การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 11 : ของขวัญ

การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 11 : ของขวัญ

โดย : อลิสา กัลยา

Loading

อ่านเอา มี นิยายออนไลน์ ให้คุณได้อ่านเพลิดเพลิน มีคอลัมน์หลากหลายให้ได้เปิดโลก และ “การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง” เรื่องราวของคุณแม่ชาวไทยในโอซาก้าที่พบว่าลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกนี้มีเพียงหัวใจแค่ครึ่งดวง จะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมจนทำให้การเดินทางครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืม

…………………………………………………

-11-

 

ผ่านเดือนแรกของปีเฮเซที่ ๒๗ ได้สองสัปดาห์กว่าๆ ฉันและมิอุก็ย้ายไปอยู่ที่โบะชิเซนเตอร์

หลังจากแอดมิตได้สามวัน

เช้าวันจันทร์ที่ ๒๑ มกราคม ฉัน สามี และโอก้าซังยืนโบกมือบ๊ายบายมิอุหน้าห้องผ่าตัด

มิอุในสภาพสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ นอนอยู่บนเตียงเข็น

กอดตุ๊กตาตัวโปรดที่ภายในบรรจุเครื่องรางไว้

พอประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก มิอุก็ถูกเข็นเข้าไปข้างใน

นางพยาบาลในชุดฟอร์มสีลูกกวาดสี่ห้าคนยืนยิ้มแย้มต้อนรับการมาถึงของมิอุอยู่

คราวนี้มิอุสร้างความประหลาดใจให้กับฉันเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่ได้ร้องไห้ออกมาสักแอะ

ผิดกับคราวผ่าตัดครั้งที่แล้วที่เธอแผดเสียงร้องเรียก “ป่าป๊า หม่าม๊า” ลั่นโรงพยาบาล

อาจจะเป็นเพราะเธอโตขึ้นเลยทำให้เธอตื่นเต้นกับสติกเกอร์ตัวการ์ตูนมากมายที่แปะอยู่ข้างกำแพงหรือเพลงการ์ตูน อังปังแมน ที่เปิดคลออยู่ตรงทางเข้าหน้าห้องผ่าตัด

หรืออาจเป็นเพราะเธอคุ้นชินกับโรงพยาบาลแห่งนี้

จนคิดว่าโรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่น่ากลัวแต่อย่างใด

ฉันอยากจะคิดในแบบน้ำเน่าว่า การที่ต้องใช้ชีวิตวนเวียนกับโรงพยาบาลและความเจ็บปวดมาตั้งแต่เกิด คงทำให้มิอุเข้มแข็งขึ้นโดยที่เธอเองก็คงไม่รู้ตัว เหมือนกับฉัน สามี และโอก้าซัง ที่ก็ไม่ได้ร้องไห้มากมายเหมือนการผ่าตัดครั้งก่อนๆ มีเพียงแต่น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่จางๆ ซึ่งเลือนหายอย่างรวดเร็วหลังจากเราสามคนฆ่าเวลาการเฝ้ารอที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้กับโรงพยาบาล พวกเรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้าและได้กำลังดำเนินอยู่

เมื่อตะวันคล้อยต่ำลง จนข้างนอกมืดมิด

นางพยาบาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ทำให้ ๗ ชั่วโมงแห่งการรอคอยสิ้นสุดลง

ห้องไอซียูเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่

มีเตียงผู้ป่วยประมาณสิบกว่าเตียง แบ่งเป็นสองด้านของห้อง

ณ ห้องไอซียูแห่งนี้ เป็นสถานที่แห่งความเงียบงันของสิ่งมีชีวิต ที่ถูกโอบล้อมด้วยเสียงตระหนกของสิ่งไม่มีชีวิตอย่างอุปกรณ์ทางการแพทย์นานาชนิด

เด็กที่อยู่ในห้องไอซียูนี้ไม่ได้มาจากแผนกโรคหัวใจเด็กเท่านั้น

แต่มาจากทุกแผนกในโรงพยาบาลแห่งนี้

ทั้งเด็กแรกเกิดตัวน้อย เด็กโตหน่อย และเด็กตัวไม่น้อยอย่างนักเรียนมัธยมและเด็กมหาวิทยาลัย ทุกคนมีรายละเอียดของชีวิตและการรักษาที่ต่างกัน

แต่มีจุดร่วมอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือ การดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่

ชาร์ลส ดาร์วิน เอ่ยไว้ในทฤษฎีก้องโลกของเขาว่า

“ธรรมชาติมีกระบวนการคัดสรรให้สิ่งมีชีวิตต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด หากลักษณะที่แปรผันของสิ่งมีชีวิตนั้นเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตนั้นจะสามารถมีชีวิตสืบลูกหลานต่อไป”

ฉันไม่เคยอ่านหนังสือเล่มหนาของดาร์วินหรอก

แต่ก็อยากยกบางส่วนของทฤษฎีมาใช้ในบริบทของฉันอย่างดื้อๆ แบบนี้

ฉันคิดถึงบางส่วนของทฤษฎีของดาร์วิน

พร้อมกับคะนึงถึงคำกล่าวของสามีที่มักเอ่ยทุกครั้งเมื่อฤดูกาลผ่าตัดของมิอุมาเยือน

“หากการผ่าตัดประสบความสำเร็จ เราก็จะได้ไปต่อ

แต่หากไม่ใช่ ทุกอย่างก็จบ กลับไปที่จุดเริ่มต้นของมันอีกครั้ง”

พลังชีวิตคงเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ความหวังคงเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

และโชคชะตาก็คงเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน

ฉันเดินฝ่าความเงียบ ความหวัง ความพยายามดิ้นรน และเสียงตระหนกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังเตียงในสุด ตรงมุมขวาของห้องไอซียู ที่นั่น คุณหมอคาวาตะ หัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจเด็ก ยืนกอดอกคุยกับคุณหมออีกสามสี่คนในชุดผ่าตัดสีเขียวอยู่ สายตาทุกคู่มองจ้องไปยังมิอุที่กำลังนอนอยู่บนเตียง นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลกำลังวุ่นวายกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่วางอยู่รายรอบเตียง

คุณหมอคาวาตะผละจากบทสนทนา หันมาสวัสดีพวกเราสั้นๆ

และเริ่มอธิบายผลผ่าตัดให้พวกเราสามคนฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เป็นสีหน้าเคร่งเครียดตามปกติของคุณหมอคาวาตะ ที่ตลอดหลายปีที่ได้รู้จักคุณหมอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร จะดีหรือไม่ดี มักจะถูกถ่ายทอดผ่านสีหน้าเช่นนี้เสมอ

หลังจากบทสนทนากับคุณหมอคาวาตะจบลง สามีและโอก้าซังเดินรี่ไปยังข้างเตียง

โอก้าซังเอามือลูบหัวมิอุอย่างแผ่วเบา ในขณะที่สามีของฉันกุมมือสักข้างของมิอุเอาไว้

ฉันยังคงยืนอยู่ปลายเตียง มองไปยังมิอุที่ยังคงนอนหลับใหลท่ามกลางสายน้ำเกลือและสายไฟต่างๆ

ในคืนวันเกิดปีที่ ๓๒ ของฉัน

ฉันได้รับของขวัญที่มีค่าและพิเศษมากกว่าปีใดๆ ที่ผ่านมา

Don`t copy text!