
แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
โดย : กิ่งฉัตร
แก่นไม้หอม นวนิยายออนไลน์ โดย กิ่งฉัตร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ กับเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าผู้หญิงเป็นเมียและแม่ไม่ต่างจากแก่นไม้ที่แข็งแกร่ง มั่นคงและทรหดที่ยึดให้ใบได้แผ่กว้าง และหากโลกนี้เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น
สองปีที่จากบ้านไปซิ่วเฮียงส่งจดหมายกลับมาหลายฉบับ แต่ไม่เคยได้รับจดหมายตอบเลยแม้แต่ฉบับเดียว หญิงสาวจึงรู้เต็มอกว่าเตี่ยกับม้าคงยังโกรธและไม่ให้อภัยแน่ หล่อนทำใจเตรียมพร้อมจะถูกด่าถูกตี จะแขนขาหักหรือหัวร้างข้างแตกซิ่วเฮียงก็จะทนเจ็บ จะไม่ปริปากร้องแม้แต่คำเดียว
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่มีใครตีหรือด่าว่าหล่อน เซียมลั้งเอาแต่ร้องไห้แบบเงียบๆ อย่างปวดใจที่เห็นลูกสาวซูบผอมหน้าตาอมทุกข์กับหลานชายตัวขาวอวบ แต่หลีกังกลับไม่พูดอะไรสักคำ เขาแค่บอกกับกิมลั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ไล่ออกไป อั๊วมีลูกสาวคนเดียวชื่อซิ่วเซียง บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ลื้อไล่อีออกไปเลยนะ อย่าให้อั๊วต้องลงมือโยนออกไปเอง”
“อากัง…” เซียมลั้งละล้าละลัง กลัวผัวก็กลัวแต่ก็สงสารลูกสาวกับหลานจับใจ แต่หล่อนเป็นเมียหัวอ่อนที่เชื่อฟังคำสั่งผัวมาตลอด พอจะทัดทานถูกเขาขึงตาใส่หล่อนก็กลัวหงอแล้ว
อาเส่งและซิ่วเซียงก็มองพี่สาวคนโตด้วยสายตาเฉยเมย น้องสาวหล่อนถึงกับสะบัดหน้าหนีไปด้วยซ้ำ การตัดสินใจหนีตามพนมไปไม่ได้ส่งผลเฉพาะหลีกังและเซียมลั้งเท่านั้น น้องชายน้องสาวได้รับผลกระทบจากสายตาเพื่อนบ้านและการล้อเลียนของเพื่อนไม่น้อยเช่นกัน ทั้งคู่จึงยังขัดเคืองและแค้นใจซิ่วเฮียงอยู่ ซิ่งเซียงถึงกับน้ำตาคลอเอ่ยอย่างกระแทกกระทั้นว่า
“จะกลับมาทำไมอีก แค่นี้ฉันยังอายครูอายเพื่อนไม่พอหรือไง”
ซิ่วเฮียงสะอึก หล่อนพูดอะไรไม่ออก เมื่อหลีกังหันไปเอะอะใส่เซียมลั้งอีกครั้ง หญิงสาวทำได้เพียงอุ้มลูกกลับออกมาเกาะริมรั้วบ้านตามเดิม
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว อากาศต้นฤดูฝนอบอ้าวแต่หนักอึ้ง หญิงสาวทั้งเหนื่อยและหิวโหย การนอนบนเรือทั้งคืนพร้อมเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่มีแรงฮึดอยู่ได้เพราะความหวังที่จะได้กลับบ้าน ตอนนี้…บ้านอยู่ตรงหน้าแล้วทว่ากลับห่างไกลเหลือเกิน ชั่ววินาทีเดียวความฮึกเหิมทั้งหมดก็มลายไปจนสิ้น หญิงสาวล้าอ่อนจนทรุดตัวลงนั่งบนพื้นวางลูกชายบนตัก
หาญที่ไม่รู้ความยังหัวเราะคิกคัก ยกมือยกไม้แปะๆ ลงบนใบหน้าของมารดา
หัวใจที่หนักอึ้งของซิ่วเฮียงกำลังหลั่งน้ำตา แต่หล่อนกลับฝืนยิ้มให้ลูกชาย แม้หาญจะเป็นเด็ก
น้อยไร้เดียงสาแต่ความรู้สึกไวเหลือเกิน ถ้าหล่อนร้องไห้เขาจะร้องไห้ตามทันที ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องกลืนทุกอย่างลงในอก
ค่ำแล้วยุงและแมลงเริ่มบินวนรอบตัวเพื่อแสวงหาอาหาร ซิ่วเฮียงหาผ้าหนามาคลุมตัวลูกชายอุ้มเข้าไว้แนบอก มือโบกไล่ไม่ให้หาญถูกกัด เพื่อนบ้านสองสามรายที่เคยสนิทสนมกับหล่อนเวทนาแม่ลูกจึงเอาน้ำเอาอาหารมาให้ รายหนึ่งถึงกับชวนซิ่วเฮียงไปพักที่บ้านก่อน แต่ซิ่วเฮียงสังหรณ์ว่าถ้าหล่อนยอมไปพักบ้านเพื่อนบ้าน เตี่ยจะไม่มีวันให้หล่อนเหยียบเข้าบ้านแม้แต่ก้าวเดียวแน่ หญิงสาวจึงต้องปฏิเสธความหวังดีไป
แต่พอตกดึกฟ้าผ่าเสียงดังจนหาญตกใจร้องไห้โฮ ฝนลงเม็ดแรงเหมือนฟ้ารั่วซิ่วเฮียงก็นึกเสียใจที่ไม่รับน้ำใจเพื่อนบ้าน หญิงสาวพยายามปลอบลูกพร้อมคิดว่าจะวิ่งไปขออาศัยหลบฝนที่บ้านเพื่อนบ้านใกล้ๆ กันนั้นดีไหม ทว่ายังไม่ทันขยับตัวไฟในบ้านก็สว่างขึ้น ฝนไล่ช้างก็หยุดกลายเป็นฝอยละอองโปรยปรายและหาญที่เหนื่อยอ่อนจนทำได้เพียงร้องไห้กระซิกๆ ทำให้เสียงถกเถียงเสียงตะโกนจากในบ้านดังออกมาถึงภายนอก
เสียงดังด่าทอของหลีกังไม่ใช่เรื่องแปลก เตี่ยของซิ่วเฮียงนอกจากดุและเข้มงวดกับลูกแล้วเขายังปากร้าย ไม่ใช่ปากร้ายด่าหยาบๆ คายๆ ขึ้นมึงขึ้นกูหรือยกอวัยวะส่วนล่างของร่างกายมาด่า แต่เป็นการด่าแบบเหน็บแนมที่ทำให้คนฟังแสบร้อนไปทั้งใจ และทุกครั้งที่ด่าหลีกังไม่เคยออมเสียงตน ทว่าน่าแปลกที่ซิ่วเฮียงได้ยินเสียงมารดาโต้กลับอย่างแรง ในชีวิตของหญิงสาว…ตั้งแต่กลับมาอาศัยกับเตี่ยและม้าจนอายุสิบหกปี หล่อนไม่เคยได้ยินม้าเถียงเตี่ยแม้แต่คำเดียว ไม่ว่าจะไม่เห็นด้วย โกรธ หรือไม่พอใจ…เซียมลั้งก็มักกลืนความรู้สึกทั้งหมดลงในท้อง เก็บเงียบไว้กับตัวเอง อย่างเมื่อตอนเย็นที่หลีกังไล่ซิ่วเฮียงกับหาญออกจากบ้านอย่างไม่มีเยื่อใย คนเป็นแม่เป็นยายก็ได้แต่ตาแดงมองหล่อนอย่างห่วงใยเท่านั้น
แต่ตอนนี้เซียมลั้งกำลังแผดเสียงใส่ผู้ชายที่หล่อนถือว่าเป็นท้องฟ้า เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตว่า
“ลื้อบอกว่าเฮียงมันเลว มันผิดที่หนีตามไอ้จิ๊กกะโร่คนนั้นไป แต่พวกเราเป็นเตี่ยเป็นม้ามันไม่ผิดหรือ ถ้าเราเลี้ยงเฮียงดีกว่านี้อบรมมันให้ดีกว่านี้มันจะทำแบบนี้หรือ อากัง…ตอนอยู่ที่หมู่บ้าน ตอนนั้น…อั๊วเห็นลื้อรักหลานๆ เหลือเกิน เด็กตัวเล็กตัวน้อยซุกซนก่อเรื่องวุ่นวาย ใครจะทำโทษลื้อก็ห้ามไว้บอกว่าเด็กมันไม่รู้ประสา เราเป็นผู้ใหญ่ต้องอบรมสั่งสอน เด็กไม่ดีผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบ หลานๆ บอกว่า
ลื้อใจดีเหลือเกิน แต่ทำไมกับลูกลื้อถึงได้ดุนัก ทำไมไม่ให้อภัยลูก ทำไมไม่พูดล่ะว่าเด็กไม่ดีผู้ใหญ่ต้อง
รับผิดชอบ”
“ก็เพราะมันไม่ใช่เด็กแล้ว มันเป็นผู้ใหญ่แล้วมันต้องรู้ว่าสิ่งที่มันทำน่ะฆ่าเตี่ยฆ่าม้าฆ่าน้องๆ มันได้ มันโตแล้วแต่คิดถึงแต่ตัวเอง คิดถึงแต่ไอ้สารเลวคนนั้น ในหัวใจมันมีครอบครัวอยู่หรือเปล่า เคยคิดไหมว่าเตี่ยกับม้ามันจะเป็นยังไง จะเจ็บแค่ไหนกับการกระทำของมัน มันไม่คิดว่าน้องๆ มันจะต้องเจออะไรบ้าง ไม่…มันไม่เคยคิด แต่พอผู้ชายเฉดหัวไล่ส่งมา มันก็ซานกลับมา อั๊วบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ส้วมที่แตกแล้วอั๊วไม่เก็บกลับเข้ามาให้มันเหม็นฉึ่งไปทั้งบ้านแน่!”
ที่ริมรั้ว ‘ส้วมแตก’ กอดลูกชายแน่น น้ำตาร้อน น้ำฝนเยียบเย็นหัวใจของหล่อนเหมือนถูกบีบครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรู้สึกผิด เตี่ยพูดถูก ตอนที่หนีออกจากบ้านนั้นหล่อนเห็นแต่ความทุกข์ของตัวเอง เห็นแต่ความไม่เป็นธรรมของตัวเอง หล่อนอยากประชดเตี่ย อยากทำให้ม้าเจ็บ ซิ่วเฮียงตอนนั้นยังอายุน้อย เด็กสาวสิบหกที่ไม่มีประสบการณ์จึงไม่รู้เลยว่าคนที่จะเจ็บปวดกับการกระทำของหล่อนได้นั้นต้องเป็นคนที่รักหล่อนจริงเท่านั้น…
“อากัง สงสารเฮียงมันเถอะนะ เฮียงมันเป็นลูกลื้อนะ แล้วเด็กนั่น…ถึงพ่อมันจะเป็นใครก็ช่าง…ยังไงมันก็เป็นหลานลื้อ เวทนาเด็กมันหน่อยเถอะ มันไม่ได้ผิดอะไรจะให้เด็กเล็กขนาดนั้นตากฝนแบบนี้ได้ยังไง”
“แม่มันยังไม่ห่วงลูก ลื้อจะไปสนใจทำไม”
ฝนลงเม็ดหนักขึ้น เสียงซู่ซ่าทำให้เสียงโต้แย้งในบ้านดังไม่ปะติดปะต่อ ซิ่วเฮียงก้มหน้ามองลูกชาย แม้ใกล้กันเพียงนี้แต่น้ำฝนและน้ำตาทำให้หล่อนเห็นลูกชายที่หน้าเบ้บิดปากร้องไห้อย่างไม่มีเสียงเป็นเพียงเงาเลือนๆ
วินาทีนั้นหญิงสาวรู้สึกต่ำต้อยที่สุดในชีวิต หล่อนช่างเลวจริงๆ เป็นทั้งลูกที่เลวและแม่ที่แย่ แทนที่จะห่วงหาญหล่อนกลับดื้อรั้นรออยู่ริมรั้วด้วยหวังใช้ความน่าเวทนาของแม่และลูกอ่อนทำให้เตี่ยใจอ่อน
หล่อนไม่ห่วงหาญจริงๆ อย่างที่เตี่ยบอก…
นังเฮียง…นังคนเห็นแก่ตัว!
ซิ่วเฮียงตัดสินใจลุกขึ้นอย่างเก้กัง แม้จะดึกมากแล้วแต่หญิงสาวมั่นใจว่าชาวบ้านแถวนี้มีน้ำใจ
มากพอที่จะไม่ปิดประตูใส่หน้าหล่อน ยังไงหาที่นอนให้ลูกก่อนคืนนี้ พรุ่งนี้หล่อนค่อยหาทางทำให้เตี่ย
หายโกรธ ถ้าพรุ่งนี้ทำไม่ได้ มะรืนก็ต้องทำให้ได้…
ความมุ่งมั่นของหญิงสาวสะดุดลงเมื่อจู่ๆ ก็มีร่มคันใหญ่กางอยู่เหนือหัว ใบหน้าของอาเส่งยังเย็นชาและห่างเหินเมื่อเอ่ยเสียงดังแข่งสายฝนว่า
“ไปหลบฝนที่เพิงสวนก่อนเถอะ เดี๋ยวเด็กจะป่วยเอา”
“อาเส่ง…”
น้องชายที่สูงขึ้นผอมขึ้นและทำตัวเหมือนคนแปลกหน้าแต่มีน้ำใจช่วยหิ้วกระเป๋าผ้าใบใหญ่ให้หันหลังเดินนำไปโดยไม่ใส่ใจฟังอะไรทั้งนั้น ซิ่วเฮียงเองก็ไม่เสียเวลาคร่ำครวญรีบอุ้มลูกตามเขาไปติดๆ
เพิงเก็บของในสวนหลังบ้านมีขนาดเล็กแต่จัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบ แม้ฝาผนังจะมีแค่สามด้านแต่ก็คุ้มฝนได้ แถมในเพิงยังมีแคร่นอนเก่าที่ทำจากไม้ไผ่วางอยู่ อาเส่งวางถุงผ้าที่แคร่ก่อนเดินกลับขึ้นบ้านไปไม่พูดไม่จา
ซิ่วเฮียงรีบวางลูกชายลงบนแคร่ โชคดีของหล่อนที่เตี่ยมักชอบมาทำงานฝีมือพวกจักสานเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิงนี้ บางทีก็มานั่งเล่นสูบใบยา เพิงนี้จึงมีการลากสายไฟมาติดหลอดไฟแรงเทียนต่ำไว้ดวงหนึ่ง หญิงสาวเปิดไฟจากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ออกจากตัวหาญ เสียดายทั้งฟูกนอนและเสื้อผ้าของเด็กน้อยเปียกฝนไปหมด แต่ขณะที่กำลังละล้าละลังอาเส่งก็กลับมาอีกครั้งพร้อมผ้ากองใหญ่ในมือ
“ม้าให้เอามาให้” เด็กชายที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กหนุ่มแล้วบอกสั้นๆ ตามเดิม
บนสุดของเสื้อผ้าแห้งและผ้าขนหนูเช็ดตัวนั้นมีมุ้งเล็กหลังหนึ่ง ก่อนที่ซิ่วเฮียงจะหนีจากบ้าน ในบ้านมีเพียงน้องชายเท่านั้นที่มีมุ้งเล็กคนเดียว ส่วนหล่อนนอนกับซิ่วเซียงมุ้งจึงมีขนาดใหญ่กว่านี้
อาเส่งไม่พูดไม่จาแค่กางมุ้งเล็กให้อย่างตั้งใจ
“อาเส่ง แจ้ขอโทษ”
“ขอโทษตอนนี้มีประโยชน์อะไร”
“อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าแจ้เสียใจจริงๆ แจ้รู้ตัวว่าทำผิดกับทุกคน แจ้สำนึกแล้ว”
น้องชายหล่อนทำเสียงหึในลำคอ พอกางมุ้งเสร็จเหลือบตามองหาญที่ตัวอวบขาวนิดหนึ่งก่อนเดินกางร่มกลับตัวบ้านไป
ซิ่วเฮียงเช็ดตัวลูกชายจนแห้ง ทาแป้งฝุ่นหอมกรุ่นจนตัวขาวๆ ของหาญยิ่งขาวขึ้นไปอีก หล่อน
ใช้ผ้าเก่าสะอาดหลายผืนปูให้เขาแทนฟูก พอวางเด็กน้อยที่แห้งสบายลงไป ฟังเสียงฝนตกกระทบหลังคาสังกะสีเปาะแปะ เดี๋ยวเดียวหาญก็หลับไป
หญิงสาวหันกลับมายังกองเสื้อผ้าที่เหลือ ไม่มีเสื้อผ้าเก่าหล่อนเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มีเพียงเสื้อกับผ้านุ่งของเซียมลั้ง ทุกชิ้นซักสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ซักผ้า ม้าทำสบู่ใช้เองจากขี้เถ้า ไขมันและน้ำมันหอมดอกไม้ ดังนั้นสบู่จึงมีกลิ่นหอมที่ต่างจากสบู่ที่ทำขายทั่วไปในตลาด เป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของม้า
ซิ่วเฮียงเช็ดผม ยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าอาเส่งก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกระติกน้ำร้อนสีแดง
“ข้าวในบ้านไม่มี ดื่มน้ำร้อนไปก่อนแล้วกัน”
พูดจบก็ไป ไปเร็วเหมือนใครไล่กวดตามหลัง
หญิงสาวผลัดผ้า เอาเสื้อผ้าเปียกชุ่มกางตากไว้ จากนั้นก็จึงมุดเข้าไปในมุ้งเล็ก ไฟบนบ้านดับไปแล้ว ฝนยังลงเม็ดไม่ขาด ลมเย็นยังพัดโชยเข้ามาในเพิงด้านที่ไม่มีผนัง แต่ซิ่วเฮียงที่นั่งจิบน้ำร้อนจากฝาครอบกระติก เสื้อผ้าแห้งที่สวมมีกลิ่นหอมจางของม้า ซิ่วเฮียงรู้สึกว่าหล่อนกลับถึงบ้านแล้วจริงๆ
วันรุ่งขึ้นบ้านของหลีกังวุ่นวายแต่เช้าเพราะหาญเป็นไข้ตัวร้อนจัด เด็กน้อยร้องงอแงอาเจียนนมและน้ำออกมาหมด เซียมลั้งจึงรีบพาลูกสาวและหลานไปหาหมอ หลีกังปากบอกว่าไม่สนใจใครจะเป็นจะตายแต่ก็ไม่ได้ปรามอะไรเมีย
โชคดีหาญอาการไม่หนักนัก แค่ป้อนยาและเช็ดตัวไข้ก็ลดลง พักอยู่ร้านหมอพักใหญ่ก็กลับบ้านได้ แต่กลับถึงบ้านเซียมลั้งห่วงว่า หลานชายอาศัยในเพิงจะถูกละอองฝนจนไข้กลับอีก เลยตัดสินใจอุ้มหาญไปไว้บนเรือน จะอุ้มกลับลงมาก็ตอนที่หนูน้อยร้องไห้จะกินนมแม่เท่านั้น
หลีกังเจอแบบนี้เข้าก็อึ้งไปก่อนโวยวายจะไม่ให้เด็กชายขึ้นมาอยู่บนบ้าน แต่เซียมลั้งที่เคยอยู่ในโอวาทสามีมาตลอดเถียงเสียงแข็งว่า
“ลื้อบอกไม่ให้เฮียงมันเหยียบบ้าน มันก็อยู่ที่เพิงนั่นไงไม่ได้เหยียบบ้านเลยแม้แต่ฝ่าเท้าเดียว ส่วนนี่อาหาญหลานอั๊ว ลื้อไม่เคยออกคำสั่งห้าม อั๊วก็พาขึ้นมา นี่ไม่ผิดคำสั่งลื้อสักคำ”
หลีกังฟังแล้วหน้าดำหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก อีกทั้งแม้จะโกรธลูกสาวคนโตอย่างไร จะตะโกน
ด่าว่าอย่างไร แต่ใจจริงนั้นตัดไม่ขาด แต่จะให้อภัยซิ่วเฮียงง่ายๆ เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ เซียมลั้งหาว่าเขา
รักเด็กแต่ทำไมไม่รักลูก
หลีกังอยากจะตอบว่ามีหรือลูกตัวเองจะไม่รัก แต่กับเด็กอื่นเขาแค่รักและเอ็นดู กับลูกตัวเองมีทั้งรักและคาดหวัง หวังว่าจะเติบโตไปได้ดี หวังว่าอนาคตจะไม่ลำบาก มีกินมีใช้สุขสบาย ลูกสาวแต่งงานกับคนดีๆ ลูกชายเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
เขาหวัง หวังมาก พอผิดหวังก็เจ็บปวดมากเช่นกัน
หลีกังเจ็บจนไม่สามารถมองหน้าซิ่วเฮียงตรงๆ ได้เพราะกลัวจะยั้งมือไม่อยู่ และเขาเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเสียใจที่สุด
แต่ในกรณีของหาญหรืออาหานของเซียมลั้งนั้นต่างออกไป หลีกังอยากจะชังน้ำหน้าหลานชายที่มีพ่อเป็นไอ้จิ๊กกะโร่คนนั้น เขาไม่มองเหมือนไม่มองซิ่วเฮียง แต่หาญกลับไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนแม่ พอหายไข้เขาก็ชอบมองอากงตาแป๋ว หลีกังตีหน้าดุใส่ มันไม่กลัวแถมยังยิ้มกว้างน้ำลายไหลยืด ยิ่งเอ็ดก็ยิ่งหัวเราะร่าไม่เกรงกลัวอะไรเลย
หลีกังก็เหมือนปู่ย่าตายายทั่วไป มีลูกเล็กในช่วงที่สร้างเนื้อสร้างตัว ทำงานหนักหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว กลับถึงบ้านก็เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด มาเจอลูกเล็กร้องไห้โยเย ความเหนื่อยความกังวลทำให้ฉุนเฉียวอารมณ์เสียง่าย เผลอลงไม้ลงมือไปก็บ่อย แต่พอมาเป็นอากงอาม่า อายุมากขึ้นการเงินไม่ตึงมือมากเหมือนเมื่อสมัยตั้งตัว เด็กน้อยงอแงก็ไม่อารมณ์เสียง่ายกลับมองเป็นน่าเอ็นดูไปเสีย
ยิ่งหาญเป็นเด็กตัวขาวอวบ คิ้วเข้มดวงตากลมโตน่ารักน่าเอ็นดูแถมยังรู้อยู่ ไม่งอแง ไม่กวน อารมณ์ดีเอาแต่ยิ้มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากได้ทั้งวัน
หลีกังรอตอนที่เมียเผลอและลูกคนอื่นไม่เห็น แอบชี้หน้าด่าหลานชายที่หัวเราะคิกคักอย่างเอ็นดู
“หัวเราะอะไรไอ้อ้วน มีอะไรน่าขำกัน ฮึ…หน้าไม่เหมือนแม่คงเหมือนพ่อมัน ม้ามึงก็โง่ ความรู้ไม่มี ชื่อจีนดีๆ มีตั้งเยอะทำไมไม่ตั้งให้ มาตั้งอะไรหงหาญ ต้องหั่งสิถึงจะถูก อาหั่ง อาหั่ง ความหมายเดียวกันแต่เพราะกว่ากันตั้งเยอะ”
แน่นอนว่าหัวใจคนประกอบด้วยเลือดเนื้อและความรู้สึกไม่ใช่หินผา ดังนั้นแม้ปากจะว่าไม่ แต่หลีกังก็ไม่ออกปากไล่เด็กชายตัวน้อยออกจากบ้านอีก
ชีวิตของแม่หาญจึงเหมือนได้รับการผ่อนผันไปด้วย ซิ่วเฮียงอาศัยอยู่ที่เพิงเก็บของกินอยู่หลับนอนที่นั่นโดยไม่ร้องขออะไรมากกว่านั้น ตื่นเช้าหลังให้นมหาญและส่งลูกขึ้นบ้านไปแล้วหญิงสาวก็ช่วยงานนอกบ้าน เก็บกวาดทำความสะอาดรอบๆ บ้าน ทำสวนครัว พอว่างก็ช่วยเซียมลั้งตัดเสื้อผ้า รับจ้างเย็บชุนผ้า ส่วนดอกไม้นั้นหล่อนไม่ได้ทำ
ที่ไม่ได้ทำเพราะตอนแรกซิ่วเฮียงใช้ประสบการณ์ทำดอกไม้เจ้าสาวจากร้านโสภามาจัดช่อดอกไม้ผ้าส่งร้านตัดเสื้อ ดอกไม้สวยสะดุดตาแต่เจ้าของร้านไม่รับ แค่มองเพื่อดูวิธีการทำแล้วส่งคืนให้ซิ่วเฮียง สาวใหญ่ช่างนินทาและมีอคติบอกว่า
“ดอกไม้เจ้าสาวให้ผู้หญิงที่หนีตามผู้ชายไปทำมันไม่ดี มันไม่เป็นมงคล ลูกค้าไม่ชอบ เจ๊ก็ไม่รู้
จะทำยังไงเหมือนกัน แต่เจ๊รับงานเฮียงไม่ได้จริงๆ”
เซียมลั้งฟังแล้วร้องห่ะ…มีแบบนี้ด้วยหรือ จากนั้นก็อึ้งมองลูกสาวด้วยความสงสาร หลีกังทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ แต่ดวงตาลุกวาบด้วยความขุ่นเคือง เพียงแต่เขาออกปากแล้วว่าไม่มีลูกสาวคนโต เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดฟันแน่นก่อนสะบัดหน้าหนีไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย
ซิ่วเฮียงก็เวทนาตัวเอง ขำอย่างขมขื่นด้วย…เป็นไปได้อย่างไรที่ความพลาดพลั้งของหล่อนจะส่งผ่านทางดอกไม้ประดิษฐ์ได้ แต่ช่างเถิด…เมื่อไม่ต้องการหล่อนก็ไม่ทำ
หญิงสาวพักในเพิง ทำงานบ้านเป็นหลัก ข้าวปลาอาหารหล่อนพยายามหาผักหาหญ้าในบ้านมาปรุงอาหาร บางทีทำกับข้าวแบบที่เรียนมาจากพิกุลแล้วส่งให้เตี่ยกับม้าและน้องๆ กิน เซียมลั้งชมว่าอร่อย น้องสองคนไม่เอ่ยอะไรแต่ท่าทางโกรธขึ้งโดยเฉพาะจากซิ่วเซียงเบาบางลงไปเรื่อยๆ มีเพียงหลีกังไม่แตะเลยแม้แต่คำเดียว
“เตี่ยลื้อท่ามากทำเป็นไม่สนใจ แต่จริงๆ ใจไม่แข็งหรอก ลื้อก็ทนหน่อยแล้วกันนะเฮียง” เซียมลั้งได้แต่ปลอบลูกสาว
“จ้ะม้า” ซิ่วเฮียงตอบเสียงเบา
หลังจากกลับบ้านได้เดือนเศษ ซิ่วเฮียงกำลังกวาดลานบ้านอยู่เมื่อมีเสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน
“เฮียง อาเฮียง”
หญิงสาวหันไปมองเห็นผู้หญิงร่างเล็กผอม สวมเสื้อขาวเกงเกงผ้าอย่างดี ผมตัดสั้นหยิกเป็นลอนๆ ติดกิ๊บสีดำสองสามตัว สองมือยังเต็มไปด้วยกระเป๋าและถุงผ้าใบใหญ่ ฝ่ายนั้นส่งยิ้มมาให้อย่างมีเมตตา
“เง็กซิม” ซิ่วเฮียงทิ้งไม้กวาดในมือ รีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วเตี้ยๆ พอเห็นแม่บุญธรรมที่ไม่ได้เจอ
หน้ากันมากว่าสองปีดูแก่เฒ่าลงไปมาก หญิงสาวก็รู้สึกปวดใจ ยิ่งยามนึกถึงตุ้มหูทองลายดอกไม้ที่หล่อน
ขายไปเพื่อหาเงินมาใช้ หล่อนยิ่งรู้สึกผิด น้ำตาเม็ดโตๆ ร่วงเผาะๆ สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กว่า
“เง็กซิม เฮียงผิดไปแล้ว เฮียงเสียใจ เฮียงขายตุ้มหูที่เง็กซิมให้ไปแล้ว เฮียงขอโทษที่รักษาของที่เง็กซิมให้เอาไว้ไม่ได้”
เง็กซิมวางข้าวของลง กอดซิ่วเฮียงไว้เอ่ยว่า
“ไอ้หยา อย่าร้องๆ เข้าบ้านก่อนอย่าร้องไห้หน้าบ้านแบบนี้ ขายขี้หน้าคนเขา ไปๆ เข้าบ้านแล้วค่อยคุยกัน”
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 30 : ฟ้าถล่ม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 29 : ลูกชายลูกชาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 28 : ไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 27 : เด็กน้อยของซิ่วเฮียง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 26 : สันดานคนยากจะเปลี่ยน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 25: รถจี๊ปสีเขียว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 24 : หวังดีเกินไป รักเกินไป
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 23 : เรื่องที่เข้ากันได้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 22 : หยี่แจ้ โอ่ยแจ้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 21 : แต่งงาน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 20 : สู่ขอ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 19 : ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 18 : เห็นขี้ดีกว่าไส้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 17 : กระต่ายก็กัดเป็น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 15 : ปุ๋ยดีไม่ควรปล่อยให้ไหลลงนาผู้อื่น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 14 : ลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 13 : ศาลองค์แป๊ะกง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 12 : เข้ากรุง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 10 : บ้าน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 9 : หันหลังกลับ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 8 : พยอม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 7 : หมดสิ้น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 5 : วาสนา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 4 : ดอกไม้ผ้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 3 : ตุ้มหูทอง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 2 : แม่ผัว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 1 : ซิ่วเฮียง