ผู้ปรีชาชาญนั้นผลิตเบียร์

ผู้ปรีชาชาญนั้นผลิตเบียร์

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาทั้งหมด บางเรื่องเป็นแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้ คือสาระและบันเทิง

ในกระบวนเครื่องดองของเมาทุกชนิดแล้ว เบียร์คือน้ำเมาชนิดแรกของโลกเลยทีเดียว ย้อนไปหลายพันปีที่แล้วในยุคอียิปต์และเมโสโปเตเมีย ปรากฏหลักฐานเป็นรายงานการบันทึกว่าจะแบ่งขนมปังและเบียร์ให้คนงานในปริมาณเท่าไหร่ต่อวันในยุคเมโสโปเตเมีย ชาวบาบิโลนเป็นชนชาติแรกที่ผลิตเบียร์ ขอแสดงความนับถืออย่างสูงที่ชนโบราณกลุ่มนี้ริเริ่มผลิตน้ำเมาขึ้นมาในโลกให้เมรัยชนได้เถิดเทิงเริงรื่นมาจนปัจจุบัน

ชาวบาบิโลนผลิตเบียร์เพื่อบวงสรวงบูชาเทพเจ้าในตอนแรก แต่คงบูชากันไปมาเลยแอบซดเข้าไปบ้างนั่นแหละถึงรู้รสชาติของเบียร์ว่าอร่อยมาก อย่ากระนั้นเลย เอาแบบสองเด้งดีกว่า เหมือนยาดมยี่ห้อหนึ่งคือทั้งดมและทาในหลอดเดียวกัน เลยหันมาทั้งดื่มทั้งบูชาในเวลาเดียวกัน ชาวบ้านร้านถิ่นชาวบาบิโลเนียจึงกินดื่มเบียร์อย่างครึกครื้นถึงขั้นเปิดร้านขายกันเลยทีเดียว ร้านขายเบียร์ยุคนั้นเรียกว่า  บิต สิการิ (Bit Sikari)

ส่วนยุคอียิปต์โบราณก็มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการแจกเบียร์วันละ 4 ลิตรให้คนงานสร้างพีระมิด ที่แท้พีระมิดสำเร็จได้ด้วยแรงงานเบียร์นี่เอง  นึกๆ แล้วอยากเกิดในยุคนั้นจริงๆ คงสำราญไม่น้อยที่พอทำงานเสร็จก็บิขนมปังแกล้มเบียร์อย่างสำราญพุง

นอกจากหลักฐานบันทึกการแจกเบียร์แก่คนงานไอยคุปต์แล้ว คาดว่าชาวอียิปต์โบราณคงนิยมชมชอบเบียร์อยู่ไม่น้อย เพราะลงทุนแกะสลักผนังอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเล่าเรื่องการผลิตเบียร์ จึงทำให้รู้ว่าเบียร์แบบไอยคุปต์นั้นทำมาจากการนำขนมปังข้าวบาร์เลย์มาป่นหยาบๆ แล้วผสมน้ำ จากนั้นปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปปิ้ง นำไปแช่น้ำหมักข้ามคืน พอแป้งขนมปังเริ่มบูดจะนำไปทำเบียร์ การดื่มเบียร์ของชาวอียิปต์ในยุคโบราณถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เพราะถูกยกให้เป็นเครื่องดื่มประจำชาติโดยดื่มคู่กับการกินอาหารแต่ละมื้อ และดื่มกันทั่วทุกตัวคนไม่เว้นแม้ลูกเล็กเด็กแดง

หันมามองชมรมคนรักการเมาฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ทั้งจีนและอินเดียต่างผลิตเบียร์กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จากนั้นการผลิตเบียร์ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกอารยธรรมโบราณ แม้แต่ชาวอินเดียนแดงเองยังผลิตเบียร์ดื่มกันก่อนที่โคลัมบัสจะจอดเรือเทียบฝั่งอเมริกาเสียอีก

ส่วนทางฝั่งยุโรปนั้นไม่ต้องพูดถึง ผลิตกันมาตั้งแต่ยุคกรีกโน่นแล้ว แม้แต่จอมปราชญ์อย่างเพลโตยังออกปากให้ลือลั่นมาจนทุกวันนี้ว่า

“He was a wise man who invented beer.” ผู้ปรีชาชาญนั้นผลิตเบียร์

แสดงว่าเพลโตเองก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันในเรื่องการกินดื่ม ถึงขั้นเปรยออกมาอย่างปลื้มเปรมเช่นนี้ แต่เมื่อพูดถึงการผลิตเบียร์ คนทั่วโลกมักนึกถึงเยอรมนีเป็นอันดับแรก จะว่าไปแล้วก็เข้าใจได้ว่าทำไม เพราะชาวบาวาเรียนคือต้นตำรับการผลิตเบียร์นั่นเอง เบียร์ตามตำรับของบาวาเรียนนั้นผลิตจากมอลต์และเรียกว่า Peor หรือ Bior จนเพี้ยนมาเป็นคำว่า Beer

ทุกศาสนาห้ามไม่ให้กินดื่มสิ่งมึนเมามากจนเกินควร ถือว่าเป็นบาปอย่างหนึ่ง แต่ต้นกำเนิดเบียร์ในเยอรมนีกลับตรงกันข้าม เพราะพระเป็นผู้ผลิตเบียร์เองเลย โดยใช้เบียร์เป็นตัวล่อให้คนหันมาศรัทธาในศาสนาด้วยซ้ำ นับว่าเป็นกุศโลบายที่ไม่เลวนัก

คงเพราะผลิตเบียร์อย่างเป็นล่ำเป็นสัน  คนเยอรมันเลยมีความเชื่อว่าเบียร์นั้นสะอาดกว่าน้ำ  วัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ผลิตเบียร์คือข้าวบาร์เลย์ โดยนำข้าวบาร์เลย์มาเพาะและอบแห้งทำเป็นธัญพืชมอลต์ แล้วนำมาผสมน้ำ จากนั้นปรุงแต่งรสชาติและกลิ่นด้วยดอกฮ็อพ (Hops) ที่ทำให้เกิดรสขม แล้วหมักรวมกับยีสต์ จะได้ของเหลวที่มีแอลกอฮอล์แล้วนำมากรองก็จะได้เบียร์ในที่สุด

เมื่อผลิตแล้วก็ต้องดื่มสินะ ในโซนประเทศเขตหนาวซึ่งมีหน้าหนาวยาวนานเกือบทั้งปี ชาวเยอรมันดื่มเบียร์กันจนแทบจะเรียกได้ว่าแทนน้ำอยู่แล้ว พอถึงช่วงฤดูร้อนไปจนถึงสิ้นการเก็บเกี่ยวพืชผล คือฤดูใบไม้ผลิไปถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ออกมานั่งดื่มเบียร์ในสวน แกล้มอาหารประเภทปิ้งย่าง ซึ่งไม่พ้นอาหารประจำชาติคือไส้กรอกนานาชนิด ฟังเพลงเพลินๆ คุยกันไปดื่มเบียร์ไป เมาหนักก็ผลักอกกันบ้างตามสมควร ต่อมากิจกรรมแบบนี้ได้รับความนิยมจนกลายเป็นเบียร์การ์เดนในที่สุด

เทศกาลแห่งการจัดเบียร์การ์เดนที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Octoberfest) โดยจะจัดปลายเดือนกันยายนของทุกปีที่เมืองมิวนิก (Munich) ประเทศเยอรมนี หนแรกที่ไปงานเบียร์เฟสติวัลในเมืองเล็กๆ ที่ตัวเองอาศัยอยู่ ถึงกับยืนมึนงงท่ามกลางเบียร์หลากชนิดหลายยี่ห้อละลานตา เวลาขอชิมเบียร์ คนเชียร์เบียร์จะถามว่าจะรับเบียร์แบบไหน จะชิมแบบลาเกอร์เบียร์ (Lager  beer) หรือเอล (Ale)

ลาเกอร์เบียร์ (Lager beer) และเอล (Ale) นั้นแตกต่างกันลิบลับทั้งกลวิธีการผลิตและการกลั่น ความแตกต่างระหว่างลาเกอร์เบียร์กับเบียร์เอลคือ ลาเกอร์เบียร์จะหมักโดยยีสต์ก้นถังในอุณหภูมิต่ำ ซึ่งเรียกกระบวนการหมักนี้ว่า Bottom fermentation ส่วนเอลจะหมักโดยยีสต์บริเวณด้านบนในถังที่อุณหภูมิอุ่นในระดับปานกลาง ซึ่งเรียกกระบวนการหมักแบบนี้ว่า Top fermentation

นอกจากแตกต่างในเรื่องการหมักแล้ว ยังแตกต่างกันในเรื่องของการเก็บอีกด้วย โดยที่ลาเกอร์เบียร์จะเก็บไว้หลายสัปดาห์ก่อนการบรรจุขวดวางขาย ส่วนเอลจะเก็บไว้เพียง 2-3 วันเท่านั้นก่อนบรรจุขวด และดีกรีของแอลกอฮอล์ในลาเกอร์เบียร์จะต่ำกว่าเอล แต่หากดื่มมากๆ ก็เมาได้เท่าเทียมกันนั่นเอง

การขายเบียร์ในอเมริกามีกฎหมายข้อบังคับหลายอย่าง เช่น ห้ามขายเบียร์และเหล้าในวันอาทิตย์ ซึ่งกฎนี้ยังบังคับใช้ในหลายรัฐ นอกจากนี้ยังห้ามถือขวดเบียร์หรือกระป๋องเบียร์เดินแกว่งไกวไปตามถนน เพราะถือว่าผิดกฎหมาย จะต้องหุ้มด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาลมิดชิดทุกครั้ง หรือแม้แต่การหิ้วเบียร์สักกระป๋องออกจากรถข้ามถนนไปบ้านเพื่อนยังต้องหาอะไรมาห่อ ไม่ให้เห็นขวดหรือกระป๋องเบียร์

หากตั้งเต็นท์ขายเบียร์ในงานเทศกาลต่างๆ เวลามีคนมาขอซื้อเบียร์สักแก้วต้องขอดูบัตรประจำตัวทุกคนและทุกครั้ง นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อเบียร์ห้ามถือเบียร์เดินไปกินนอกเต็นท์ เพราะถือเป็นกฎข้อบังคับตามกฎหมายอเมริกา

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการผลิตเบียร์ประเภทไหน ส่วนประกอบในการผลิตเบียร์มีส่วนประกอบหลักคือข้าวบาร์เลย์ที่นำมาเพาะและอบให้แห้ง น้ำ ซึ่งน่าแปลกที่ว่าน้ำที่ใช้ในการผลิตเบียร์แต่ละแห่งจะทำให้เบียร์มีรสชาติที่แตกต่างกัน แหล่งผลิตเบียร์และรับจ้างผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ของอเมริกาอยู่ที่วิสคอนซิน เพราะเชื่อกันว่าน้ำที่นั่นมีรสชาติดีกว่าที่อื่น

จากนั้นต้องจ้างคนที่มีอาชีพพิเศษที่เรียกว่า Brew Master ซึ่งพวกนี้จะควบคุมกระบวนการผลิตเพื่อควบคุมคุณภาพของเบียร์ได้อย่างตรงเป๊ะและถูกเผง แบบเดียวกับการจ้างคนดมน้ำหอมผลิตน้ำหอมเลยทีเดียว  เหล่าบรูว์มาสเตอร์มักไว้หนวดเครายาวเฟื้อยเหมือนกันหมดแทบทุกคน ปิดท้ายด้วยคำคมที่ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าหลุดปากออกมาตอนเมาหรือเปล่า แต่ฟังดูจริงใจสุดๆ ของดารารุ่นใหญ่ แจ็ก นิโคลสัน ว่า

“Beer, it’s the best damn drink in the world.” (เบียร์คือเครื่องดื่มที่ดีบรรลัยสุดๆ แล้วในโลกใบนี้)

Don`t copy text!