ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 10 : จันทราสีเลือด (6)

ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 10 : จันทราสีเลือด (6)

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co

แต่แล้วเขาก็กลับประหลาดใจ เมื่อพบว่าในอาศรมท่านรุธี มีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ เรือนร่างสมบูรณ์งามอาศัยอยู่ และทำท่าทางโอ่อ่าประหนึ่งเจ้าของที่พำนักเสียเอง หากที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า ก็เมื่อบุรุษผู้นั้นปลดผ้าโพกศีรษะและผ้าคลุมหน้าออก…กลับปรากฏเป็นดวงหน้าดุจเดียวกับเจ้าชายกัษษกรมิผิดเพี้ยน

‘เจ้าชายรัตตกร…’ ฤๅษีเฒ่าครางแล้วรีบอุดปากตนเอง ฉับพลันภาพ ‘ไอ้มืด’ ก็ฉายวาบขึ้นมาในใจ

ใช่…ระยะหลังแทบไม่มีใครพบหน้าไอ้มืดอีกแล้ว แต่ด้วยมันเป็นคนสันโดษไม่ยุ่งกับใคร หายหน้าไปก็แทบไม่มีคนใส่ใจนำพา…และไอ้มืดก็มักปิดบังดวงหน้าจนเหลือเพียงตาเช่นนี้แล

เมื่อนั้น สุกกทันตฤๅษีก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้รวดเร็วและเล็งเห็นภัยที่จะตามมา จึงรีบส่งสารลับไปแจ้งเจ้าชายกัษษกรให้ปล่อยข่าวลือว่าพระฤๅษีออกเดินทางสู่แดนเหนือตามคำเชิญของวาสุเทพฤๅษีเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้อีกฝ่ายตายใจว่าเจ้าชายจักไร้พระอาจารย์ป้องกันภัย

ซึ่งหากว่ากันตามจริงแล้ว เขาก็มิได้เป็นเกราะปกป้องคุ้มภัยเจ้าชายได้มากมายดังที่คนคาดคิด ลูกศิษย์ของเขามีบุญญาบารมี มีสติปัญญา และมีคุณความดีเป็นเกราะป้องกันพระองค์ได้อย่างดีเป็นทุนเดิม พระอาจารย์อย่างเขาเพียงแค่เสริมให้แข็งแรงขึ้นเท่านั้น

ครานั้นสุกกทันตะก็ยังไม่ทราบแน่ว่ารัตตกรวางแผนจะทำสิ่งใดแน่ แต่เชื่อว่าอย่างไรอนุชาแฝดก็ต้องหาหนทางมาพบพระเชษฐา จึงแจ้งเจ้าชายกัษษกรให้ทรงระมัดระวังและตื่นตัวอยู่เสมอ

“อย่างน้อยก็ทราบแน่ชัดข้อหนึ่งแล้วว่าเจ้าเขนน้อยต้องการปล้นราชบัลลังก์ของฝ่าบาท” เขาส่ายหน้าอย่างสังเวช “คงเตรียมการมานานนัก แม้แต่การได้เป็นคนโปรดของท่านรุธี อาจารย์ก็เชื่อว่าท่านจงใจ”

“เช่นนั้น…ก็อาจเป็นเขนน้อยนั้นแล ที่เป็นต้นเหตุให้ท่านรุธีล้มเจ็บ” เจ้าชายทรงเริ่มปะติดปะต่อได้รวดเร็ว “บางทีอาจทำไสยเวทใส่ทีละเล็กละน้อยให้มิผิดสังเกตเกินไป แล้วอาสาเป็นผู้ดูแลพยาบาลด้วยตนเอง ท่านรุธีเองก็คงจะรักใคร่เขนน้อยมากพอดูกระมัง ถึงขั้นฝากฝังไว้กับเจ้านายและขุนนางทั้งหลายให้เป็นตัวแทนของท่าน…ข้าได้ยินจากปากเขนน้อยเองว่ามีหลายฝ่ายต้องการกำจัดวาน้อย พวกเขาก็คงไปพบเขนน้อยที่เป็นตัวแทนของท่านรุธีเพื่อวางแผนกำจัดพระนาง หารู้ไม่ว่าแท้จริงเขนน้อยมิได้ประสงค์จะช่วยพวกเขาชิงอำนาจจากวาน้อยเลย เขาต้องการจะกำจัดข้าต่างหาก”

“เวลานี้เราไว้ใจใครมิได้เลยเจ้าข้า”

“แล้วยามนี้ท่านรุธีอยู่ที่ใดเล่า”

“ตำหนักเจ้าชายชนุดรเจ้าข้า องค์ชายทรงเรียกอาจารย์เข้าไปรักษาท่านรุธีนั้นแล อาการก็เริ่มดีขึ้น แต่ยังพูดไม่ได้มากเจ้าข้า จับใจความได้แต่เพียงว่า ท่านถ่ายทอดทุกศาสตร์วิชาให้…มืด…โดยมิหวงสักนิด มืดเป็นคนฉลาด สอนสิ่งใดไปก็เรียนรู้ว่องไว แล้วที่ท่านสังเกตได้อีกประการ…คือมืดมีวิชาแปลกๆ ของเขาติดตัวมาแต่แรกอยู่แล้ว แลน่าจักต่อยอดทดลองอาคมใหม่ๆ อีกหลายอย่าง…กระนั้นก็น่าเสียดายยิ่งนักที่ท่านรุธีพูดได้เท่านี้ เราจึงมิได้ทราบต่อว่าเขาทำอันใดท่านจริงหรือไม่ หรือมีแผนการอื่นใดอีก”

เจ้าชายกัษษกรเหลือบเนตรไปบนท้องนภา พระราหูค่อยคายจันทร์ออกทีละน้อย

“ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องรีบจัดการร่างเขนน้อยกันก่อน”

ทว่า ทันใดนั้น…

“เจ้า…พี่…เขน”

เสียงครางผะแผ่วจากร่างในห่อผ้าทำให้กัษษกรและพระฤๅษีสะดุ้ง

“ช่วย…ข้า ด้วย…ข้า…ไม่…อยาก ตาย”

“ไม่ตาย เขนน้อย พี่จะช่วยน้องเอง” ครั้นมองหน้าพระอาจารย์ พระศอก็ตีบตัน ด้วยรู้กันว่าหนทางช่างริบหรี่ ไม่มีโอกาสกระทั่งนั่งรักษาอย่างจริงจังเสียด้วยซ้ำ…

เพราะจักให้ใครรู้มิได้เป็นอันขาดว่าเจ้าชายอุปราชมีฝาแฝด!

เสียงโกลาหลอื้ออึงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาไม่มีทางเลือก รีบคลุมผ้าอีกชั้นบนใบหน้ารัตตกร พลางเหน็บชายผ้าไว้กับขอบเสื้อของร่างนั้นหลวมๆ

“อาจารย์จะอ้างกับทุกคนว่าร่างในห่อผ้าเป็นศพทาสที่ตายด้วยโรคระบาด เป็นกลที่ฝ่ายตรงข้ามจงใจเอามาปล่อยทิ้งในค่ายประทับเจ้าชายละโว้ คนจะได้ไม่ติดใจสงสัย ทั้งยังจักถอยห่างมิอยากเข้าใกล้”

เมื่อทหารองครักษ์กรูเข้ามาถึงและทูลเชิญเสด็จให้รีบเตรียมตั้งขบวนกลับนคร ทุกอย่างก็ราบรื่นเป็นไปตามที่พระฤๅษีคาดไว้ ไม่มีผู้ใดต้องการเฉียดใกล้ศพติดโรค ปล่อยให้ฤๅษีเฒ่าจัดการเองโดยปริยาย

คมิกที่เข้าร่วมสมรภูมิรบครานี้ รีบกลับมากราบทูลว่าละโว้ชนะศึกครานี้อย่างหมดจด เจ้าฟ้าสิทธิราชทรงเชือดพระศอสิ้นพระชนม์กลางสนามรบ และบัดนี้เจ้าหญิงชวาลาทรงกำลังเร่งจัดการเยียวยาความสูญเสีย พร้อมทั้งเตรียมชำระรักษาพระศพจอมทัพไตมาวและเจ้านครที่สิ้นพระชนม์ทุกพระองค์ รอเวลาถวายพระเพลิงให้สมพระเกียรติ

“องค์หญิงให้ฝ่าบาทประทับรอในขบวนเสด็จก่อน เมื่อพระนางสิ้นธุระการสงครามทั้งปวงแล้วจักทรงรีบตามไปสมทบเจ้าข้า”

“ข้าจะตามไปช่วยพระชายาของข้าเอง บัดนี้พอเดินเหินคล่องบ้างแล้วละ เจ้าจัดคนอำนวยความสะดวกให้พระอาจารย์จะดีกว่า”

เจ้าชายกัษษกรสบเนตรกับดาบสเฒ่าอย่างรู้กัน ก่อนจะผละจากกันไป สุกกทันตะก็ทูลกระซิบว่า

“เห็นทีคงต้องทิ้งร่างเจ้าเขนน้อยไว้สักเมืองหนึ่งที่ไม่ผิดสังเกต แต่มิว่าเป็นหรือตาย เราจักต้องหาวิธีถอนมนตร์ดำจากร่างเจ้าเขนน้อยออกให้ได้ ก่อนที่จักกลายเป็นภัยในภายหน้าเจ้าข้า”

 



Don`t copy text!