ดาราอรุณ บทที่ 39 : บังเอิญรู้จักสู่คนรักในภายหน้า

ดาราอรุณ บทที่ 39 : บังเอิญรู้จักสู่คนรักในภายหน้า

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

นายชัดอดแปลกใจมิได้ที่ลัคนาของพันศรสถิตย์ราศีกรกฎ ราศีเดียวกับลมโชยพอดิบพอดี

ลมโชยผู้มีราหู 8 กุมลัคน์

ของเขามีราหูเล็งลัคน์

แต่เจ้าเรือนลัคน์ของฝ่ายชายคือจันทร์ 2 ไปอยู่กับเสาร์ 7 และมฤตยู 0 ที่ราศีธนูรวมกันเป็น 027

ชีวิตสุดแสนจะโศกเศร้าเหงาเงียบ

แต่ดาวศุกร์ 6 กลับกุมกันกับของลมโชยที่เรือนพิจิก แม้จะเป็นประคือตกต่ำก็ตาม หากก็ช่วยให้เจ้าชะตาผู้เกิดวันเสาร์ร่าเริงบันเทิงสุขตามไป เนื่องด้วยลมโชยเกิดวันจันทร์ วันเสาร์จึงเป็นวันศรีของหล่อน แม้เป็น ‘ศรี’ ที่เหลือเพียงครึ่งเดียวดวงเดียว ก็ยังดีกว่าไม่เหลือเลย

ถ้า…ถ้านะ…ผู้เป็นบิดานึกในใจ…ถ้าชายผู้นี้จะเข้ามามีสัมพันธ์กับลูกคนเล็กในวันหน้า

ดวงชะตาเขาก็ดูไม่น่ากลัวสักเท่าใด

ตัวเขาเองต่างหากที่ว้าเหว่ ถ้าไม่ได้อาศัยเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ที่ต่างก็มีฐานะความเป็นอยู่ตลอดจนความรู้วิชาการช่วยชีวิตเขาไว้ ชายผู้นี้ก็คงตกที่นั่งมีเคราะห์เรื่องความรักจนแทบจะหาคนมาครองคู่อยู่ด้วยกันยาวนานไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ท้ายที่สุด ชายผู้นี้จะใช่คู่ตัวจริงของลูกสาวเขาหรือไม่

แต่จะใช่หรือมิใช่ ถึงอย่างไร เขาเองก็ไม่เดือดร้อน

‘ถ้าจะต้องเลี้ยงมันไปจนตาย’

ในที่สุดผู้พยากรณ์ก็เอ่ยขึ้น

“ที่ทำงานคุณนี่ ผมว่าเป็นสำนักงานกฎหมายนะ…ไม่ทราบจะใช่ไหม…ถ้าไม่ใช่กฎหมายก็เป็นสำนักงานที่มีคนอยู่ด้วยกันหลายสาขา”

คราวนี้พันศรยิ้มๆ

“ตัวเลขบอกถึงขนาดนั้นเลยหรือฮะ”

“บอกซี…ไม่งั้นผมก็คงไม่ทราบเหมือนกัน” นักพยากรณ์พยักเพยิดพอใจความชัดเจนของดวงชะตาตรงหน้ามาก นับตั้งแต่ 8 ที่เล็งลัคน์เลยทีเดียว “ดวงคุณดูไม่ยาก ถ้าเป็นไปตามที่ผมบอก ก็ถือว่าเป็นดวงดีด้านการงาน แต่เสียด้านส่วนตัว…ซึ่งก็…มีคนเป็นแบบนี้กันมากเหมือนกัน…ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรทั้งสิ้น”

“ผมชินแล้วฮะ” เจ้าตัวยอมรับโดยดี “พอมีเงินเลี้ยงลูกชายก็เอาล่ะครับ”

“เรื่องนั้นน่ะไม่ต้องห่วง…ถึงไม่รวยมาก ก็พอมี”

เฮ้อ…ลมโชยได้ยินแว่วๆ ก็แสนจะเหนื่อยใจแทนชายผู้ที่หล่อนอุตสาห์ ‘หิ้ว’ มาถึงบ้านเหลือเกินแล้ว

แต่พ่อก็ยังดี…ยังปลอบใจ…ราวกับใครต่อใครก็จนเหมือนชายผู้นี้กันทั้งเมืองงั้นละ

หากแท้จริงแล้วนายชัดก็ยังชอบตัวเลขกลุ่มใหญ่ที่โยคหน้าในดวงของชายหนุ่มมากพอที่จะไม่นึกติเตียนความเป็น ‘ดวงแตก’ เพราะราหูเล็งลัคน์ของเขาสักเท่าใด รวมทั้งไม่กังวลเรื่องพุธกาลกิณีที่โยคหน้าในราศีกันย์ธาตุดินอีกด้วย เนื่องจากพุธนี้เองได้ช่วยให้เขาหลักแหลมคมคาย เชือดได้เชือดด้วยวาจาที่สุนทรีย์แต่ไม่มีเสียเปรียบพลาดพลั้งด้วยฤทธีของทั้งพุธและอังคารที่มีตำแหน่งเกษตรมหาอุจ อังคารมหาจักร อาทิตย์มูละกุมเกตุ

อีกประเดี๋ยวชายหนุ่มกลับไปแล้ว เขาก็จะบอกลูกสาวให้คบไว้

จะคบอย่าง ‘เพื่อน’ แค่นั้นก็ย่อมได้

แม้นดูดวงจรแล้ว…ก็มีหวังว่าทั้งคู่จะได้คู่

“เท่าที่พูดๆ มานี่ ผมยังไม่เห็นมีอะไรผิดเลยนะฮะ น่าแปลกมากที่แค่ตัวเลขไม่กี่ตัวก็บอกได้ว่าใครเป็นใคร คุณหมอต้องเรียนนานไหมครับ” ครั้นแล้วเขาก็ไต่ถามอย่างพิศวง “ผมไม่เคยดูหมอดูมาก่อนเลย…ถึงจะหย่าก็ไม่เคยไปถามว่าเพราะอะไรถึงเป็นยังงั้นยังงี้…คือ…ก็เชื่อความถึงที่สุดของเราน่ะฮะว่า ถ้าเกิดเหตุแบบนี้แล้ว มันก็ต้องลงเอยแบบนั้น”

“อย่าเรียกคุณหมอเลย…” อีกฝ่ายท้วงยิ้มๆ “ผมชื่อชัด เรียกชัดดีกว่า…ก็คือในดวงชะตาคนเรามันมีตัวเลขประจำที่ทางของมัน ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดแล้วไงคุณ…มันก็เหมือนแผนที่ที่เทวดาท่านเหน็บติดมากับผ้าอ้อมตั้งแต่วินาทีแรกที่หายใจได้อยู่แล้ว…ฉะนั้น เหล่ามนุษย์ที่มีวุฒิภาวะอยู่ข้างใน ก็เลยพยายามดึงเอามาเรียนรู้ว่ามันคืออะไร หมายความว่ายังไง โดยเทียบกับพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร…แม้แต่เงามืดคือพระราหูก็คือเงาของโลกก็ต้องพลอยดึงเอามาควบคู่ไปด้วยกัน…มันสนุกมากไงวิชานี้…เป็นวิทยาศาสตร์นะคุณ ทำเล่นไป ก็เหมือนคุณจบกฎหมายมาเป็นทนายความนี่แหละ”

คราวนี้พันศรยกหัวแม่มือให้ผู้พูดทันใดทันควัน

“โอ้โฮ…อะไรจะเป๊ะขนาดนี้ครับ ผมยังไม่ได้บอกสักคำว่าผมจบอะไร”

“จบกฎหมาย ผมว่านะ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ขอโทษด้วยละกัน อาจจะยังไม่เชี่ยวชาญพอ”

“ไม่มีอะไรต้องค้านเลยแม้แต่คำเดียวครับ…ผมให้เต็มร้อยตั้งแต่แรกเลย…เล่นเอาอยากเรียนโหราศาสตร์เลยล่ะฮะ”

“มาเรียนไหม ผมสอนให้”

อีกฝ่ายก็เลยหัวเราะจืดๆ

“คงไม่ไหวมังคับ ขอแค่หาคนรู้จักมาดูดีกว่า…เสียดายมากจริงๆ ครับที่อยู่ใกล้กันมากแต่ไม่เคยทราบเลย” พันศรว่าพลางเหลือบมองลมโชยก็แลเห็นแต่สีหน้าเฉยเมยไม่ตื่นไม่เต้นเร่าไม่เศร้าโศกน้ำตาไหลเหมือนชั่วโมงแรกพบเมื่อสักครู่

“เอาแค่พาคนมาดูละกัน” นายชัดก็เลยจบการสนทนา ด้วยเกรงสมองของลูกสาวจะกำลังหาเรื่องเดือดร้อน “พอดีวันนี้นัดกับลูกชายว่าจะพาเขาไปดูหนังน่ะฮะ…ก็เลยจะต้องกลับไปก่อน…วันหลังมาใหม่แน่นอนฮะ…จะพาพี่สาวมาด้วย”

ลมโชยก็เลยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ครั้นแล้วจึงเดินออกไปส่งถึงรถจนเขาขับจากไป ฝ่ายหล่อนเดินคอตกกับเข้ามา ก็แลเห็นเหินกับสวนสนกำลังคุยกันอย่างออกรส มีเปรียวนั่งฟัง หากก็หมั่นชำเรืองไปทางด้านไหนที่หิ้งกับลมเย็นยังคงนั่งอยู่ด้วยกันเพื่อวางแผนงานที่หมายมั่น

 

ภาพที่พบใหม่ก็เลยราวกับจี้แผลเก่าให้แสบร้อนขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว

เสียงสวนสนบอกเขา

“หนูมานี่หลายหนแล้ว ทำไมเพิ่งเจอพี่ล่ะคะ”

“ก็ผมไปทำงานทุกวันไง” อีกฝ่ายก็ดูท่าจะระรื่นชื่นบานขึ้นทันใดราวรากไม้ได้น้ำ

“พี่ทำงานที่ไหน”

เมื่อเขาบอก อีกฝ่ายก็ร้องเบาๆ

“อุ้ย หนูรู้จักดีเลย บริษัทนี้ขับรถผ่านตลอด…วันหลังหนูแวะหาพี่ก็ได้นะ”

เอ…แฮะ…นังนี่…ลมโชยรู้สึกเขม่นเข่นเขี้ยวหึงสาขึ้นมาอีกแล้วละซี…ชักจะเริ่มเสียดายเหินขึ้นมาครามครัน…เมื่อหิ้งเริ่มแสดงตัวตนว่าชักจะรำคาญหมั่นไส้น้องของนางในดวงใจอย่างออกนอกหน้าโดยไม่เกรงใจใคร ไม่ว่าพ่อแม่หรือน้าของหล่อน

นั่นก็คือ ที่ใดมีลมโชย ที่นั่นต้องไม่มีเขา

ดังนั้น ชั่วโมงนี้ จึงมีเพียงเปรียวกับสวนสนนั่งคุยกับนายชัดโดยเปรียวมาส่งข่าวเป็นระยะเรื่องมารดารวบรวมหุ้นสามัญได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เตรียมเลือกหุ้นตัวที่กำลังได้กำไรสืบไป…คิดว่าคงจะได้ครบก่อนสิ้นเดือนนี้แน่นอน

ต่างคนต่างกำลังรอคอยขยายธุรกิจสมุนไพรที่กำลังเจริญรุดหน้าสู่โลกกว้าง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชายหนุ่มผู้อยู่หลังบ้านจะมาเป็นพลังเดินเครื่องอย่างเต็มที่ ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจนี้ของนายชัดให้เติบโตใหญ่กล้า เป็น ‘แบรนด์ดัง’ ในอนาคตให้จงได้

หล่อนจึงประจักษ์แก่ใจแล้วตั้งแต่บัดนี้ว่า ชายหนุ่มผู้พี่ ‘ไม่เล่นด้วย’

หนุ่มผู้น้องก็เข็ดหลาบ

ครั้นแล้ววันนี้ ก็ยังมีนางอะไรมายิ้มหัวยั่วเย้าอยู่ต่อหน้า เหมือนมาเติมเชื้อเพลิงแห่งความพาลให้ลุกฮือ

หลังจากส่งพันศรที่หน้าประตู เจ้าตัวจึงเดินกะฟัดกะเฟียดผ่านหน้าทุกคนไปขึ้นบันได ปิดประตูดังโครมใหญ่ กระเทือนเลื่อนลั่นไปถึงไหนๆ

สวนสนจึงได้แต่มองตาเปรียวกับเหิน พร้อมพึงทำ

“พี่เขาคงไม่พอใจคุณนั่น”

นายชัดก็เลยปิดสมุดดวงอย่างคนทำใจได้

เพราะเขาด้วยทีเดียวที่ไม่ปรามลูกตั้งแต่ต้น เนื่องด้วยมัวไปคิดถึงตัวเลขในดวงมากไป อีกอย่างก็เพราะเคยเห็นดวงชะตาที่ถูกคนตามใจมามากแล้ว…จึงทำใจได้ว่ามันก็ต้องเป็นไปตามนั้นละ คือเป็นคนเอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้ง ไม่เคยคิดถึงใจของคนอื่น

ก็พอดีเสียงกริ่งดัง ลูกค้าเลือกที่จองไว้มาถึงแล้ว

นายชัดก็เลยลุกขึ้น พลางบอกทั้งสามที่ยังคงนั่งคุยกัน

“อย่าเพิ่งรีบกลับนะคุณเปรียว ถ้าไม่มีธุระก็นั่งไปก่อน”

ขณะที่เอ่ยปากดังนั้น เขาก็แค่ยิ้มนิดๆ ในหน้าเมื่อแลเห็นเหิน ‘เริ่มติดลม’

ได้ยินทั้งคู่นัดกัน โดยเหินเอ่ยขึ้นว่า

“พรุ่งนี้ เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า เลี้ยงใหญ่ตามสัญญาที่บอกว่าถ้าใครพบตัวโชย จะเลี้ยงไงฮะ”

นายชัดจำดวงเหินได้แม่นยำ แต่ดวงสวนสนยังไม่สู้จะสนใจ รู้แต่ว่าพฤหัส 5  กุมลัคนาราศีพฤษภ อาทิตย์ 1 ศุกร์ 6 โยคหลังอยู่ราศีมีน

แค่นี้ก็ดีใจแทนเหินแล้วถ้า…ถ้าคู่นี้จะเริ่มไต่เต้าจากบังเอิญรู้จักไปจนถึงคนรักกันในภายหน้า

“หนูช่วยออกก็ได้นะ” อีกฝ่ายยิ้มๆ พน้อมเอ่ยทีเล่นทีจริง

“ไม่ต้อง ผมยังมี ถ้าไม่มีก็…”

“ขอแม่” หญิงสาวดักคอ

“มันก็…แค่นั้นล่ะฮะ…ไม่มีอะไรมาก ก็ผมมันคนไม่มีอะไรติดตัวนี่นา…ไม่มีปริญญาโทเมืองนอกอย่างพี่หิ้ง”

“หนูก็ไม่มี มีแค่ปริญญาเดียว ศิลปศาสตร์ เอกภาษาฝรั่งเศส ซึ่งก็ไม่แน่ ถ้าไม่มีงานที่ดีที่พอใจ หนูก็เรียน ป.โทต่อสาขาการแปลและล่าม”

เหินก็เลยยกนิ้วให้



Don`t copy text!