ชมา 5 ชีวิต บทที่ 8 : ขอแรงหนุน

ชมา 5 ชีวิต บทที่ 8 : ขอแรงหนุน

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

ชมา 5 ชีวิต เรื่องราวของลูกแมวขาวดำทักซิโด้ที่ได้ไปเจอเจ้าของในชาติที่แล้วและชาติที่สอง รวมถึงชาติที่หนึ่ง แถมยังพบว่าแขกที่มาเที่ยวฟาร์มเสตย์ก็ดันเป็นเจ้าของตัวมันในชาติที่สาม! ชมารู้ทันที่ว่าเรื่องไม่ธรรมดากำลังจะเกิดขึ้น! พบกับนวนิยายเรื่อง ชมา 5 ชีวิต โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านใน anowl.co

– 1 –

ในที่สุดโอกาสทองของฟ้าใสและแฟนต้าก็มาถึง วันนั้นอากาศหนาวจนโตต้องชวนทุกคนตั้งเตาหมูกระทะเพื่อเรียกความอบอุ่น บนเรือนส่วนกลางนอกจากเป้และฟ้าใส ก็ยังมีบ้านของบุญรอร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วย

ตามปกติแล้วโตร่วมโต๊ะกับคนงานบ่อยๆ ที่ลานข้างบ้านพักคนงาน แต่แทบจะไม่มีคนงานคนไหนเคยมาร่วมโต๊ะกับโตในมื้อเย็นบนเรือนส่วนกลาง แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เป็นวันที่ต้นกล้าได้เหรียญทองและแฟนต้าได้เหรียญทองแดงจากการสอบอะไรสักอย่าง ถ้าผมฟังไม่ผิดคือ สอ-พอ-ถอ (1) แต่มันคืออะไร การสอบแบบไหน ผมก็เดาไม่ถูก รู้แต่ว่าโอและอ้อยดูจะปลาบปลื้มใจมาก

ดังนั้นงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ จึงจัดขึ้นและครอบครัวของต้นกล้าก็ถูกรับเชิญมาร่วมฉลองกันในวันนี้ด้วย

ยายจันทร์ ยายของต้นกล้าดูเขินๆ แม้นางจะเคยกินข้าวร่วมวงกับโตหลายครั้งที่ข้างที่พัก แต่กับโอซึ่งออกจะดูเป็นคุณหนู และยายจันทร์วางโอเอาไว้เป็นเจ้านาย ยายจันทร์จึงค่อนข้างเกรงใจ ผิดกับอ้อยที่ดูจะคุ้นเคย พูดแซวเจ้านายจนยายจันทร์ถึงกับต้องสะกิด

มนุษย์นั้นมีการแบ่งหมวดหมู่ประชากรเหมือนพวกผึ้ง มีผึ้งงาน มีราชินี มีทหาร พวกเขามีกฎระเบียบเพื่อใช้คุมฝูง มีบทบาทหน้าที่ของประชากรในหมวดนั้นๆ จะว่าไปก็คล้ายกับสิงโตญาติหัวฟูของผม เพียงแต่กฏเกณฑ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้นยืดหยุ่นกว่า มีการเลื่อนลำดับชั้นกันได้ง่ายกว่า ไม่เหมือนพวกแมลง เกิดมาแบบไหนก็ต้องเป็นไปแบบนั้น ส่วนแมวอย่างผมเป็นข้อยกเว้น ถึงเราจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแต่ก็ไม่ใช่สัตว์สังคม เราชอบหากินตัวเดียว ไม่มีลำดับชั้น ไม่ต้องพึ่งพาใคร ซึ่งมันเป็นลักษณะพิเศษที่สัตว์สังคมยากจะเรียนแบบ นอกจากรอไปเกิดใหม่เป็นแมวอย่างพวกเราเท่านั้น

ความอึดอัดของยายจันทร์ไม่รอดพ้นสายตาของโอ ความใจดีและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ทำให้โอบอกให้อ้อยพายายจันทร์เข้าไปทำน้ำพริกหนุ่มของโปรดโตออกมาสักถ้วย ในนั้นมีป้าณีเป็นแม่ครัวและมีแอนเป็นลูกมือทำงานอยู่

เมื่อมีน้ำพริกถ้วยโปรดของโตวางลง และมีคนถามเคล็ดลับการทำน้ำพริก ยายจันทร์จึงผ่อนคลายและคุยฟุ้ง นางเล่าเลยไปถึงสมัยสาวๆ จนลืมว่าก่อนหน้านี้ตัวเองนั่งเกร็งเพราะต้องร่วมโต๊ะกับเจ้านายอยู่

มื้ออาหารกินดื่มกันอย่างไม่เป็นทางการนัก ทุกคนเดินไปเดินมา ตักอาหาร ยืนคุยบ้าง นั่งคุยบ้าง ตอนนี้ผมนึกสงสัยว่า การกินอาหารนั้นบางทีอาจจะเป็นสัญลักษณ์บางอย่างของพวกสัตว์สังคมก็เป็นได้ อย่างพวกสิงโตการกินอาหารก็แสดงลำดับชั้น จ่าฝูงต้องได้กินก่อน บุญรอและอ้อยเองถึงจะคุ้นเคยกับการกินอาหารร่วมโต๊ะกับโอและโตมากที่สุด แต่ท่าทางพวกเขาก็ดูเกรงอกเกรงใจ ไม่เหมือนการพูดคุย ที่อ้อยสามารถออกความเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือสาระใดๆ ผมขอเรียกว่าเรื่องเม้าท์มอยหอยกาบ อ้อยดูจะเพลิดเพลินและชำนาญอย่างที่สุด

การเม้าท์มอยนี้ในที่สุดก็เข้าทางฟ้าใสที่จับจ้องเอาไว้อยู่แล้ว

ข่าวประจำวันที่อ้อยเอามาพูดต่อในวันนี้ คือเรื่องการแต่งงานของดาราสาวที่เคยเป็นผู้ชายมาก่อน ฟ้าใสตะครุบทันที

“สวยมาก…” อ้อยลากเสียง “คุณฟ้าใสได้ดูภาพที่เขาแชร์กันไหม แฟนนางก็หล่อมาก เขาว่ารวยมากๆ ด้วยนะคะ”

“จริง หล่อและรวยมากๆ” ฟ้าใสรีบเห็นด้วย “ที่น้องเขามีวันนี้ได้ก็เพราะครอบครัวยอมรับเขา เขาเลยได้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ” ฟ้าใสพูด ก่อนจะปรายตาไปทางเป้ “ถ้าไม่มีครอบครัวที่เข้าใจ ให้เขาได้รับการปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงมาตั้งแต่เด็ก เขาก็คงไม่สวยเป็นผู้หญิงแท้ๆ จนชีวิตประสบความสำเร็จได้อย่างวันนี้หรอก”

“จริงค่ะ…” อ้อยงับเหยื่อ “อาจจะโตขึ้นเป็นกะเทยควายตัวใหญ่เป็นยักษ์ไปเลยก็ได้ อ้อยหัวเราะมุกตัวเอง “แต่นี่…” อ้อยทำเสียงจิ๊จ๊ะ เหมือนเจอของถูกใจ “เหมือนผู้หญิงไปหมด…เหมือนจนผู้หญิงแท้ๆ ยังอาย ถ้าน้าเป็นผู้ชายนะคุณฟ้า น้าก็ไม่รังเกียจเล้ย”

“แล้วถ้าต้นกล้าได้สวยๆ แบบนี้มาแต่งงานล่ะ น้าจะรังเกียจไหม” เป้ถาม อ้อยหยุดกึก

“แหม…น้ามันจน ลูกน้าก็จน สวยแบบนั้นใครเขาจะเอาคะ”

เป้ยิ้มนิ่งๆ ไม่ซักต่อ เขาไม่ชอบต้อนใครให้จนมุม

ผมเห็นฟ้าใสสบตากับเป้ มันเป็นการประกาศสงครามซึ่งหน้าอย่างรู้กันสองคน ถึงพวกเขาจะไม่ได้ถกเถียงหรือมีคำพูดอะไรออกมาอีก แต่สัญชาตญาณแมวอย่างพวกผมรู้สึกได้

 

– 2 –

สามทุ่ม อาหารหลักเลิกไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือแต่วงกินดื่มของพวกผู้ชาย ตอนนี้แหละที่ฟ้าใสสบโอกาสเหมาะที่จะคุยกับโอได้ตามลำพัง

ตอนนั้นผมนั่งอยู่บนตักเป้ เมื่อเห็นฟ้าใสแยกตัวเดินไปกับโอผมจึงย่องตาม

ฟ้าใสคุยกับโอเรื่องความต้องการของแฟนต้า ตอนแรกโอดูลังเล เธอบอกว่าแฟนต้ายังเด็กมาก โออยากจะให้แฟนต้าโตกว่านี้ มีเวลาใคร่ครวญไต่ตรองมากกว่านี้ เพราะบอนนี่ที่ฟ้าใสชอบดูช่องของเธอก็แปลงเพศตอนอายุเยอะแล้ว

“มันก็ไม่ได้สายเกินไปไม่ใช่หรือ” โอถาม

“จะว่าไม่สายมันก็ไม่ได้สายค่ะ แต่โอกาสในชีวิตมันก็เหมือนจะโดนตัดไปนะคะ ถ้าแฟนต้าโตขึ้นมาเป็นแบบน้องดาราคนนั้น มันจะไม่ดีกว่าหรือคะ” ฟ้าใสหว่านล้อม เธอจับมือโอเพื่อให้โอสบตา

“พี่โอคะ ถ้าพี่โอไม่มั่นใจพี่โอลองปรึกษากับหมอเบญก่อนก็ได้ค่ะ”

โอเอียงคอ นิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ

“ก่อนจะไปถึงการผ่าตัดแปลงเพศ แฟนต้าจำเป็นจะต้องได้รับฮอร์โมนก่อน ตอนนี้พวกเด็กๆ เขากินยาคุมที่มีฮอร์โมนเพศหญิงมากๆ” ฟ้าใสเอ่ยชื่อยาคุมกำเนิดมาสองสามยี่ห้อ “แต่บางคนกินแล้วแพ้ มีอาการมึนหัว ถ้าได้รับฮอร์โมนจากหมอโดยตรง มันก็น่าจะดีกว่าค่ะ”

“แล้วหมอเบญมาเกี่ยวยังไง” โอยังเข้าใจไม่กระจ่าง

“หมอเบญเป็นหมอต่อมไร้ท่อ สามารถจ่ายฮอร์โมนให้กับแฟนต้าได้ค่ะพี่โอ”

โอพยักหน้า วินาทีนั้นผมใจหายวาบ ไม่ใช่เพียงแค่มองเลยไปเห็นใบหน้าเป้ซึ่งยืนหลบมุมเสาฟังการสนทนานี้อยู่ แต่ประกายตาของโอที่ฉายวาบขึ้นนั้น มันเหมือนวันนั้นไม่มีผิด…

ภาพย้อนกลับในสวนหลังบ้าน ต้นไม้ที่เคยปีน กระรอกที่จับคาคบอยู่บนนั้น เมื่อมองลงมาเห็นเด็กหนุ่มที่โอเรียกว่าเบญปีนขึ้นมารับ และประกายตานี้ก็ฉายวาบขึ้นบนใบหน้าโอตอนที่เบญจมินทร์ส่งผมคืนไปให้เธอ

อีกครั้งก็ตอนที่แม่บอกโอว่า ให้เอาแกงถ้วยหนึ่งไปให้เพื่อนบ้านที่อยู่ถัดไปทางท้ายซอย ตอนแรกโอไม่รู้ว่าบ้านไหน แต่พอแม่เอ่ยขึ้นว่า บ้านเพื่อนลูกที่ชื่อเบญอย่างไรล่ะ ประกายตาแบบนี้ของโอก็ปรากฏขึ้นอีก

ผมไม่รู้ความหมายนั้นแน่ชัดหรอก แค่รู้สึกถึงความฉลาดเฉลียว ราวกับเธอคิดแผนการณ์อะไรขึ้นได้อย่างกะทันหัน

 

– 3 –

คืนนั้นพวกผู้หญิงแยกย้ายออกไปตอนใกล้สองทุ่ม ส่วนพวกผู้ชายคือ โต บุญรอ และเป้ ยุติวงสนทนาของพวกเขาราวๆ สี่ทุ่ม

บนทางเดินปูอิฐ เป้พยายามเดินตัวตรง แต่น้ำหนักเท้าของเขาก็ไม่สม่ำเสมอ ดูเหมือนคนกระทืบเท้าในบางจังหวะก้าวเดิน

ผมวิ่งเหยาะๆ นำหน้า เห็นนกกลางคืนบินโฉบอากาศ ได้ยินเสียงปลากระโดดดังจ๋อมอยู่กลางสระ พระจันทร์คืนนี้เต็มดวง สว่างจนไฟทางเดินพลังงานแสงอาทิตย์ที่ปักเอาไว้ข้างถนนปูอิฐดูอ่อนแสงลงกว่าวันอื่นๆ

เมื่อก้าวผ่านบ้านหลังที่ 5 เป้ก็หยุดกึก แล้วเดินถอยหลังกลับมาสามก้าว

เขายืนนิ่ง มองประตูบ้านหลังที่ 5 ราวกับใครตรึงขายาวๆ ของเขาเอาไว้

ประตูบ้านสีขาวดูเรืองรองอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้และความมืด จู่ๆ เป้ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไรนอกจากยืนนิ่ง ก็ก้าวพรวดๆ ตรงไปเคาะมันเป็นจังหวะหนักๆ ปากก็ส่งเสียงอู้อี้เรียกฟ้าใส ถามเธอว่านอนหรือยัง

ผมคิดว่าคืนนี้จะต้องมีเรื่องกันแน่ๆ แต่ไม่ทันที่ใครจะทันตั้งตัว เมื่อฟ้าใสเปิดประตู เป้ก็สะดุดล้ม ร่างหนาหนักโถมใส่ร่างบางหลังขอบประตู ฟ้าใสหงายท้องโดยมีเป้ติดร่างตามเข้าไปด้วย

เป้ประคองตัวขึ้น ตกใจจนแทบสร่างเมา ถ้าร่างที่อยู่ข้างใต้เป็นแมวอย่างผม คงจะแบนแต๊ดแต๋ กลับบ้านเก่าไปแล้ว

“เจ็บไหม” เขาวางมือไม้ไม่ถูก แต่ผมเห็นเขาลูบใบหน้าฟ้าใส

“ไม่…ไม่เจ็บ” เธอซ่อนหน้า ผลักเขาออกเบาๆ เป้เลยขยับออกมานั่งพิงขอบประตู เขาหายใจฟืดฟาด ไม่รู้ว่าเมาหรือเจ็บ

“มีอะไร ทำไมมาเรียกดึกๆ ดื่นๆ หรือพี่โอเป็นอะไร”

“ปะ…เปล่า” เขาอึกอัก ถ้าก่อนหน้านี้เป้มีเรื่องจะพูดกับฟ้าใส ตอนนี้เขาคงจะลืมมันไปหมดแล้ว

“แล้วมาเรียกทำไมล่ะ” เธอเอียงหน้าเข้ามาหา ทำจมูกฟุดฟิด “เมาใช่ไหมเนี่ย” ฟ้าใสถาม ตาที่จ้องรอคำตอบทำเป้ถึงกับเขิน

ผมส่ายหน้า รู้สึกสมเพชสัตว์ตัวผู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมไม่รู้หรอกนะว่ามนุษย์อยากจะผสมพันธุ์กันในช่วงเวลาแบบไหน และตัวเมียปล่อยกลิ่นออกมายังไง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเป้กำลังตกเป็นเบี้ยล่าง

ผู้หญิงน่ะประมาทได้ซะที่ไหน โดยเฉพาะคนเลี้ยงแมว ท่าเอียงคอด้วยความสงสัยใคร่รู้ เลียนแบบมาจากแมวชัดๆ

เป้กลับออกไปโดยไม่ได้ถามอะไร เขาเซตอนที่ก้าวลงบันไดสามขั้นลงมา ฟ้าใสถลาเข้าไปประคอง แต่เป้ยกมือห้าม เธอเลยได้แต่ยืนมองเขาเดินโยกซ้ายโยกขวา จนลับหายไปหลังต้นไม้บนทางเดิน

คืนนี้ผมจะอยู่กับฟ้าใส เป้อาจจะตัวอุ่นดีอยู่หรอกสำหรับอากาศอย่างนี้ แต่กลิ่นฉุนที่ออกมาทางลมหายใจและรูขุมขนของเขามันไม่ชวนเข้าใกล้เอาเสียเลย

“ชมา เจ้านายเธอเป็นอะไร” ฟ้าใสถาม ผมร้องตอบด้วยความโมโห –หมอนั่นน่ะเป็นแค่เจ้าของ ไม่ใช่เจ้านายผมเสียหน่อย

“อ๋อ…เมาใช่ไหม เขาเมาเนอะ” ฟ้าใสเกาคางผม ก่อนจะเดินนำไปนอนบนเตียง

เมาก็เมา…เพราะพูดไปฟ้าใสก็ไม่เข้าใจ ผมเดินหงุดหงิดไปซุกบนเตียงกับเธอ ถ้าไม่งอนนะ คงนอนเบียดข้างตัวแลกไออุ่นกันไปแล้ว

 

เชิงอรรถ : 

(1) การสอบ สพฐ หรือการสอบแข่งขันวิชาการนานาชาติ ซึ่งเป็นการจัดสอบที่อยู่ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้สู่สากล ดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

 



Don`t copy text!