สาปแสงรัก บทที่ 16 : ความรักของยาย

สาปแสงรัก บทที่ 16 : ความรักของยาย

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

“เพราะเธอคนเดียว ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เข้าใกล้หลานชายฉัน ทำไมเธอยังทำแบบนี้” อาจารีเปิดฉากต่อว่านวลดาราทันทีที่เธอมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแล้วเห็นนวลดารากับอนุชนั่งอยู่ด้วยกัน

“แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ พี่นวลก็ไม่รู้หรอกว่าพี่อ้ายจะเป็นแบบนี้ พี่อ้ายหลอก…” อนุชพยายามช่วยอธิบายเพราะระหว่างทางที่มานวลดาราเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังแล้ว

“เงียบไปเลยนุช แม่ไม่ได้พูดกับเรา” อาจารีหันไปดุลูกสาวแล้วพูดกับนวลดาราต่อไปว่า “เธอรับปากฉันแล้ว ทำไมถึงไม่ทำตามที่พูด”

“หนูยอมรับว่าหนูผิดคำพูดกับคุณอา” นวลดาราบอกกับอาจารี ตอนนี้เธอไม่มีแก่ใจจะถือดีกับอาของอานุภาพอีกแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาทำให้เธอเสียใจจนบอกไม่ถูก

“ฉันไม่ใช่อาเธอ ไม่ต้องมานับญาติ” อาจารีตอบด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

“แม่คะ…” อนุชยังพยายามห้ามแม่ของเธอ

“หนูเสียใจจริงๆ ค่ะ หนูไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ ถ้าหนูรู้ หนูจะไม่เข้าใกล้เขาเลย” นวลดาราพูดด้วยเสียงเครือ

“เธอไม่ต้องมาพูด…”

“พอเถอะคุณอ่อน” ประณตพูดขัดขึ้นหลังจากฟังอยู่นาน ตั้งแต่รู้เรื่องเหตุที่เกิดกับหลานชายจากลูกสาวเขาก็ทิ้งงานแล้วไปรับภรรยามาที่นี่ เมื่อมาถึงภรรยาก็ตรงเข้าต่อว่านวลดาราทันที เขายังไม่มีโอกาสได้พูดเลย

“นุชบอกพ่อว่าพี่อ้ายหายไปจากโรงพยาบาล แล้วนุชรู้ได้ยังไงว่าพี่เขาไปที่เกาะเดือนดับ เมื่อตอนค่ำนุชบอกว่าต้องรีบไป ไม่มีเวลาอธิบาย ตอนนี้บอกพ่อได้หรือยัง” ประณตซักไซ้ไล่เลียงเอากับลูกสาว

“วันนี้นุชออกไปติดต่องานข้างนอกทั้งวัน นุชเพิ่งรู้ตอนหลังว่าพี่ษิตถูกพี่อ้ายขอร้องให้หาเรื่องมาดึงให้นุชอยู่ข้างนอกจนเย็นเพื่อจะได้ตามพี่อ้ายไปไม่ทัน พอกลับเข้าบริษัทพี่ษิตก็บอกนุชว่ามีเอกสารสำคัญจากพี่อ้ายฝากไว้ให้นุช”

“เอกสารอะไร” ประณตถามต่อ

“พินัยกรรมค่ะพ่อ พี่อ้ายทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้นุช”

“แปลว่าอ้ายรู้ว่าการกลับไปอาจทำให้เขาทรมานถึงตาย” ประณตว่า

“โธ่…อ้ายของอา” อาจารีรำพึง น้ำตาร่วง

“นุชถึงรู้ไงว่าพี่อ้ายต้องไปที่เกาะเดือนดับ แล้วพี่อ้ายก็หลอกพี่นวลว่าเขาไม่เป็นไรแล้วด้วย”

ฟังมาถึงตรงนี้นวลดาราก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“คุณอ้ายบอกว่า เขาไม่รู้จะแก้คำสาปนั่นยังไง เขายอมตายถ้าเราไม่ได้รักกัน” นวลดาราบอกเสียงสั่นเครือ “หนูก็ยอมนะคะคุณอา ให้หนูทำอะไรเพื่อช่วยเขาก็ได้ หนูยอมทั้งนั้น”

“หนูรักอ้ายจริงๆ ใช่ไหม” ประณตถามนวลดารา

“จริงค่ะ ตอนนี้หนูแน่ใจแล้ว”

“หนูเคยเกลียดเขามากไม่ใช่รึ”

“ค่ะ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้หนูรักเขา หนูจะช่วยอะไรเขาได้บ้างคะคุณอา ให้หนูหายไปจากชีวิตเขาเลยก็ได้ ขอให้เขาฟื้นขึ้นมาก็พอ” นวลดาราพูดจบก็กลั้นสะอื้นต่อไปไม่ไหว

“ใจเย็นๆ นะหนูนะ หนูเล่าให้อาฟังได้ไหมว่าหนูกับอ้ายรู้เรื่องชะตากรรมที่เกี่ยวข้องกันนั่นมากแค่ไหน”

นวลดาราใช้เวลาสงบสติอารมณ์อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เธอและอานุภาพแน่ใจว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันในชาติก่อนและอาการผิดปกติที่เกิดกับอานุภาพให้ประณตฟัง

“อาคิดว่าหนูน่าจะเป็นคนเดียวที่ช่วยหลานชายของอาได้ เพราะหนูมีชะตากรรมผูกพันกับเขา” ประณตพูดเมื่อฟังเรื่องเล่าของนวลดาราจบลง

“หนูจะช่วยเขาได้ยังไงบ้างคะคุณอา”

“หนูต้องกลับไปหาคำตอบที่เกาะเดือนดับ เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดที่นั่น”

“หนูจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” นวลดาราบอก

“จรินทร์ก็ไปส่งลูกค้าคุณซะแล้ว คุณลองโทรไปสิคะว่าส่งเสร็จหรือยังจะได้ให้มารับหนูนวลไป” อาจารีบอกกับประณต เธอมีท่าทีอ่อนลงเมื่อเห็นน้ำตาของนวลดารา เธอแน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้รักหลานชายของเธอจริงๆ

“คุณอา…ขอบพระคุณค่ะ” นวลดารายกมือไหว้ ตื้นตันใจที่อาจารีไม่รังเกียจเธอแล้ว

“ผมว่าเราไปกันเองน่าจะเร็วกว่านะครับคุณนวล อีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้าให้คนขับรถไปส่งก็ต้องขับกลับอีก ขับรถไกลๆ กลางคืนก็ไม่น่าจะปลอดภัยนะครับ” ชลธีออกความเห็นอย่างเกรงใจ

“งั้นหนูขอตัวนะคะคุณอา” นวลดาราไหว้ลา ขอตัวกลับไปพร้อมกับชลธี

เมื่อทั้งสองคนเดินออกไปแล้ว อาจารีก็พูดกับลูกสาว

“เราน่ะ อยากจะตามเขาไปหรือเปล่า”

“แม่…” อนุชตกใจที่มารดาถามแบบนี้

“คุณถามเหมือนอย่างกับจะยุให้ลูกสาวหนีตามผู้ชายไปอย่างนั้นแหละ” ประณตแซวภรรยา

“ฉันขี้เกียจนั่งดูคนเหม่อลอย…ตัวอยู่กับพ่อแม่ ใจไม่รู้ไปอยู่ไหน”

“แม่” อนุชร้องขึ้นอีกเพราะตกใจที่มารดารู้ใจ

“เรียกแม่อยู่นั่นแหละ จะไปก็ไปเถอะ อยู่ที่นี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าพี่อ้ายเขามีอาการคืบหน้า แม่จะโทรบอก…นุชอย่าลืมที่แม่บอกนะ ถามเขาให้รู้เรื่อง เรื่องแม่ของลูกเขาน่ะ แม่ไม่อยากให้เราช้ำใจ”

“พ่อไม่ว่าเหรอคะ ถ้านุชจะไป”

“พ่ออนุญาตให้ศึกษาดูใจกัน ไม่เกินกว่านั้นนะ” ผู้เป็นพ่อบอก

“นุชทราบค่ะ ขอบคุณนะคะพ่อแม่” อนุชกอดขอบคุณพ่อแม่ “รักพ่อแม่ที่สุดเลย”

“มัวแต่รักกันอยู่เนี่ย เขาไปกันถึงไหนแล้ว” ประณตบอกลูกสาวด้วยความเอ็นดู

อนุชรีบควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือ ต่อสายถึงชลธีทันที

“พี่ชล ได้รถแท็กซี่หรือยังคะ รอก่อนนะคะ นุชไปด้วย” อนุชพูดสายแล้วหันไปยกมือไหว้ โบกมือลาพ่อแม่แล้วรีบวิ่งออกไป

“ฉันนึกว่าคุณจะห้ามไม่ให้ลูกไป” อาจารีบอกกับสามี

“เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัวนี่คุณ ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ดูอย่างตาอ้ายสิ เราห้ามกันแทบตาย ทั้งขู่ทั้งปลอบก็ยังเอาไม่อยู่…ผมก็แปลกใจนะที่คุณออกปากให้ลูกไปแบบนั้น”

“ฉันมั่นใจว่าฉันเลี้ยงลูกมาให้คิดเป็น เชื่อใจว่าลูกรู้ขอบเขตว่าอะไรควร อะไรไม่ควร”

“ผมก็มั่นใจ เชื่อใจเหมือนกัน” ประณตบอกกับภรรยา

 

เช้าวันรุ่งขึ้นนวลดาราชวนชลธีมาหาหลวงพ่อนิลที่วัดบนเกาะเดือนดับเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางดี ความจริงแล้วเธออยากจะมาหาหลวงพ่อทันทีที่กลับมาถึงเกาะเมื่อคืนนี้ แต่คุณมัทนาไม่ยอมเพราะเวลานั้นเป็นเวลาดึกสงัด ยายของนวลดาราสั่งเด็ดขาดว่าให้ทุกคนไปพักผ่อนให้กายใจแข็งแรงเสียก่อน จึงค่อยมาคิดอ่านแก้ไขปัญหา นวลดารานั้นแม้จะร้อนใจอย่างไรก็ต้องยอมเชื่อฟังผู้เป็นยายที่มีเหตุผลมากกว่า

เมื่อนวลดาราและชลธีมาถึงกุฏิของหลวงพ่อนิลก็พบว่าเณรที่คอยอุปัฏฐากหลวงพ่อนิลยืนรออยู่ที่หน้ากุฏิ เมื่อทั้งสองคนมาถึงเณรก็ทักขึ้นทันที

“หลวงพ่อเพิ่งออกจากสมาธิ ท่านบอกว่าวันนี้คุณโยมนวลจะมา ให้เณรมายืนรอรับ เณรยังบอกท่านเลยว่าเช้าขนาดนี้คุณโยมนวลไม่มาหรอก”

นวลดาราฟังแล้วก็แน่ใจว่าหลวงพ่อล่วงรู้ปัญหาของเธอแล้ว เธอจึงถามขึ้นทันทีเมื่อกราบหลวงพ่อนิลเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้เล่าเรื่องราวอะไรให้ท่านฟัง

“หลวงพ่อช่วยชี้ทางให้หนูได้ไหมเจ้าคะ”

“โยมตั้งใจแน่วแน่แล้วใช่ไหม”

“เจ้าค่ะหลวงพ่อ”

“โยมนายช่างเคยพยายามแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จนะโยม เรื่องอย่างนี้สุดแต่บุญแต่กรรมของโยมนะ”

“หนูขอลองเถอะค่ะหลวงพ่อ”

“งั้นก็ตามหลวงพ่อมา” หลวงพ่อนิลขยับลุกขึ้นแล้วเดินนำนวลดารากับชลธีไปที่หน้าพระพุทธรูปที่ใต้ต้นโพธิ์ลานปฏิบัติธรรม หลวงพ่อนิลนั่งลงบนแท่นแสดงธรรมในลานหินแล้วบอกให้นวลดาราลงนั่งคุกเข่าในท่าเทพธิดาที่หน้าพระพุทธรูป จากนั้นท่านก็ให้เณรจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วหลวงพ่อก็สวดคาถาเป็นภาษาบาลีจากนั้นจึงให้นวลดาราตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ

“ลูกขอให้คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ช่วยให้ลูกได้พบคำตอบว่าเหตุใดคนรักของลูกจึงทุกข์ทรมานเพราะความรัก เหตุใดเราจึงทุกข์ทรมานทั้งที่เคยรักกันมาแต่ปางก่อน หากลูกไม่ได้รับคำตอบ ลูกจะขออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แม้ตายลูกก็ยอม”

“คุณนวล…” ชลธีรำพึงเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง

นวลดาราหลับตาลงและเริ่มเข้าสมาธิ

 

ชลธีรีบกลับไปที่บ้านเรือนไทยบอกให้คุณมัทนารู้ว่านวลดารากำลังทำอะไร คุณมัทนากับอนุชจึงตามมาที่วัด คุณมัทนาเฝ้าดูหลานตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายนวลดาราก็ยังไม่ออกจากสมาธิ จากที่เธอนั่งเฝ้าดูหลานที่ข้างลานหิน เมื่อแดดเริ่มร้อนมากขึ้น ชลธีกับอนุชก็ช่วยกันขอร้องให้คุณมัทนาเข้าไปนั่งหลบแดดที่ศาลาการเปรียญที่เป็นศาลาเปิดโล่งยกพื้นสูง ศาลานี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับลานหินโดยมีทางเดินโรยกรวดไม่กว้างนักคั่นอยู่ ถึงแม้จะรู้ว่ามองจากภายในศาลาก็เห็นหลานสาวได้ แต่ผู้เป็นยายก็ยังไม่อยากออกห่างจากหลาน จนชลธีต้องบอกว่าถ้าคุณยายไม่ยอมเขาจะนิมนต์หลวงพ่อนิลมาขอร้องด้วยตัวเอง คุณมัทนาจึงจำยอม

“นวลอธิษฐานเอาชีวิตเป็นเดิมพันอย่างนั้นจริงๆ หรือชล” คุณมัทนาถามให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อเข้าไปนั่งในศาลา

“จริงครับ”

“แล้วจะแก้ไขยังไงกัน ดูซิเนี่ย นั่งตากแดดร้อนเปรี้ยงอย่างนี้ เดี๋ยวได้ไม่สบายกันพอดี”

“คุณยายกินอะไรหน่อยนะคะ ตั้งแต่เช้าคุณยายยังไม่ได้กินอะไรเลย” อนุชถามด้วยความห่วงใย

“ยายกินไม่ลงหรอกลูก” คุณมัทนาบอก “ดูสิ ตรงนี้ยังมีแดด ทางนั้นฝนมามืดแล้ว”

อนุชกับชลธีมองดูท้องฟ้าเห็นเมฆดำทะมึนลอยมาจากทิศทางที่คุณมัทนาบอก ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความวิตกกังวล

ไม่นานหลังจากนั้นฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา นวลดาราก็ยังนั่งคุกเข่าเข้าสมาธิอยู่อย่างนั้น แม้เมื่อเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าหญิงสาวก็ยังนั่งนิ่งอยู่

“ไม่ไหวแล้ว พอที ยายจะไปห้ามนวล” คุณมัทนาลุกขึ้นจะเดินออกไปที่ลานหิน

“คุณโยมมัทนา” หลวงพ่อนิลที่เข้ามานั่งในศาลาก่อนหน้านั้นแล้วเดินมาทางด้านหลังของคุณยายเอ่ยทักขึ้น แล้วกล่าวต่อไป “ใจเย็นไว้ก่อนเถอะ”

“ใจเย็นยังไงคะหลวงพ่อ หลานสาวอิฉันจะหนาวตายอยู่แล้วนะเจ้าคะ”

“สิ่งศักสิทธิ์อาจกำลังทดสอบความแน่วแน่ของจิตใจมนุษย์ หากมั่นคงพอก็อาจได้รับคำตอบที่ต้องการ” หลวงพ่อนิลกล่าวด้วยเสียงเปี่ยมเมตตา

คุณมัทนาได้แต่มองดูหลานสาวที่นั่งหลับตาหนาวสั่น เข้าสมาธินิ่งไม่ไหวติงอยู่ด้วยความเป็นห่วง อนุชและชลธีก็เป็นห่วงนวลดาราไม่แพ้กัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้ารอ

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงคุณมัทนาก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เธอตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนไปเขย่าตัวหลานสาวให้ตื่น

“นวล พอแล้วลูก ยายไม่ยอมให้หนูทำอะไรแบบนี้แล้ว”

นวลดาราตกใจลืมตาตื่นขึ้นมา เธอเห็นผู้เป็นยายเปียกปอน หญิงสาวนึกทบทวนอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งก็เรียบเรียงเรื่องราวได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“ยาย ยายห้ามนวลทำไม” นวลดาราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้

“ยายจะไม่ยอมให้นวลทำอะไรเสี่ยงตายแบบนี้”

“แต่นวลอธิษฐานไว้แล้ว ถ้าล้มเลิก นวลจะช่วยคุณอ้ายได้ยังไง ยายอย่าห้ามนวลเลยนะคะ” ว่าแล้วนวลดาราก็ขยับนั่งสมาธิอีกครั้ง แล้วหลับตาลง

คุณมัทนาไม่รู้จะห้ามหลานสาวอย่างไรเธอจึงลงนั่งสมาธิกลางฝนที่ตกกระหน่ำ “ถ้านวลยืนยันจะทำแบบนี้ให้ได้ ยายก็จะทำด้วย ถ้าจะตายก็ให้มันตายด้วยกัน”

คำขาดที่ผู้เป็นยายเอ่ยทำให้นวลดาราถอนจากสมาธิ ลืมตาขึ้นดู เมื่อเห็นยายนั่งลงข้างเธอกลางลานหินที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนนวลดาราก็น้ำตาไหล

“ยาย ยายกลับไปเถอะนะคะ อย่าทำแบบนี้เลย”

“ถ้าเราไม่กลับ ยายก็ไม่กลับ” คุณมัทนายืนกรานทั้งที่ยังหลับตา

“ยาย…” คราวนี้นวลดาราทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ เธออยากช่วยคนรักแต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดอันตรายกับผู้มีพระคุณ “นวลยอมแล้วค่ะยาย” นวลดาราโผเข้ากอดผู้เป็นยายอย่างหมดหวัง

“นวลยอมแล้ว” หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญ

คุณมัทนาลืมตาขึ้นตั้งแต่หลานสาวโผเข้ากอด ฟังเสียงร้องไห้ก็ยิ่งสงสารจับใจ มีหรือที่ผู้เป็นยายจะไม่รู้ว่าการทำแบบนี้อาจจะทำให้เรื่องทั้งหมดยิ่งแย่ลง แต่เธอก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิตของหลานที่เหลือกันอยู่แค่เพียงสองคน

“ฉันทำถูกแล้วใช่ไหมชื่น” คุณมัทนาเอ่ยถามแม่บ้านคนสนิทเมื่อมองผ่านประตูเลื่อนกระจกกรอบไม้ออกไปเห็นอาการของนวลดาราที่ยืนมองเหม่ออยู่บนระเบียงห้องนอนชั้นสองของบ้านรับแขก ห้องนอนที่อานุภาพเคยมาพัก ตั้งแต่พาตัวกลับมาจากวัดนวลดาราก็ไม่พูดไม่จา ไม่ยอมกินอะไร ยังดีที่หญิงสาวยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกปอนออก เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเธอก็ขึ้นมาที่ห้องนี้ ยืนเหม่อมองฟ้าอยู่บนระเบียงห้องพัก ไม่ขยับไปไหนหลายชั่วโมงแล้ว คุณมัทนาอยากจะทัดทานไม่ให้หลานสาวมานอนที่ห้องนี้ แต่ที่สุดก็ไม่ได้ทำ เพราะเธอคิดว่าการที่เธอห้ามไม่ให้นวลดาราช่วยคนรักก็เป็นการทำร้ายจิตใจหลานสาวมากพออยู่แล้ว

“คุณท่านอย่าคิดมากเลยค่ะ เป็นใครก็ต้องทำแบบนี้ทั้งนั้น”

คุณมัทนาถอนใจก่อนเลื่อนประตูกระจกเดินออกไปหาหลานสาวที่ระเบียงห้อง แม้เดินไปถึงตัวแล้วนวลดาราก็ยังเหม่อลอยอยู่ ผู้เป็นยายโอบหลังหลานสาว ลูบผมแล้วเอ่ยว่า “นวล ดึกแล้วนะลูก เข้านอนเถอะนะ หนูตากฝนมาทั้งวันแล้ว มาตากลมอีกเดี๋ยวจะไม่สบาย”

นวลดารายอมให้ผู้เป็นยายประคองพากลับเข้าไปในห้องนอนอย่างไร้ชีวิตชีวา คุณมัทนาจัดแจงให้หลานสาวลงนอนบนเตียงและห่มผ้าให้ หญิงสูงวัยกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหลานสาวซึ่งเศร้าอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

“ชื่น คืนนี้ให้ปิ่นมานอนเฝ้าที่หน้าเตียงนี่นะ เผื่อว่านวลจะต้องการอะไร” คุณมัทนาสั่งแล้วก็หลบออกจากห้องไปพร้อมกับนางชื่น

เมื่ออยู่ในห้องนอนเพียงลำพังนวลดาราก็ปล่อยให้น้ำตารินไหล เธอรู้ว่าที่ยายให้เด็กรับใช้มานอนเฝ้าก็เพราะกลัวว่าเธอจะกลับไปที่วัดและทำอย่างเดิมอีก เธอรู้ว่ายายรักเธอมากแค่ไหน แต่ความรักของยายกำลังทรมานเธอ



Don`t copy text!