ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 15 : เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล (2)
โดย : พิมพ์อักษรา
ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co
และแล้วในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่ทรงกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์อยู่ในอ้อมกอดสวามี ก็พลันสะดุ้งถูกปลุกด้วยเสียงร้องเรียกอย่างเร่งร้อนมาจากหน้าห้องบรรทม
คุณท้าวปทุมวดีปราดเข้ามาทูลหน้าตาตื่น
“นายคนเลี้ยงม้าชาวรามนครผู้นั้นให้มาทูลแจ้งข่าวร้ายนี้ในราตรีนี้ให้จงได้เพคะ” พระพี่เลี้ยงกระสับกระส่าย “พวกมันเริ่มเปิดฉากลงมือแล้ว”
พระนางตรัสถามเสียงเบาหวิว “ต่อฝ่ายใด”
“ตำหนักมาสาแห่งพระอัครเทวีเพคะ”
“กับผู้ใด”
“เจ้าหญิงตีรณา” ปทุมวดีทอดถอนใจ “ทรงถูกพบว่าเสวยยาพิษจนสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ”
รอบกายเขามีแต่ม่านเมฆสีขาว เสมือนบางเบาหากหลายชั้นซับซ้อน ละม้ายถูกโอบล้อมด้วยรังไหม มีตัวเขาเสมือนดักแด้ ไอขาวนั้นโปร่งแสงพอให้สัมผัสได้รางเลือนว่าข้างนอกคืออนันตกาลอันเวิ้งว้าง
ผ่านเวลาไปเนิ่นนานเท่าไรก็สุดจะรู้ได้ กว่าเขาจะตระหนักได้ว่าตนเองติดอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘กรงขังกาลเวลา’ ดินแดนอันไร้ขอบเขต ไร้ห้วงเวลา ไร้รูปกายตัวตน ทว่ากลับจดจำเรื่องราวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ลืมตาดูโลกจวบจนลมหายใจสุดท้ายแห่งชีพได้ชัดเจนราวเพิ่งเกิดขึ้นขณะนั้น
เขาประมาทมนตรานุภาพแห่งคืนจันทราสีเลือดมากเกินไป คืนที่พลังไสยมารจักทรงอานุภาพรุนแรงกว่าครั้งใด…แรงเกินกว่าวิชาอาคมของเขาจักรับมือได้ กอปรกับพุทธานุภาพจากจิตเจ้าชายกัษษกรได้เป็นเกราะกำบังชั้นดีที่สะท้อนพลังไสยเวทกลับเข้าสู่ตัวเขาจน…ตาย
ตาย…ใช่ กายสังขารของเขาดับลงแล้ว หากแต่จิตกลับล่องลอยอยู่ในกรงขังกาลเวลา ตราบกระทั่งได้พบบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีหน้าตาเหมือนเขาทุกประการเดินโซซัดโซเซผ่านไป
รัตตกรพยายามร้องเรียกให้ชายผู้นั้นช่วย ทว่าอีกฝ่ายมิได้ยิน มองมิเห็น มิรับรู้การมีอยู่ของเขา เพียงแค่ชะงักแล้วเดินผ่านไปด้วยอาการมึนงง รัตตกรจึงเพียรสื่อสารทุกทาง กระทั่งค้นพบว่าตนสามารถเจรจาผ่านจิตเบื้องลึกของชายผู้นั้นยามหลับใหลได้
บุรุษผู้นั้นมีนามว่ารัญชน์ ข้ามเวลามาจากมิติอื่น พูดจาประหลาด ชีวิตในห้วงกาลของเขาก็แสนพิลึก แลมิสามารถรับรู้เข้าใจในโลกที่รัตตกรจากมาได้เลย อดีตฤๅษีจึงทดลองสื่อสารเขาในห้วงนิทรา และพบว่าทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นเริ่มพูดจาสื่อสาร ไปจนถึงเขียนอ่านภาษาในโลกนั้นได้กลมกลืนมากขึ้น
รัตตกรกำลังพยายามให้ฝ่ายนั้นได้ ‘เห็น’ และ ‘รับรู้’ ชีวิตอนุชาแฝดของเจ้าชายกัษษกรที่รัญชน์กำลังรับใช้แข็งขันด้วยความจงรักภักดี ทว่าดูราวกับชายหนุ่มจับสัญญาณได้ไม่เต็มที่นัก หรืออาจเพราะดวงจิตของรัญชน์กำลังหมกหมุ่นคร่ำเคร่งต่อสถานการณ์ตึงเครียดในละโว้ จนจิตมิได้เปิดรับการสื่อสารยามหลับใหลดังเดิม
ละโว้ตกอยู่ในอันตราย…หรือเรียกให้ถูกคือ เจ้าหญิงชวาลาทรงตกอยู่ในอันตราย อันเป็นสิ่งสุดท้ายที่รัตตกรคิดว่าจักเกิดขึ้นได้ มินับเรื่องที่พวกฝ่ายในทั้งหลายเป็นฝ่ายพลิกกระดานในเสี้ยวนาทีสุดท้ายคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด ก็เป็นสิ่งที่เขามิเคยเชื่อว่าจักเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ในยามมีชีวิต แม้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายศัตรูพระนางชวาลา หากก็เชื่อมั่นเสมอว่าพระนางไม่มีทางเพลี่ยงพล้ำได้ ด้วยทรงมีคุณสมบัติทุกประการที่ผู้ชนะทั้งหลายพึงมี เขาเองยังสนับสนุนพระนางในทางลับ เพราะสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มปรารถนา คือความพินาศของพระเชษฐาแฝดและการได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่กัษษกรได้พรากจากเขาไป
ทว่าสิ่งที่เที่ยงแท้ที่สุดกลับคือความไม่เที่ยงแท้ เพราะใครจักคาดคิดได้เล่าว่าทุกอย่างกลับตาลปัตรลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน…ตัวเขาตายตกไปอย่างง่ายดายโดยมิได้เห็นความฉิบหายของพระเชษฐาแฝด แลนอกจากกัษษกรจักมิถูกทำลายแล้ว เหตุการณ์กลับดำเนินไปในทางที่รัตตกรมิต้องการสักนิด เพราะชีวิตของเจ้าหญิงชวาลามิช้าคงดับสูญ
ไม่เหลือสิ่งใดทั้งนั้น…มีแต่ความวอดวายและ…ว่างเปล่าเดียวดาย
คืนหนึ่งรัตตกรสัมผัสได้ว่ารัญชน์พยายามส่งจิตสื่อสาร “ท่านเป็นใคร…ใช่เขนน้อยหรือไม่”
“ถูกแล้ว ข้าคือเขนน้อย ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าชายแห่งไชยาเช่นกัน”
อีกฝ่ายพยายามจับใจความกระท่อนกระแท่น “ข้ายังไม่เข้าใจ ท่านเคยเป็นเจ้าชาย หรือหมายความว่าท่านพยายามแย่งบัลลังก์พี่ชายจนถูกเนรเทศใช่ไหม แล้วเหตุใดท่านถึงอยู่ในสภาพนี้ได้ แต่เอาเถิด แล้วท่านต้องการสิ่งใด จะให้ข้าช่วยท่านฟื้นแล้วแย่งบัลลังก์จากเจ้าชายกัษษกรน่ะหรือ”
กลับกลายเป็นรัตตกรที่เป็นฝ่ายนิ่งไปเสียเอง…มิใช่เพียงด้วยคำถามว่าเขายังมีหวังฟื้นคืนชีพได้อีกหรือไม่ แต่กลับเป็นคำถามพื้นฐานที่สุดแต่กลับตอบได้ยากยิ่งว่าเขาต้องการสิ่งใด
ยังปรารถนาจักทำลายพระเชษฐาแฝดอีกหรือไม่
เหตุใดความโกรธแค้นชิงชังจึงเจือจางเบาบางจนแทบสัมผัสมิได้ ทั้งที่ยังระลึกจดจำได้แม่นยำว่าเคยรู้สึกเช่นไร
แล้วสัญญาณจากรัญชน์ก็กลับขาดหายเป็นห้วงๆ ตามแต่สภาวะจิตในแต่ละวัน
“รัญชน์…ปกป้ององค์หญิงชวาลาด้วยเถิด” เขาทำได้เพียงกระซิบกับจิตเบื้องลึกในห้วงนิทราของบุรุษปริศนา แม้ยังมองมิเห็นทางที่ชายประหลาดผู้นี้จะคลี่คลายวิกฤติการณ์ครานี้ได้
รัตตกรเห็นรัญชน์หารือกับฤๅษีเฒ่าอยู่บ่อยครั้ง สุกกทันตะเองก็มิได้นิ่งนอนใจ ส่งข่าวไปถึงวาสุเทพฤๅษีในแดนเหนือตั้งแต่เกิดเหตุยึดอำนาจขึ้น ทว่าผ่านไปหลายเดือนก็ยังคงไร้วี่แววจากสหายดาบส นับวันท่าทีทั้งคู่ก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้น พวกเขาคาดการณ์กันไว้แล้วว่าฝ่ายวงศ์จันทร์เสี้ยวและวงศ์เวหะจักต้องหันมาห้ำหั่นกันในที่สุด แต่มิคาดคิดว่าฝ่ายวงศ์เวหะจักชิงลงมือก่อนด้วยวิธีเหี้ยมโหดกับสตรีพิการไม่มีทางสู้อย่างเจ้าหญิงตีรณาได้ลงคอ
ยังมิทันพ้นปัจฉิมยามในราตรีนั้น รัญชน์ก็รีบตะลีตะลานแจ้งข่าวสุกกทันตฤๅษี
“มัณฑนาเทวีถูกคุมตัวไปจำตรุแล้วเจ้าข้า อีกไม่นานคงเกิดเรื่องใหญ่แน่เชียว”
รัตตกรรู้สึกราวขาดอากาศหายใจทั้งที่ปราศจากลมหายใจไปเสียนานแล้ว เขากลัวเหลือเกินว่าไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ จักสดับข่าวสิ้นแสงชวาลาได้ทุกเมื่อ
ทว่ากลับมิเป็นเช่นนั้น ด้วยเมื่อแสงรุ่งสางขึ้นฉาบฟ้า ดวงสุริยาพ้นเหลี่ยมเขาแลโค้งน้ำขึ้นกลางนภากาศไม่ทันไร เจ้าชายกัษษกรก็ทรงชิงลงมือด้วยการประกาศโองการต่อเจ้านายวงศ์เวหะเสียก่อน
ประกาศที่เหนือความคาดหมายพระอนุชาแฝดโดยสิ้นเชิง
“ข้า…อุปราชรามราช ราชบุตรอันชอบธรรมแห่งลวปุระ จักเลือกหนึ่งในสามพระนาง อันได้แก่ เจ้าหญิงบุณฑรา เจ้าหญิงทิพกฤตา และเจ้าหญิงวิมุทราขึ้นเป็นอัครชายาแทนเจ้าหญิงชวาลา อันหมายถึงจักดำรงตำแหน่งพระราชเทวีของของข้าในกาลข้างหน้า”
เช่นนี้ ทั้งสามฝ่ายก็จักหันไปรบรากันเอง ถ่วงเวลาให้กัษษกรรักษาพระชนม์ชวาลาเอาไว้ได้
“แลหากมีผู้ใดคิดแตะต้ององค์หญิงชวาลาแม้เพียงปลายเกศา ข้าจักมอบความตายให้มันผู้นั้น รวมถึงแก่ตัวข้าเอง เพื่อมิให้มีผู้ใดสืบราชสมบัติละโว้ได้อีก”
อู่ทอง จันเสน แลศรีเทพถึงคราปั่นป่วน จากที่เคยร่วมแรงร่วมใจต่อสู้ ‘พวกอื่น’ กันอย่างแข็งขัน ยามนี้เมล็ดพันธุ์แห่งความระแวงแคลงใจได้เติบโตแผ่ขยายจนอยู่ไม่สุขอีกต่อไป แม้ทราบดีว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึงเข้าสักวัน หากก็มิได้เตรียมใจว่าจักรวดเร็วเพียงนี้ แลมิได้คาดคิดว่าเจ้าอุปราชรามราชจักอาศัยสุญญากาศชั่วพริบตาพลิกขั้วต่อรองด้วยข้อเสนออันเด็ดขาดเช่นนี้ได้
ทุกอย่างจึงผิดแผนไปเสียหมด จากเดิมที่พวกเขาตั้งใจจักเอาชีวิตเจ้าหญิงชวาลาเข้าต่อรอง เพื่อบีบบังคับให้เจ้าชายทรงเลือกเจ้าหญิงสักพระนางในวงศ์ทวารวดีขึ้นเป็นเอกชายาแทน เจ้าอุปราชกลับทรงชิงเอาพระชนม์ของพระองค์เองเข้าเป็นตัวประกันเสียเองก่อน
เช่นนี้แต่ละฝ่ายจึงต้องปรับยุทธวิธีเสียใหม่ แลยังต้องระวังป้องกันการลอบสังหารกันอย่างแข็งขัน ด้วยต่างเป็นประจักษ์พยานอานุภาพความเหี้ยมโหดที่ทั้งสามฝ่ายร่วมกระทำต่อองค์หญิงใบ้ขาลีบเชื้อสายจันทร์เสี้ยวอย่างอุกอาจได้เป็นอย่างดี อันหมายถึงความเป็นไปได้ที่ฝ่ายตนก็อาจโดนโจมตีได้ทั้งในทางลับหรือทางแจ้ง
จากที่เคยพบปะกันสม่ำเสมอ ทุกฝ่ายพร้อมใจเก็บตัวเงียบ แม้ราชนิกุลผู้สนิทสนมรักใคร่กันดีอย่างเจ้าหญิงทิพกฤตาและเจ้าหญิงวิมุทราก็ทรงประดักประเดิดที่จะปรึกษาหารือหรือแสดงน้ำใจใดๆ ต่อกัน
พระมารดาเจ้าหญิงวิมุทรารับสั่งว่า “อย่าอุตริไปพบกันเชียว ประเดี๋ยวโดนยาสั่งจากทิพกฤตาขึ้นมา ตายมิทันรู้ตัวนะลูกเอ๋ย”
ขณะที่พระนางทวีติยาก็ทรงกำชับพระธิดาอย่างเข้มงวดเช่นกัน “เห็นนุ่มนิ่มไร้พิษสงเช่นนั้น ผู้ใดจักรู้ได้ วิมุทราอาจลุกขึ้นมาแทงอกเจ้าตายคาที่ขึ้นมาก็เป็นได้ ใช่ว่าพระนางมิหวังเป็นอัครชายาเสียเมื่อไร”
“หากพวกเราอู่ทองและศรีเทพร่วมมือกันเล่า”
“เหลวไหล” เจ้าหญิงทวีติยาโบกพระหัตถ์ท้วงทันใด “ตำแหน่งพระราชเทวีย่อมมีเพียงผู้เดียว สตรีอื่นอย่างดีก็ได้เป็นชายารองเท่านั้น เหมือนมฤติกากับพันธิสานั่นอย่างไรเล่า”
ตามลำดับสายสัมพันธ์เครือญาตินั้น เจ้าหญิงทวีติยาเป็นชาวอู่ทองและมีศักดิ์เป็นพระภคินี (1) ในพระเจ้าจักวัติวิราช เสกสมรสกับเจ้าชายอนล พระญาติชั้นกลางของจอมราชัน เช่นเดียวกับเจ้าชายชาวศรีเทพอย่างวิรามรผู้มีศักดิ์เป็นพระภาดา (2) แห่งราชา และเป็นพระปิตุลาของเจ้าหญิงวิมุทรา ต่างจากเจ้าหญิงพันธิสาจากจันเสน และเจ้าหญิงมฤติกาแห่งรักตมปุระที่ถูกส่งมาอภิเษกเป็นชายาของกษัตริย์ละโว้
“ไม่แน่หรอกหนาทิพกฤตา หากเจ้าพิชิตใจเจ้าอุปราชรามราชได้ เจ้าจักเป็นเจ้าหญิงในวงศ์เวหะนางแรกที่ดำรงตำแหน่งพระราชเทวีแทนพวกสายเลือดละโว้ดั้งเดิมนั้นแล”
ทิพกฤตาสดับดังนั้นพระทัยก็เต้นตึกตัก โลหิตสูบฉีดไปทั่ววรกาย หวนนึกถึงความอับอายเมื่อครั้งก้มลงอ้อนวอนขอความรักจากเจ้าชายกัษษกร เพียงนึกว่าจักต้องลงสนามเข้าไปแย่งชิงหัวใจบุรุษผู้เย็นชาเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง ก็พลันรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วกายา
พระมารดาก็ดูราวกับทรงทราบความในพระทัยธิดาเป็นอย่างดี จึงรับสั่งว่า
“ลืมเรื่องอดสูนั้นไปเสียเถิดลูกรัก จงระลึกไว้ว่าหนนี้เจ้ามิได้ทำเพื่อให้ได้ความรักจากรามราช แต่เจ้าทำเพื่ออำนาจราชศักดิ์ของตนเองและอู่ทองต่างหาก คิดได้เช่นนี้ ลูกจักทำได้ทุกสิ่งที่ปรารถนานั้นแล”
เจ้าหญิงทิพกฤตาจึงเชิดพระพักตร์ขึ้น กลับไปเข้าเฝ้าเจ้าชายกัษษกรอย่างแข็งขันแข่งกับราชนารีอีกสองพระนาง ทว่าเจ้าอุปราชกลับทรงหาเหตุเลี่ยงมิยอมให้เข้าพบสักครั้ง เป็นเช่นนี้อยู่นานหลายเดือน
เช่นนี้แล้วจักเลือกพระชายาจากคุณสมบัติข้อใดเล่า
ทั้งยังส่งชายเลี้ยงม้าหน้าด่างมาคอยควบคุมมิให้เล็ดลอดเข้าไปยุ่มย่ามกับพระนางชวาลาบนตำหนักเสียอีก…
ช่างหวงรักกันเหลือเกิน…
แต่เอาเถิด ให้ทิพกฤตาได้เป็นชายาเอกเสียก่อน จักกำจัดเจ้าหญิงชวาลาทิ้งตอนนั้นก็ยังมิสาย
ทว่าหากถึงยามนั้น ป่านนั้นกองทัพรักตมปุระก็อาจพร้อมเคลื่อนพลยาตรามาถึงแล้วก็เป็นได้
มีทางเดียวคือเจ้าอุปราชจักต้องเลือกพระชายาใหม่ให้เร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน เจ้าชายกัษษกรก็ทรงตระหนักดีว่ามิช้า ทั้งสามฝ่ายก็ต้องหันมาร่วมใจกันบีบให้พระองค์ตัดสินพระทัยเลือกพระชายาใหม่ตามที่ได้ทรงลั่นวาจาเอาไว้ แล้วชีวิตของชวาลาที่พระองค์เพียรพยายามประวิงเวลารักษาเอาไว้เล่า จักสัมฤทธิผลไปได้อีกนานหรือไม่
ทว่า ทางออกของพระองค์กลับเดินทางมาถึงยามรุ่งเช้าของวันอันแสนธรรมดาวันหนึ่ง ในรูปสาส์นในกระบอกไม้ไผ่แน่นหนามิดชิดขึ้นถวายต่อกษัตริย์ละโว้
สาส์นสำคัญจากวาสุเทพฤๅษี ที่จักเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล
เชิงอรรถ :
(1) พระภคินี หมายถึง ลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงของกษัตริย์และเจ้านาย ในกรณีนี้ เจ้าหญิงทวีติยามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าจักวัติวิราช
(2) พระภาดา หมายถึง ลูกพี่ลูกน้องผู้ชายของกษัตริย์และเจ้านาย ในกรณีนี้ เจ้าชายวิรามรมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าจักวัติวิราช
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 17 : ตะวันลับฟ้า ดาราพร่างพราย (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 17 : ตะวันลับฟ้า ดาราพร่างพราย (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 16 : สาส์นจากวาสุเทพฤาฤๅษี (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 16 : สาส์นจากวาสุเทพฤาษี (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 16 : สาส์นจากวาสุเทพฤาฤๅษี (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 15 : เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 15 : เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 14 : ดับแสงตะวัน (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 14 : ดับแสงตะวัน (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 14 : ดับแสงตะวัน (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 13 : ผู้ชนะศึกกลับบ้าน (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 13 : ผู้ชนะศึกกลับบ้าน (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 13 : ผู้ชนะศึกกลับบ้าน (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 12 : เขนน้อย (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 12 : เขนน้อย (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 11 : นิรนาม (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 11 : นิรนาม (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 11 : นิรนาม (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 10 : จันทราสีเลือด (6)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 10 : จันทราสีเลือด (5)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 10 : จันทราสีเลือด (4)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 9 : จันทราสีเลือด (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 9 : จันทราสีเลือด (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 9 : จันทราสีเลือด (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 8 : ศึกแรก (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 8 : ศึกแรก (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 8 : ศึกแรก (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 7 : จอมทัพหญิง (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 7 : จอมทัพหญิง (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 7 : จอมทัพหญิง (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 6 : ศึกนอกมิสู้ศึกใน (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 6 : ศึกนอกมิสู้ศึกใน (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 6 : ศึกนอกมิสู้ศึกใน (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 5 : คลื่นใต้น้ำ (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 5 : คลื่นใต้น้ำ (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 5 : คลื่นใต้น้ำ (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 4 : เจ้าชายแห่งไชยา (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 4 : เจ้าชายแห่งไชยา (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 4 : เจ้าชายแห่งไชยา (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 3 : เจ้าหญิงชาวทะเลใต้ (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 3 : เจ้าหญิงชาวทะเลใต้ (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 2 : เลือกคู่ (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 2 : เลือกคู่ (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 2 : เลือกคู่ (1)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 1 : อุปราชองค์ใหม่ (3)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 1 : อุปราชองค์ใหม่ (2)
- READ ซ่อนรักในรอยกาล "ลวปุระ ทวารวดี" บทที่ 1 : อุปราชองค์ใหม่ (1)