กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)

โดย : ชีวาพร

Loading

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco

ยามเย็นย่ำฟ้ามืดหล้าก็พายเรือมาส่งผกากรองเช่นเดิม หลังจากจอดเรือเทียบท่าน้ำหน้าเรือนของชบาแล้วก็เอื้อมมือไปดึงคนที่อยู่กลางเรือมานั่งลงบนตักกว้าง

“พี่ไม่อยากให้แม่ผกากรองขึ้นเรือนเลย”

“ไม่ให้ฉันขึ้นเรือน แล้วอยากให้ฉันทำกระไรรึ”

ผกากรองเอ่ยถามอย่างยั่วยวน พลางขยับบดกดสะโพกกลมของตนลงบนตักกว้าง

“พี่หล้าเฝ้าอยู่ที่ท่าน้ำเรือนท่านเศรษฐีทั้งวัน มีหญิงใดนอกจากฉันไปหาท่านเศรษฐีอีกหรือไม่”

หล้าถูกเสน่ห์ของผกากรองยั่วยวนก็ใจสั่นสะท้าน เลือดบุรุษในกายพลุ่งพล่านตื่นตัวกระชับวงแขนแกร่งโอบรัดคนบนตัก ก่อนเลื่อนสองมือขึ้นทาบทับบีบเคล้นอกอวบอิ่ม เอ่ยกระซิบตอบเสียงแหบพร่า แลซุกไซ้ใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของผกากรอง

“นอกจากแม่ผกากรองแล้วท่านเศรษฐีก็ไม่ได้เรียกหาหญิงคนใดมาที่เรือนอีก”

“แต่ฉันได้ยินว่าอีเฟื่องมันมาหาท่านเศรษฐีที่เรือนมิใช่รึ”

ผกากรองเอนกายพิงอกแกร่ง แอ่นอกรับสัมผัสจากมือหนาพลางยกเรียวแขนโอบไล้ต้นคอแกร่ง ถูกยั่วยวนถึงเพียงนี้สติของหล้าก็ขาดหาย ไม่ว่าคำถามใดของผกากรองก็เอ่ยตอบจนหมดสิ้น

“แม่ผกากรองไม่ชอบ แม้แต่บันไดเรือนท่านเศรษฐีพี่ก็มิให้หญิงใดได้เหยียบย่าง”

“หมายความว่าพี่หล้าจัดการมันให้ฉันหรือ”

ผกากรองบิดตัวหันมาสบตาคมของชายหนุ่มเจ้าของตักกว้าง หล้าจับปลายคางมนกดริมฝีปากลงบนพวงแก้มนุ่มกระซิบเสียงสั่นเครือ

“พี่ก็แค่เผลอทำน้ำมันหกเท่านั้น เป็นแม่หญิงผู้นั้นที่เดินไม่ระวังจนพลัดตกน้ำไปเอง”

เมื่อได้ยินวิธีการที่หล้าใช้จัดการเฟื่องหญิงสาวที่หมายใจมายั่วยวนเศรษฐีมิ่ง ริมฝีปากสีแดงสดของผกากรองก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้นิ้วเรียววางทาบบนแก้มสากเอ่ยชมเขาอย่างเอาใจ

“พี่หล้าของฉันช่างฉลาดนัก”

“เยี่ยงนั้นแม่ผกากรองมีรางวัลให้พี่หรือไม่”

“ย่อมต้องมี”

ผกากรองเอ่ยตอบพร้อมกับยกยิ้มยั่วยวน กดแนบริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากหนาอย่างเร่าร้อน มือเล็กอีกข้างจับไต้ที่หัวเรือกดลงในแม่น้ำ ดับแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวลง รอบกายพลันมืดมิดปิดราวกับม่านราตรีที่ช่วยซ่อนเรื่องราวอันเร่าร้อนบนเรือเล็กได้เป็นอย่างดี มือนุ่มไล้ลงมาตามแผงอกแกร่งปลดปมโจงของชายหนุ่มจนหลุดลุ่ยเผยเรือนกายที่ตื่นตัวของเขา

“อ่า…แม่ผกากรองของพี่”

หล้าร้องครวญเสียงต่ำเมื่อถูกหญิงงามปลุกเร้าแนบชิด วางมือกำกราบเรือเกร็งแน่นเมื่อผกากรองขยับตัวขึ้นคร่อมเอวหนาแล้วมอบรางวัลอันหฤหรรษ์ให้เขาอย่างถึงใจ

“แม่ผกากรองเบาๆ หน่อย ประเดี๋ยวเรือจักล่ม”

แม้จะถูกเอ่ยห้าม ทว่าผกากรองกลับไม่ลดจังหวะรุกเร้าชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เรือลำเล็กโยกคลอนผืนน้ำเกิดระลอกคลื่นรุนแรงจนดันหัวเรือชนกับท่าน้ำเป็นเสียงชวนวาบหวิว สอดประสานกับจังหวะเสียงหวานที่ครวญแผ่ว เมื่อยามที่สองร่างจวนถึงจุดหมายผกากรองก็เร่งเร้าบทรักถี่ระรัวจวบจนสองร่างสุขสมดั่งใจอยู่หลายหน ผกากรองจึงก้าวขาขึ้นท่าน้ำ ขณะที่หล้าจับไม้พายด้วยมืออันสั่นเทาจ้วงน้ำพายเรือกลับเรือนอย่างอ่อนแรง

ผกากรองมองตามเรือที่หายลับไปกับความมืดแล้วยกมุมปากเย้ยหยัน บุรุษล้วนโง่เขลาและสามารถล่อลวงควบคุมได้ด้วยเล่ห์เสน่ห์รสรักเหมือนกันทุกคน มือขาวเนียนสจัดผ้าที่หลุดลุ่ยให้เรียบร้อยแล้วก้าวขึ้นเรือน เพียงแต่ทันทีที่พ้นบันไดเรือนเสียงทุ้มต่ำคุ้นหูก็ดังขึ้น

“เดี๋ยวนี้เอ็งกลับดึกดื่นทุกคืนเลยนะแม่ผกากรอง”

ผกากรองชะงักเท้าถอนหายใจยาว ก่อนหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวของเรือน คิ้วเล็กขมวดมุ่นเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นฉุนโชยออกมาจากตัวของชายตรงหน้า

“ในเมื่อดึกแล้วเหตุใดน้าโชคจึงยังไม่นอน”

โชค คือสามีของชบา หรืออีกสถานะก็คือน้าเขยของผกากรอง หากแต่นอกเหนือจากสถานะน้าเขยแล้ว อีกฝ่ายยังคงมีสถานะเป็น…

“ผัวเยี่ยงกูก็มายืนรอเมียอย่างไรเล่า”

น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นเน้นหนัก แลแฝงความเย้ยหยันอย่างผู้เหนือกว่า ดวงตาหื่นกระหายจดจ้องหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผกากรองมองกลับด้วยสายตาแสดงความเบื่อหน่ายชัดเจน พลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเชิดหน้าเอ่ยตอบด้วยท่าทีเย่อหยิ่งไม่ไยดี

“วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่มีอารมณ์”

เพราะวันนี้ผกากรองต้องออกแรงบำเรอสุขให้เศรษฐีมิ่งทั้งวัน ก่อนขึ้นเรือนมาก็ยังตกรางวัลชุดใหญ่ให้หล้าอีกหลายหน ร่างกายของเธออ่อนล้าจนแทบไม่มีแรงยืน จึงเอ่ยปฏิเสธคนตรงหน้าอย่างไร้เยื่อใย ก่อนหมุนตัวเดินจากไป เพียงแต่โชคกลับไม่ยินยอม มือหยาบกร้านคว้าข้อมือเล็กออกแรงฉุดดึงผกากรองจนเสียหลักเซมาซบแนบชิดอกแกร่ง

โชคโอบกอดหญิงสาวแนบแน่น พร้อมกับกดใบหน้าลงซุกไซ้ลำคอขาว โดยไม่สนใจท่าทีขัดขืนของอีกฝ่าย

“เอ๊ะ! น้าโชค! ฉันบอกว่าไม่มีอารมณ์อย่างไรเล่า ไม่เข้าใจหรือไร”

ผกากรองผลักอกกว้าง แล้วขยับเท้าถอยห่างพร้อมกับตวาดเสียงเบาลอดไรฟัน ด้วยกลัวว่าหากส่งเสียงดังมากไปชบาจะตื่นขึ้นมาแล้วเรื่องของเธอกับน้าเขยก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แน่นอนว่าหากชบารู้เรื่องนี้เข้าจะต้องโกรธอย่างหนัก ดีไม่ดีอาจบังคับให้ผกากรองเป็นเมียอีกคนของโชคหรือขายเธอไปเป็นนางบำเรอเศรษฐีชรา แน่นอนว่าเธอไม่ยินดีให้เป็นเช่นนั้นจึงจำต้องเก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้อย่างสุดความสามารถ

“มึงไม่มี แต่กูมี”

โชคเดินเข้าหาผกากรองอีกครั้งด้วยสีหน้ามืดครึ้มเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ คว้าเอวบางของหญิงสาวแล้วจับเธอยกขึ้นพาดบ่า สาวเท้ามุ่งตรงไปยังหอนอนของผกากรองอย่างรวดเร็ว

“น้าโชคปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกน้าชบา”

“ให้มึงเรียกจนคอแตกน้ามึงก็มิตื่นมาช่วยมึงดอก”

ตั้งแต่ชบาส่งผกากรองไปบำเรอสุขให้เศรษฐีมิ่ง เธอกับเขาก็ไม่มีโอกาสได้แนบชิดกันดังเช่นแต่ก่อน ดังนั้นในใจของโชคจึงเกิดความไม่พอใจอยู่หลายหน วันนี้สบโอกาสจึงลอบวางยานอนหลับชบาแล้วมาดักรอผกากรองที่หน้าหอนอนของเธอ หมายใจพลอดรักให้หนำอก ทว่ากลับถูกหญิงสาวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ในใจจึงเกิดโทสะจนขาดสติ ยามที่ก้าวเข้ามาในหอนอนของผกากรองแล้วก็โยนคนบนบ่าลงเตียงโดยไม่ออมแรง ก่อนจะทาบทับกายลงมา

“เล่นตัวนักนะอีผกากรอง”

มือหนาบีบแก้มนุ่มโน้มตัวจ้องมองคนใต้ร่างอย่างขุ่นเคือง พลางกดเสียงต่ำเอ่ยออกมา

“หรือมึงลืมไปแล้วว่าใครคือผัวตัวจริงของมึง”

ผกากรองที่ถูกโยนลงเตียงอย่างไร้ปรานีจุกแน่นไปทั้งตัว จนไม่มีแม้แต่แรงจะเอ่ยปากโต้ ได้แต่รู้สึกโกรธแค้นในใจที่ครั้งหนึ่งเคยพลาดท่าถูกคนบนร่างล่อลวงด้วยเศษเงินจนเสียตัวให้เขาเชยชม

“มึงมันร่านจริงๆ”

โชคกัดฟันกรอดเมื่อปลดสไบแลผ้านุ่งออกจากกายสาว แล้วเห็นรอยรักมากมายที่ถูกบุรุษอื่นทิ้งไว้ ในใจของเขาเกิดโทสะทั้งหึงหวงทั้งแค้นใจ เพราะตัวเขารู้ดีว่าบุรุษที่สามารถเข้าถึงตัวผกากรองได้ล้วนจ่ายอัฐให้ชบา แม้ไม่ยินดีกับวิธีการนี้ของชบา ทว่าเงินเหล่านั้นชบาก็ส่งต่อมาให้เขาใช้สอยอีกที ดังนั้นแม้จะหงุดหงิดใจที่ต้องเห็นผกากรองเริงรักกับชายอื่น แต่ยามเข้าบ่อนจำเป็นต้องใช้เงิน ดังนั้นเรื่องของผกากรองเขาจึงทำได้แค่อดทน

“เยี่ยงนั้นคืนนี้กูจะเอามึงให้หนัก ให้มึงลืมไอ้เศรษฐีแก่นั่นไปเลย”

มึงก็แก่ไม่ต่างกัน แถมยังจน ดีแต่เกาะชายผ้าถุงเมีย

ผกากรองนึกเดียดฉันท์คนบนร่างในใจ ใบหน้างามบิดเบี้ยวจุกแน่นจากรสรักที่จู่โจมของโชค และมวนท้องเพราะเหม็นกลิ่นสุราที่โชยออกมาจากตัวของเขา

สกปรกโสมม น่ารังเกียจนัก

ผกากรองสบถด่าอยู่ในใจ ทว่าแม้แรกเริ่มผกากรองจะไม่เต็มใจนัก แต่โชคเป็นชายที่รู้จุดอ่อนไหวของผกากรองดีที่สุดหลังจากเล้าโลมไม่นาน ท่าทีต่อต้านแข็งขืนก็เปลี่ยนเป็นโอนอ่อนผ่อนตาม จากที่พยายามหลีกหนีผลักไสอย่างรังเกียจก็เป็นฝ่ายเข้าหาเรียกร้อง และควบคุมบทรักอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยกลัวว่าจะเผลอส่งเสียงดังเกินไปจนชบาตื่น โชคร่วมรักกับผกากรองมาหลายหนย่อมรู้ดีว่าหญิงสาวกังวลเรื่องใด ยามที่เอวบางขยับโยกบนตัวเขาก็เอ่ยบอกเสียงสั่นเครือแหบพร่า

“วันนี้กูวางยานอนหลับน้ามึงแล้ว มึงปลดปล่อยได้เต็มที่เลย”

เมื่อรู้ว่าชบาถูกโชควางยาจนหลับสนิท ผกากรองก็ไม่เก็บเสียงครวญอีกต่อไป ทั้งยังโถมแรงเข้าหาเขาอย่างหนักหน่วงเอาแต่ใจ

“ร่านสมกับที่กูสอนจริงๆ”

โชคเอ่ยชมอย่างพึงพอใจ ผกากรองที่ตอนนี้ถูกรสสวาทครอบงำไม่ได้ใส่ใจความพอใจคนใต้ร่าง เธอสนเพียงความปรารถนาที่พุ่งทะยานในกายตน เอวบางขยับโถมแรงอย่างสุดกำลังจนข้าวของหัวเตียงตกกระจายเกลื่อนพื้น เมื่อร่างกายถึงจุดสุขสมจึงทิ้งกายลงบนอกกว้าง พลิกตัวลงนอนบนเตียงนุ่มสลับให้โชคเป็นผู้ควบคุมบทรักนี้ต่อ

ทว่าเพราะวันนี้โชคดื่มสุรามาอย่างหนัก ส่วนผกากรองเองก็รับศึกรักมาตลอดวัน ยามที่สองร่างสุขสมจนสิ้นไฟปรารถนา ร่างกายก็สิ้นแรงทิ้งตัวลงนอนโอบกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง เผลอหลับใหลจนตะวันขึ้นสูงจึงรู้สึกตัว

“บรรลัยแล้ว!”

โชคที่รู้สึกตัวตื่นก่อนผกากรองร้องลั่น เร่งลงจากเตียงไปหยิบผ้าผ่อนที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นขึ้นมาใส่อย่างเร่งรีบ

“อีผกากรอง ตื่น!”

มือที่เพิ่งนุ่งโจงกระเบนเสร็จเอ่ยเรียกผกากรองอย่างร้อนรน ผกากรองขยับตัวตื่นอย่างอ่อนล้า ทว่าเมื่อเห็นแสงตะวันที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างก็เบิกตากว้าง สายขนาดนี้แล้วอีกไม่นานชบาจะต้องเข้ามาหาเธอแน่ หากแต่ไม่ทันลุกจากเตียงประตูหอนอนที่ลืมลงดาลก็เปิดออก

 



Don`t copy text!