สาปแสงรัก บทที่ 21 : ความจริงเรื่องพ่อ

สาปแสงรัก บทที่ 21 : ความจริงเรื่องพ่อ

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

“น้องดาว…ระวังนะลูก” ดนัยเพ้อเสียงดังจนนวลดาราที่นอนเฝ้าไข้อยู่รีบลุกขึ้นไปจับมือพ่อของเธอไว้

ดนัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรีและได้รับการผ่าตัดทันทีหลังเกิดเหตุร้าย การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี พ่อของนวลดาราถูกย้ายออกจากห้องผู้ป่วยวิกฤติหลังการผ่าตัดมาอยู่ที่ห้องคนไข้พิเศษได้หนึ่งคืนแล้ว ดนัยรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังหลับๆ ตื่นๆ สะลึมสะลือฤทธิ์ยาแก้ปวด และเมื่อหลับลึกเขาก็จะเพ้อถึงลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

“พ่อคะ…น้องดาวอยู่นี่” นวลดาราจับมือพ่อแล้วพร่ำบอก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพ่อรักเธอแค่ไหน ตลอดเวลาที่พ่ออยู่ในห้องผ่าตัดเธอกลัวแต่ว่าจะไม่มีโอกาสบอกให้พ่อรู้ว่าเธอก็รักพ่อเช่นกัน เธอได้แต่ภาวนาขอให้พ่ออยู่รอดปลอดภัย อย่าได้มีอะไรพลิกผันอีกเลย เธออาจจะเสียคนรักไป ขออย่าให้เธอต้องเสียพ่อไปด้วยเลย

 

นวลดาราเฝ้าไข้อยู่จนสายพ่อของเธอก็ตื่นขึ้น เมื่อเห็นหน้าลูกสาว ดนัยก็ร้องไห้

“พ่อเจ็บมากหรือคะ” นวลดาราน้ำตาไหลไปกับพ่อ

“พ่อดีใจที่หนูปลอดภัย”

“พ่อ หนูขอโทษ พ่อไม่เคยทิ้งหนูเลยใช่ไหม หนูมาคิดทบทวนดู หนูจำได้แล้วในคืนเดือนดับเดือนเกิดของหนู พ่อก็มาช่วยหนูไว้หลายครั้งใช่ไหม ที่ผ่านมาหนูไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าพ่อมาหาหนู”

ดนัยพยักหน้าแทนคำตอบ

“แล้วทำไมพ่อถึงทิ้งหนูไป”

ดนัยอ้ำอึ้งไม่ตอบลูก แล้วเสียงของคุณมัทนาที่เข้ามาในห้องคนไข้ในจังหวะนั้นพอดีก็ดังขึ้น

“ก็เพราะพ่อของหนูเป็นคนดี”

“ยาย…”

“คุณแม่” ดนัยพูดขึ้น

“นวล ยายจะเล่าให้หนูฟังว่าทำไมพ่อหนูถึงทิ้งหนูไป” คุณมัทนาเกริ่น

“ช่างมันเถอะครับคุณแม่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” ดนัยบอก

“ไม่ได้หรอกนะนัย ถึงเวลาที่นวลดาราจะต้องรู้ความจริง และเลิกเกลียดชังพ่อของตัวเองเสียที” คุณมัทนาบอกแล้วก็หันมาพูดกับนวลดารา “เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดของตากับยาย เรื่องการตายของมนัส”

นวลดาราแปลกใจว่าน้ามนัสน้าชายของเธอมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ เท่าที่เธอรู้จากตายาย น้ามนัสน้องชายคนเดียวของแม่ตายเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังอยู่ในท้องแม่ หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ผู้เป็นยายก็เล่าต่อไป

“ตากับยายบอกหนูว่าน้ามนัสตายเพราะอุบัติเหตุ แต่ความจริงแล้วมนัสถูกแทงตาย ทุกคนเข้าใจว่าพ่อของหนูแทงมนัสตายเพราะมนัสจับได้ว่าพ่อของหนูขโมยเครื่องปั้นดินเผาที่ตาทำไปขาย พ่อหนูก็สารภาพแบบนั้น ตายายโกรธแค้นมาก แต่จะเล่าให้แม่หนูฟังก็ไม่ได้เพราะนงพงาสุขภาพอ่อนแอ หัวใจก็ไม่แข็งแรง ถ้ารู้ว่าสามีฆ่าน้องจะรับได้ยังไง พอพ่อหนูมอบตัว ตากับยายเลยโกหกแม่หนูว่าพ่อหนูทิ้งไปเพราะไปติดผู้หญิง”

“แต่พ่อไม่ได้ฆ่าน้ามนัสใช่ไหมคะ” นวลดาราถามพ่อ

“พ่อทำจริงๆ ลูก” ดนัยบอก

“แต่ความจริงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ” คุณมัทนาบอกหลานสาวแล้วขยายความต่อไป

“ความจริงคือคนที่ขโมยเครื่องปั้นดินเผาไปขายน่ะคือลูกชายของยายเอง พ่อของหนูไปพบมนัสกำลังขโมยของ พ่อหนูเข้าไปห้าม มนัสก็ชักมีดออกมาหวังจะทำร้ายดนัย ถ้าพ่อหนูไม่แทงน้า น้าของหนูก็คงเป็นคนฆ่าพ่อของหนูแทน”

“พอเถอะครับคุณแม่ ยังไงผมก็เป็นคนฆ่ามนัส” ดนัยบอก

“อย่าห้ามแม่เลยนัย แม่กับพ่อทำผิดกับเธอสองพ่อลูกมามากพอแล้ว ขอให้แม่ได้แก้ไขมันเถอะ…”

แล้วคุณมัทนาก็เล่าให้หลานสาวฟังต่อไปว่า “ตารู้ความจริงเมื่อตรวจพบว่าแจกันดินเผาใบที่เขารักที่สุดถูกทำปลอม เขาสืบหาจนรู้ว่าใครเป็นคนทำแจกันปลอม คนทำบอกว่าเด็กวัยรุ่นสองคนมาจ้างเขาเมื่อสิบห้าปีก่อน พอสืบไปสืบมาก็ไปเจอตัวเพื่อนมนัสที่ร่วมกันขโมยของ นายนั่นสารภาพว่าเขาร่วมกับมนัสทั้งขโมยของไปและทำของปลอมมาเปลี่ยนไว้แทน แล้วนายนั่นก็ยืนยันว่าความจริงในคืนนั้นเป็นยังไง เพราะเขาเป็นคนดูต้นทาง จึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง…เธอทำอย่างนี้ทำไมนะนัย ถ้าเธอบอกความจริงว่าเธอป้องกันตัว ไม่ได้เจตนาฆ่ามนัส พ่อกับแม่ก็ต้องช่วยเธอ”

“ไหนๆ ผมก็ทำผิดไปแล้ว ให้ผมผิดคนเดียวดีกว่าที่ครอบครัวของนงจะต้องมามีเรื่องอื้อฉาว แค่ที่คุณพ่อคุณแม่เมตตาให้คนไม่มีพ่อมีแม่อย่างผมได้แต่งงานอยู่กินกับนงพงาก็เป็นพระคุณกับผมมากแล้ว” ดนัยบอกน้ำตารื้น

“โธ่…เจ้านัยเอ๋ย พ่อกับแม่เลยกลายเป็นคนสร้างบาปให้หลาน ที่ยุให้เกลียดชังพ่อนี่น่ะ”

“ไม่ใช่ความผิดของยายคนเดียวหรอกค่ะ ยายบอกให้นวลเลิกเกลียดแล้ว แต่นวลไม่เชื่อเอง”

“ก็เราน่ะ มันรักแรงเกลียดแรงนักนี่ เอาไอ้เชื้อเกลียดนี่มาจากไหนก็ไม่รู้ พ่อแม่เราก็ไม่เห็นจะอาฆาตพยาบาทใคร”

“นิสัยที่ติดตัวมาแต่ชาติปางก่อนมั้งคะยาย แต่ชาตินี้นวลจะไม่เกลียดใครแล้ว น้องดาวไม่เกลียดพ่อแล้วนะคะ น้องดาวรักพ่อ” นวลดาราบอกพ่อของเธอที่รับฟังด้วยรอยยิ้ม

“ยอมให้เรียกน้องดาวได้แล้วรึ ตั้งแต่แม่เขาจากไป ยายนวลก็ไม่ยอมให้ใครเรียกชื่อนี้อีกเลยนะ”

“ก็แม่บอกว่าพ่อเป็นคนตั้งชื่อเล่นให้หนู พอใครเรียก หนูก็คิดถึงพ่อ”

“แม่คนปากแข็ง ปากบอกว่าเกลียด แต่ใจก็คิดถึงพ่อเขา ที่ไม่อยากให้ใครเรียกก็เพราะกลัวคิดถึงสินะ”

“ยายน่ะ รู้ทันหนูไปหมด…” นวลดาราซับน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตาแล้วหันมาพูดกับผู้เป็นพ่อ “เอ่อ พ่อคะ แล้วพ่อรู้ได้ยังไงว่าหนูโดนจับตัวมา”

“พูดแล้วมันก็เหลือเชื่อนะลูก เช้าวันนั้นน่ะ โมบายเซรามิกที่คุณอ้ายซื้อมาให้พ่อ มันตกแตก พ่อคิดว่าเป็นลางไม่ดี นึกเป็นห่วงหนูขึ้นมาก็เลยไปไหว้พระที่วัดที่พ่อเคยบวช แล้วก็เห็นหนูโดนจับตัวพอดี”

“คุณอ้าย…คุณอ้าย อานุภาพน่ะเหรอคะ”

“ใช่ลูก”

“พ่อรู้จักคุณอ้ายด้วยเหรอคะ”

“หลังจากพ้นโทษพ่อก็ไปทำงานเป็นคนขับรถที่บ้านคุณอ้าย ยี่สิบกว่าปีแล้วละลูก”

“จริงเหรอคะพ่อ” นวลดาราทั้งดีใจและแปลกใจ แต่ความรู้สึกนั้นก็คงอยู่เพียงครู่เดียว เมื่อคิดถึงคนรักหญิงสาวก็เศร้าใจ

“หนูรักคุณอ้ายใช่ไหมลูก คุณนุชเล่าให้พ่อฟัง” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าลูกสาว

“ค่ะ แต่หนูช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย” นวลดาราบอกเสียงเศร้า

“คุณอ้ายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ พ่อไม่เป็นไรแล้ว หนูไปดูอาการคุณอ้ายเถอะลูก ถ้าคุณอ้ายฟื้นขึ้นมาคงอยากเห็นหน้าหนูเป็นคนแรก จะได้ไปเรียนคุณประณตด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ พ่อหายมาอย่างนี้ท่านคงจะเป็นห่วง”

“แต่หนูเป็นห่วงพ่อ เดี๋ยวหนูโทรไปบอกคุณนุชก็ได้ค่ะ”

 

ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ นะคะว่าน้ารินจะเป็นพ่อของพี่นวล” อนุชกล่าวกับครอบครัวของเธอหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากการพูดคุยโทรศัพท์กับนวลดารา “ถ้าอย่างนั้นแม่ก็คงไม่รังเกียจพี่นวลแล้ว” อนุชกล่าวต่อไป

“นุช…” ประณตปรามลูกสาว

“ยายนุช แม่ไม่ได้รังเกียจนวลดารานะ พี่อ้ายรักใคร แม่ก็รัก แต่แม่เป็นห่วง” อาจารีกล่าวพลางมองดูหลานชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสายตาแสนเศร้า อานุภาพมีอาการดีขึ้นจึงได้ย้ายออกจากห้องฉุกเฉินมาอยู่ที่ห้องคนไข้พิเศษ แต่เขาก็ยังดูเหมือนคนนอนหลับไม่มีสัญญาณใดๆ บอกว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่

“นุชขอโทษนะคะแม่ นุชไม่ได้ตั้งใจจะว่าแม่” อนุชบอกแล้วยกมือไหว้ อาจารีพยักหน้ารับ ไม่ได้ถือสาลูกสาว

“เท่าที่นุชเล่าให้แม่ฟัง นวลดาราก็เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อเรื่องนี้เหมือนกันนี่นะ”

“นุชว่าพี่นวลก็คงเสียใจไม่น้อยไปกว่าพวกเราที่ช่วยอะไรพี่อ้ายไม่ได้ ทั้งๆ ที่พยายามมากขนาดนี้แล้ว”

“เมื่อพยายามทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น เราก็ต้องยอมรับ” ประณตบอก

“นุชเชื่อว่าพี่อ้ายต้องกลับมา ไม่แน่นะคะ พี่อ้ายอาจจะกำลังสืบค้นเรื่องในอดีตชาติอยู่ก็ได้ ถ้าพี่อ้ายสืบค้นจนพอใจแล้ว เขาก็คงจะกลับมาเอง”

คืนนั้นอนุชอาสามานอนเฝ้าอานุภาพที่โรงพยาบาล กลางดึกหญิงสาวรู้สึกเหมือนมีอะไรมาปลุกให้เธอรู้สึกตัวตื่น แรกที่ตื่นมาเธอยังงงงันว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วเธอก็ดีใจเป็นที่สุดเมื่อลุกขึ้นไปดูอาการของพี่ชายแล้วเห็นว่านิ้วมือของเขาขยับ



Don`t copy text!