สาปแสงรัก บทที่ 23 : ข้อความสุดท้าย

สาปแสงรัก บทที่ 23 : ข้อความสุดท้าย

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

ทันทีที่นวลดารารู้ข่าวจากอนุชว่าอานุภาพฟื้นแล้วเธอก็รีบเข้ากรุงเทพฯ มาดูอาการของเขาทันที เมื่อมาถึงเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอดีตชาติของเธอให้คนรักฟัง เมื่อฟังจบอานุภาพก็เล่าความฝันขณะหลับของเขาให้เธอฟังบ้าง

“ที่แท้คุณก็ไม่เคยผิดสัญญากับฉันเลย….ฉันขอโทษนะที่สาปแช่งคุณ” นวลดาราบอกกับอานุภาพเมื่อฟังเขาเล่าความฝันจบลง

“นายแสงไม่ได้กลับไปหาแม่เดือน ผมก็ผิดสัญญากับคุณเหมือนกัน” อานุภาพบอก

“คุณผิดสัญญาเพราะความจำเป็น แต่ฉันกลับโกรธแค้นสาปแช่งคุณ ถ้าฉันปล่อยวางได้ แล้วแต่งงานกับนายทิวไป ฉันก็คงมีความสุขตามอัตภาพของสาวชาวเกาะในสมัยรัชกาลที่สาม แล้วพอเรามาเจอกันในชาตินี้คุณก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้ ความแค้นไม่ให้คุณกับใครเลย ยายสอนฉันประจำ แต่ฉันไม่เคยเชื่อจนมาเจอกับตัวเองนี่แหละ”

“ช่างเถอะคุณ…ผมมีอะไรอยากให้คุณดู เราไปที่เกาะเดือนดับกันนะ”

“ไปตอนนี้เลยเหรอคะ” เธอถาม อานุภาพพยักหน้า นวลดาราจึงถามต่อไป “คุณไม่เป็นไรแล้วแน่นะ รอให้หมอมาดูอาการอีกทีก่อนไหม”

“ผมไม่เป็นไรจริงๆ” เขาบอกเธอเสียงหนักแน่น

นวลดาราหรี่ตามองเขา ยิ้มอย่างไม่แน่ใจ

“โธ่คุณ ผมไม่เป็นไรจริงๆ คราวนี้ไม่ได้โกหก ไปกันเลยเถอะ”

นวลดาราขำท่าทางอ้อนวอนเหมือนเด็กๆ ของเขาจึงพยักหน้าในที่สุด

เมื่อมาถึงเกาะเดือนดับอานุภาพก็พานวลดาราตรงมาที่เรือนรับแขกทันที เขาพาเธอขึ้นไปที่ชั้นสองเข้าไปในห้องนอนที่เขาเคยมาพัก

นวลดารากวาดสายตามองรอบห้องก็ไม่พบสิ่งของที่แปลกตาไป เธอจึงถามเขา

“ของที่คุณจะให้ฉันดูอยู่ในห้องนี้เหรอคะ”

“ใช่ แต่คุณต้องออกแรงช่วยผมก่อน”

“ออกแรง…”

“ครับ ออกแรงยกที่นอนออก” เขาบอกเมื่อเดินไปถึงเตียงนอนโบราณหลังเดียวในห้อง

ทั้งสองคนช่วยกันยกที่นอนออกจากเตียง แล้วอานุภาพก็นั่งคุกเข่าลง เขาชี้ให้หญิงสาวดูแผ่นไม้ที่ประกอบเป็นขอบเตียงโบราณหลังนี้ นวลดาราเพิ่งเคยสังเกตว่าเตียงหลังนี้มีขอบเตียงเป็นแผ่นไม้หนาถึงห้านิ้ว อานุภาพชี้ให้เธอดูรอยแตกสองรอยบนแผ่นไม้ รอยแตกนั้นเป็นเส้นตรงจากขอบล่างไปจนเกือบถึงขอบบน รอยแตกทั้งสองเส้นยาวเท่ากันพอดีเป๊ะ และอยู่ห่างกันประมาณเจ็ดถึงแปดนิ้ว

“คุณว่ารอยแตกสองฝั่งนี่เหมือนอะไร” เขาถาม นวลดารายังไม่ทันตอบ เขาก็บอกว่า “ดูนี่นะ”

อานุภาพยื่นมือเข้าไปใต้เตียง เขาใช้นิ้วดันพื้นเตียงขึ้นเล็กน้อย แล้วเลื่อนมันเข้าหาตัว แต่ดูเหมือนจะติดขัด

“ลิ้นชักเหรอคะ” นวลดาราถาม

“ใช่ แต่เตียงนี้น่าจะมีอายุหนึ่งร้อยแปดสิบปีเป็นอย่างน้อย แล้วไม่รู้ว่ามีคนเคยเปิดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ปิดไว้เป็นร้อยปี จะเปิดทีมันเลยฝืด เดี๋ยวผมต้องลองขยับดูก่อน” อานุภาพบอกขณะพยายามขยับลิ้นชัก

“ฉันจัดห้องนี้เองกับมือ เตียงนี้ฉันก็เป็นคนเลือกซื้อเอง เวลามีแก๊งเพื่อนมาพักที่นี่ฉันก็ชอบมานอนห้องนี้ตลอด แต่ไม่เคยสังเกตว่าขอบเตียงนี้มีลิ้นชักซ่อนอยู่”

“ยังมีอะไรมากกว่านี้อีก แต่เพราะมันไม่ใช่เตียงของคุณ คุณเลยไม่รู้” อานุภาพบอกขณะที่ขยับลิ้นชักได้เล็กน้อยแต่ลิ้นชักฝั่งซ้ายและขวายังเอียง จึงยังเปิดไม่ได้

“แปลว่านี่คือเตียงของ…เตียงของนายแสงเหรอคะ…ไม่น่าเชื่อเลย”

“ถ้าผมบอกคุณว่านายแสง หรือผมในชาติก่อนตายบนเตียงนี้ คุณจะกลัวไหม” อานุภาพถามพร้อมๆกับที่ดันให้ลิ้นชักนั้นเลื่อนออกได้สำเร็จ แล้วหญิงสาวก็ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในลิ้นชัก มันคือกล่องเหล็กที่มีแม่กุญแจล็อกไว้

“แล้วเราจะเปิดยังไงล่ะคะ” นวลดาราอดสงสัยไม่ได้

อานุภาพเอามือลูบไปตามหัวเตียงจนพบร่องไม้ลักษณะเป็นตัวยู เขาใช้ปลายเล็บดันร่องไม้บริเวณฐานของตัวยูขึ้น เมื่อแผ่นไม้หลุดออกก็เผยให้เห็นช่องเก็บของเล็กๆ ภายในช่องนั้นมีกุญแจดอกหนึ่ง

“ลึกลับซับซ้อนจริง” หญิงสาวว่า

“ลึกๆ ในใจของผมตอนนั้นอาจจะรู้ว่าบันทึกนี้ต้องผ่านเวลาเกือบสองร้อยปีกว่าจะถึงมือคนที่อยากให้ได้อ่าน ถึงได้ถนอมรักษาไว้อย่างดี”

“คุณอ้าย…” นวลดารามองอานุภาพอย่างมีความหมาย ชั่วขณะหนึ่งเธอเห็นเขาเป็นพี่แสงของเธอ

“คุณควรจะเป็นคนเปิด” อานุภาพหยิบกุญแจออกมาส่งให้นวลดาราแล้วเสียบแผ่นไม้กลับคืนที่หัวเตียงดังเดิม

เมื่อหญิงสาวไขกุญแจเปิดกล่องเหล็กก็พบสมุดบันทึกปกหนัง เก่าคร่ำคร่า สันปกเจาะรูเย็บหน้ากระดาษเข้าด้วยกันด้วยเส้นด้ายที่ทบกันเป็นเส้นหนา

“สมุดบันทึกของพี่แสง…” นวลดารารำพึง

“ใช่ เป็นบันทึกเรื่องราวของเขากับแม่เดือนตั้งแต่พบรักบนเกาะจนพรากจากกัน ตอนท้ายบันทึกเขาก็ฝันไปเองว่าถ้าแต่งงานอยู่กินกับแม่เดือนที่เกาะจะเป็นยังไง หรือไม่ก็คิดฝันเรื่อยไปว่าเธอคงมีความสุขอยู่กับครอบครัว”

นวลดาราฟังอานุภาพพูดด้วยความสงสารจับใจ

“ที่ผมอยากให้คุณอ่านคือบันทึกตอนท้ายสุด” เขาบอกพลางหยิบสมุดบันทึกออกจากกล่องเหล็กส่งให้เธอ

นวลดารารับสมุดบันทึกมาแล้วพลิกไปตอนท้ายของบันทึกตามที่เขาบอก เธอพบว่าลายมือในบันทึกส่วนนี้แตกต่างจากลายมือที่เขียนมาตลอดเล่ม เหมือนคนเขียนเป็นคนละคนกัน เมื่อเธออ่านข้อความที่บันทึกไว้ก็พบว่าเป็นอย่างที่เธอคาดเดา

ฉัน ออสิน ผู้น้องชาย เป็นผู้เขียนหนังสือนี้แทนออแสง ผู้พี่ชายฉัน ด้วยพี่ชายฉันป่วยหนัก เขียนเองมิได้ จึงวานฉันเขียนความต่อนี้ไป

แม่เดือนที่รักของพี่

พี่รู้ข่าวว่าเจ้าถูกถ่วงน้ำตายตกตามออทิวในวันเข้าหอของเจ้า พี่เสียใจนักแล้ว ด้วยเป็นความผิดของพี่ ที่มิรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับเจ้า พี่อยากกลับไปที่เกาะเพ็ง รังรักของเรา ผิว่ามิพบพานเจ้า พี่ก็อยากจักไปตายอยู่กับเจ้า แต่พี่มิมีบุญวาสนาจักได้กลับไป ชาตินี้พี่ไร้สิ้นแล้วซึ่งวาสนา เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้พี่ได้ครองคู่อยู่กับเจ้า ขอให้เราได้ครองรักกันทุกภพทุกชาติไป

นวลดาราพลิกหน้าต่อไป ก็พบเพลงยาวที่แสงเคยเขียนให้เดือน

ยามยลเดือน นามเตือนจิต คิดครวญหา

คราคืนแรม สิ้นแสงเดือน เลือนลับลา

คำสัญญา จารใจมั่น มิผันเอย

อีกหน้าหนึ่งเป็นบทกลอนที่แสงเขียนเพื่อตัดสัมพันธ์กับเดือน

ในชาตินี้ พี่สิ้น วาสนา

มิอาจมา เคียงคู่ อยู่เป็นสอง

คำสัญญา จักมา แนบประคอง

เป็นอันต้อง ล้มหาย มลายลาญ

 

แสนเจ็บปวด รวดร้าว ในคราวนี้

เหมือนใจพี่ ถูกบั่น หั่นประหาร

ถึงกายอยู่ ใจหาย ดังวายปราณ

ขอพบพาน พิศวาส ทุกชาติไป

และมีข้อความที่นายสินบันทึกปิดท้ายไว้ว่า

ทุกวันฉันจักต้องอ่านความในสมุดนี้ให้พี่ฟัง พี่จึงจักหลับลงได้ จำเพาะเรื่องราวที่เกาะเพ็งและเพลงยาวและบทกลอนบทสุดท้ายนั้น พี่ชอบฟังนัก พี่ยังท่องบ่นอยู่จนเพลาจวนสิ้นลม

พี่แสงสิ้นอายุขัยเมื่อคืนเพ็ญ เดือนสาม ปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1203 ลุสามเดือนนับจากแม่เดือน หญิงผู้เป็นที่รักของพี่สิ้นอายุขัย



Don`t copy text!