สาปแสงรัก บทที่ 19 : กรรมเก่า กรรมใหม่

สาปแสงรัก บทที่ 19 : กรรมเก่า กรรมใหม่

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

หลังจากนั่งสมาธิข้ามวันข้ามคืนนวลดาราก็หมดสติไปท่ามกลางสายฝน เธอถูกพาตัวไปส่งที่สถานีอนามัยของเกาะเดือนดับ เมื่อแรกที่ไปถึงนวลดารามีไข้สูงแต่เมื่อหมอมารุตมาตรวจ ไข้ก็กลับลดลงเป็นปกติ ทำให้ทุกคนแปลกใจมาก หมอสั่งให้นวลดารานอนดูอาการอยู่ที่สถานีอนามัยหนึ่งคืน นางชื่นอาสามาเฝ้าไข้ แต่เมื่อนางตื่นขึ้นในตอนเช้ากลับพบว่านวลดาราหายตัวไปแล้ว

 

ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นนวลดาราก็รีบกลับไปที่วัด ในนาทีนี้หญิงสาวรู้แล้วว่าเธอเองเป็นต้นเหตุให้คนรักของเธอต้องจมอยู่ในความทุกข์ทรมาน เธอจะต้องรีบช่วยเหลือเขาให้เร็วที่สุดด้วยเกรงว่าหากช้าแม้เพียงนาที เขาอาจจากเธอไปตลอดกาล

เมื่อไปถึงลานปฏิบัติธรรมนวลดาราก็รีบจุดธูปไหว้พระทันที เธอตั้งอธิษฐานต่อหน้าพระด้วยจิตอันแน่วแน่ว่า “ลูก นวลดารา นรรักษวรรณ ได้สาปแช่งคุณอานุภาพ ไทยธารีย์ ในชาติปางก่อน ลูกขอถอนคำสาปแช่งนั้นนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป” สิ้นคำกล่าวนั้นฟ้าก็ผ่าลงมาทั้งที่ไม่มีฝนตก หญิงสาวแน่ใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยอมรับคำอธิษฐานของเธอแล้ว

นวลดาราน้ำตาซึมด้วยความยินดี เธอลุกจากลานหินคิดจะตรงกลับบ้านเพื่อจะไปบอกยายว่าเธอจะกลับเข้ากรุงเทพฯ ไปดูอาการของอานุภาพทันที แต่เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าวัด เธอก็พบกับอนุชและชลธีที่มาตามหาเธอ

“พี่นวลอยู่นี่อย่างที่คุณยายบอกจริงๆ ด้วย ป้าชื่นบอกว่าพี่นวลหายไป พวกเราตกใจกันใหญ่เลยค่ะ” อนุชบอก

“ขอโทษที่พี่ทำให้เป็นห่วงนะคะ พี่รู้แล้วว่าคนที่สาปแช่งคุณอ้ายคือ…” นวลดารายังพูดไม่จบเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของอนุชก็ดังขัดจังหวะขึ้น

อนุชรับสายแล้วฟังปลายสายอยู่เพียงชั่วครู่ ก็หันมาพูดกับนวลดาราว่า “แม่โทรมาบอกว่าพี่อ้ายอาการทรุดหนัก หมอให้เข้าไอซียูค่ะ”

“เป็นไปได้ยังไง” นวลดาราเผลอรำพึงด้วยความตกใจ

อนุชเป็นห่วงพี่ชายจึงขอตัวกลับกรุงเทพฯ ชลธีอาสาเอาเรือไปส่ง นวลดาราฝากขอโทษพ่อแม่ของอนุชที่เธอช่วยอานุภาพไม่ได้อย่างที่รับปากกับท่านทั้งสองไว้

 

นวลดาราไม่อาจหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เธอจึงกลับเข้าวัดหวังจะไปปรึกษาหลวงพ่อนิล เพียงเดินกลับเข้ามาถึงที่หน้าโบสถ์เธอก็เห็นหลวงพ่อยืนรออยู่ที่ระเบียงโบสถ์ หญิงสาวรีบเข้าไปกราบขอคำปรึกษาทันที

“หนูถอนคำสาปแช่งที่แช่งเขาแล้ว ทำไมอาการของเขากลับทรุดหนักลงไปอีกคะหลวงพ่อ”

“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแรงอาฆาตพยาบาทของโยม แม้โยมจะถอนคำสาปแช่งในอดีตชาติ แต่ปัจจุบันอาจยังมีแรงอาฆาตหลงเหลืออยู่ก็เป็นได้” หลวงพ่อนิลบอก

“แรงอาฆาตที่หลงเหลืออยู่เหรอคะ หนูไม่ได้โกรธเกลียดคุณอ้ายแล้วนะคะหลวงพ่อ ถึงหนูเคยเกลียดเขา แต่วันนี้ก็ไม่แล้ว” นวลดาราบอกอย่างหนักแน่น

“แล้วคนอื่นล่ะโยม…โยมโกรธเกลียดใครอยู่บ้างไหม”

“พ่อ…” นวลดาราเผลอตอบออกมา

“กรรมเก่านำพาเรามาพบกัน แต่กรรมปัจจุบันจะเป็นสิ่งที่ชี้ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรนะโยม กรรมเก่าส่งผลสำคัญแต่กรรมปัจจุบันนี่ละสำคัญที่สุด”

“หลวงพ่อหมายความว่าถ้าหนูหายโกรธเกลียดพ่อ คุณอ้ายจะฟื้นขึ้นมาหรือคะ”

“หลวงพ่อบอกทางเท่าที่จะบอกได้แล้ว ที่เหลือจากนี้โยมก็ต้องคิดดูว่าควรทำยังไง…จำไว้อย่างหนึ่งนะโยม กรรมเกิดแต่เจตนา การจะละวางความโกรธเกลียดนั้นต้องมาจากใจจริงของโยม ไม่ใช่บอกว่าไม่โกรธเพียงแต่ปากเพียงเพราะอยากให้โยมนายช่างฟื้นขึ้นมา”

นวลดาราได้ฟังคำของหลวงพ่อนิลเธอก็เข้าใจว่ากรรมปัจจุบันที่ขัดขวางความรักของเธอกับอานุภาพก็คือความเกลียดชังที่เธอมีต่อพ่อ เธอรู้ว่าหากเธอต้องการให้อานุภาพฟื้นคืนสติ เธอต้องละวางความโกรธเกลียดพ่อ แต่เธอจะทำใจให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อพ่อในความรู้สึกของเธอคือ ผู้ชายที่ไร้สิ้นซึ่งความรับผิดชอบ ทิ้งลูกทิ้งเมียอย่างไร้เยื่อใย ตายายก็พร่ำสอนเธอว่าแม่ตรอมใจตายเพราะพ่อทิ้งไป แล้วอย่างนี้เธอจะไม่โกรธเกลียดพ่อได้อย่างไร คนเราจะบังคับใจตนเองให้เลิกรักเลิกเกลียดได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ

นวลดาราคิดไม่ตกว่าเธอจะทำอย่างไร เธอเดินดูงานปูนปั้นรอบโบสถ์ที่บัดนี้เธอรู้แล้วว่าอานุภาพเป็นผู้ปั้นแต่งไว้ในชาติก่อน แล้วเธอก็คิดถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกเธอว่าจากเป็นนั้นยังดีกว่าจากตาย เธอยังโชคดีกว่าเขามากนักที่ยังมีพ่อ เมื่อคิดไปถึงพ่อ เธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าพ่อเคยมาหาเธอครั้งหนึ่งตอนที่เธออายุแปดขวบ หลังจากแม่จากไปไม่นาน ครั้งนั้นตาและยายตอกย้ำให้เธอเกลียดชังพ่อ เธอจึงขับไล่พ่อไป แต่หลังจากตาเสียชีวิตไปได้ไม่นาน ยายก็กลับพยายามให้เธอคืนดีกับพ่อ นั่นยิ่งทำให้เธอเกลียดพ่อมากขึ้นไปอีก เพราะฝังใจเสียแล้วว่าพ่อไม่รัก ไม่ต้องการเธอ และหลังจากนั้นก็มีอีกหลายครั้งที่เธอรู้สึกเหมือนว่าพ่อแอบมาหาเธอ แต่ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเช่นนั้นและออกตามหา เธอก็ไม่เคยได้พบพ่อเลย เธอจึงสรุปกับตัวเองว่าเธอคงคิดถึงพ่อมากเกินไป และพยายามบอกตัวเองให้ลืม เมื่อคิดมาถึงตรงนี้นวลดาราก็ได้คำตอบว่าพ่ออาจไม่เคยทิ้งเธอไปไหนเลย มีแต่เธอที่ผลักไสพ่อออกไปจากชีวิต บางทีที่เธอยกโทษให้พ่อไม่ได้อาจเพราะเธอเองปิดใจไม่ยอมรับฟังเหตุผลของพ่อ ถ้าเธอยอมเปิดใจเธอก็อาจจะยกโทษให้พ่อโดยไม่ต้องฝืนใจแม้แต่น้อย

เมื่อคิดได้ดังนี้นวลดาราก็ตรงกลับบ้านเพื่อถามเบาะแสของพ่อจากยาย

คุณมัทนาบอกหลานสาวว่าเบาะแสสุดท้ายที่เธอรู้เกี่ยวกับดนัย พ่อของนวลดาราก็คือเขาอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อนวลดารารู้เธอก็รีบไปที่วัดแห่งนั้นทันที เมื่อไปถึงนวลดาราก็พบชายวัยรุ่นเดินผ่านมา ในมือเขาถือบาตรพระ หญิงสาวเดาว่าเขาเป็นลูกศิษย์วัดจึงถามเขา

“ขอโทษนะคะน้อง น้องรู้จักหลวงพ่อดนัยไหมคะ”

“ที่นี่ไม่มีพระชื่อดนัยนะพี่”

“ไม่มีแน่เหรอคะ” นวลดาราถามด้วยความผิดหวัง

พระสงฆ์ชรารูปหนึ่งเดินสวนมา ลูกศิษย์พระจึงถามขึ้นว่า “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อรู้จักพระชื่อดนัยไหมครับ พี่คนนี้เขามาถามหา”

“พระดนัยหรือ…” พระสงฆ์ชราทวนคำ พลางมองหน้านวลดาราอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วถามหญิงสาวว่า “โยมเป็นลูกสาวของดนัยหรือ”

“หลวงพ่อทราบได้ยังไงคะ”

“อาตมาคาดเดาจากอายุของโยม และรูปหน้าของโยมละม้ายคล้ายพ่อมากทีเดียวนะ”

“หลวงพ่อรู้จักพ่อของหนูหรือคะ”

“พ่อของโยมลาสิกขาไปแล้ว กว่ายี่สิบปีเห็นจะได้ เขาบวชอยู่เพียงเจ็ดวันก็ร้อนผ้าเหลือง ใจคอรุ่มร้อนบวชต่อไปไม่ได้”

“แล้วหลังจากสึก พ่อไปอยู่ที่ไหน หลวงพ่อทราบไหมคะ”

“อาตมาก็ไม่ทราบนะ”

หญิงสาวกราบลาพระสงฆ์รูปนั้นด้วยความผิดหวัง

นวลดาราตั้งใจว่าหลังจากเสร็จธุระที่วัด เธอจะไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมอาการของอานุภาพ แต่หญิงสาวก็ทำได้เพียงแค่คิด เพราะเมื่อเดินออกจากวัดเธอก็ถูกมือใครบางคนที่เข้ามาจู่โจมจากด้านหลังเอาผ้าขนหนูโปะเข้าที่จมูก แล้วทุกอย่างก็มืดดับ



Don`t copy text!