ไปโบสถ์แบบคนบาป

ไปโบสถ์แบบคนบาป

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

 

สมัยใช้ชีวิตล่องลอยตามประสานักข่าวสาวโสดที่เมืองไทยนั้น ฉันจัดอยู่ใน ‘หมู่มาร’ ขนานแท้ พอตกค่ำก็กินดื่มในบาร์และผับหลังเลิกงานทุกคืน บางทีติดลม โดนฝ่ายศิลป์ลากไปกินเหล้าหลังเที่ยงคืนแล้วร่ำเมรัยยืดยาวจนตีห้าหรือหนักกว่านั้นก็ย่ำรุ่งหกโมงเช้า พระออกมาเดินบิณฑบาตเป็นทิวแถวสว่างไสว

นางมารกับสหายฉ่ำเหล้าตั้งแต่ดึกยันเช้า ส่วนมากยึดเอาหน้าบ้านเพื่อนฝ่ายศิลป์ซึ่งเป็นห้องแถวนั่นแหละเป็นที่ดื่มกินอย่างสำราญหลังผับปิด เห็นสีเหลืองทองแว้บๆ ก็นึกถึงคำแม่สอนว่าให้หมั่นทำบุญสุนทาน รีบยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจบท่วมหัว เปล่งวาจาเยี่ยงพุทธศาสนิกชนออกไปเต็มเสียงว่า

“นิมนต์ค่ะท่าน”

ยกแก้วเหล้าพร้อมโซดาพรายฟองซู่ซ่าในมือขึ้นๆ ลงๆ พอพลพรรคเห็นว่าฉันเป็นคนมีศรัทธาในศาสนา เลยพร้อมใจกันถวายแก้วเหล้าในมืออย่างพร้อมเพรียงแก่พระสงฆ์รูปนั้น ซ้ำบางคนยังกล่าวถวายสังฆทานด้วยเสียงอ้อแอ้กำกับไปด้วยว่า

“ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย เอิ๊กกกก… ภัตตาหารกับของที่เป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ขอพระสงฆ์จงรับ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย… โอ้กกกก”

“ส า ธุ… อุ๊ๆๆๆๆ ”

เหล่าขี้เมาเปล่งเสียงประสานกันโหยหวน จนไอ้ตูบที่นั่งรอกินอะไรต่อมิอะไรแถวนั้นหอนผสมโรง ลืมตาอีกที หลวงพี่วิ่งจีวรปลิวหายไปไหนไม่รู้ ทิ้งให้พรรคพวกฉันอิ่มบุญกันถ้วนหน้า เห็นความเป็นคนมีศีลธรรมของฉันหรือยัง

ในอเมริกานี้มีศาสนาเป็นร้อยๆ พันๆ ศาสนา ทั่วทั้งปฐพีจึงมีทั้งวัดทั้งโบสถ์ทั้งสุเหร่าทั้งอาคารประกอบศาสนกิจมากมาย ตามศรัทธาของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาอาศัยประเทศนี้

เคยตามแม่สามีไปโบสถ์ตามประสาคนเห็นแก่กิน เพราะแกเอาอาหารมาล่อ บอกตรงๆ เลยว่าน่าเบื่อที่สุด เป็นโบสถ์โปรเตสแตนท์ที่เคร่งศาสนาอย่างสุดติ่ง หลังจากยอมให้แม่สามีลากไปไม่กี่หน ฉันก็โบกมือลาพระเยซูโดยสิ้นเชิง ครั้งสุดท้ายที่ไปโบสถ์คืองานศพแม่สามีนั่นเอง ถือเป็นการส่งแม่เป็นหนสุดท้ายก่อนลาจากกันอย่างถาวร

เคยไปโบสถ์คนผิวสี เพราะแม่เพื่อนสามีเกิดเบื่อโลกขึ้นมาเลยชิงตายไปเมื่อปีก่อน โอ้โฮ… พระเจ้า โบสถ์คนดำช่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก

ตอนที่ไปโบสถ์คนผิวสี ทั้งฉันและสามีแต่งชุดดำตามธรรมเนียมของงานศพ แต่พอไปถึงงานก็ตาโต ตกลงนี่มันงานศพหรืองานเลี้ยงชุดแฟนซีกันแน่ บางคนก็แต่งชุดดำนั่นแหละ แต่บางคนแต่งแบบ ‘ช่างมันฉันไม่แคร์’ ล่อแดงเถือกมาก็มี สีสันฉูดฉาดบาดต่อมหมวกไตอย่างร้ายกาจ แต่งสีสันเหมือนมางานประกวดนักร้องลูกทุ่ง ทั้งหมวกปีกกว้างทั้งสร้อยคอเฟอร์นิเจอร์เพียบ มองแล้วนึกว่ารถเข็นขายของเล่นลูกโป่งสติ๊กเกอร์แบบบ้านเรา

หากเทียบกับโบสถ์คนขาวที่เคยถูกแม่สามีลากไปล้างสมองแล้ว โบสถ์คนผิวสีแตกต่างราวฟ้ากับเหว เพราะที่นี่ทั้งร้องทั้งเต้นทั้งโบกมือมือไม้กระหึ่มโบสถ์ จนกลัวว่าคนตายอาจจะนึกสนุกลุกออกมาเต้นโบกมือกับเหล่าคอรัสด้วย

หลังจากร้องจนเหนื่อยหอบซี่โครงบานแล้ว ก็ตะโกน ‘ฮัลเลลูยา’ ลั่นๆ บางคนจิตใจอ่อนไหวน้ำตาไหลพรากอาบหน้า ป้าคนที่นั่งข้างๆ นอกจากน้ำตาไหลแล้ว ขี้มูกยังพาลไหลยืดอีกด้วย ฉันเห็นแล้วหัวเราะพรืดอย่างกลั้นไม่อยู่ท่ามกลางเสียงขรมถมเถฮัลเลลูยา

ยังไม่พอ… นอกจากร้องแล้วยังดิ้นเร่าเมามัน เขย่าก้นกอยกระเด้งกระดอนสนุกสนาน สรุปคือทั้งโบสถ์มีฉันกับสามีนั่งตาปริบๆ มองดูชาวบ้านเต้นแร้งเต้นกาบ้าคลั่งท่ามกลางการจับจ้องของพระเจ้าบนเหลาเต๊ง

อย่างไรก็ตามโบสถ์แบบนี้ถือเป็นวิถีปกติของชาวคริสต์ที่นี่ไม่ว่าจะดำหรือขาว ยังมีโบสถ์ประหลาดกว่านี้อีก เช่น โบสถ์ลัทธิงู คนที่มีศรัทธาต่อพระเยซู ต้องแสดงศรัทธาด้วยการเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับงูพิษ ยอมให้งูกัดตามสะดวก หากงูพิษกัดแล้วไม่ม่องเท่ง แสดงว่าเจ้าตัวเป็นคนดีและเป็นที่รักของพระเจ้า หากใครโดนงูกัดตาย ถือว่าได้ไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์แล้วเช่นกัน เอ๊ะ… เป็นหลักตรรกะที่แปลกๆ อยู่นะ เพราะศรัทธาแรงจนล้น สมาชิกโบสถ์แบบนี้ถึงร่อยหรอลงเรื่อยๆ คาดว่าคนส่วนมากคงไม่ค่อยอยากจะศรัทธาในพระเจ้าเท่าไหร่นัก

ในอเมริกายังมีโบสถ์แปลกๆ อีกมากมาย โบสถ์ที่น่าสนใจอีกประเภทหนึ่งทางภาคใต้ของอเมริกาที่เคยพลัดหลงเข้าไปดูกับเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็นคือโบสถ์ของนิกายประหลาดที่ว่านี่เรียกว่า ‘นิกายพูดด้วยลิ้น’

เริ่มด้วยการที่บาทหลวงพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาเป็นเชิงสั่งสอนเทศนาทั่วไป แล้วจากนั้นเริ่มพูดรัวลิ้นขึ้นเรื่อยๆ ตาเหลือกขึ้นไปข้างบนแล้วพูดไม่เป็นภาษา จากนั้นทุกคนในโบสถ์เหมือนถูกผีเข้าโดยทั่วหน้ากัน คือทุกคนตาเหลือกลอย พูดรัวเร็วฟังไม่ได้ศัพท์

ฉันนั่งซุ่มเงียบอยู่เก้าอี้แถวหลัง จ้องมองคนชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปาก พูดจาภาษาเทพอย่างที่คนแบบเราๆ ท่านๆ ฟังไม่รู้ฟังอยู่พักหนึ่งแล้วนึกในใจ

“แม่ง… บ้านี่หว่า”

จากนั้นก็สะบัดก้นออกไป ปล่อยให้ฝรั่งพวกนั้นดิ้นชักไปตามอัธยาศัย ส่วนเพื่อนฝรั่งผู้พามาดูของแปลกอ้าปากค้าง แล้ววิ่งตามออกมาติดๆ

วันก่อนเจอข่าวประหลาดข่าวหนึ่ง คือเฒ่าวัย 63 ปี ชาวรัฐโรดไอแลนด์ยื่นฟ้องโบสถ์สองแห่งใกล้บ้านตัวเองด้วยข้อหาอันฉกาจฉกรรจ์คือเป็นต้นเหตุให้เมียหย่า!!!

กระทาชายคนนี้กล่าวหาโบสถ์ทั้ง 2 แห่งว่าตีระฆัง 3 หนต่อวันหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับเทศกาลหรือมากกว่า 700 ครั้งต่อสัปดาห์ ดังนั้นจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล กล่าวหาว่าการสั่นระฆังส่งเสียงดังทำให้ตนหงุดหงิดฉุนเฉียวจนมีปากเสียงกับเมียถึงขั้นหย่าร้าง

ดูทรงแล้วเมียขอหย่าด้วยเหตุผลอื่น แต่ลุงหาเรื่องฟ้องโบสถ์ทั้งสองแห่ง ไหนๆ เมียขอหย่าแล้วหาเหตุป้ายขี้เลยก็แล้วกัน สมแล้วที่เป็นอเมริกันชน เพราะที่นี่ฟ้องตะพึดตะพือ บางคดีที่ฟ้องร้องก็แปลกประหลาดมหัศจรรย์กว่านี้อีก เช่น แม่นางคนหนึ่งซื้อกาแฟร้อนจากร้านแมคโดนัลด์ ซุ่มซ่ามทำกาแฟหกรดมือตัวเอง นางฟ้องแมคโดนัลด์ทันใด กลายเป็นว่านางชนะคดีได้เงินมานอนกอดเล่นหลายล้านดอลลาร์ เฒ่าเมียขอหย่าคนที่ว่านี่เลยขอเลียนแบบ เผื่อจะได้เงินมานอนกอดแทนเมียบ้าง

 

Don`t copy text!