สาปแสงรัก บทที่ 24 : ท้องฟ้าหลังพายุผ่าน

สาปแสงรัก บทที่ 24 : ท้องฟ้าหลังพายุผ่าน

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

วันนี้ที่เกาะเดือนดับคึกคักกว่าปกติเพราะจะมีงานสำคัญถึงสองงาน คืองานเปิดพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาและงานทำบุญสมโภชพระอุโบสถที่อานุภาพได้บูรณะซ่อมแซมงานประติมากรรมบนผนังรอบโบสถ์และบันไดนาคเสร็จสมบูรณ์เมื่อหลายเดือนก่อน ชาวบ้านดีใจกันมากที่หลวงพ่อนิลอนุญาตให้ต่อไฟฟ้าเข้ามาในวัดแล้ว

งานเปิดพิพิธภัณฑ์จะมีขึ้นในช่วงบ่าย ส่วนงานสมโภชพระอุโบสถนั้นจะมีในช่วงกลางคืน อานุภาพกับนวลดาราชวนกันมาที่วัดตั้งแต่เช้าเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวที่สองคนจะว่างในวันนี้ นายช่างเจ้าของผลงานอยากจะมาตรวจดูผลงานอีกครั้ง นวลดาราก็อยากมาดูผลงานพร้อมกับเขาด้วย แม้ว่าหญิงสาวจะตามมาดูเขาทำงานแทบทุกวัน เธอก็ไม่เคยเบื่อเลย

“ฉันว่าตอนนั้นฉันคงมีความสุขมากเลยเวลาดูคุณทำงาน”

“ตอนนั้น…”

“ก็ชาติก่อนไง…” นวลดาราบอกเสียงเศร้า

“คุณรู้สึกผิดอีกแล้วใช่ไหม” เขาถามดักคอ

“ฉันอดคิดไม่ได้หรอกว่าฉันทำให้คุณทุกข์ทรมานแค่ไหน”

“นวล…ผมไม่เคยคิดติดใจอะไรคุณเลยนะ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ทั้งคุณและผมในชาตินั้นต่างก็ไม่รู้ว่าเมื่อเราตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดลงไปแล้ว อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร แล้วเราก็ได้มาอยู่ด้วยกันแล้วนี่ไง” อานุภาพบอกแล้วส่งสายตาเปี่ยมรักมาให้

นวลดาราพยักหน้ายอมรับ แต่สีหน้าเธอยังเศร้า อานุภาพจึงเปลี่ยนเรื่องพูด

“ไปกราบหลวงพ่อนิลกันดีกว่าคุณ ผมอยากไปเรียนถามท่านด้วยว่าคืนนี้มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

 

อานุภาพกับนวลดาราเดินไปตามทางเดินในวัดจนถึงกุฏิของหลวงพ่อนิล แต่เมื่ออานุภาพขึ้นไปดูบนกุฏิก็พบว่าหลวงพ่อไม่อยู่ เขาเดินลงมาหานวลดาราพร้อมกับบุ้ยใบ้ให้เธอรู้ว่าไม่พบใคร พระเจิมที่กำลังดูแลเด็กวัดให้ถูพื้นศาลาการเปรียญที่อยู่เยื้องกับกุฏิหันมาเห็นเข้าจึงเดินมาบอก

“คุณโยมมาหาหลวงพ่อนิลหรือ ท่านอยู่ที่ลานหินโน่นแน่ะ”

“ขอบพระคุณนะเจ้าคะ” นวลดาราพนมมือไหว้แล้วถามว่า “หลวงน้าสบายดีไหมเจ้าคะ”

“ตามอัตภาพของบรรพชิตน่ะคุณโยม” พระเจิมบอกเพียงเท่านั้นก็เลี่ยงไปทำกิจที่ค้างอยู่ต่อไป

เมื่อทั้งสองคนเดินต่อไปจนห่างจากกุฏิหลวงพ่อนิลพอสมควรแล้วอานุภาพก็พูดขึ้นว่า “ไม่น่าเชื่อเลยนะคุณว่าน้าเจิมจะบวช”

“ท่านบอกว่าท่านอยากเลิกเหล้าน่ะค่ะ ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าท่านจะบวชแค่พรรษาเดียว ไม่นึกว่าจะบวชยาวมาถึงขนาดนี้ ได้ยินหลวงพ่อนิลเคยบอกว่าหลวงน้าเจิมอยากบวชตลอดชีวิตเลย ที่จริงฉันคิดไว้นะคะว่าถ้าท่านลาสิกขาฉันจะรับท่านเข้าทำงานที่โรงงานเหมือนเดิม ฉันถือว่าท่านมีบุญคุณกับฉันมากที่ช่วยชีวิตพ่อไว้ พ่อบอกว่าหลวงน้าไม่ใช่คนเลวหรอก ที่พลาดพลั้งไปก็เพราะติดเหล้า พอเป็นหนี้เป็นสินก็เลยลามไปถึงเรื่องลักขโมย ฉันก็เชื่อนะคะ เพราะสองครั้งที่พี่ทัตทำร้ายฉัน ท่านก็ไม่กล้าช่วยเขา”

“ก็เพราะน้ารินเคยช่วยเหลือดูแลหลวงน้าเจิมมาเพราะเห็นว่าท่านเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน น้ารินเคยเล่าให้ผมฟังแล้ว” อานุภาพบอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแววตาอย่างจะอวดว่าเขาก็รู้เรื่องเหมือนกัน

“หมั่นไส้…มีเรื่องอะไรของพ่อที่คุณไม่รู้บ้างเนี่ย” นวลดาราแกล้งถาม

“ไม่มี เพราะผมเป็นหลานรัก ไม่ใช่สิ เป็นลูกชายอีกคนของน้าริน”

“อ้าว…ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นพี่น้องกัน แต่งงานกันไม่ได้นะคะ”

“ไม่เอาสิน้องดาว ไม่เล่นมุกนี้นะ” อานุภาพแกล้งโอดครวญ

“ใครให้คุณเรียกน้องดาว ชื่อนี้ฉันให้พ่อเรียกได้คนเดียวนะ คนอื่นห้าม” นวลดาราแกล้งโวยวาย

“ไม่ยุติธรรมเลย ทีคุณยังเรียกอาจ๋าของผมว่าอาจ๋าแล้วเลยนะ” อานุภาพโวยวายบ้าง

“ไม่รู้ละ ฉันยังไม่อนุญาต” นวลดาราว่าแล้วแกล้งเดินนำหน้าหนีเขาไป

อานุภาพได้แต่มองตามแล้วยิ้ม ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะผ่านความเป็นความตายจนได้มารักเธอ นวลดาราเปลี่ยนไปมาก หลังจากที่เธอทลายกำแพงความเกลียดชังได้แล้วเธอก็น่ารักเหมือนแม่เดือนแห่งเกาะเพ็ง หลายครั้งอานุภาพก็ยังเผลอเห็นแม่เดือนทับซ้อนอยู่ในตัวเธอเหมือนครั้งนี้

 

“หลวงพ่อไม่มีอะไรให้ช่วยหรอกโยม เด็กๆ ลูกศิษย์วัดกับชาวบ้านเขาก็มาช่วยกันมากแล้ว ที่คุณโยมนวลกับคุณโยมนายช่างช่วยค่าต่อไฟเข้าวัดก็ดีมากแล้ว คืนนี้คุณโยมนายช่างก็มาร่วมพิธี ทำใจให้ดีให้สงบจะได้รับบุญกุศลจากผลงานที่สร้างไว้แก่พระพุทธศาสนานะ” หลวงพ่อนิลตอบอานุภาพเมื่อเขาถามว่าหลวงพ่อต้องการให้ช่วยอะไรบ้างหรือไม่

“ครับหลวงพ่อ…ถ้าทางวัดมีอะไรขาดเหลือหลวงพ่อบอกได้เลยนะครับ ผมกับนวล เราอยากตอบแทนบุญคุณที่หลวงพ่อช่วยชี้ทางให้เราผ่านเรื่องเลวร้ายทั้งหมดมาได้”

“มันเป็นสัญญาเก่าของหลวงพ่อน่ะโยม หลวงพ่อก็อยากจะไถ่บาปที่หลวงพ่อทำไว้เหมือนกัน”

อานุภาพและนวลดารามองหน้ากัน ทั้งสองคนเข้าใจความหมายที่หลวงพ่อนิลต้องการจะบอกเพราะต่างก็รู้ว่าในอดีตชาติพระรูปนี้คือพ่อลุงทองดำ พ่อที่บังคับให้ลูกสาวออกเรือนจนเกิดโศกนาฏกรรม

 

หลังจากเสร็จธุระที่วัดในตอนสายอานุภาพก็ชวนนวลดาราไปดูแลความเรียบร้อยของงานเปิดพิพิธภัณฑ์ ในงานนี้มีการจัดเลี้ยงน้ำชา และนวลดาราก็ได้เตรียมผลิตภัณฑ์เซรามิกไว้แจกเป็นของที่ระลึกสำหรับแขกที่มาร่วมในงานด้วย เมื่อทั้งสองเดินมาถึงสนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑ์ที่จัดเป็นสถานที่เลี้ยงรับรองแขกอานุภาพก็หยุดยืนมองดูต้นลีลาวดีที่เขาเลือกมาปลูกเป็นทิวแถวแทนรั้วของพิพิธภัณฑ์

“ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ากลิ่นดอกไม้หอมๆ ที่ผมได้กลิ่นตอนที่เจอคุณครั้งแรกมันคือกลิ่นดอกอะไร จนผมฝันเห็นเราอยู่ด้วยกันที่ใต้ต้นลั่นทมผมถึงแน่ใจ” เขาบอกเธอ

“ดีนะคะ ที่คุณยายยอมให้เราปลูก” เธอบอก

อานุภาพยังจำได้ว่าตอนที่เขาบอกคุณมัทนาว่าจะเอาต้นลีลาวดีมาปลูกนั้นคุณยายของนวลดาราไม่เห็นด้วยเลย เพราะหญิงสูงวัยเชื่อว่าต้นลั่นทมเป็นไม้อัปมงคลที่ไม่ควรนำมาปลูกในบ้านเรือนเพราะจะนำความทุกข์ระทมมาให้ แม้เขาจะบอกว่าต้นไม้ชนิดนี้เปลี่ยนชื่อเป็นลีลาวดีแล้วก็ตาม

“งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้คุณที่หาเหตุผลมาทำให้คุณยายยอมจนได้”

“ก็ฉันพูดความจริงนี่คะ ถ้าเราเชื่อความเชื่อโบราณ ถ้าคุณเชื่อคำทำนายของคุณอา คุณก็คงไม่มาที่นี่”

“ผมเชื่อเรื่องเวรกรรมมากกว่า แต่จะว่าผมไม่เชื่อโชคลางเลยก็ไม่ใช่นะ ที่ผมเอาลีลาวดีมาปลูกที่นี่ก็เพราะที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ ไม่ใช่บ้าน”

“คุณนี่ก็…พ่อ…” นวลดาราหันไปเห็นพ่อของเธอกำลังขยับเก้าอี้และโต๊ะอาหารสำหรับจัดเลี้ยงน้ำชาในตอนบ่ายให้ตรงแถวก็ร้องขึ้น “น้องดาวบอกแล้วไงว่าพ่อไม่ต้องทำอะไรเลย น้องดาวอยากให้พ่อนั่งสบายๆ เลย”

“โธ่ลูก พ่อเคยทำงานจะมาให้พ่อนั่งเฉยๆ พ่ออึดอัดตายเลย นี่คุณณต คุณอ่อน และคุณยายหนูกำลังคุยกันอยู่ในห้องโถงพิพิธภัณฑ์น่ะ พ่อเบื่อก็เลยออกมาหาอะไรทำ”

“ใช่ คุณน่ะ ไม่รู้ใจพ่อเลย ให้น้ารินนั่งเฉยๆ มีหวังเฉาตาย ใช่ไหมฮะน้า” อานุภาพแกล้งพูด

“ใช่ แล้วเมื่อไหร่จะเรียกพ่อเสียทีล่ะครับคุณอ้าย”

“ก็ลูกสาวน้ายังไม่ยอมให้เรียกนี่ครับ” ชายหนุ่มโอดครวญ

“พี่อ้าย…” เสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องทักอานุภาพจากด้านหลัง

“อ้าว…สายลม มาได้ไงเนี่ย” อานุภาพร้องทักอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาทักเป็นใคร

“ก็บริษัทผมรับออกแบบพิพิธภัณฑ์นี้นี่ฮะ”

“เฮ้ย…ทำไมพี่ไม่รู้ล่ะ” อานุภาพเปรยถามแล้วนึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำผู้มาใหม่ให้ทุกคนรู้จัก “นี่คุณสายลมเป็นเพื่อนรุ่นน้อง เอ๊ย…ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเป็นเจ้านาย เพราะเวลาเขาได้งานตกแต่งบ้าน เขาก็มาจ้างผมตกแต่งสวน”

“เรียกว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจดีกว่าครับพี่…ตกลงพี่มาทำอะไรที่นี่ครับ”

“แต่งสวนรอบพิพิธภัณฑ์”

“อ้าว นี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับเนี่ย ที่จริงถ้าผมรู้ว่าคุณมัทนาให้พี่ตกแต่งสวนนะ ผมจะบอกท่านเลยว่าไม่ต้องแยกสัญญาจ้างพี่ก็ได้ เพราะยังไงผมก็ต้องมาจ้างพี่ทำอยู่ดี เพราะงานแต่งสวนต้องยกให้พี่อ้าย ถึงว่า ผมยังแปลกใจว่าทำไมให้ผมตกแต่งภายในพิพิธภัณฑ์แต่เว้นสวนภายนอกไว้”

“พี่ก็ยุ่งหลายเรื่อง เลยไม่ได้คุยกันเลย”

“เออ ผมลืมแสดงความยินดีกับพี่อ้ายเลย”

“ยินดีเรื่องอะไร”

“ยินดีกับคุณพ่อคนใหม่ไงครับ ผมเห็นรูปลูกพี่ในไอจีของแพม” สายลมบอกอย่างอารมณ์ดี

นวลดารารับไม่ได้เมื่อได้ยินคำกล่าวของสายลม เธอจะเดินตามพ่อของเธอที่เดินหลบออกไปก่อนหน้านั้น แต่อานุภาพคว้าข้อมือเธอแล้วกำไว้แน่น

“ลมคงไม่รู้ว่าพี่ยกเลิกการแต่งงานไปแล้ว”

“อ้าว…งั้นลูกคุณแพมก็ไม่ใช่…”

อานุภาพพยักหน้า

สายลมรู้ทันทีว่าเขาพูดผิดมหันต์ ยิ่งเห็นสีหน้าแววตาของนวลดาราตอนได้ฟังคำพูดเขา เขาก็เดาเรื่องออกทั้งหมด

“โอ๊ย ผมขอโทษครับพี่อ้าย”สายลมยกมือไหว้ท่วมหัว “ตอนงานแต่งพี่ ผมไปดูงานที่อิตาลี เลยไม่รู้ว่าพี่ยกเลิกงาน แล้ว…พี่อ้ายกับคุณ…” สายลมมองที่มือของอานุภาพที่จับข้อมือนวลดาราอยู่

“นี่คุณนวล นวลดารา หลานคุณมัทนา แฟนพี่”

“ตายๆ ตาย ผมทำอะไรไปเนี่ย ขอโทษนะพี่ ขอโทษคุณนวลด้วยนะครับ”

เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้นวลดาราก็ได้แต่ฝืนยิ้มรับคำขอโทษ

“ขอโทษอีกทีนะพี่ ผมขอตัวดีกว่า…” สายลมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เขาเดินออกไปทันที

“ไม่เป็นไรลม อย่าคิดมาก เดี๋ยวเจอกันตอนงานนะ” อานุภาพบอกไล่หลังสายลมไปอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อหันมาเจอหน้านวลดาราก็เห็นเธอหน้าบึ้งมองที่ข้อมือเขาเป็นเชิงให้ปล่อยมือเธอได้แล้ว

“ถ้าปล่อยต้องไม่เดินหนีนะ” เขาบอก

 



Don`t copy text!