นิราศรักสองนครา บทที่ 22 : เรื่องประหวั่นใจ
โดย : ปรียนันทนา
นิราศรักสองนครา โดย ปรียนันทนา เรื่องราวของโชติ หญิงสาวชาวสยาม กับทางเลือกสองทาง ความรักของชายหญิงกับความรักหวงแหนแผ่นดินเกิด เธอจะเลือกทางใด และหากไม่สามารถเลือกได้ จะมีหนทางใดที่ใจสองดวงจะมาบรรจบพบกัน ณ จุดที่ลงตัวได้หรือไม่ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านพร้อมกันที่นี่ anowl.co
“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือคะ” หญิงสาวเจ้าของดวงตาคมในชุดผ้านุ่มห่มสีสดใสเอ่ยอย่างกังวล “แรกทีเดียวฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันทางความคิด คงมิมีใครถือสาหาความกันอีก หากแต่ท่านกงสุลมิได้คิดเช่นนั้น” โชติรำพึงออกมาพลางเหม่อมองไปทางริมน้ำ
“มิใช่เรื่องธรรมดาดอก ลงว่าจะมีการฟ้องร้องก็หมายความถึงการที่จะต้องขึ้นศาล แลหากหมอบลัดเลย์แพ้ก็คงต้องจ่ายเงินให้กับกงสุลฝรั่งเศส” มิสซิสเฮาส์อธิบายเรื่องราวที่ตนได้ยินมาอย่างละเอียดพร้อมกับแสดงความเห็นแก่ศิษย์รัก
“จ่ายเงินค่าอะไรคะครู”
“ก็ค่าเสียหายที่ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่ออย่างไรเล่าแม่โชติ” มิสซิสเฮาส์มองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูในความเป็นผู้ประสบการณ์น้อยนัก แม้เก่งกาจในเรื่องการเขียนอ่านแต่โชติยังเป็นเด็กในสายตาเธอเสมอ
“เยี่ยงนั้นผู้ใดจะจ่ายค่าที่ทำเสื่อมเสียพระเกียรติเล่าคะครู” ผู้เป็นเด็กในสายตาหญิงอเมริกันแสดงความเห็นจนอีกฝ่ายอึ้งไปเนิ่นนานก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยจำนนในถ้อยความอันลึกซึ้งนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ “หากเป็นเช่นนั้นก็คงต้องฟ้องกันไปเป็นทอด ๆ” โชติเอ่ยต่อไปอย่างกังวล
“ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายสยามมิมีใครจะลงมาฟ้องร้องเป็นแน่”
“เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วค่ะครู ฝ่ายสยามในนามของพระองค์ท่านมิยอมลงมาทะเลาะกันกับผู้แทนฝรั่งเศสเป็นแน่แท้” หญิงสาวออกจะแน่ใจว่าเรื่องนี้มิใช่ไม่อยู่ในความคิดผู้เผชิญเหตุการณ์ในวันนั้น หากแต่จะมีทางออกเช่นไรเธอมิอาจรู้ได้
“ผู้ที่โชคร้ายในครานี้เห็นจะเป็นหมอบลัดเลย์ของเราสินะ” เสียงถอนใจหนักหน่วงพาให้ใจหญิงสาวหดหู่ตาม
“ฉันเชื่อว่าครานี้คนสยามคงแสดงน้ำใจต่อหมอผู้เป็นมิตรแท้ของเราแน่นอน”
หญิงสาวรำพึงออกมาอย่างมั่นใจโดยมิได้หันไปมองว่าผู้ที่เดินเข้ามายืนเงียบ ๆ ด้านหลังได้ยินบทสนทนาอยู่ครู่หนึ่งแล้วเพียงแต่เขาไม่อยากขัดจังหวะหญิงทั้งสองผู้กำลังแสดงความเห็นในเรื่องที่เขาได้มีส่วนรู้แจ้งแก่ใจจากเจ้าตัวผู้กำลังจะเป็นโจทก์เองเลยทีเดียว
“อ้อ มิเชลมาแล้ว นั่งก่อนสิ” เจ้าของบ้านเชื้อเชิญเมื่อเห็นชายหนุ่มพลางวางมือจากงานเย็บปักแล้วหันไปมองศิษย์รักอย่างไม่แน่ใจนักด้วยเมื่อครู่กำลังสนทนาอย่างออกรสเรื่องที่เกี่ยวกับกงสุลฝรั่งเศส โชติมีสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่แพ้กันด้วยเธอรู้สึกว่าอย่างไรเสียมิเชลก็คือคนสนิทของโอบาเรต์แม้รู้แก่ใจดีว่าเขามิมีความเกี่ยวข้องในเรื่องการฟ้องร้องแต่เขาก็สนิทชิดเชื้อกับกงสุลของเขาจนเธอเกรงว่าอาจนำเรื่องที่ได้ยินไปบอกต่ออีกฝ่าย
“ไม่ต้องกังวลไปดอก ผมจะไม่นำเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่ไปบอกใคร” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ อย่างรู้ทัน แววตาทอประกายความอาทรเยี่ยงคนจิตใจดี
“เช่นนั้นฉันขอขอบใจมากที่เข้าใจพวกเรา” เธอเอ่ยแทนมิสซิสเฮาส์ผู้ที่เป็นคนร่วมชาติกับหมอบลัดเลย์เช่นกัน
“มิใช่เรื่องต้องขอบใจอันใดเนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว” เขาออกตัวทันทีด้วยคาดไว้ว่าโชติคงคิดว่าเขาเข้าข้างท่านกงสุล “แม้อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ท่านกงสุลกระทำต่อหน้าพระพักตร์เสมือนเป็นเรื่องระหว่างสองแคว้นหากแต่เรื่องอื่นที่นับเนื่องต่อมาก็มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับบ้านเมืองด้วยท่านกงกุลฟ้องร้องในฐานะที่ท่านรู้สึกว่าตนเองได้รับความเสียหาย” เขาอธิบายอย่างช้า ๆ เพื่อให้หญิงสาวเข้าใจที่มาที่ไปอย่างครบถ้วน
“ถึงกระนั้นพวกเราก็ถือว่าสิ่งที่หมอบลัดเลย์กำลังจะได้รับเป็นเรื่องที่เรามิอาจนิ่งเฉย”
โชติเอ่ยถึงอีกฝ่ายอย่างนับถือในน้ำใจขณะเดียวกันก็รู้สึกเห็นใจที่ต้องมาตกที่นั่งลำบากผู้เดียว หญิงสาวถอนใจเมื่อนึกถึงตอนที่ได้พบกันกับหมอบลัดเลย์ที่เรือนคุณหลวงภูบดินทร์พิทักษ์
มิเชลมองดวงหน้าคมคายของหญิงสาวอย่างเข้าใจ เขาตระหนักดีว่าเหตุการณ์จะลงเอยแบบใด เมื่อรู้ดีแล้วจึงยอมรับในสิ่งที่โชติแสดงออกมาทั้งยังไม่เข้าไปแสดงความเห็นมากนักด้วยเกรงว่าจะทำให้โชติที่กำลังเริ่มรู้สึกดีกับเขาเปลี่ยนท่าที ชายหนุ่มสบตากับหญิงสาวแล้วพบว่านอกจากความรู้สึกขอบคุณที่ส่งผ่านมาแล้วนัยน์ตาคู่งามยังเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกล้ำเกินบรรยาย
หากแต่คงไม่ยากเกินไปที่เขาจะทำความเข้าใจนับแต่วินาทีนี้
อากาศที่ไม่ร้อนอบอ้าวเช่นช่วงเวลากลางวันทำให้ยามก้าวเท้าเข้าห้องพักมารู้สึกผ่อนคลาย จดหมายที่ถูกเสียบตรงซอกประตูบานเฟี้ยมหล่นลงมากระทบหลังมือพอดีกับที่เขาก้มลงไปฉวยไว้
“จดหมายผู้ใดกัน” เขาพึมพำขณะพลิกมองมาจึงพบกับลายมือที่คุ้นตา
จดหมายจากมารดาผู้ให้กำเนิดมิได้สร้างความแปลกใจแก่เขาสักนิดด้วยรู้ดีว่าเฟลอร์สนิทสนมกับมารดาของเขามาก แม้เมื่อแยกห่างกันไปสองสามปีนับแต่ฝ่ายหญิงสมรสหากก็คงกลับมาทำตัวใกล้ชิดดังเหมือนเมื่อเจ้าเหล่อนตกพุ่มหม้ายแต่ยังสาว แต่สิ่งที่แปลกใจคือถ้อยความในจดหมายของมารดาแสดงความต้องการชัดเจนที่จะให้เขากลับไปบ้านเกิดเพื่อช่วยเหลืองานของครอบครัวและนั่นหมายความว่าเขาต้องกลับไปใกล้ชิดกับอดีตคนรักอีกครา
มิเชลวางจดหมายลงบนโต๊ะทำงานริมหน้าต่างพลางทอดสายตาออกไปด้านนอก ในห้วงคำนึงเพียงเสี้ยววินาทีปรากฏภาพหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มดวงตาสีฟ้ามีประกายแห่งความไม่เดียงสาผู้มีนามว่าเฟลอร์ เธอคืออดีตคนรักของเขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ หากแต่กาลเวลาและสังคมรอบข้างก็แปรเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนที่เขาแทบไม่รู้จักไปแล้ว มาบัดนี้เขาแน่ใจว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอได้แล้ว เพราะเมื่อความรักต่อหญิงสาวผู้หนึ่งสูญสลายมลายสิ้นไปมันก็มิอาจหวนคืนกลับสู่คนเดิมได้แน่นอน
ความพยายามของมารดาและอดีตคนรักของเขาย่อมไร้ผล ด้วยมิเชลตระหนักดีถึงหัวใจของตนเองในยามนี้ว่ามีไว้เพื่อมอบให้ใครคนหนึ่งจนหมดใจแล้ว
ม่านบังตาสะบัดพลิ้วริมหน้าต่างห้องนอน กลิ่นกรุ่นของเครื่องหอมกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ในห้องนอนของหญิงสาว เด็กหญิงคนสนิทที่โชติเอ็นดูเสมือนน้องสาวนั่งบนพื้นตรงหน้าคือโต๊ะเล็ก ๆ ที่มีหนังสือที่ยืมมาจากมิสซิสเฮาส์ กลอยกำลังเปิดอ่านอย่างตั้งใจโดยที่โชติก็อ่านหนังสืออีกเล่มอยู่บนเตียง
เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบตรงมายังหน้าประตูห้องนอนหญิงสาวก่อนหยุดลงแล้วมีเสียงเรียกอย่างเกรงใจด้านนนอก
“คุณโชติคะ คุณนายแสงให้มาตามค่ะ” บ่าวในเรือนส่วนใหญ่เรียกแม่ของเธอว่าคุณนายเนื่องด้วยนอกจากดูแลบ้านเรือนแล้วยังมีกิจการอันเป็นของครอบครัวฝั่งมารดามาช้านานทำให้คนในละแวกนี้เรียกว่าคุณนาย
กลอยปิดหนังสือพลางหันไปมองหน้าโชติเมื่อหญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เปิดประตูเด็กหญิงจึงลุกไปดึงสลักออก
“คุณโชติคะ คุณนายเรียกหาค่ะ”
“มีอันใดฤาพี่” หญิงสาวชะโงกหน้ามาถามบ่าวอย่างอยากรู้
“คุณหลวงมาค่ะ” อีกฝ่ายหมายถึงหลวงภูบดินทร์พิทักษ์ผู้ที่คงมาเยี่ยมมารดาเป็นปกติ
“เช่นนั้นเอง เดี๋ยวฉันออกไปก็แล้วกัน ดีทีเดียวกำลังคิดจะฝากของไปให้แม่เพ็ญอยู่พอดี”
ครู่เดียวหญิงสาวก็ออกไปโดยมีกลอยติดตามไปด้วยกัน หญิงสาวเห็นมารดากำลังสนทนากับหลวงภูบดินทร์พิทักษ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาที่เคยส่องประกายกล้ามาบัดนี้ช่างดูอับแสง มีเพียงความหมองหม่นปรากฏอยู่ชัดเจน
“คุณหลวง” โชติทรุดตัวลงนั่งข้างมารดาพลางยกมือพนมไหว้หลวงภูบดินทร์พิทักษ์
“แม่โชติ” คุณหลวงรับไหว้หญิงสาวอย่างรับรู้หากสีหน้าแววตาดูไม่มีกะจิตกะใจจนหญิงสาวประหวัดถึงคุณน้าจัน
“คุณน้าเป็นเยี่ยงไรบ้างคะ”
“แม่จันก็อาการทรง ๆ อยู่แต่มิได้เป็นกระไรมากนักดอก ขอบใจมากที่เป็นห่วง” เขายิ้มเศร้า ๆ ให้หล่อน
“แล้วผู้ใดเป็นอะไรหรือไม่คะ เหตุใดหน้าตาคุณหลวงดูหมองเศร้านัก แม่ด้วยจ้ะ” โชติหันไปมองมารดาพลางเห็นอีกฝ่ายยกผ้ามาซับหางตาและกะพริบตาถี่ ๆ ราวกับไล่น้ำที่กำลังเอ่อล้นออกมา
ไม่มีคำตอบจากทั้งสองคน ความเงียบเข้าปกคลุมจนโชติรู้สึกเหมือนว่าแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตนเอง หากมิใช่คุณน้าจันผู้เป็นภรรยาแล้วจะมีเหตุใดให้คุณหลวงต้องเศร้าโศก
หรืออาจเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาอีกคนหนึ่งซึ่งหญิงสาวไม่บังอาจแม้แต่คิด
ทว่าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนทั้งคู่โชติก็อดไม่ได้ที่จะประหวั่นในใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 33 : โมงยามแห่งความทรงจำ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 32 : ความในใจของบุรุษทั้งสอง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 31 : หลานสาวภริยาท่านทูต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 30 : หญิงสาวสองคนในเมืองใหญ่
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 29 : ต่างบ้านต่างเมือง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 28 : ก่อนถึงจุดหมาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 27 : ห่างกันไปไกล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 26 : เพียงชั่วเวลาพลิกฝ่ามือ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 25 : ในความคิดคำนึง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 24 : จังหวะของหัวใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 23 : การเดินทางสู่โลกกว้าง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 22 : เรื่องประหวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 21 : อุปสรรคและทางออก
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 20 : โรงเรียนเด็กหญิงในสยาม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 19 : ฤาดวงใจที่ไหวหวั่นอาจลับหาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 18 : ความไม่ลงตัวในจิตใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 17 : หวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 16 : มิอาจทำใจยอมรับ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 15 : สยามกับคนในร่มธงฝรั่งเศสและความสัมพันธ์ที่เริ่มเปลี่ยนไป
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 14 : เรื่องที่ไม่อาจเอ่ย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 13 : เรื่องดีและร้ายภายในหนึ่งวัน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 12 : สัญญาณที่ดี
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 11 : อิสระทั้งกายใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 10 : โอกาสของเด็กหญิง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 9 : ท่าทีเริ่มดีขึ้น
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 8 : ความเป็นไปของชีวิต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 7 : ผู้ก่อเหตุ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 6 : พบกันอีกครา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 5 : ความกังวล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 4 : บทสนทนา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 3 : บ้านลานย่านบางขุนพรหม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 2 : ทุ่งสามเสน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 1 : สองฝั่งน้ำ
- READ นิราศรักสองนครา : บทนำ