำเภาหลวงสำหรับออกไปค้าขายกับต่างชาติ และได้รับอนุญาตให้มีสำเภาส่วนตัวไปค้าขายด้วยเช่นกัน เจ้าคุณโชดึกฯและเจ้าคุณจุฬาฯ จึงมีฐานะร่ำรวยเป็นที่นับหน้าถือตาของบรรดาผู้คนในอยุธยาเป็นอย่างมาก

โอว…ดาราเรศฟังข้อมูลต่างๆแล้วได้แต่ตื่นตะลึง…นี่หมายความว่าคุณพ่อของฉันและคุณพ่อของมีนา มีตำแหน่งเทียบเท่าได้กับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์นะสิ…

เริ่ดอะ !

“คอยกระซิบบอกฉันด้วยนะแหวนว่าใครเป็นใคร” ก่อนจะก้าวเข้าไปในเรือน เธอหันไปบอกกับบ่าวคนสนิท “คือว่า…ฉันฟื้นคืนชีพขึ้นมาหนนี้ สมองยังมึนๆงงๆอยู่น่ะ กลัวว่าจะจำนั่นจำนี่ไม่ได้”

“เจ้าค่ะ” แหวนพยักหน้า

เคราะห์ดีที่วันนี้คุณหญิงเนียนและลูกสาวทั้งสองคนไม่อยู่ หนทางเลยสะดวก แม่หญิงดาราสามารเข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณผู้เป็นบิดาได้โดยไม่มีใครขัดขวาง

ร่างกายของเจ้าคุณโชดึกฯผ่ายผอมจนเห็นกระดูก เจ้าคุณพ่อของแม่หญิงดารานอนอยู่บนตั่งปูด้วยผ้าสีเขียวแปลกตา สีเขียวเข้มของผืนผ้าขับให้ร่างที่ขาวอยู่แล้วดูซีดยิ่งกว่าเก่า

“ดารา…แม่ดาราหรือลูก”

ทันทีที่เห็นหน้าบุตรสาว เจ้าคุณโชดึกฯพยายามยันกายลุกขึ้นจากที่นอน

“คุณพระ…คุณพ่อ” ดาราเรศอุทานด้วยความตกใจ ไม่นึกว่าบิดาของแม่หญิงดาราจะมีสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม ผ่ายผอมเช่นนี้

“แม่ดารามาทำไม” บิดาของหล่อนขมวดคิ้ว “พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องมาที่นี่”

“ลูกมาเยี่ยมคุณพ่อเจ้าค่ะ” ดาราเรศเอยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อขยับเข้ามาใกล้ๆ เธอได้เห็นดวงหน้าของท่านเจ้าคุณโชดึกฯชัดๆ ดาราเรศก็อดนึกด้วยความประหลาดใจมิได้ว่า มีเค้าคมสันคล้ายกับพ่อของเธอในยุคปัจจุบันไม่มีผิด ต่างกันตรงที่ท่านเจ้าคุณในตอนนี้ดูซูบซีด ผอมจนเห็นกระดูก ดวงตาลึกโหล เรี่ยวแรงถดถอย แค่จะยกมือยังแทบจะไม่ไหว

“พ่อไม่เป็นไร” ท่านเจ้าคุณพยายามฝืนลุกขึ้น หากลุกไม่ไหว

“ไม่เป็นไรอะไรกันเจ้าคะ ดูเอาเถอะ…แค่จะลุกยังลุกแทบไม่ไหว…ไหน ให้ลูกดูหน่อยนะเจ้าคะ” สัญชาตญาณความเป็นแพทย์ทำให้ดาราเรศอดไม่ได้ เธอตรวจร่างกายของผู้เป็นบิดาของแม่หญิงดาราด้วยความชำนาญ

ชีพจรของเจ้าคุณโชดึกเต้นอ่อนมาก แถมยังมีจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ และที่สำคัญคือฝ่ามือทั้งสองข้าง…

ดาราเรศชำนาญเรื่องพิษวิทยาเป็นอย่างมาก ทันทีที่เห็นจุดสีน้ำตาลและจุดสีขาวกระจายตัวอยู่บนฝ่ามือทั้งสองข้าง เธอก็อุทานออกมาเบาๆด้วยความตื่นตระหนก

“Raindrop Pattern”

“ไหน…ลูกพูดว่าอะไรนะ” เจ้าคุณจ้องมองธิดาคนโตด้วยสายตาแปลกใจ ไม่มั่นใจว่าแม่หญิงดาราพึมพำพูดว่าอะไร

“เอ้อ…ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ลูกแค่พึมพำอะไรไปตามเรื่อง” ดาราเรศแก้ตัว ทั้งที่ใจยังเต้นระรัวเร็ว

Raindrop Pattern ที่เธอเผลออุทานออกมานั้น เป็นลักษณะการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังของคนไข้ โดยเฉพาะที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง มีจุดสีน้ำตาลและจุดสีขาวกระจายตัวเหมือนละอองฝน เป็นที่มาของคำที่เธอเผลอหลุดปาก ลักษณะทางผิวหนังดังกล่าว เป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดกับผู้ป่วยซึ่งได้รับสารหนูอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนาน!

สารหนูเป็นสารพิษ หากได้รับปริมาณมากจะเกิดอาการแสดงเฉียบพลัน ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลวและมีเลือดออกในทางเดินอาหาร คนไข้อาจเสียชีวิตได้ถ้าหากรักษาไม่ทัน แต่ถ้าได้รับทีละน้อย ทีละไม่มาก พิษจะสะสมและเกิดอาการเหมือนที่เจ้าคุณโชดึกกำลังเป็นอยู่ในเวลานี้…

สารหนู…ดาราเรศพึมพำในใจ มีคนวางยาพิษบิดาของหล่อน…ใครกัน…

ไม่ได้การ ขืนปล่อยไว้เช่นนี้ ท่านเจ้าคุณต้องแย่แน่ หากอยู่ในโลกปัจจุบัน เธอสามารถให้ยาแก้พิษสารหนูได้ แต่อยู่ในโลกยุคโบราณแบบนี้จะทำอย่างไรดี…

“คุณพ่อเจ้าคะ” ดาราเรศพยายามควบคุมสติและเอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณพ่อไปหาหมอกับลูกเถิดนะเจ้าคะ”

“พ่อไม่เป็นไรมากหรอกแม่ดารา” เจ้าคุณส่ายหน้า “แม่เนียนก็คอยต้มยาให้พ่อกินวันละสามเวลาอยู่แล้ว พักสักหน่อย ประเดี๋ยวก็หาย”

“ถ้าจะหาย น่าจะหายเสียนานแล้ว” ดาราเรศพูดตรงๆตามที่คิด “ไปกับลูกเถิดนะเจ้าคะ ลูกจะพาคุณพ่อไปรักษา”

“พ่อ…เอ้อ…” เจ้าคุณเริ่มลังเล

“นะเจ้าคะ” ดาราเรศขอร้อง “ไปรักษา พอหายป่วย ลูกจะพาคุณพ่อกลับมา”

“แม่ดาราจะพาพ่อไปรักษากับหมอที่ไหน” ท่านเจ้าคุณยังลังเล “หมอหลวงไม่รู้กี่คนก็มาตรวจดูอาการของพ่อหมดแล้ว”

“ไปเถอะเจ้าค่ะ” ดาราเรศยังตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะพาเจ้าคุณโชดึกไปรักษากับใครที่ไหน สิ่งเดียวที่เธอคิดออกในตอนนั้นคือ ต้องเอาพ่อออกไปจากเรือนแห่งนี้ก่อน ขืนปล่อยให้อยู่ต่อ มีหวังไม่รอดแน่ “เดี๋ยวลูกหาหมอมารักษาคุณพ่อเอง”

“ไม่ได้”

เสียงเหี้ยมเกรียมดังขึ้นมาจากหน้าประตูห้อง ดาราเรศหันกลับไปก็พบว่าเป็นคุณหญิงเนียน มารดาเลี้ยงของเธอนั่นเอง กลับมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“หล่อนจะพาเจ้าคุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

“ทำไมจะไม่ได้” ดาราเรศหันไปประจัญหน้าอีกฝ่าย “คุณพ่อเป็นพ่อของฉัน คุณพ่อป่วย ฉันเป็นลูกจะพาไปรักษา”

“หล่อนออกเรือนไปแล้ว” คุณหญิงเนียนเอ่ยเสียงเยียบเย็น “ไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายอะไรในเรือนหลังนี้อีก”

“แต่ท่านเป็นพ่อของฉัน” ดาราเรศดึงดัน “ฉันปล่อยเอาไว้ไม่ได้หรอก พวกคุณหญิงเอายาอะไรให้คุณพ่อของฉันกินกันแน่ แทนที่จะดีขึ้น ทำไมอาการถึงดูแย่ขนาดนี้”

“ที่หล่อนเห็นนี่ นับว่าดีขึ้นมากแล้วนะ” คุณหญิงเนียนกำหมัดแน่น “ก่อนหน้านี้ เจ้าคุณดูแย่กว่านี้ตั้งเยอะ”

“ฉันไม่สน ฉันจะพาคุณพ่อไปรักษา” ดาราเรศหันไปทางนางบ่าวคนสนิท “แหวน…มาช่วยฉันประคองเจ้าคุณพ่อ”

“ไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต” คุณหญิงเนียนหันไปสั่งทาสผู้ชายรูปร่างล่ำสันสองสามคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง “ไอ้ทอง ไอ้ยิ้ม ไอ้ไม้ พวกเอ็งมาลากตัวแม่หญิงสองคนนี้ออกไปบัดเดี๋ยวนี้”

“หยุดนะ”

ก่อนที่มือไม้อันหยาบกร้านของทาสชายสามคนนั้นจะแตะต้องตัวหล่อนและนังแหวน เสียงของใครอีกคนก็ดังขึ้น ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนบนเรือนแห่งนั้น

“ห้ามใครหน้าไหน แตะต้องตัวแม่หญิงดาราโดยเด็ดขาด”

 

 



Don`t copy text!