การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 2 :  ความเศร้าในใจยามใบไม้เปลี่ยนสี

การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 2 : ความเศร้าในใจยามใบไม้เปลี่ยนสี

โดย : อลิสา กัลยา

อ่านเอา มี นิยายออนไลน์ ให้คุณได้อ่านเพลิดเพลิน มีคอลัมน์หลากหลายให้ได้เปิดโลก และ “การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง” เรื่องราวของคุณแม่ชาวไทยในโอซาก้าที่พบว่าลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกนี้มีเพียงหัวใจแค่ครึ่งดวง จะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมจนทำให้การเดินทางครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืม

…………………………………………………

-2-

 

สัปดาห์ถัดมา ฉันไปตรวจครรภ์อย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์แม่และเด็กแห่งจังหวัดโอซาก้า หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ‘โบะชิเซ็นเตอร์’ โรงพยาบาลนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของจังหวัดโอซาก้า ห่างจากบ้านฉันโดยรถยนต์ประมาณ ๓๐-๔๐ นาที ถือเป็นโรงพยาบาลเกี่ยวกับแม่และเด็กที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันไซ เราจึงได้เห็นคนไข้จากหลายจังหวัดรอบๆ โอซาก้าด้วย

แต่การจะได้รับการตรวจรักษาจากที่นี่ จำเป็นต้องมีจดหมายแนะนำตัวจากคลินิกหรือโรงพยาบาลอื่นเสียก่อน นอกจากเหตุฉุกเฉินแล้ว อยู่ๆ จะเดินเข้าไปเพื่อขอรักษาไม่ได้ ถือเป็นระบบที่ใช้กันทั่วไปในญี่ปุ่น โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ทั้งหลาย เหตุผลก็เพื่อกระจายความแออัดของคนไข้ หากรักษาที่คลินิกหรือโรงพยาบาลแถวบ้านได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาแออัดกันที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ

แน่นอนว่าด้วยความเป็นโรงพยาบาลระดับภูมิภาคย่อมเต็มไปด้วยคนไข้ อาจจะไม่เลวร้ายถึงขั้นต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมากดบัตรคิวเหมือนเมืองไทย แต่กว่าจะได้พบคุณหมอก็ต้องรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงทีเดียว

หลังจากยื่นเอกสารต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ทะเบียนคนไข้ที่ได้รับการตรวจครั้งแรก เจ้าหน้าที่พาฉันไปที่แผนกสูตินรีเวชซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก พอนั่งรอได้สักพัก พยาบาลก็เรียกชื่อฉัน ตอนแรกแอบดีใจว่า จะได้เจอสูตินรีแพทย์เร็วกว่าที่คิด แต่คุณหมอที่พยาบาลพาฉันไปกลับเป็นอายุรแพทย์

สมกับเป็นศูนย์แม่และเด็ก เพราะนอกจากจะได้รับการตรวจจากสูตินรีแพทย์แล้ว ยังมีอายุรแพทย์ที่คอยดูแลให้คำแนะนำในการดูแลครรภ์ เช่น วิธีป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น เบาหวานเฉียบพลันและครรภ์เป็นพิษ วิธีการออกกำลังกาย รวมไปถึงโภชนาการระหว่างครรภ์ แต่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่ไปฝากครรภ์ครั้งแรก นางพยาบาลจะเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ทั้งหมดแทน

คุณหมอโคบายาชิเป็นอายุรแพทย์ หน้าตาสะสวยออกไปทางน่ารัก ดวงตาโตกลมเหมือนตุ๊กตา แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตื่นใจมากกว่าความสวยของเธอ คือภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว ตอนฉันมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ฉันเข้าใจว่า อย่างน้อยหมอที่ญี่ปุ่นน่าจะพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง หลังจากได้ไปโรงพยาบาลมาหลายที่เวลาเจ็บไข้ ทำให้ค้นพบว่าสิ่งที่เคยคิด (ไปเอง) นั้นผิดถนัดไปมาก หมอโคบายาชิเป็นหมอคนแรกที่พูดอังกฤษได้ที่ฉันเจอ แถมภาษาอังกฤษของเธอยังดีมากๆ อีกด้วย อาจเป็นเพราะเธอพูดอังกฤษได้ ประกอบกับท่าทางเป็นกันเอง ดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไป ทำให้ฉันสนิทใจกับเธอมากกว่าสูตินรีแพทย์ที่รับผิดชอบเคสฉันเสียอีก

หมอโคบายาชิดูผลตรวจเลือดและเงยหน้าบอกว่า “ผลเลือดดูโอเคนะคะ เพียงแต่มีภาวะโลหิตจางนิดหน่อย เดี๋ยวหมอจะเขียนให้ว่าคุณแม่ควรกินอาหารอะไรบ้างเพื่อลดภาวะโลหิตจาง ถ้ายังจางอยู่มาก เดี๋ยวเวลาคลอดจะตกเลือดเอาได้” ว่าแล้วเธอก็หยิบปากกามาเขียนลิสต์อาหารต่างๆ ฉันนั่งมองเธอ พยักหน้าขึ้นลงว่าเข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่ในหัวแอบคิดชื่นชมความเชื่อว่า ‘ธรรมชาติ’ เป็นสิ่งดีที่สุดของคนญี่ปุ่นเสียไม่ได้

ตอนฝากครรภ์ครั้งแรกที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจกับสูตินรีแพทย์เสร็จ พยาบาลก็เข้ามาอธิบายการดูแลครรภ์ ฉันนึกว่าจะได้รับวิตามินต่างๆ มากินบำรุงครรภ์ แต่พยาบาลกลับบอกว่า “อุ๊ย ไม่ต้องกินวิตามินหรอกค่ะ แค่กินอาหารให้ครบทุกหมู่ ทุกมื้อก็เพียงพอแล้ว ยังไงร่างกายคนก็ดูดซับสารอาหารจากอาหารจริงๆ มากกว่าวิตามินนะคะ” ว่าแล้วเธอก็เริ่มลงมือเขียนลิสต์อาหารที่ดีสำหรับคนตั้งครรภ์

 

หลังจากพบหมอโคบายาชิเสร็จ ฉันต้องรออีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะได้เจอสูตินรีแพทย์

คราวนี้ไม่ต้องไปขึ้นขาหยั่งเพื่อตรวจทั่วไปเหมือนทุกครั้ง พยาบาลพาฉันไปยังห้องอัลตราซาวด์หัวใจเด็กแทน

พอเข้าไปในห้อง หมอผู้หญิงคนหนึ่งหันมาทักทายและแนะนำตัวกับฉัน เธอชื่อหมอคิโต้ ผู้จะคอยดูแลฉันและเด็กในท้องไปจนถึงวันคลอด

พอขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อย หมอคิโต้ก็ปิดไฟ หยิบเอาเจลมาทาทั่วท้องฉันก่อนจะเริ่มการตรวจจริงจัง ฉันไม่เคยได้รับการตรวจอัลตราซาวด์ที่ยาวนานขนาดนี้เลย หมอคิโต้ใช้แท่งเครื่องมือสำหรับอัลตราซาวด์ขยับวนไปรอบๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า มือซ้ายถืออุปกรณ์ มือขวาเคาะคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ตาจ้องไปยังจอมอนิเตอร์ข้างหน้า

สักพักมีหมอคนอีก ๓-๔ คนเดินเข้ามา เหล่าคุณหมอมองไปยังจอมอนิเตอร์อย่างเคร่งเครียดและจริงจัง ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงสนทนาของคุณหมอ ได้ยินแต่เสียงแอร์และเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นอยู่อย่างกระวนกระวาย

จากนั้นเราย้ายกันมาอยู่อีกห้องหนึ่ง บนโต๊ะมีหัวใจจำลองตั้งอยู่ตรงกลาง หมอคิโต้นั่งอยู่ตรงข้ามฉัน

ข้างๆ เธอเป็นศัลยแพทย์หัวใจเด็ก ชื่อคุณหมอคาวาตะ ผู้จะมามอบชีวิตใหม่ให้กับลูกในท้องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“จากการตรวจวันนี้ ความผิดปกติหัวใจของเด็กน่าจะเป็นแบบ Tricuspid Atresia คือหัวใจห้องขวาล่างเล็กผิดปกติ เพราะว่าไม่มีลิ้นหัวใจกั้นระหว่างห้องขวาบนกับขวาล่าง แต่ดันเป็นกำแพงขึ้นมาแทน”

สามีและแม่สามี หรือที่ฉันมักเรียกเธอว่า ‘โอก้าซัง’ ทำหน้าขมวดคิ้ว เดาได้ว่าไม่น่าจะเข้าใจที่คุณหมออธิบายสักเท่าไร ในขณะที่ตัวฉันเองได้หาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเอาไว้บ้างแล้ว

“แล้วมีทางรักษามั้ยคะ เด็กจะรอดมั้ย?” โอก้าซังกลั้นใจถาม เสียงของเธอสั่นเครือ

“ก็ต้องผ่าตัดครับ ปกติแนวทางการรักษาของโรคนี้คือการผ่าตัดสามขั้นตอน แต่ตอนนี้เราต้องรอให้เด็กคลอดมาก่อนถึงจะกำหนดแนวทางการผ่าตัดได้” หลังจากนั้นคุณหมอคาวาตะได้อธิบายคร่าวๆ ถึงการผ่าตัดทั้งหมด

“กำหนดคลอดยังเหมือนเดิมนะคะ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ เดี๋ยวพยาบาลจะอธิบายการเตรียมตัวคลอดที่นี่ และถ้าคุณแม่มีเวลาจะพาไปดูแผนกผู้ป่วยในโรคหัวใจเด็กด้วยค่ะ” คุณหมอคิโต้กล่าวขึ้นเพื่อจบบทสนทนา

กว่าจะเสร็จสิ้นสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดก็เกือบห้าโมงเย็น ออกมานอกโรงพยาบาล ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยตัวลงแล้ว ความมืดมาเยือนท้องฟ้าแห่งฤดูใบไม้ร่วง

ปกติแล้วฤดูนี้เป็นฤดูที่ฉันชอบที่สุด ด้วยว่าอากาศที่ไม่ร้อนไม่หนาวมากเกินไปนัก จะมีแค่ลมเย็นๆ พัดมาตอนเช้าและหัวค่ำเท่านั้น แต่บรรยากาศของใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนสีมาเป็นสีส้ม สีเหลือง ก่อนจะร่วงหล่นลงมาในเย็นวันนั้น กลับทำให้ความเศร้าภายในใจฉันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

Don`t copy text!