ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 19 : ขันทีชาวลัวะ (2)

ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 19 : ขันทีชาวลัวะ (2)

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co

“เอาเถิด น้องเข้าใจแล้ว” พระนางสบนัยนาคู่นั้น พยักพระพักตร์ “ยามนี้สถานการณ์ในละโว้อาจยังไม่มั่นคงเสียทีเดียว หากการณ์เป็นว่าอุปราชรามราชปรากฏองค์ขึ้นมากลางขบวนเสด็จเจ้าหญิงชวาลา จักยิ่งปั่นป่วนสั่นคลอนไปกันหมด น้องมิควรดึงดันให้เรื่องยุ่งยากผิดแผนการของเจ้าพี่ หากเจ้าพี่ประสงค์จักเป็นคนอื่นน้องก็จักยินยอมตามนั้น น้องเพียงแค่…ต้องหักห้ามใจ”

ชายผู้นั้นหน้าแดงก่ำ ลมหายใจติดขัด แววตาที่มองพระนางว้าวุ่นและสั่นไหว

โธ่เอ๋ย แล้วจักบอกว่ามิใช่เจ้าพี่เขนได้อย่างไร

“เช่นนี้เราจักทำเช่นไรกับไอ้คนเลี้ยงม้านั่นดีเล่าเพคะ” รับสั่งแกมเย้า “น้องมิใคร่ใจร้ายให้มันพอกหน้าด่างอย่างนั้นต่อไปแม้อีกอึดใจเดียว อีกทั้งจักให้คนเลี้ยงม้ามาอยู่ใกล้ชิดในสายตาได้อย่างไร”

ยังทรงจ้องนัยนาอีกฝ่ายมิหลบเลี่ยง “จักใส่ความว่ามันหนีไปด้วยทนความลำบากในขบวนเสด็จต่อไปมิไหวก็ช่างเสียศักดิ์ศรี มันสู้อุตส่าห์ทำความดีความชอบตั้งมากมาย ให้มันสมัครใจรักใคร่กับหญิงบ้านลัวะแก่งอุมหลุสักนางดีหรือไม่”

“ก็…ดี” ฝ่ายนั้นยังคงประหยัดถ้อยคำ “แต่ใครจะเชื่อ เจอกันวันเดียว มันดู…ใจง่ายไปหน่อย”

“วาจาฟังแปลกหูยิ่งนัก” ชวาลาเอียงศอ พินิจสวามีปากแข็ง “แล้วจักให้เจ้าพี่เป็นผู้ใดดีหนอ”

“ก่อนอื่นจงหยุดเรียกข้าว่าเจ้าพี่เสียก่อน มิเช่นนั้นท่านนั่นละจะทำเสียเรื่อง” เขาทำเสียงเข้ม “ข้ายังนึกไม่ออกว่าชายใดถึงจะรับใช้ใกล้ชิดท่านได้…นอกจากขันที”

“ขันที?”

ชายหนุ่มอ้ำอึ้งไปอึดใจ “ขันทีคือชายที่ถูกตัดความเป็นชายทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้แม้เป็นชายก็เหมือนมิใช่ชาย เอาไว้ดูแลรับใช้ราชสำนักฝ่ายในที่มีแต่สตรี”

“แปลกยิ่งนัก เป็นธรรมเนียมไชยาหรือกระไร เหตุใดน้องมิเคยได้ยินมาก่อน”

“มิใช่…เป็นธรรมเนียมของพวกชาวจีน…​เอ้อ…ข้าหมายถึงชาวถังน่ะ”

“อ้อ…เช่นนั้นเอง คลับคล้ายเคยได้ยินเหมือนกันเพคะ” นัยเนตรชวาลาเปล่งประกาย “ฟังดูเข้าทีนัก แต่จักทำให้ชาวละโว้หรือคนแดนเหนือเข้าใจได้อย่างไร ดูทีคงต้องยืมมือชาวลัวะอุมหลุเสียแล้ว”

“หมายความว่าท่านจะอ้างหัวหน้าเผ่าว่าเป็นผู้ถวายชายถูกตอนให้ขบวนจอมนางละโว้น่ะหรือ”

“เพคะ” พระนางแย้มสรวลกว้าง ปราโมทย์ยินดีสุดแสนที่หาทางออกให้พระสวามีปากแข็งได้เสียที “แต่เจ้าพี่อาจจำต้องอดทนแปลงโฉมพรางใบหน้าไปก่อน ถึงละโว้เมื่อไรน้องจักให้เจ้าพี่มีตัวตนให้ได้”

อีกฝ่ายนิ่งไป นัยเนตรซาบซึ้งใจจนพระนางประหลาดใจ

“น้องย่อมมิอยากให้เจ้าพี่ต้องทนอึดอัดไร้ตัวตนนี่เพคะ…ก็ได้ น้องจะยอมไม่เรียกว่าเจ้าพี่ก็แล้วกัน เช่นนั้นก็มิต้องกังวลแล้ว น้องจักหาข้ออ้างเรื่องชาวลัวะให้เอง แต่เรื่องนี้เราจำเป็นต้องเปิดเผยแก่คุณท้าวทั้งสองและขุนเจ้าขันติด้วยเพคะ”

“ตามใจ…ท่าน…เถิด” เขายังเอ่ยตะกุกตะกัก เจ้าหญิงชวาลาทอดพระเนตรอาการพยายามหักห้ามใจของฝ่ายแล้วจึงทรงอดรนทนมิไหว โผเข้ากอดภัสดาอีกครั้งด้วยความคะนึงหาสุดดวงหทัย

“ขอกอดอีกสักครั้งเถิด ก่อนท่านจะกลายเป็น…ขันที” พระนางซุกพักตร์ลงกับอุระดังเคยชินทุกครา ทว่าหนนี้ ทรงได้ยินเสียงหทัยอีกฝ่ายเต้นรัวแรงกว่าที่เคย

“ข้าบอกแล้วว่าข้ามิใช่…สวามีของท่าน” เขาพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ “มิคิดบ้างหรือ ว่าหากมิใช่เจ้าชายกัษษกร ก็เท่ากับท่านกำลังกอดชายอื่นอยู่”

เจ้าพี่รับสั่งแปลกประหลาดเกินไป…

“และก็เท่ากับข้ากำลังฉวยโอกาส…กับเมียผู้อื่น”

เจ้าหญิงชวาลาผละจากอ้อมกอดนั้นด้วยความพิศวง…ทรงจับสังเกตอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด

“เอาเถิด หากท่านประสงค์จะสวมบทบาทเช่นนี้ เราก็จะไม่ดื้อดึงอีกแล้ว” ชวาลายืดวรองค์ขึ้น เปลี่ยนคำเรียกขานเสียใหม่ “เช่นนั้นก็แต่งตัว แต่งหน้าเสียเถิด…พ่อขันที…มีนามว่ากระไร”

“รัญชน์…เรียกข้าว่ารัญชน์เถิด”



Don`t copy text!