สายแนน บทที่ 10 : แก้วตาดวงใจ

สายแนน บทที่ 10 : แก้วตาดวงใจ

โดย : SUDA

Loading

สายแนน นวนิยายออนไลน์โดย SUDA ที่อ่านเอานำมาให้อ่านทาง anowl.co กับ “เรื่องราว” ในอดีตที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาให้เจ็บช้ำ กายพลัดพรากแต่ใจยังผูกพัน แม้เหลือเพียงเถ้ากระดูกบนกองฟอน…ก็มิอาจปล่อยวางแล้วเริ่มต้นใหม่ “เขา” บุรุษสองคนผู้มีใจรักมั่น…จึงหวนกลับมาแย่งชิง “เธอ” อีกครั้ง

ท้องฟ้ามืดสนิทลงแล้วจึงเหลือเพียงแสงจันทร์สาดส่อง บวกกับสายลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่านมาชวนให้หนาวจนขนลุก อาณาเขตเรือนของนายขันตั้งอยู่ชายป่าอีกฝั่งหนึ่ง ด้านหลังเรือนเป็นทุ่งนาห่างไกลจากผู้คน ชายหนุ่มเจ้าของเรือนนั่งอยู่บนแคร่กับนายฮ้อยทรัพย์ ข้างกายมีแม่เดือนที่กำลังนั่งเช็ดน้ำตาตนเองด้วยความหวาดหวั่น

เธอหนีออกมาจากเรือนเมื่อช่วงหัวค่ำเพราะไม่อยากร่วมพิธีมงคลสมรสในวันพรุ่งนี้ แม้รู้ว่าคงหนีไม่พ้นหากนายแสงคำยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

“ป่านนี้บักแสงคำมันคงรู้แล้วว่าเจ้าหนีมา…อีกบ่นานมันคงตามมาถึง” นายฮ้อยทรัพย์เอ่ยเสียงเครียด ทั้งสามนั่งสนทนาได้เพียงครู่เดียวก็มีหนุ่มชาวบ้านสหายของนายขันอีกหลายคนตามมาสมทบ เป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์รุ่นราวคราวเดียวกัน ร่างกายสูงกำยำท่าทางทะมัดทะแมงนัก

“พวกมันอยู่ไหน”

“รออยู่นี่ละ…อีกบ่นานมันก็มา”

นายฮ้อยทรัพย์กล่าวตอบพลางก้มหน้าขัดดาบของตนไว้เตรียมต่อสู้ แต่เมื่อเห็นเดือนนั่งร้องไห้ไม่หยุด เขาจึงเอ่ยอธิบายอีกครั้ง “บักแสงคำมันมีอาคมแก่กล้า ต่อให้หนีไปไกลปานใดก็หนีบ่พ้นมันดอก หากเจ้าอยากหลุดพ้นจากมัน ก็คงมีทางเดียว…คือฆ่ามันให้ตาย”

กล่าวยังมิทันจบคำทุกคนก็พลันนิ่งเงียบเพราะได้ยินเสียงคนเดินอยู่รอบกาย นายขันจึงรีบดึงเธอมาหลบไว้ด้านหลังเขา สายตามองผ่านความมืดไปจึงได้รู้ว่าถูกพวกโจรล้อมไว้ทุกทิศ

พวกมันตามถึงแล้ว…ต่างคนต่างถืออาวุธพร้อมปะทะโดยมิเกรงกลัวว่าใครจะผ่านมาพบเข้า เหตุเพราะเรือนของนายขันนั้นตั้งอยู่ห่างไกลผู้คนนัก หากเกิดเหตุนองเลือดโดยไม่มีใครรู้เห็น ก็คงมิใช่เรื่องแปลกอันใด

“บักแสงคำ! แน่จริงมึงก็ออกมา!”

นายขันประกาศเสียงกร้าว พร้อมกับกวาดสายตามองออกไปในความมืด เพราะคืนนี้จันทร์เต็มดวงจึงทำให้พอมองเห็น เมื่อก้มลงเห็นรอยเท้าคนปรากฏบนผืนดินราวกับมีใครล่องหนอยู่…ชายหนุ่มจึงกำมีดลงอาคมไว้แน่น เห็นตำแหน่งชัดเจนแล้วจึงกระชากร่างที่ล่องหนออกมาทันที

“บักแสงคำ!”

แสงคำเสียหลักตามแรงกระชาก เมื่อมนตร์ดำคลายลงแล้วร่างชายหนุ่มจึงปรากฏขึ้นให้เห็น แต่ก็รีบใช้เท้าถีบกลางอกนายขันให้กระเด็นออกไปเพื่อตั้งหลัก มืออีกข้างกำดาบไว้แน่น

“คืนนี้บ่มึงก็กู…ที่ต้องตายไปข้างหนึ่ง!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเหี้ยม

เขาใช้ดาบปักกลางดินเพื่อพยุงตัวแล้วรีบลุกขึ้นตวัดดาบชี้หน้า ต่างฝ่ายต่างสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ด้านหลังมีแม่เดือนซ่อนตัวอยู่ แต่เมื่อเห็นท่าไม่ดีเธอจึงก้าวออกมาเผชิญหน้า…น้ำตาไหลอาบนวลแก้มสาวน่าเวทนานัก

“อ้ายแสงคำ…”

เดือนเข้ามาหาพลางพนมมืออ้อนวอนทั้งน้ำตา “เฮาสองคนบ่ได้รักกัน แล้วจะอยู่ครองคู่เป็นผัวเมียกันไปให้มันได้ประโยชน์อีหยัง คนบ่ได้รัก…ต่อให้อ้ายเฮ็ดดีปานใดข้อยก็บ่รัก ถือว่าข้อยขอร้องละ…อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตข้อยอีกเลย”

น้ำเสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำให้นายแสงคำยิ่งเดือดดาลมากกว่าเก่า ชายหนุ่มตวัดดาบชี้หน้านายขันด้วยแรงโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำราวสัตว์ร้าย อยากรู้นักว่าหากชายคนรักของเธอตายจากไปแล้ว แม่เดือนจะยังคร่ำครวญหาแต่เพียงมันอีกหรือไม่

“เดือน ออกไป!”

แสงคำตวาดเสียงดังพร้อมกับพุ่งดาบเข้าหานายขันทันที ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบทันแต่ก็ถูกเขาถีบซ้ำจนล้มหงายลงกับพื้น เมื่อเดือนปรี่เข้ามาอีกครั้ง แสงคำจึงรีบผลักเธอออกแล้วแล้วเสียบดาบพุ่งมากลางอกนายขันทันที

“กรี๊ดดด!”

นายขันกลิ้งตัวหลบอย่างรวดเร็วแล้วรีบลุกขึ้นตั้งหลัก ก่อนจะฟันดาบเข้ามาเต็มแรง กลุ่มโจรเข้ามาปะทะกับบรรดาชายหนุ่มชาวบ้านจนเกิดความวุ่นวายโกลาหล นายฮ้อยทรัพย์เห็นท่าไม่ดีจึงคว้าร่างเดือนออกมาให้พ้นรัศมีคมดาบแล้วกำชับให้เธอเข้าไปหลบอยู่ใต้ถุนเรือน ห้ามออกมาอีกเป็นอันขาด

เหล่าชายฉกรรจ์ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงดาบปะทะพร้อมกับเสียงโอดโอยดังต่อเนื่อง แต่ฝ่ายของนายขันได้เปรียบกว่ามากนัก เพราะกลุ่มโจรนี้เพิ่งเดินทางรอนแรมมาจึงอ่อนล้ากว่ามาก นายแสงคำเองก็เช่นกัน แม้ขณะต่อสู้พยายามร่ายมนตร์ดำใส่…แต่ก็มิอาจระคายผิวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“บักแสงคำ มึงตาย!”

นายขันได้จังหวะจึงถีบร่างอีกฝ่ายจนล้มเกลือกกลิ้งลงบนพื้น ก่อนจะใช้เท้าเหยียบกลางอกแสงคำไว้มิให้ลุกหนี ปลายดาบจ่อคำคอเตรียมปลิดชีพ แต่เมื่อเงื้อดาบพร้อมตัดคอก็ได้ยินเสียงเดือนตะโกนเรียกดังลั่น

“อ้ายขัน! อย่า!”

เดือนปรี่เข้ามาขอร้องให้ไว้ชีวิตเขา มิใช่เพราะมีใจให้อีกฝ่าย…แต่เพราะเธอไม่อยากให้นายขันทำบาปฆ่าคนตายต่างหาก บ้านเมืองเรานี้มีขื่อมีแปคอยลงโทษคนกระทำความผิด จึงควรให้ทางการเป็นผู้ตัดสิน แม้ที่จริงเขาจะเป็นคนชั่วที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แม้ว่าจะสมควรตายมากเพียงใดก็ตาม

“อย่าฆ่าเขาเลย…แค่จับเขาส่งทางการก็พอแล้ว”

ถ้อยคำของเดือนทำให้ชายหนุ่มพลันนิ่งชะงัก ส่วนนายแสงคำยังนอนนิ่งแม้ถูกเหยียบอกไว้ ใบหน้าคมเผลอยกยิ้มมุมปากเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ…ก่อนร่างเขาจะเลือนหายไปในทันที

“เฮ้ย!”

ชายหนุ่มอุทานเสียงดังเมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้มนตร์ดำหลบหนีไปได้ กลุ่มโจรบางส่วนก็รีบวิ่งหนีกระจัดกระจายไปในความมืด เหลือเพียงบางคนที่บาดเจ็บหนักจนลุกหนีไม่ไหว นายฮ้อยทรัพย์และหนุ่มชาวบ้านจึงรีบจับตัวไว้เตรียมส่งให้ทางการทันทีที่ฟ้าสาง

หลังจากพรรคพวกของนายแสงคำหนีไปได้ นายฮ้อยทรัพย์จึงให้ทุกคนตั้งหลักที่หน้าเรือนนี้ก่อน โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรง มีเพียงแผลจากคมดาบตามแขนขาและลำตัวเท่านั้น ส่วนเดือนรีบพยุงนายขันมานั่งบนแครแล้วทำแผลให้…น้ำตายังไหลอาบดวงหน้า

แม้เธอจะน่าเวทนาสักเพียงใด แต่กระนั้นนายฮ้อยทรัพย์ก็จำเป็นต้องตำหนิการกระทำของหญิงสาวว่ามิควรไว้ชีวิตคนชั่วอย่างนายแสงคำอีก เหตุเพราะก่อนหน้านี้นายฮ้อยทรัพย์ปะทะกับนายแสงคำอยู่บ่อยครั้ง นานวันเข้าจึงยิ่งรู้ว่าชายหนุ่มหัวหน้าโจรผู้นี้มิใช่คนธรรมดา หากยิ่งปล่อยไว้…ความเก่งฉกาจก็ยิ่งเพิ่มจนไม่มีใครปราบลงได้

“เจ้าบ่ควรไว้ชีวิตมันอย่างนี้ หากตัดไฟได้ตั้งแต่ต้นลมก็ควรตัด บักแสงคำมันเป็นคนชั่วปล้นฆ่าคนมาเป็นร้อย หากบ่ฆ่ามันวันนี้ วันหน้ามันอาจกลับมาฆ่าคนอื่น…เข้าใจบ่”

ถ้อยคำของนายฮ้อยทรัพย์ทำให้เดือนร่ำไห้ออกมาอีกหน เมื่อครู่เธอเพียงไม่อยากให้นายขันต้องฆ่าคนตาย แต่เมื่อนึกทบทวนดูแล้วก็เห็นเป็นจริงอย่างที่นายฮ้อยว่าไว้

เธอปล่อยนายแสงคำไปอย่างนี้…วันหน้าเขาต้องกลับมาฆ่าทุกคนที่นี่เป็นแน่

ร่างเล็กสะอื้นไห้น่าเวทนานัก นายขันจึงขยับเข้ามาโอบเธอไว้แล้วเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้อย่างทะนุถนอม “บ่เป็นหยัง…พวกมันยังหนีไปได้บ่ไกลดอก ออกตามหาคืนนี้ก็ยังทัน แต่เราต้องเอาพวกโจรที่จับได้ไปหาพ่อแม่เจ้าก่อน หากพ่อแม่เจ้ารู้แล้วว่าบักแสงคำเป็นโจร…จะได้ระวังตัว”

เมื่อเดือนเริ่มคลายความหวาดกลัวได้บ้างแล้ว นายขันและคนอื่นๆ จึงลากพวกโจรป่าที่จับได้ไปหน้าเรือนของเธอทันที แต่เมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจเมื่อในเรือนถูกปิดเงียบ ทั้งที่ควรมีคนอยู่เต็มเรือนเพราะเช้ามืดนี้ก็เป็นพิธีมงคลสมรสแล้ว

“เกิดอีหยังขึ้น”

“บักขัน ขึ้นไปดูข้างบนเร็ว” นายฮ้อยทรัพย์ออกคำสั่งพลางจ้องมองบนเรือนด้วยความประหลาดใจ เดือนกับนายขันจึงก้าวขึ้นเรือนพลางตะโกนเรียกบิดาของหญิงสาว

แต่เมื่อขึ้นมาด้านบนเรือน…ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เดือนกรีดร้องดังลั่นด้วยความตื่นตระหนก เพราะทั้งพ่อแม่และน้องของเธอนอนแน่นิ่ง ปลุกไม่ตื่น ลมหายใจแผ่วเบานัก เดือนทรุดตัวลงกรีดร้องราวกับคนวิปลาส ชายหนุ่มจึงรีบคว้าเธอมากอดไว้พลางร้องเรียกให้คืนสติ ส่วนนายฮ้อยทรัพย์ได้ยินเสียงกรีดร้องจึงรีบตามขึ้นมาทันที

“ถูกมนตร์ดำสะกดไว้” นายฮ้อยทรัพย์เอ่ยอธิบาย “อีนางเอย พ่อแม่เจ้ายังบ่ตายดอก…บักแสงคำมันบ่ได้คิดฆ่า เพียงแต่สะกดไว้บ่ให้ตื่นมาฟังความจริงจากปากพวกเฮา แต่ก็ต้องรีบถอนมนตร์ออกให้เร็วที่สุด…ลุงจะถอนมนตร์ให้เอง”

เมื่อนายฮ้อยทรัพย์เอ่ยอธิบายเช่นนั้นเดือนจึงคลายความกังวลลงไป หญิงสาวจึงขยับไปนั่งพิงเสาเพื่อมิให้ขัดขวางพิธีกรรมถอนคุณไสยของนายฮ้อยทรัพย์ มือบางยกปาดน้ำตาตัวเองเบาๆ พยายามกลั้นสะอื้น แต่ก็พลันสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือล่องหนคว้าเอวไว้แน่น

“กรี๊ดดดดดดด!”

หญิงสาวกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็กถูกมือปริศนากระชากไปด้านหลังแล้วเลือนหายไปในอากาศ…

“บักขัน! มึงรีบตามไปเร็ว!” นายฮ้อยทรัพย์ตะโกนเรียก เดือนถูกนายแสงคำที่ล่องหนอยู่ร่ายมนตร์บังตาใส่ ก่อนจะอุ้มร่างเธอไว้แล้วเลือนหายไปในความมืด นอกจากจะกลับมาชิงตัวแม่เดือนแล้ว ยังกลับมาช่วยพวกโจรที่ถูกจับมาด้วย

นายฮ้อยทรัพย์และหนุ่มชาวบ้านต่างต่อสู้กับพวกมันจนเกิดความโกลาหล นายขันจึงรีบออกมาหน้าเรือนทันที มือข้างหนึ่งจับดาบไว้แน่น สายตาสอดส่องรอบกายพร้อมกับเงี่ยหูฟังเสียงผิดปกติ

จนกระทั่งมองเห็นร้อยเท้าคนและได้ยินเสียงเกือกม้ากำลังวิ่งห่างออกไป เห็นลมพัดเบาๆ ตามเส้นทางทิศตะวันตก เขาจึงรีบปลดเชือกม้าของนายฮ้อยทรัพย์แล้วควบม้าตามไปทันที…

นายแสงคำควบม้าออกจากเรือนอย่างรวดเร็ว วงแขนข้างหนึ่งกอดรัดเอวบางไว้แน่นเพื่อมิให้เธอตกจากหลังม้า แม้เธอพยายามขัดขืนเท่าใดก็ไม่เป็นผล

“อ้ายแสงคำ ปล่อย! ปล่อยข้อยลงเดี๋ยวนี้”

หญิงสาวหันมาทุบบนแผ่นอกกว้าง แต่ไม่ว่าจะขัดขืนอย่างไรก็สู้แรงเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้นแล้วเร่งม้าให้วิ่งตรงไปทางชายป่า จนกระทั่งมาถึงชุมโจรที่มีชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ยืนรออยู่แล้ว

“เดือน ไปกับอ้ายก่อน”

เมื่อถึงที่หมายชายหนุ่มจึงประคองเธอลงมาทันที ก่อนจะโยนใบพลูที่เหน็บหูทิ้งไปเพื่อคลายมนตร์ล่องหน ยามอยู่กับพวกโจรเขาดูเข้มแข็งเด็ดขาดนัก แต่บางคราก็น่ากลัวเสียจนเธอมิกล้าสบตา เมื่อมิกล้าขัดขืนจึงทำได้เพียงเดินตามเขามาเงียบๆ

แสงคำจูงมือเธอลัดต้นไม้เข้ามาไม่ไกลนัก เมื่อเดินอ้อมต้นไม้ใหญ่ออกมาจึงเห็นเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ฝูงวัวที่กลุ่มโจรต้อนไว้เกือบหนึ่งร้อยตัว แต่เพราะดึกมากแล้ววัวเหล่านั้นจึงจับกลุ่มนอนบนทุ่งหญ้า แม้ดูเงียบสงบ แต่เหล่าชายฉกรรจ์ที่เดินล้อมไปมาก็ทำให้เธอหวั่นกลัวไม่น้อย

“บ่ต้องกลัว…บ่มีไผกล้าทำร้ายเจ้าดอก”

แสงคำเอ่ยอธิบายเสียงเรียบ ก่อนจะพาเธอเข้าไปพักอยู่ในเกวียนเล่มใหญ่ที่มีหลังคาบังแดดบังฝน เดือนกวาดสายตามองรอบๆ ก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างที่เขากล่าวไว้ เพราะดูแล้วบรรดาชายฉกรรจ์พวกนี้เกรงใจเขาอยู่มาก นายแสงคำคงเป็นหัวหน้าโจร และการที่เขาพาเธอเข้ามาในฐานะเมีย…ก็คงไม่มีใครกล้าข่มเหงเธอจริงดังว่า

“อ้ายแสงคำ…พาข้อยกลับไปได้บ่”

เดือนไม่ยอมเข้าไปในเกวียน แต่หันกลับมาเอ่ยขอร้องเสียงสั่น “ข้อย…ข้อยบ่อยากอยู่อย่างนี้”

“บ่ต้องห่วงดอก อ้ายพาเจ้ามาลำบากเพียงบ่กี่เดือนเท่านั้น หากทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว อ้ายจะพาเจ้าย้ายไปตั้งรกรากใหม่ อยู่ครองเรือนอย่างสุขสบาย หากอยากกลับไปเยี่ยมพ่อแม่อ้ายก็จะพาไป…แต่ต้องเป็นหลังจากเราสองเป็นผัวเมียกันแล้ว”

เดือนได้ฟังเช่นนั้นก็พลันน้ำตาเอ่อ “แต่…แต่ข้อยบ่อยาก…”

เดือนยังมิได้กล่าวคำใดอีก ร่างเล็กก็พลันสะดุ้งเฮือกเมือได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลัง

“บักแสงคำ!”

เสียงตวาดนั้นทำให้แสงคำชะงักเล็กน้อย เมื่อหันกลับมาจึงเห็นว่าเป็นนายขันที่เพิ่งตามมาถึง ชายหนุ่มลงจากหลังม้าก่อนจะชักดาบชี้หน้า แววตาคมเจือความโกรธถึงขีดสุด

เดือนเห็นเช่นนั้นจึงรีบสะบัดมือออกจากนายแสงคำแล้ววิ่งเข้าไปหลบหลังชายคนรัก บัดนี้ทั้งสองถูกพวกโจรป่าล้อมไว้ทุกทิศ เบื้องหน้ามีนายแสงคำที่จ้องมองมาด้วยแรงโทสะ มือชักดาบออกจากฝักพร้อมต่อสู้ แต่ยังมิทันได้กล่าวคำใดนายขันก็พุ่งตัวเข้าหาทันที

“มึงตาย!”

แสงคำเอี้ยวตัวหลบคมดาบแล้วถีบกลางท้องจนอีกฝ่ายเซไปด้านหลัง โจรป่าอีกคนจึงใช้จังหวะนั้นคว้าตัวแม่เดือนออกมาเพื่อมิให้ถูกลูกหลง ก่อนจะเหวี่ยงตัวเตะเข้ากลางหลังของนายขันจนเสียหลัก

แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้ เมื่อถูกล้อมไว้ทุกทิศจึงถีบร่างมันคนหนึ่งเพื่อเปิดทางแล้วใช้ดาบฟาดฟันต่อสู้ แต่เพราะพวกโจรล้อมไว้ทุกทิศเขาจึงมิอาจต้านทานได้โดยง่าย เมื่อเริ่มพลาดท่าจึงถูกพวกมันฟันเข้ากลางหลัง ก่อนจะถูกนายแสงคำเงื้อดาบฟาดลงมาทันที

“กรี๊ดดด!”

เดือนกรีดร้องดังลั่นเมื่อชายคนรักถูกฟันเข้าอย่างจัง ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าเลือดไหลทะลัก ก่อนจะถูกนายแสงคำถีบเข้ากลางตัวจนล้มหงาย…สองขาก้าวเข้ามาใกล้แล้วเหยียบอกเขาไว้แน่น

“อยากสั่งเสียก่อนตายบ่…”

นายแสงคำเอ่ยลอดไรฟันด้วยความโกรธ “กูจะตัดคอมึงทิ้งเสียตอนนี้ เสี้ยนหนามตำใจอย่างมึง…กูบ่มีทางปล่อยไว้เป็นอันขาด!”

“น่าสมเพช…” นายขันส่งยิ้มเย้ยหยัน ในแววตามิได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่แผลฉกรรจ์กลางกายทำให้เจ็บปวดแสนสาหัส มือข้างหนึ่งเช็ดเลือดออกจากมุมปากเบาๆ ก่อนจะหัวเราะดังลั่น “บักแสงคำเอ๋ย…มึงเหนือกว่ากูทุกอย่าง แต่ก็น่าสมเพชหลายที่นางบ่ได้สนใจมึงเลย”

“หุบปาก!” นายแสงคำน้ำเสียงร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกฝ่ายกลับดูชอบใจนัก ทั้งหัวเราะเยาะเย้ยพลางเงยหน้าสบตาราวกับจะท้าทาย

“หากบ่เชื่อ…มึงก็ลองถามเดือนเบิ่งดูว่านางอยากอยู่กับไผ มึงมันสันดานโจร อยู่ไหนก็ยังเป็นโจร ต่อให้สุดท้ายมึงแย่งนางไปได้…ก็คงได้ไปเพียงร่างกายเท่านั้น เพราะบ่มีไผอยากฝากชีวิตไว้กับคนชั่วๆ อย่างมึง!”

“บักขัน! มึงตาย!” แสงคำตะโกนก้องป่าด้วยความโกรธจัด ก่อนเงื้อดาบขึ้นสูงแล้วฟาดลงมาทันที

“อย่า! อย่าฆ่าเขา…”

เดือนรีบพุ่งเข้ามาขวางอย่างไม่คิดชีวิต นายแสงคำจึงรีบชักดาบกลับในทันทีด้วยความตื่นตระหนก ปลายดาบเฉือนผิวกายบอบบางของเธอไปด้วย รอยแผลบนต้นแขนแม้ไม่ลึกนัก…แต่ก็มากพอจะทำให้เลือดไหลซึมให้มองเห็น

“เดือน! ออกไป!” นายแสงคำตวาดเสียงกร้าว เห็นเธอยอมเจ็บ…ยอมตายแทนเช่นนี้เขาก็ปวดใจมากนัก ยิ่งเห็นเธอร่ำไห้ขอร้องอ้อนวอน เขายิ่งเจ็บราวกับถูกมีดกรีดลงกลางใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ชายหนุ่มเดินเข้ามาดึงเธอออกไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะตวัดดาบชี้หน้านายขันที่นั่งทรุดตัวจมกองเลือด แม้เป็นมหาโจรฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่บัดนี้กลับมือไม้สั่นจนต้องกำดาบไว้แน่น…นัยน์ตาคมมีน้ำตาหยดออกมาด้วยความทุกข์

“อ้ายแสงคำ…ข้อยข้อร้อง…”

ภาพเธอคลานเข้ามาหาทั้งน้ำตานั้นสะท้อนใจเขานัก แสงคำหันกลับมาหาเธออีกครั้ง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเจือไปด้วยความทุกข์มากมายเกินจะเอ่ย

“เป็นหยังอ้ายจึงแพ้มันทุกอย่าง! เป็นหยังเจ้าจึงบ่เห็นความรักที่อ้ายมีให้ เป็นหยังเจ้าจึงบ่เห็นค่าหัวใจของอ้ายเลย อ้ายมาทีหลังมัน…แต่รักที่อ้ายมีให้ก็บ่เคยแพ้มัน อ้ายดูแลเจ้าได้ดีกว่ามันด้วยซ้ำ!”

นายแสงคำกล่าวตัดพ้อก่อนจะหันไปจ้องมองนายขันอีกครั้ง นัยน์ตาแดงก่ำด้วยแรงโทสะ“บักขัน! กูบ่ยอมให้มึงเป็นเสี้ยนหนามตำใจกูอีกแล้ว อย่าอยู่เป็นผู้เป็นคนอีกเลย!”

กล่าวเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็เตะเข้ากรามซ้ายของอีกฝ่ายเต็มแรง ก่อนจะก้าวมายืนคร่อมแล้วใช้สองมือจับดาบไว้แน่น…เตรียมเสียบดาบลงกลางตัวหมายจะปลิดชีวิต

“มึงตาย!”

“กรี๊ดดดดดด!” เดือนกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็กพุ่งเข้ามากอดเข่านายแสงคำไว้ทั้งน้ำตา

“ข้อยยอมแล้ว…ข้อยยอมแล้ว! อย่าฆ่าเขา”

เดือนเอ่ยขอร้องพลางสะอื้นไห้ “ปล่อยอ้ายขันไป แล้วข้อยสิยอมทุกอย่าง อยากได้หยังจากข้อย ข้อยก็ยินดีให้ อยากได้ข้อยเป็นเมีย…ข้อยก็สิยอมมอบกายให้ ข้อยยอมทุกอย่างแล้ว…ขอแค่ไว้ชีวิตอ้ายขัน…ขอเพียงปล่อยอ้ายขันไป”

เดือนยังกอดขาเขาไว้อย่างนั้น เสียงสะอื้นไห้ชวนให้ชายหนุ่มทั้งสองเจ็บปวดใจมากเกินจะเอ่ย น้ำตาบนนวลแก้มใสที่เปื้อนขาเขาอยู่ยิ่งทำให้แสงคำทุกข์ทรมานมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า

แม้เธอจะยอมศิโรราบ ยอมยกทั้งชีวิตให้เขาแล้ว แต่เหตุใดหนอเขาจึงเจ็บในใจเหลือทน…หรือเป็นเพราะรู้ดีว่าจะได้ครอบครองแค่เพียงกายเท่านั้น แต่กระนั้นความรักที่มีให้ก็ทำให้เขายอมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ชายหนุ่มจึงกระชากหัวนายขันให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายด้วยความแค้น

“มึงได้ยินแล้วแม่นบ่…” แสงคำเอ่ยกระซิบเสียงเหี้ยม

“หลังจากนี้…มึงอย่ามายุ่งกับเมียกูอีกก็แล้วกัน!”



Don`t copy text!