พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.1 : ไพ่ความรักของมนชิดา

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.1 : ไพ่ความรักของมนชิดา

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

 

ดวงศิริล้างไพ่พลางลอบสังเกตท่าทีของมนชิดา ทั้งที่เคยพูดว่าไม่เชื่อเรื่องโชคชะตามากกว่าสองมือตัวเอง ชอบส่งสายตาหมิ่นๆ เวลาเพื่อนพนักงานมาติดต่อขอคิวดูดวง ทั้งยังตั้งป้อมยืนฝั่งตรงข้ามกับเธอตลอด แต่น่าสงสัยเหลือเกินว่าเพราะอะไรคุณเธอถึงยอมกลืนน้ำลายตัวเองมาดูดวงกับเธอได้

ดวงตาสวยคมเย่อหยิ่งเผยแววไหวริก คนสวยเก่งสูญเสียความเยือกเย็นอย่างไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก หรือนางพญาจะกลายเป็นนกน้อยไปซะแล้ว

ใครกันนะ ผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของยัยตัวร้ายขนาดนี้ ดวงศิริสงสัยยิ่งนัก

หลังทำสมาธิกันครู่หนึ่ง คำถามแรกของลูกดวงก็เริ่มว่า

“ตัวตนจริงๆ ของเขาเป็นคนยังไงเหรอ เป็นแบบที่ฉันรู้จักหรือเปล่า”

ถามแบบนี้แสดงว่าเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ดวงศิริประเมินในใจ แต่ทั้งที่เพิ่งรู้จักกลับทำให้หญิงสาวหวั่นไหวได้ขนาดนี้ ท่าทางจะไม่ธรรมดา

เปิดไพ่ได้พระราชาถือถ้วย แปดถ้วย และสิบเหรียญ

“เขาเป็นคนจิตใจดี มั่นคง เป็นคนถนัดงานศิลปะที่ต้องใช้ฝีมือ ใช้สมาธิอะไรพวกนี้ แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ใจดีด้วย เป็นไง ตรงอย่างที่เธอคิดไหม”

มนชิดาไม่ตอบ แต่สีชมพูเรื่อที่ระบายขึ้นข้างแก้มก็ให้คำตอบได้เหมือนกัน

“แล้วมีโอกาสได้คบกันไหม”

แม่หมอขอสามใบ ได้มาเป็นห้าถ้วย แปดถ้วย และสองถ้วย

“โอกาสได้คบน่ะมี แต่ต้องข้ามผ่านใครบางคนให้ได้ก่อน เหมือนเขามีคนในใจนะ”

ดวงหน้าชมพูเรื่อเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันตา ดวงศิริเสริมว่า

“เขาดูมีปม ต้องผ่านมันให้ได้ก่อนถึงจะสมหวัง”

“เขามีแฟนแล้วเหรอ”

น้ำเสียงที่ถามอ่อนลงจนน่าเห็นใจ หมอดูสาวขอสามใบ ลุ้นไปด้วย

ราชินีถือถ้วย หกถ้วย และหนึ่งถ้วย

ดวงศิริถอนใจ โดยปกติถ้าถามถึงผู้ชายแล้วเปิดได้ราชินีถือถ้วย แปลว่าเขามีหญิงในดวงใจอยู่แล้ว

“เขามีคนที่ชอบ แต่ยังไม่ได้คบ ลักษณะเป็นผู้หญิงอายุอ่อนกว่า เป็นน้องสาวที่ผูกพันกันมานาน” หญิงสาวเพิ่มโทนเสียงให้สดใสขึ้นแทนการปลอบใจ “อย่าเพิ่งคิดมาก บอกแล้วไงว่าโอกาสได้คบยังมี”

“ต้องทำยังไงถึงจะได้คบล่ะ”

คนถามถามเหมือนยอมแพ้ไปแล้วครึ่งใจ ดวงศิริไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่เคยเห็นสาวคู่ปรับตรงหน้าดูเปราะบางขนาดนี้ ได้แต่พูดไปตามหน้าที่ว่า

“ขอเป็นคำแนะนำแล้วกันเนอะ”

พลิกเปิดอีกสามใบ ได้เดอะเวิลด์ เก้าถ้วย และราชินีถือเหรียญ

“พี่มิ่งบอกว่าอย่าคิดมาก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ”

“แค่นั้นเองเหรอ ไม่ต้องจัดการอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลยเหรอ”

ดวงศิริกลอกตา รำคาญคนชอบเอาชนะ อยากเรียกหาไม้เรียวมาตีเสียจริง

“คืออย่างนี้นะมายด์ ในสถานะคนคุยน่ะ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผู้ชายจะคุยกับใครอีกหรือเปล่า คุยกี่คนไม่สำคัญเลย ดูแลความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาให้ดีก็พอ แล้ววันหนึ่งเมื่อเขามั่นใจว่าอยู่กับเธอแล้วมีความสุขกว่าใครคนอื่น เขาจะเคลียร์ตัวเองให้ว่าง แล้วมาเลือกเธอเป็นตัวจริงเอง”

มนชิดายังไม่ยอมเชื่อโดยง่าย ถึงคำแนะนำจากแม่หมอสาวจะฟังดูสมเหตุสมผลมากก็ตาม ดวงศิริจิ้มลงที่ไพ่ราชินีถือเหรียญเมื่อครู่

“จำได้ไหมตอนเปิดไพ่ภาพรวม ควีนเหรียญขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วมาออกอีกทีตอนขอคำแนะนำ ไพ่ใบนี้เป็นคาแรกเตอร์ของเธอ พี่มิ่งก็บอกให้สบายๆ เป็นตัวเองนั่นแหละ”

อึดใจใหญ่กว่าแววสับสนปนหวั่นไหวจะจางไป มนชิดากลับมาเชิดหน้าคอแข็งเป็นคนเดิม แต่ก็ยังขอบคุณดวงศิริสำหรับการเปิดไพ่ดูดวงในคืนนี้

สิงโตกับลูกแก้วแอบฟังกันเงียบกริบ ทำตาโต อุทานอู้อ้าแบบไม่มีเสียงกันสองคน พอการดูดวงจบลง สองหนุ่มสาวก็สะดุ้งกลับหลังหัน ตั้งใจดูภาพยนตร์รีรันรอบดึกซะอย่างกับออกสอบ เคี้ยวขนม ดื่มน้ำหวาน เหมือนไม่ได้ยินเรื่องส่วนตัวของหัวหน้าเลยแม้แต่คำเดียว

 

การไปดูไซต์งานที่รีสอร์ตในจังหวัดเชียงใหม่มีข้อดีใหญ่หลวงอยู่ประการหนึ่งที่สิงโตกับลูกแก้วแสนจะปลาบปลื้ม นั่นคือ ดวงศิริกับมนชิดาลดกำแพงใจให้แก่กันแล้ว

แค่ลดเท่านั้น ยังไม่ต้อนรับให้เข้าโซนด้านใน และต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไปด้วย แต่เพียงเท่านี้สิงโตกับลูกแก้วก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก ทำงานคล่องตัวกว่าเดิม

วันนี้มนชิดากับดวงศิริมาประเมินหน้างานที่บ้านของลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงห้องนอนใหม่ ทั้งสองมาโดยรถยนต์ส่วนตัวของมนชิดา ขากลับหญิงสาวเจ้าของรถจึงอาสาไปส่งอย่างมีน้ำใจ

เมื่อเลี้ยวเข้าไปจอดส่งถึงหน้าประตูคอนโดฯ มนชิดาพูดขึ้นว่า

“เพิ่งรู้ว่าเธออยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีนี้”

เป็นสถานีเดียวกับที่ใกล้บ้านภูริส มนชิดาซ่อนความสุขใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย

ดวงศิริเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เธอแชตกับภูริสเพลินจนลืมดูว่าถึงคอนโดฯ แล้ว

“เธอเคยมาแถวนี้เหรอ”

“มาบ่อยอยู่”

“มาทำอะไรเหรอ”

“เรียนพิเศษน่ะ”

“เรียนพิเศษ” ดวงศิริทวนถาม ไม่ยักรู้ว่าแถวนี้มีสถาบันสอนพิเศษด้วย “เรียนอะไรน่ะ”

ฝ่ายคนขับขยับปากจะตอบ แต่พอดีมีรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองแล่นมาจอดต่อหลังเพื่อส่งผู้โดยสาร จึงเปลี่ยนเป็นพูดห้วนๆ ว่า

“รีบลงไปเถอะ”

มนชิดาเลี้ยวรถออกมาสู่ถนนแล้วคลายยิ้มสดใส ไหนๆ ได้มาส่งเพื่อนร่วมงานใกล้บ้านคุณครูแล้ว หากไม่แวะไปทักทายซะหน่อยคงเสียมารยาทแย่ หญิงสาวสรุปในใจพลางยิ้มรื่นเริง สาวพวงมาลัยกลับรถที่จุดกลับข้างหน้า

จริงอยู่ว่าคำทำนายไพ่ยิปซียังรบกวนใจเธอไม่น้อย

ใครกันนะ สาวน้อยคนนั้นที่ภูริสผูกพันและผูกใจให้ เธอไม่กล้าถามเขาตรงๆ แต่มาบ้านเขาตั้งหลายหนแล้วยังไม่เคยพบหญิงใดน่าสงสัย จึงตกลงกับตัวเองว่าเชื่อคำแนะนำที่ไพ่และดวงศิริบอกแล้วกัน

โฟกัสแค่ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร เธอก็จะขอดูแลเขาไปอย่างนี้ ขอเชื่อตามที่ดวงศิริอ่านไพ่ โอกาสได้คบยังมีนี่นา ไม่ใช่ว่าไม่มี

 

“อ้าว มายด์ มาได้ไงเนี่ย”

คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดาดูจะตกใจไม่น้อยที่ได้พบกันตอนฟ้ายังไม่มืด ลูกศิษย์สาวยิ้มกว้าง

“เลิกประชุมกับลูกค้าเร็วค่ะ ยังพอมีเวลาอีกพักใหญ่ก่อนขึ้นไลฟ์เลยแวะมาหาพี่ภู”

พอตามเขาเข้ามาข้างใน เห็นสภาพบ้านที่เหมือนผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว หญิงสาวก็ร้องอุทาน

“พี่ภูยุ่งอยู่เหรอ มายด์รบกวนหรือเปล่าคะ”

“พี่กำลังโละของที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาคน่ะ รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยจะไปออกค่ายสร้างเลยจะฝากไปด้วย บ้านก็เลยรกหน่อยนะ ค่อยๆ เดินล่ะ ระวังสะดุด”

มนชิดาปลดสายกระเป๋าลงจากบ่า วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะเล็ก “ให้มายด์ช่วยทำอะไรดีคะ”

ชายหนุ่มชะงักอย่างแปลกใจ เมื่อครู่นี้ดวงศิริก็แชตบอกเขาเหมือนกันว่าวันนี้เลิกงานเร็ว จะแวะมาหา แต่พอเขาบอกว่าวันนี้รื้อบ้านเก็บของไปบริจาค รุ่นน้องสาวก็บอกว่างั้นจะไม่รบกวนและกลับคอนโดฯ ไป

ต่างกับมนชิดาที่อาสาช่วยเขาเก็บของ เขายิ้มให้เธอนิดหนึ่ง ทั้งเกรงใจและรู้สึกขอบคุณ

“งั้นพี่คงต้องขอแรงมายด์หน่อยแล้วละ”

ของใช้และของตกแต่งที่ไม่ต้องการแล้ว เขาแยกไว้ทางหนึ่ง มนชิดาจัดเรียงลงกล่อง จดรายการว่ามีอะไรบ้างแล้วแปะหน้ากล่องไว้ ด้วยสองแรงแข็งขันงานเก็บบ้านจึงไม่น่าเบื่อจนเกินไป บ้านของภูริสก็ดูโล่งขึ้นจนแปลกตา

เหลือแค่จัดข้าวของกับเฟอร์นิเจอร์เข้าที่เดิม แต่มนชิดาเสนอว่า

“ไหนๆ เราก็รื้อของออกมาแล้ว ถือโอกาสนี้รีโนเวตซะเลยดีไหมคะ”

“บ้านพี่เริ่มทรุดโทรมแล้วเหรอ” เขาถามยิ้มๆ

“ไม่ใช่ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะพลางซับเหงื่อ “ก็มายด์เป็นอินทีเรียนี่นาเลยอยากทำบ้านให้พี่ภู ไม่ต้องทำอะไรเยอะค่ะ แค่ทาสี จัดวางเฟอร์นิเจอร์ใหม่ก็พอ”

หญิงสาวชวนเขาเข้าไปในห้องทำงาน

“อย่างผนังสีฟ้า น้ำเงิน ครามในห้องนี้ ตั้งใจใช้โทนสีนี้หรือเปล่าคะ พื้นบ้านพี่ภูเป็นลายไม้ เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นไม้ ทาผนังสีออกครีมจะเข้ากว่านะ ห้องจะสว่างขึ้น ชวนให้ทำงานขึ้นด้วยค่ะ แต่ถ้าพี่ภูชอบผนังโทนสีฟ้านี้จริงๆ ปูพรมหรือทำพื้นให้ออกขาวหน่อยก็จะเข้ากันมากขึ้น”

เขาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เดิมห้องนี้มีผนังสีขาวครีมอย่างที่มนชิดาว่า ผนังฟากหนึ่งสีฟ้า ฟากหนึ่งสีครามในทุกวันนี้ก็มาจากเจ้าตัวแสบของเขานั่นละ

‘พี่ภูเกิดวันพฤหัสบดี สีบ้านที่ถูกโฉลกในเรื่องการงานคือ ฟ้า น้ำเงิน คราม’

‘แล้วไง’

‘ทาสีใหม่สิคะ รออะไร’

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องซื้อสีทาภายในสามถังพร้อมลูกกลิ้งมาทาเองในวันหนึ่ง โดยมีอินทีเรียดีไซเนอร์สาวคอยชี้นิ้วกำกับ

มนชิดาชวนเขาย้ายไปในห้องรับแขกบ้าง เงยหน้ามองข้างบน

“เพดานลายคลื่นน้ำริ้วฟ้าขาว พี่ภูอย่าโกรธนะ มายด์ว่ามันไม่ค่อยเข้ากับโฮมแกลเลอรีสักเท่าไร”

ภูริสหลุดขำ กระแอมนิดหนึ่ง จะโกรธทำไม เขาก็คิดเหมือนเธอนั่นแหละ แต่เสียงแจ๋วๆ ในวันวานของดวงศิริดังขึ้นในความทรงจำว่า

‘ลักขณาราศีมีน พี่ภูเป็นหนุ่มธาตุน้ำ ต้องวาดผนังรูปคลื่นน้ำพลิ้วไหวอย่างนี้แหละ จะได้ช่วยเคลื่อนพลังชี่’

‘ชี่อะไรล่ะ ดูแล้วเวียนหัวออก บ้านพี่ของเยอะ ขืนยังทำเพดานลายตาขนาดนี้ได้เป็นลมกันพอดี’

‘ทำเป็นแก่ไปได้น่ะพี่ภู วัยรุ่นเขาเรียกว่าสวยสะดุดตา’

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แขกไปใครมาต่างสะดุดตากับเพดานห้องรับแขกของเขาทั้งนั้น ทุกคนต่างบอกว่า ‘คุณภูนี่ติสต์จริงๆ’ แต่น้อยคนจะชมว่าสวย

เวลานี้มนชิดาขอตัวไปสตูดิโอเพื่อไลฟ์ขายเสื้อผ้าก่อน แล้วสลับวันหยุดกับเพื่อนนางแบบเพื่อมาช่วยภูริสจัดบ้านในช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเสาร์ ชายหนุ่มทำความสะอาดบ้านรอ อดตื่นเต้นเล็กๆ ไม่ได้ที่จะได้ปรับปรุงบ้านใหม่โดยฝีมืออินทีเรียดีไซเนอร์สาวคนสวย



Don`t copy text!