การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 10 : คำอธิษฐานในฤดูหนาวหนึ่ง

การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 10 : คำอธิษฐานในฤดูหนาวหนึ่ง

โดย : อลิสา กัลยา

Loading

อ่านเอา มี นิยายออนไลน์ ให้คุณได้อ่านเพลิดเพลิน มีคอลัมน์หลากหลายให้ได้เปิดโลก และ “การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง” เรื่องราวของคุณแม่ชาวไทยในโอซาก้าที่พบว่าลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกนี้มีเพียงหัวใจแค่ครึ่งดวง จะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมจนทำให้การเดินทางครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืม

………………………………………………..

-10-

 

ต้นฤดูใบไม้ร่วง ปีเฮเซที่ ๒๖ ขณะที่ครอบครัวที่มีเด็กวัยเกือบสามขวบกำลังวุ่นวายกับการเข้าโรงเรียนอนุบาลนั้น ครอบครัวเรากลับวุ่นวายกับการเตรียมตัวผ่าตัดครั้งที่สามของมิอุ

ระหว่างการตรวจหัวใจประจำเดือน คุณหมอคาวาตะแจ้งให้ทราบว่า น่าจะถึงเวลาที่มิอุจะผ่าตัด Fontan แล้ว พูดเสร็จหมอคาวาตะก็หยิบเอาแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่วางลงบนโต๊ะ เปิดกระดาษในแฟ้มอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดที่หน้ากระดาษซึ่งเต็มไปด้วยตารางแผ่นหนึ่ง นิ้วของหมอคาวาตะไล่หาช่องว่างในตารางไปเรื่อยๆ นิ้วหยุดตรงช่องเล็กๆ ช่องหนึ่ง

“เร็วที่สุดก็วันที่ ๒๑ มกราคม ไม่งั้นต้องรอไปอีกสามสี่เดือนเลย ทางครอบครัวสะดวกมั้ยครับ?” หมอคาวาตะหันหน้ามาถาม

สำหรับแม่บ้านอย่างฉันที่ลูกยังไม่ได้เข้าโรงเรียนอนุบาล แต่ละวันนั้นว่างยิ่งกว่าว่าง แต่สิ่งที่ทำให้ฉันลังเลใจอยู่นิดหน่อยเพราะกำหนดวันผ่าตัดที่คุณหมอคาวาตะบอกนั้นตรงกับวันเกิดของฉันเอง จริงๆ แล้วฉันเชื่อมั่นในความสามารถของทีมแพทย์ผ่าตัดของโบะชิเซนเตอร์มาก แต่ก็ยังอดคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในแง่ลบเสียไม่ได้

“หากการผ่าตัดผ่านไปได้ไม่ดี แล้ววันเกิดตัวเองในปีถัดจากนี้ไปจะเป็นยังไงนะ?” แม้ยังติดใจกับกำหนดวันผ่าตัดอยู่ แต่ฉันก็ตอบรับคำกับหมอคาวาตะไปว่า ทางเราพร้อมสำหรับวันดังกล่าว

คุณหมอคาวะตะเขียนชื่อมิอุลงในช่องว่าง แล้วส่งกระดาษแผ่นน้อยมาให้ เป็นกระดาษกำหนดวันสวนหัวใจและวันผ่าตัด มิอุเคยผ่านการสวนหัวใจมาเกือบจะสิบครั้งแล้ว ทั้งก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดสองครั้งที่ผ่านมา คราวนี้ก็เช่นกัน อีกสองอาทิตย์ มิอุต้องมานอนโรงพยาบาลสองคืนเพื่อทำการสวนหัวใจ

เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแล้ว การสวนหัวใจเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก ทว่า สิ่งที่ทำให้เหนื่อยกายและใจสำหรับฉันแล้วคือ ช่วงพักฟื้นหลังจากรับการสวนหัวใจต่างหาก เพราะมิอุต้องนอนราบอยู่บนเตียงถึงเช้า ที่โบะชิเซนเตอร์ จะมีชุดเอี๊ยมสีชมพูสดใสเตรียมไว้สำหรับเด็กที่ได้รับการสวนหัวใจเสร็จ ส่วนบนและล่างของชุดสีชมพูนี้จะมีแถบเชือกติดอยู่ ๔ เส้น เชือกแต่ละเส้นกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร โดยมีความยาวประมาณเมตรครึ่ง ซึ่งยาวพอที่จะสามารถพันรอบตัวและขาเด็กให้ตรึงอยู่กับเตียงผู้ป่วยได้

ฉันยังจำความเหนื่อยล้าตอนมิอุพักฟื้นจากการสวนหัวใจก่อนการผ่าตัดครั้งที่สอง หรือการผ่าตัด Glenn ได้ เธอร้องอยากให้อุ้มตลอดเวลา กลางวันว่าเหนื่อยแล้ว กลางคืนยิ่งเหนื่อยขึ้นไปอีก ปกติเวลานอนมิอุจะชอบนอนตะแคงหรือนอนคว่ำอยู่เสมอ การโดนตรึงไว้ให้นอนหงายบนเตียงทั้งคืน ทำให้มิอุร้องไห้ตอนรู้สึกตัวทุกครั้ง เป็นแบบนี้อยู่ทุกสองสามชั่วโมงตลอดคืน แต่สิ่งที่ฉันคิดไว้ก็ผิดคาด เข้าโรงพยาบาลเพื่อสวนหัวใจครั้งนี้กลับง่ายกว่าครั้งก่อนๆ อาจเป็นเพราะมิอุโตขึ้นกว่าคราวก่อนเลยเข้าใจสิ่งที่ฉันปลอบเธอได้มากขึ้น แม้จะร้องไห้อยู่บ้างเพราะความอึดอัดไม่สบายตัว

อยู่โรงพยาบาลได้สามวัน คุณหมอคายาทานิ หัวหน้าแผนกหัวใจเด็กซึ่งเป็นคนตรวจมิอุก็อนุญาตให้มิอุกลับบ้านได้ หมอคายาทานิกำชับอยู่หลายครั้งว่า ถ้าเป็นไปได้ในช่วงสองเดือนก่อนจะผ่าตัดนี้ พยายามอย่าพามิอุออกไปสถานที่ที่คนเยอะ ดูแลสุขอนามัยภายในบ้านให้ดี อย่าให้เป็นหวัดหรือโรคร้ายแรงก่อนวันผ่าตัด

ฉัน สามี และโอก้าซัง พากันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่กันทันทีหลังจากมิอุออกจากโรงพยาบาล ว่าไปแล้วเหมือนจะกลายเป็นกิจวัตรประจำปีของครอบครัวเราไปแล้ว ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นมาก ไข้หวัดใหญ่ถือเป็นสิ่งที่คู่กับฤดูหนาว ทุกปีจะต้องมีข่าวการแพร่ระบาดของโรคนี้มากน้อยต่างกันไป ยิ่งกำหนดวันผ่าตัดครั้งนี้ของมิอุตรงกับฤดูหนาวพอดี ความระมัดระวังในการป้องกันไม่ให้มิอุไม่สบายจึงมีมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา

หนึ่งเดือนถัดมา เดือนสุดท้ายของปีเฮเซที่ ๒๖ ก็มาถึง ฉันวุ่นวายอยู่กับการทำความสะอาดครั้งใหญ่ปลายปี ว่ากันตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นแล้ว ทุกบ้านจะต้องเช็ดถูบ้านให้สะอาดก่อนวันที่ ๒๙ ธันวาคม ซึ่งถือเป็นวันที่เทพเจ้าจะลงมาสถิตย์ที่บ้าน หลายปีที่ผ่านมาฉันมักจะผัดวันประกันพรุ่ง ทำความสะอาดทีเดียวให้เสร็จภายในสองวัน โดยทุกครั้งกว่าจะสะอาดเรียบร้อยก็ปาเข้าไปวันสิ้นปีเสียแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันเริ่มทำความสะอาดบ้านล่วงหน้าถึงสองสัปดาห์ หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องให้เสร็จก่อนวันที่ ๒๙ ให้ได้ (และก็ทำได้จริงๆ เสียด้วย)

ไม่เพียงแค่ใส่ใจในวันทำความสะอาดครั้งใหญ่ประจำปีเท่านั้น เช้าวันแรกของปีเฮเซที่ ๒๗ ฉันไปไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าแต่เช้า ในขณะที่ทุกปีฉันมักจะรอให้คนซาไปก่อน ผ่านปีใหม่ไปสักสามสี่วันแล้วจึงค่อยเยื้องกรายไป แม้ว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่นับถือศาสนาอะไร แต่ในสังคมที่มีกระแสทุนนิยมเชี่ยวกรากไหลเวียนอยู่นี้ วัดและศาลเจ้ายังเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจสำหรับคนญี่ปุ่นได้ระดับหนึ่งอยู่ดี

คนแน่นศาลเจ้าตั้งแต่เช้า ฉันยืนต่อแถวรอขอพรอยู่ท่ามกลางคนนับร้อยๆ อาจจะไม่เบียดเสียดเท่ากับศาลเจ้าดังๆ อย่างที่มักเห็นในทีวี แต่ศาลเจ้าที่ฉันไปก็ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในแถบเมืองที่ฉันอาศัยอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการขอพรให้ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาและสุขภาพ

ยืนรอท่ามกลางอากาศหนาวอยู่พักใหญ่ ฉันก็มายืนอยู่หน้ากล่องโยนเงินขนาดใหญ่ประจำศาลเจ้าแล้ว ฉันโยนเหรียญลงไปในกล่อง สั่นกระดิ่งที่แขวนอยู่ โค้งคำนับสองครั้ง ตบมือสองครั้ง แล้วอธิษฐาน

อยู่ๆ ความทรงจำตอนมิอุพักฟื้นจากการผ่าตัดครั้งแรกก็ย้อนกลับมา หลังผ่าตัดได้ไม่กี่วัน ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้ฉันมานอนเฝ้ามิอุที่โรงพยาบาลได้ กลางดึกของคืนแรกที่อยู่โรงพยาบาลนั้น ฉันเดินออกจากห้องพักของมิอุเพื่อขอขวดนมที่เนิร์สสเตชัน พยาบาลเวรดึกคงติดธุระอยู่ที่ห้องคนไข้สักห้อง มีเพียงหมอเรียวนั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ขณะที่คุณหมอเดินไปหยิบขวดนมให้ฉัน อยู่ๆ ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้ดังลั่นจากห้องข้างในสุดーห้องที่เป็นเหมือนไอซียูประจำวอร์ดโรคหัวใจเด็กーเด็กที่พักฟื้นในห้องนี้ล้วนมีอาการที่ไม่ทรงตัว ยังต้องอาศัยการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งก็หมายความว่า ตอนกลางคืนเด็กจะต้องอยู่ห้องนี้คนเดียว พ่อแม่ยังไม่สามารถมานอนเฝ้าที่โรงพยาบาลตามปกติได้

“แม่หนูอยู่ไหน หนูอยากเจอแม่ แม่จ๋าๆ” สาวน้อยร้องเรียกหาแม่ซ้ำๆ เสียงร้องวิงวอนของเธอทำให้ฉันรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ พลันคิดขึ้นมาได้ว่า “มิอุคงร้องหาแม่สักวันตอนที่เธอต้องผ่าตัดครั้งต่อไป”

“คุณแม่มานอนเฝ้ามิอุจังเป็นคืนแรกใช่มั้ยครับ?” หมอเรียวถามขึ้นมา หลังจากยื่นขวดนมให้

ฉันพยักหน้าบอกกับหมอเรียวไปว่า นี่คือคืนแรกของฉันและถามคุณหมอถึงเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้อยู่

หมอเรียวถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “มันเป็นสิ่งที่พวกเราควบคุมไม่ได้หรอกครับ ที่จริงเป็นเรื่องปกตินะครับ ถ้ายังร้องไห้เสียงดังขนาดนี้ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำไปนะครับ” สำหรับหมอและพยาบาลที่ประจำอยู่แผนกนี้ คงได้ยินเสียงเช่นนี้จนชินเสียแล้ว

“ถ้าจะให้หมอพูดตามจริงแล้ว การผ่าตัดครั้งสุดท้ายตอนมิอุจังอายุสักสามขวบเนี่ยแหละครับ จะหนักหนาที่สุดทั้งมิอุจังและคุณแม่เอง” พูดจบหมอเรียวก็ยิ้มเหมือนให้กำลังใจฉัน

ฉันอธิษฐานขอพร พลางคิดถึงบทสนทนาระหว่างฉันกับหมอเรียวในคืนนั้น ก่อนจะคำนับโค้งหนึ่งที เดินฝ่าฝูงชนกลับบ้านด้วยความหวังอันแรงกล้า ขอให้สิ่งที่อธิษฐานเป็นจริงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

 

Don`t copy text!