ดาราอรุณ บทที่ 27 : ใจหนอใจ

ดาราอรุณ บทที่ 27 : ใจหนอใจ

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

หิ้งกับเหินอีกคู่ที่อยู่ตรงกันข้ามกัน ด้วยว่าทุกๆ ยามเย็น หิ้งจะขอกลับบ้านประเดี๋ยวหนึ่งกินอาหารเสร็จสรรพแล้วจึงกลับมาใหม่ โดยไม่พยายามพาตนเองมาเป็นภาระให้อายาใจกับน้าเยี่ยมเยือนต้องต้อนรับ

แต่ค่ำนี้ มีเรื่องต้องปรับความเข้าใจ ดังนั้นชายหนุ่มจึงชวนหญิงสาวเดินออกไปหน้าซอยยึดเอาร้านกาแฟแบรนด์ดังเป็นที่นั่งคุย

“จำไว้ให้แม่นๆ นะเย็นว่า ห้ามถอดแหวนวงนี้ให้ใครดู…” เขากำชับอย่างหวาดหวั่นว่าบิดาน่าจะกำลังหาวิธีเอาคืน มิว่าทางใดก็ทางหนึ่งซึ่งลมเย็นอาจเผลอตัว “แล้วต่อจากนี้ไป เย็นก็ไม่ต้องไปบ้านพี่ ไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้ว…ปล่อยให้พวกเขาตกลงกันเองว่า เงินค้ำประกันนี่ ใครควรรับผิดชอบ…พ่อพี่งั้นเหรอ…รับทำไม…ในเมื่อตัวเองก็ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกะหมอนั่น แค่จะเอาใจลูกค้า…ก็ไม่ต้องเอาใจ แหวนวงนี้ พี่ลองคุยกับแม่ดูเมื่อเช้า แม่บอกว่าเป็นเพชรเกรด ‘F Color 98 เปอร์เซนต์’ ไม่ใช่ล้อเล่นเลยนะ เกรดสูงหายากเลยละ”

ลมเย็นก็เลยก้มลงพินิจแสงเพชรบนนิ้วนางขวาที่กำลังส่องจรัสสะท้อนกับดวงไฟเพริศพรายกระทบนัยน์ตา

หิ้งเลยดึงมือหล่อนมาดู

“สมกับนิ้วเรียวของเย็นเลยละ” เขาพึมพำพร้อมมองหน้าสบตา ราศีแห่งความปลาบปลื้มชื่นใจหลั่งไหลออกมาอาบเต็มทั้งดวงหน้า “แล้วที่จริงพ่อแม่พี่ก็เต็มใจให้ ยื่นให้กับมือ…”

เขาเองจำเป็นต้องปกปิดความลับเรื่องทวงคืนแหวนวงนี้อย่างมิดชิดเช่นกัน

เพราะวันใดที่อาจหลุดปากออกมาว่าพ่อขอคืน วันนั้นลมเย็นคงต้องนำแหวนไปส่งมอบให้นายหันอย่างไร้ข้อต่อรอง

ชายหนุ่มจึงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง

โดยต้องคุมคนรักไว้ทุกฝีก้าว ไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างน้องสาวผู้ยังไม่เติบโต

ครั้นแล้วก็ยังต้องรับผิดชอบอารมณ์ของน้องชายผู้ยังไม่มีวุฒิภาวะมากมายเช่นกัน

เฮ้อ…ใครจะไปนึกได้ว่า เรื่องเล็กๆ เหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่

ก็พอดีมือถือของหิ้งดังขึ้น พ่อของเขาส่งเสียงมา

“นั่นแกอยู่ไหน” เสียงของบิดาชัดเจนว่ายังคงอุ้มเอาความขุ่นมัวไว้ไม่ยอมวาง “จะปรึกษาหารืออะไรมั่งก็ไม่เคย…รับฟัง…” อีกฝ่ายเตรียมจะพูดคำแรงกว่านั้น หากแต่นึกขึ้นมาได้ว่า นี่คือลูกชายที่เพิ่งกลับมา ยังไม่ทันรู้เรื่องราวรายละเอียดของพ่อแม่กับอีกหลากหลายลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ก็จำต้องมาคอยรับฟังปัญหาที่คล้ายกับบีบให้ต้องช่วยแก้

“ใครว่าล่ะพ่อ” หิ้งก็เลยหัวเราะเชิงปลอบใจมิให้พ่อพลาดพลั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหญิงสาวผู้กำลังนั่งอยู่กับเขาขณะนี้ “เอางี้…พ่อกำลังปวดหัวกับปัญหาของลูกค้าบางคน…พ่ออาจนึกว่าเขาสำคัญ…แต่เชื่อไหมครอบครัวเราสำคัญกว่า ตราบใดเรายังจัดการเรื่องบ้านช่องคนในบ้านให้เรียบร้อยไม่ได้…ก็ไม่ควรไปจัดบ้านคนอื่น”

เสียงของหิ้งฟังเป็นการเป็นงาน แต่ก็ไม่ถึงกับกระด้างกระเดื่อง เนื่องด้วยรู้นิสัยบิดาดีว่าเป็นคนไม่ยอมแพ้ใคร ด้วยว่าเคยชินกับความมีฐานะ…อย่างน้อยก็เคยเปล่งเสียงให้เขาได้ยินมาตั้งแต่เขาเพิ่งรุ่นหนุ่ม ‘คนอย่างไอ้ชัดน่ะเหรอ มันก็ได้แค่ขายรากไม้ไปวันๆ แค่นั้นละ…หนอยแน่ะ…อวดจะเป็นหมอดู…มึงดูตัวเองก่อนปะไรว่าทำไมถึงย่ำอยู่กับงานถั่วๆแค่สามอย่าง…”

หรือบางทีถ้าโมโหโกรธามากๆ ก็จะด่าหนักข้อเลยไปถึงอายาใจ

‘เมียมันน่ะเหรอ เทียบกับน้องหทัยก็สิบเอาหนึ่ง’

เขาละก็…เบื่อฟังอารมณ์เสียของพ่อยิ่งนัก

แต่ยามดี นายหันก็เหมือนเทวดา

‘หิ้ง…พ่อจะฝากเจ้าเหินไว้กับแกนะ เผื่อมันลำบากในวันหน้า แกก็ช่วยอุ้มมันด้วยละกัน…นี่ก็ยังดีนาาที่ยังอุตส่าห์สอบเข้ากับเค้าได้…บอกให้สอบชิงทุนอย่างแกก็เหลว’

ยิ่งถ้าเหินกลับค่ำเพราะไปสิงสู่อยู่ที่บ้านอาชัด ก็ยิ่งด่าลับหลังอย่างไม่ต้องนับกันเลยทีเดียว

‘ลูกไอ้ชัดมันมีดีอะไร ได้ข่าวว่าดีแต่แต่งตัวโป๊ ลอยชายไปมา’

ที่พ่อให้แหวนลมเย็นก็คงมีนัยเรื่องที่หวังจะย้อนกลับมาดูดวงกับอาชัดอีกนั่นเอง เมื่อบวกกับความหวังจะขอยืมเงินค่าขายที่ดินได้อีกอย่าง ก็เลยเผลอตัวหยิบแหวนวงนี้ออกจากเซฟมาให้ลูกคนโตของเพื่อนเก่า

เฮ้อ…เขาก็มิรู้จะทำอย่างไรกับบิดาดี

แล้วนี่ก็จะมาแค่นทวงคืน

ชายหนุ่มนึกเจ็บใจตนเองที่ยังไม่มีเงินและงานใดๆ ที่อาจกล่าวได้เต็มปากว่ามั่นคงเลยแม้แต่น้อย เงิน…แม้เก็บไว้ได้ก้อนหนึ่ง ไม่เกินล้านบาท เขาก็จำเป็นต้องสงวนไว้เผื่อบางทีถ้าบ้านบิดาไม่มีสิ่งใดสบใจจนรู้สึกสุขสบาย เขาเองก็คิดว่าควรไปหาทางเช่าคอนโดสักชุดสำหรับอยู่อาศัยไปทำงานอย่างสะดวกขึ้นจะดีกว่า…เสาร์อาทิตย์วันหยุดจึงจะมาค้างกับพ่อแม่

แต่ก็คงเพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะเมื่อเช้านางพริ้งมารดา กระซิบกับเขาว่า

‘หิ้งกลับมาคราวนี้ แม่ดีใจมากรู้ไหม มีอะไรจะได้ช่วยกันรับมือกะพ่อเรา’

แม่ก็เหลือเกินจริงๆ อ่อนให้พ่อจนกลายเป็นคนดูเพชรพลอย เจียระไนอัญมณีเสมอด้วยสองสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก นายสันและนางเอี่ยมผู้ซื่อสัตย์ประจำบ้าน

 

นายหันแทบจะเหวี่ยงมือถือด้วยความไม่ได้ดั่งใจในทันที

เขานั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบกริบของยามค่ำ นางพริ้งนำเครื่องเพชรพลอยที่ลำเลียงออกมาเลือก เข้าตู้นิรภัยไปหมดแล้ว หากจิตใจก็พลอยไม่ผ่องแผ้วสักเท่าใดทั้งๆ ที่ดีใจอยู่เงียบๆ ตรงที่เพชรเม็ดนั้นรอดพ้นน้ำมือสามีผู้คิดจะนำไปขายเพื่อช่วยลูกค้าที่นางไม่ชอบหน้าทั้งแม่และลูก

“ไม่เข้าใจเลยว่าพ่อคิดยังไงถึงจะไปขอแหวนคืนจากหนูเย็น” นางกลับออกมายืนตรงหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งราวรูปปั้น แต่สมองกำลังทำงานเต็มที่ นางเองก็รู้ดี…ถึงอย่างไรก็ยังมีอีกหนึ่งคำถามทิ้งไว้ให้ต้องเลือก

‘หนูแสงจันทรากับลมเย็น อยากได้ใครเลือกได้เลยนะ’

แม้ว่าผู้รับอาสาไปล่อหลอกเพื่อให้ได้แหวนคืนมาจะกลายเป็นลมโชย

ทันใดนั้น นายหันก็หันกลับมาทำตาเขียวเข้าใส่

“ก็โง่อย่างแกไงล่ะ” ผู้มีอำนาจเด็ดขาดในบ้านส่งเสียง “โง่ดักดานตั้งแต่สาวจนแก่ ถึงได้แพ้ใครต่อใครกระทั่งไอ้เหินก็เห็นๆ”

“เหินมันเป็นยังไงถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาด่าว่ามันซะจัง” ผู้เป็นฝ่ายลูกคนเล็กขึ้นเสียง “ว่าแต่ว่า…ใครกันแน่ที่โง่…ใคร…หา..”

คราวนี้นางพริ้งเลือดขึ้นหน้าเลยเท้าสะเอว เพราะรู้ยิ่งกว่ารู้ว่าตนเองเป็นต่อ

ถ้าชายผู้นี้ไม่มีนาง ไม่มีนายสันนางเอี่ยมผู้แอบเข้าข้างสงสารนายผู้หญิง น้ำหน้าอย่างเจ้าหันน่ะหรือจะมีวันทำอัญมณีออกมาขายได้กำไรมากมายปานนี้

ครั้นได้ยินเสียงที่ตนเองคุ้นหูเป็นอย่างดียามมีปากเสียงกัน เขาก็เลยเงียบกริบ

“โง่…แล้วยังอวดฉลาด” นางพริ้งด่ากราดสืบไป “หนอย…ก็ให้แหวนถูกคนแล้ว ยังจะมีหน้าไปขอคืน…คืนมาแล้วจะเอาไปขายหรือให้ใคร…ชั้นรู้นะ…ก็ยังกะว่ามันจะมาช่วยอะไรตัวได้งั้นละ…เออ…จะประกาศให้รู้เดี๋ยวนี้เลยนะว่า อย่าได้ริอ่านไปขอแหวนคืนจากหนูเย็นเป็นอันขาด…ถ้ายังไม่ฟัง…ฉันนี่แหละเว้ย…จะไปหาตาชัด…คุยกับมันให้รู้เรื่อง”

นาทีนั้น อีกฝ่ายก็ได้แต่ตวัดสายตามามอง เห็นท่าทางนางพริ้งที่เคยเสียงอ่อนตามใจ ก็นึกขึ้นได้ว่า เงียบเสียจะดีกว่า

ก็เลยลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ที่เปิดแผ่วๆ แล้วเดินผ่านไป…พลางพึมพำ

“อยู่กับเสือสางก็ยังงี้ละ”

 

ขณะที่นายชัดกำลังช่วยคิดแทนคุณปรียาว่า ถ้าได้ที่ผืนนั้นไปแล้ว ควรจะจัดการอย่างไรจึงจะเกิดดอกออกผลได้ยั่งยืน พอจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไว้เลี้ยงชีพในบั้นปลาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณปรียาตัดสินใจปลูกสมุนไพรที่หาได้ยากเอาไว้ขาย เขาคงช่วยได้เต็มที่ เพราะเขาเองก็มีตำรายาโบราณเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัวมาโดยตลอดสามารถนำออกมาถ่ายทอดได้ทุกชนิด แม้แต่เครื่องยาที่ต้องซื้อหาจากแหล่งต่างประเทศ แต่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้นั้น ลมเย็นก็ติดต่อไว้ให้ทุกแห่ง

เขาจึงมีชื่อสมุนไพรไว้ให้เลือกทำยานับร้อยชนิด คัดเอาแต่ละชนิดที่รู้จักทำเลอันเป็นที่งอกงาม พร้อมด้วยส่วนผสมที่อาจอยู่ต่างแหล่งต่างที่แต่ต้องสดใหม่จึงจะใช้ได้เป็นผล

ลูกสองคนยังไม่กลับ นางยาใจขึ้นไปอาบน้ำ น้าเยี่ยมเยือนกำลังปิดครัวเข้าห้องส่วนตัวของตนเองที่อยู่ติดกัน แต่ไฟที่ห้องกลางยังคงเปิดสว่าง มีจำเพาะเจ้าของบ้านนั่งเปิดดวงคุณปรียาออกดูว่าดาวศุกร์เดินถึงไหนแล้ว ขณะที่วันเวลากำลังเดินหน้า

แต่ผู้ที่คอยเงินกำลังร้อนใจ แม้จะรู้ว่าได้แน่ แต่ก็ไม่อยากประมาท จึงเปิดดวงคุณปรียากับนางยาใจเทียบเคียงกันอีกครั้ง

30 คือดาวอังคารและมฤตยูที่ให้ร้ายนางยาใจ โดยลูกขับรถไปชน แต่สำหรับคุณปรียาย่อมผ่านพ้นไปได้ เพราะในดวงเดิมของคุณปรียามีดาวพฤหัส 5 เป็นลาภะ ธาตุดิน ครั้น30 เคลื่อนเข้าไปสมทบพร้อมดาวศุกร์ทับลัคน์ ก็กลับกลายเป็นอนันตโชคไปโดยมิคาดฝัน มิหนำซ้ำยังมีดาวพฤหัสจรเป็นเกษตรเป็นศุภะในราศีมีน เสาร์ 7 กุมเกตุอยู่มังกร เป็นเกษตรเล็งลัคนา

ที่เขาทายว่าราววันที่ 26 – 27 ก็น่าที่คุณปรียาจะได้เงินครบถ้วนไม่ตกหล่นนั้น ย่อมไม่มีทางคลาดเคลื่อนไปได้

ก็พอดีเสียงกริ่งดังรัวเชิงบอกกล่าว

นายชัดก็เลยช่วยกดรีโมทประตูให้

“หิว หิว หิว” เสียงลูกคนเล็กดังถี่ๆ ขณะกระโดดแผล็วลงจากรถของเหินที่ขับมาส่ง เพียงสองสามอึดใจ หนึ่งคู่ชู้ชื่นก็มายืนอยู่ตรงหน้า

ไฟสว่างกลางห้องฉายให้เห็นหน้าตาท่าทางอันหดหู่ห่อเหี่ยวของเหินผู้เคยกระปรี้กระเป่าด้วยชีวิตชีวาพร้อมด้วยน้ำเสียงหมดแรง “วันนี้ผมขอไม่ทานข้าวที่นี่นะฮะอา จะเลยกลับบ้านละครับ”



Don`t copy text!