แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
วันนี้ห้างเรืองอำพันมีการจับสลากหาผู้โชคดีที่จะได้ชุดเครื่องนอนไปใช้ โดยมีนาราเป็นคนจับลูกปิงปองนำโชคตามเคย หลังเสร็จสิ้นภารกิจธิปกก็พานาราไปทานอาหารกลางวันที่จัดไว้ในห้องทำงานของเขา
ข้าวสวยและกับข้าวง่ายๆ สองอย่าง แต่จัดมาในจานกระเบื้องเนื้อดีพร่องไปเล็กน้อยเพราะผู้ร่วมโต๊ะมัวแต่ห่วงคุยกันมากกว่าจะสนใจอาหาร หัวข้อสนทนาก็คือเรื่องร้านของชัชวาล หลังจากนาราให้คนนำเงินไปชำระค่าสินค้าแล้ว บรรยากาศในร้านก็ดีขึ้นมาก นางพยอมกับลูกจ้างไม่ทำหน้าเครียดทั้งวันอย่างที่ผ่านมา จะเหลือก็แต่ชัชวาลคนเดียวที่ยังคงเงียบขรึมเหมือนคนมีความในใจอยู่ไม่คลาย
คุยกันอยู่ครู่หนึ่งธิปกก็หันมาเข้าประเด็นสำคัญ
“ผมยังไม่ได้คุยกับคุณเรื่องค่าจ้างที่วางแผนบีบชัชวาลเลย” เขาบอก “ถึงจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการแต่ก็เป็นเพราะผมล้มเลิกเอง ยังไงคุณก็จะได้ค่าจ้างห้าพันบาทตามที่ตกลงกันไว้”
เมื่อรวมกับค่าจ้างจากการช่วยแก้ปัญหาเรื่องใบปลิว และเดือนอื่นๆ ที่นาราทยอยผ่อนหนี้ไปครั้งละแปดร้อยบาท ก็เท่ากับว่าหนี้สินของเธอลดลงไปเกินครึ่งแล้ว นารายิ้มกริ่มขณะตักไก่ทอดของโปรดเข้าปาก
“หวังว่าวันนั้นที่โรงพยาบาลผมคงไม่ได้ทำให้คุณไม่พอใจหรอกนะ ผมรู้ว่าคุณหวังดีอยากช่วยผมพิสูจน์ความบริสุทธิ์”
“ใครบอกว่าฉันหวังดี ฉันแค่อยากได้ค่าจ้างเร็วๆ จะได้หมดหนี้สินต่างหาก” นาราหัวเราะ “ถ้ารวมกับค่าจ้างที่เล่นละครเป็นคนรักของคุณหลอกคุณกุลธิดา ฉันว่าอีกไม่นานฉันต้องใช้หนี้หมดแน่ๆ”
ธิปกมองหญิงสาวที่กำลังหัวเราะหน้าเป็นแล้วเริ่มยิ้มไม่ออก
นั่นสินะ…เจ้าเล่ห์ เอิ่ม…ไม่ใช่สิ…ต้องเรียกว่าทำงานหาเงินเก่งออกอย่างนี้ หนี้ที่เหลืออีกไม่ถึงหมื่นบาทนาราคงใช้คืนได้ภายในปีเดียวกระมัง
เขามองกับข้าวที่ตักกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เมื่อครู่ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็ฝืดคอขึ้นมาเสียเฉยๆ
ภาพหนุ่มสาวที่กำลังโอภาปราศัยกันอย่างถูกคอ ดวงตาฝ่ายชายเป็นประกายพราว ส่วนฝ่ายหญิงหัวเราะน้อยๆ บอกถึงความรื่นรมย์เมื่อได้อยู่ด้วยกัน กลายเป็นความบาดตาบาดใจสำหรับกุลธิดาที่มองเข้ามาจากด้านนอก
หญิงสาวตั้งใจจะมาชวนธิปกไปทานอาหารกลางวันที่ร้านเปิดใหม่แห่งหนึ่ง พอเดินมาจนเกือบจะถึงห้องทำงานซึ่งเป็นห้องกว้าง ด้านหนึ่งกรุกระจกใสแทนผนัง กุลธิดาก็เห็นธิปกกำลังนั่งทานข้าวอยู่กับแม่รองนางงามตัวร้ายที่เธอเกลียดเข้ากระดูกดำ
หญิงสาวชะงัก กำมือแน่น ความริษยาระคนหึงหวงแผดเผาจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว นับวันธิปกก็ยิ่งแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้หญิงคนนี้กำลังคืบหน้าไปทุกขณะ ถึงแม้กุลธิดาจะพยายามเข้าไปแทรกกลางเท่าที่จะทำได้ ไม่ยอมปล่อยให้ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่ธิปกก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธอเกินสถานะแขกของนายปกรณ์
ที่สำคัญนาราทำงานกับธิปกทุกวัน อย่างไรก็มีโอกาสใกล้ชิดเขามากกว่ากุลธิดาเป็นไหนๆ
คิดแล้วหญิงสาวก็โมโห พานโกรธไปถึงธิปก ผู้ชายก็อย่างนี้…หลงแต่หน้าตาสวยๆ คำพูดคำจาออดอ้อนออเซาะ ไม่หยั่งให้ลึกไปถึงนิสัยใจคอว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอย่างไร ทั้งๆ ที่นาราทะเยอทะยานและเห็นแก่ตัวถึงขนาดโยนเจ้าบ่าวทิ้งไว้ในงานแต่งงาน เมื่อรู้ว่ามีโอกาสดีกว่ารออยู่อย่างเลือดเย็นมาแล้ว
กุลธิดาเคยเล่าอดีตของนาราให้ธิปกฟัง หมายจะให้เขารังเกียจจนเลิกรากับแม่นางงามนั่น แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างที่นาราเคยว่าไว้…ธิปกรู้เรื่องอยู่แล้วและไม่ตะขิดตะขวงใจเลยแม้แต่นิดเดียว ทำเอากุลธิดาฟัดหัวเหวี่ยงจนต้องไประบายความคับแค้นกับสราวุธ หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าข้างเธอ แต่สราวุธกลับพูดอย่างเป็นกลางว่า
“ตั้งแต่คุณนารามาเป็นประชาสัมพันธ์ก็ช่วยห้างได้มาก คุณธิปกเป็นผู้บริหารก็ต้องมองการณ์ไกล คงไม่เอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในอดีตมาเป็นอารมณ์หรอกครับ”
ชายหนุ่มพูดพลางขยับแว่นสายตาไปพลาง ดูก็รู้ว่าพูดหลบเลี่ยงไปอย่างนั้นเอง แต่ประโยคเรื่อยเปื่อยไม่มีความหมายนั่นกลับจุดประกายความคิดบางอย่างขึ้นในสมองของคนฟัง
นั่นสิ! นารามีคุณค่าตรงที่สามารถทำประโยชน์ให้ห้างได้ แต่ถ้าประวัติของแม่นั่นทำให้ชาวบ้านเลิกมาซื้อของที่ห้างเรืองอำพันล่ะ คุณธิปกจะยังอยากคบหากับมันอยู่ไหม
ไม่กี่วันต่อมาหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งก็ได้รับจดหมายสนเท่ห์ไม่ระบุชื่อผู้เขียน เล่าประวัติของนารามาอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะเรื่องที่หญิงสาวหนีงานแต่งงานถูกเน้นหนักเป็นพิเศษ บรรณาธิการข่าวเห็นโอกาสทองลอยมาถึงมือก็ตีพิมพ์เนื้อความในจดหมายลงในคอลัมน์ข่าวสังคม เพียงวันเดียวเรื่องก็แพร่ไปทั่วประเทศ
นาราถูกผู้คนวิจารณ์สาดเสียเทเสีย เกือบทั้งหมดประณามว่าหญิงสาวเห็นแก่ตัว ใจร้ายทอดทิ้งเจ้าบ่าวให้เจ็บช้ำ เพียงเพื่อจะเติมเต็มความทะเยอทะยานอยากเด่นอยากดังของตัวเอง
ธิปกร้อนใจอยากจะเรียกนักข่าวมาชี้แจง แต่นาราห้ามไว้
“อะไรเป็นอะไรเราก็รู้กันอยู่ จะเดือดร้อนไปทำไม” เธออมยิ้ม
“แต่ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาวิจารณ์คุณผิดๆ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเครียดจัด “แม่เลี้ยงคุณสร้างปัญหาเอาไว้ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง คุณเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรจะต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา”
นารามองไปรอบตัวแล้วกระเซ้าล้อๆ “คุณกุลธิดาไม่ได้อยู่แถวนี้ ไม่ต้องวางท่าเป็นห่วงเป็นใยฉันขนาดนั้นก็ได้นะคะที่รัก”
ธิปกทำหน้ายุ่ง ดุเบาๆ ให้รู้ว่าทุกสิ่งที่เขาทำมาจากความจริงใจทั้งสิ้น
“ผมรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปอย่างนั้น เป็นห่วงคุณผมก็แสดงออกว่าห่วง ไม่ใช่อย่างคุณนี่ กลุ้มใจจะแย่แต่ยังทำหน้าทะเล้นอยู่ได้”
คนฟังหัวเราะท่าทางจริงจังของเขา
“คุณคิดว่าฉันแกล้งสบายใจทั้งๆ ที่กลุ้มแทบบ้าหรือ จะบอกให้ว่าฉันไม่สนใจข่าวนี้เลยสักนิด เพราะหลังจากประกวดนางงามเสร็จฉันก็ไปขอโทษคุณนายสายหยุดกับลูกชายมาแล้ว และเล่าเหตุผลที่ต้องยอมตกลงแต่งงานกับคุณวิฑูรย์ให้แกฟังแล้วด้วย”
ถึงหญิงสาวจะไปกราบขอโทษถึงบ้านแต่คุณนายสายหยุดไม่ได้อภัยให้นาราเสียทีเดียว เพราะถือว่าการกระทำของอีกฝ่ายเป็นการหักหน้ากันอย่างร้ายกาจ กระนั้นเธอก็มีใจเป็นธรรมพอที่จะมองออกว่าวรรณาซึ่งใช้อุบายบังคับลูกเลี้ยงมาแต่งงานต่างหากเล่า คือผู้ที่สมควรถูกตำหนิอย่างแท้จริง
“ฉันว่าตอนนี้คนที่นั่งไม่ติดน่าจะเป็นคุณแม่ใหญ่มากกว่า เธอคงไม่อยากให้ใครรู้หรอกว่าเคยเป็นหนี้สินรุงรังจนต้องขายลูกเลี้ยงเพื่อเอาตัวรอด เพราะเธอนั่นละจะเสียชื่อยิ่งกว่าใคร” นาราเสริมขึ้นอีก “คนที่ปล่อยข่าวเรื่องของฉันคงนึกไม่ถึงว่าที่จริงแล้วเขากำลังทำร้ายคุณแม่ใหญ่อยู่ ไม่ใช่ฉัน”
การคาดคะเนของหญิงสาวเป็นความจริงในอีกสองวันต่อมา เมื่อนักข่าวของหนังสือพิมพ์ชื่อดังอีกฉบับหนึ่งซึ่งรู้จักกับนพมาศ ได้ไปขอสัมภาษณ์คุณนายสายหยุดและได้ความจริงจากปากเธอมาตีพิมพ์ หลังจากนั้นสายลมก็เปลี่ยนทิศ กระแสความเห็นใจหลั่งไหลมาหานาราอย่างท่วมท้น
และแน่นอนว่าคำประณามจะต้องถาโถมไปยังฝั่งของแม่เลี้ยง ไม่เว้นแม้แต่รพีพรรณซึ่งเป็นลูกสาวก็พลอยถูกซุบซิบนินทาไปด้วย
ระยะนั้นรพีพรรณเก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมาพบปะเพื่อนฝูงอย่างเคย เพราะไม่ต้องการเห็นสายตาเย้ยหยัน คำพูดทิ่มแทงเสียดหูจากเพื่อนบางคนที่หมั่นไส้กันมานานแล้ว กระนั้นคู่อริก็ยังไม่วายตามไปเยี่ยมถึงบ้าน ดูเผินๆ ก็เหมือนจะเป็นห่วงเป็นใย แต่ที่จริงคือการมากระทืบซ้ำให้หญิงสาวอับอายขายหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
พอหม่อมภรณีรู้ว่าหญิงสาวที่เธอเอ็นดูกำลังตกที่นั่งลำบาก ก็รีบส่งรถมารับรพีพรรณไปพบ หญิงสาวมาถึงด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย แม้จะใช้เครื่องสำอางอำพรางมาอย่างดีแต่ก็ดูออกจากใบหน้าซีดเผือด ขอบตาบวมจัดและสองตาแดงช้ำว่ารพีพรรณกำลังอยู่ในอารมณ์วิปโยคเพียงใด
“ไม่ต้องกลัว เธอมีฉันอยู่ทั้งคน ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องเป็นทุกข์”
หม่อมปลอบอย่างอ่อนโยนขณะลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมนุ่มของหญิงสาว รพีพรรณซบหน้าลงกับตักของเธอ ปล่อยน้ำตาไหลรินออกมาเงียบๆ
วันต่อมาหม่อมภรณีก็เรียกช่างตัดเสื้อมาพบ สั่งให้ตัดชุดราตรีให้รพีพรรณหลายชุด ต่อจากเสื้อผ้าเธอก็ขนเครื่องประดับออกมาให้หญิงสาวเลือกว่าอาภรณ์มีค่าชิ้นไหนควรจะสวมกับเสื้อผ้าชุดใด
ช่วงนั้นหม่อมขยันออกงานสังคมบ่อยเป็นพิเศษ ทุกครั้งเธอจะพารพีพรรณไปด้วย คอยประกาศกับใครๆ ถึงคุณความดีที่หญิงสาวมีต่อเธอ ถ้ามีคนเปรยยิ้มๆ ถึงเรื่องที่กำลังเป็นข่าวหม่อมภรณีก็จะบอกว่า
“แม่ก็ส่วนแม่ ลูกก็ส่วนลูก แม่เขาทำอะไรฉันไม่สนใจ รู้แต่ว่ารพีพรรณเป็นเด็กดีมีใจเมตตาต่อคนที่กำลังเดือดร้อน เขายอมสละเลือดช่วยชีวิตฉันไว้อย่างไม่เห็นแก่ตัว ฉันถือว่าเพชรไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นเพชร ถึงตัวเรือนมันจะไม่งาม อาจจะบุบบู้บี้ไปบ้างแต่เพชรแท้ก็ยังเป็นเพชรแท้อยู่วันยังค่ำ”
เมื่อคนใหญ่โตมากบารมีอย่างหม่อมภรณีกางปีกปกป้อง แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารพีพรรณเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญ ปากหอยปากปูทั้งหลายที่ตั้งท่าจะนินทาจึงต้องเงียบเสียง ยิ่งเมื่อหม่อมพารพีพรรณไปร่วมงานเลี้ยงของพระองค์เจ้าพระองค์หนึ่ง กำหนดให้เธอออกไปเต้นรำเปิดฟลอร์กับหลานรักของเจ้าภาพ คำว่าร้ายเริ่มเปลี่ยนเป็นชื่นชมยกย่อง
ส่วนข่าวลือด้านลบก็เลือนหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)