ซ่อนรักในรอยกาล “นครลำพูน หริภุญไชย” : บทส่งท้าย

ซ่อนรักในรอยกาล “นครลำพูน หริภุญไชย” : บทส่งท้าย

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co

ราตรีนั้นเดือนเต็มดวงกลมโตทอแสงนวลกระจ่าง ตัดผืนนภามืดมิดอนธการ ไร้ม่านเมฆปกคลุม

ภิกษุชราจากเมืองรามออกเดินธุดงค์กลางความสงัดเงียบในพงไพร มีแสงเดือนสุกสว่างนำทาง

ปลายทางพระสมณะอยู่โพ้นฝั่งเขาสุวรรณบรรพต สถานที่แห่งความหลังครั้งอดีตไกลโพ้น…เขาใคร่ปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้ที่เอาชีวิตมาทิ้งในสงครามอันน่าสยดสยองนั้น

แม้ผ่านมาเนิ่นนาน หากยังติดค้างในหทัยเสมอมา แม้ผู้คนจักลืมเลือนไปหมดสิ้น

ลืมเลือนไปตามกาลเวลา…สัจธรรมจริงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หามีสิ่งใดจีรังยั่งยืน

ลืมเลือน…ไม่มีผู้ใดจดจำเจ้าชายกัษษกรแห่งไชยา อุปราชรามราชแห่งเมืองราม ราชบุตรละโว้ และกษัตริย์จันทรโชติวิชัยได้อีกแล้ว แม้พระสงฆ์ชราจากเมืองรามก็คงเลือนหายไปในสักวัน

พระสมณะชราคลี่ยิ้มอ่อนโยนสำรวม สองเท้าก้าวย่างมั่นคง สองแขนกระชับย่ามสะพายข้างไว้ให้แนบตัว พรานป่าผู้หนึ่งเตือนไว้

‘แม้เวลาราตรี พระคุณเจ้าก็ต้องฉันน้ำอย่าให้ขาด ในป่าดงพงไพรหาไว้ใจได้ไม่ หมดสติกลางทางมานักต่อนักแล’

เขายกน้ำจากย่ามขึ้นจิบพอให้ชุ่มคอ แล้ววางกลับเข้าไปในย่ามดังเดิม สองเท้าก้าวต่อ

“เจ้าพี่เขนหลวง…ไม่สิ พระคุณเจ้า ข้ามาลา”

เสียงนั้นลอยมาจากที่ไกล แต่ชัดเจนในโสตประสาท

“ถึงเวลาของโยมแล้ว หลังจากบำเพ็ญเพียรมาเนิ่นนาน” เขาพลอยอนุโมทนากับพระอนุชา

“เพลานี้มิใช่ราตรีราหูเสวยโลหิตพระจันทร์ ไปยามนี้ก็ดีแล้ว มิเช่นนั้นอาตมาจะนึกห่วง”

“ข้างบนนี้ไร้กาลเวลา” เขนน้อยยิ้มอ่อนโยน รัศมีสีขาวเจือทองพราวพร่าง “แต่พระคุณเจ้ากล่าวมิถูกเสียทีเดียว บนฟากฟ้าเบื้องหน้าพระคุณเจ้านี้เป็นเพียงคืนวันเพ็ญธรรมดาแต่พิเศษสักหน่อย เพราะจักเห็นจันทราดวงใหญ่ใกล้ชิดราวมือเอื้อมคว้าถึง แต่ในอีกฟากฟ้า จักเห็นจันทราเป็นเงาแดงหม่นสลัว…ประหนึ่งราหูเสวยโลหิตพระจันทร์นั้นแล”

“เพลานี้ไม่มีคำพยากรณ์ ไม่มีไสยมายาใดๆ อีกแล้ว โยมเขนน้อยจงเดินทางสู่โลกข้างหน้าโดยสวัสดิภาพเถิด…แล้วเราคงได้พบกัน”

“ข้าขออวยพรให้พระคุณเจ้าบรรลุธรรมในเส้นทางที่พระคุณเจ้าปรารถนาเถิด” ดวงจิตรัตตกรนอบน้อมทำความเคารพ “แล้วเราคงได้พบกัน”

เขนน้อยลอยห่างไปทีละน้อย คล้ายถูกดูดดึงกลืนหายไปในดวงแขกลมโตสุกสว่างดวงนั้น ฝาแฝดของเขาออกเดินทางไกลล่วงหน้าไปเสียแล้ว สักวัน…เขาจะตามไป

สองเท้าภิกษุชรายังก้าวต่อ แหงนหน้ามองจันทรามหึมาเบื้องหน้า อีกฟากฟ้าจันทราเป็นสีเลือดกระนั้นหรือ…

เขาเริ่มกระหายน้ำขึ้นมาอีกครั้ง พรานไพรผู้นั้นพูดถูก มิอาจประมาทราตรีกาลในพงไพรได้ นักบวชชราล้วงภาชนะดินเผาสีชมพูนวลขึ้นจิบน้ำอีกหน ครานี้ไม่นำกลับลงย่าม แต่ถือเอาไว้ตลอดทางแก้กระหาย

แสงจันทร์เข้มข้นยังเอิบอาบนักบวชตลอดทุกย่างก้าว…

 

แสงสว่างแยงตาจนต้องตื่น แววเสียงเอะอะดังมาแต่ไกล ในความรับรู้อันเลือนราง เขาพยายามเงี่ยหูฟัง

“เจอแล้ว พี่รัญชน์มานอนเมาอยู่ตรงนี้เอง โอย ตกใจแทบแย่ นึกว่าเมาตกน้ำตายไปแล้ว”

รัญชน์…พี่รัญชน์?

เขาพยายามขยับตัว

“พ่อคะ แม่คะ มาช่วยกันพาพี่รัญชน์กลับขึ้นบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง”

“ทำไมล่ะริน”

“ก็…พี่รัญชน์กอด ‘คนโทชมพู’ นั้นอยู่น่ะสิคะ ดันอุตริเอาออกมาใส่เหล้ากินซะได้ ไม่โดนผีของเก่าหลอกก็บุญเท่าไหร่แล้ว เฮ้อ…ท่าทางพี่จะเฮิร์ตมากๆ ยัยแยมนี่ก็เหลือเกิน ไม่รักก็ไม่บอกแต่แรก จะตกลงแต่งงานแล้วมาเทกันดื้อๆ แบบนี้ได้ไง”

พยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็น ได้กลิ่นสุราอวลจากตัวจนเกือบสำลัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกสามคนเข้ามาใกล้ หลายมือช่วยประคองพยุงร่างเขาให้ลุกขึ้น

ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งกับหญิงสาวหน้าตาเกลี้ยงเกลายืนจ้องมองเขาอยู่

ใคร…พวกเขาเป็นใครกัน

“รัญชน์เอ๋ยรัญชน์ อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก แม่ใจคอไม่ดีเลย” สตรีผู้นั้นโผเข้าสวมกอด ชายอีกคนและหญิงอ่อนวัยกว่าจึงเข้ามารุมกอดต่อแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

“พวกเรารักลูกนะ”

“รินก็รักพี่รัญชน์นะ”

ครั้นได้สติ เขาก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นทันใด ก้มลงมองร่างกายเนื้อตัวอย่างละเอียด

เป็นเรือนร่างสูงโปร่งงดงามแห่งวัยหนุ่ม ในภูษาอาภรณ์แปลกประหลาด

“คันฉ่อง ขอคันฉ่อง”

“คันฉ่อง?” หญิงสาวชื่อรินทวนคำ “พี่คงยังเมามาก อะ…กระจก”

นางล้วงคันฉ่องเล็กกระจ้อยออกมาจากผ้านุ่งแล้วยื่นส่งให้

เลือดในกายเขาพลันเย็นเยียบ…เพราะใบหน้าที่ปรากฏในคันฉ่องนั้นเป็นใบหน้าตนเอง

แต่เป็นตัวเขาเอง…ในวัยฉกรรจ์

“รัญชน์เป็นอะไรไปลูก ไปอาบน้ำก่อนไหม เดี๋ยวแม่ทำข้าวต้มให้กิน”

รัญชน์…รัญชน์อย่างนั้นหรือ

อดีตราชันพระภิกษุผู้ข้ามเวลาพลันหนาวเยือกตลอดสันหลัง เมื่อพบว่าตนเองได้ผ่านประตูกาลเข้ามาในโลกอนาคตข้างหน้า ในร่างของผู้ชายที่ชื่อ…รัญชน์

 

– จบบริบูรณ์ –

 

บรรณานุกรม

  • กิตติ วัฒนะมหาตม์. 2550. จอมนางหริภุญไชย. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์.
  • นิคม พรหมมาเทพย์. 2559. ลัวะล้านนาโลกาภิวัตน์. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงใหม่ : แมกซ์พริ้นติ้ง (มรดกล้านนา).
  • สงวน โชติสุขรัตน์. 2552. ตำนานเมืองเหนือ. พิมพ์ครั้งที่ 4. นนทบุรี : ศรีปัญญา.
  • สรัสวดี อ๋องสกุล. 2557. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : อมรินทร์.

 



Don`t copy text!