แนะนำให้อ่าน “ความรักใดจะไม่ปวดร้าว”

แนะนำให้อ่าน “ความรักใดจะไม่ปวดร้าว”

โดย :

นอกเหนือจากนวนิยายและบทความที่ผ่านการเลือกสรรและผ่านกระบวนการบรรณาธิการพิจารณาเป็นอย่างดี ทีมงานอ่านเอายังริเริ่มโปรเจ็กต์ “Anowl Showcase” พื้นที่ใหม่สำหรับคนชอบเขียนขึ้น เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะให้เว็บ www.anowl.co ของพวกเราเป็นชุมชนสำหรับคนรักการอ่านและการเขียนทุกคน

*************************

 

พระราชนิพนธ์แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี

ความรักใดจะไม่ปวดร้าว

บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด

จัดพิมพ์ ราคา 135 บาท

 

ฉันยิ้มอย่างเป็นสุขยิ่งกับ “ความรักใดจะไม่ปวดร้าว” พระราชนิพนธ์แปล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทุกตัวอักษรฉันอ่านรวดเดียวจบ ยิ่งอ่านยิ่งสนุกกับความเข้าใจของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่มผู้ร่วมชะตารักด้วยกัน

ความรัก ความสนุก และความสุขนี้ฉันขอส่งต่อเพื่อนๆ อีกทอดหนึ่งนะคะ…

หมิ่นมิน หญิงสาวชาวจีนยุคใหม่ หัวใจของเธอเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อหยู่ตง แรกรักของทั้งสอง เริ่มจากอาการอ้วกของฝ่ายชายที่พูดถึงอาหารทำจากเนื้อกระต่าย และกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง

“คุณรู้ไหมครับ ทำไมผมไม่กินเนื้อกระต่าย”

“ตอนเรียนชั้นประถมผมเลี้ยงกระต่ายตัวหนึ่ง ผมเรียกมันว่าอาทัง”

“แม่ผมไม่สบายไปเข้าโรงพยาบาล พ่อเอาอาทังไปต้มซุป”

เพราะโศกเศร้ากับกระต่ายน้อยชื่ออาทัง เรื่องเล่าบนโต๊ะอาหารกลางวัน หยู่ตงจึงกำหัวใจหมิ่นมินได้หมดทั้งสี่ห้องเต็มๆ ที่ร้านไอติมตั้งแต่วันนั้น

พระราชนิพนธ์แปล ส่งอารมณ์ของฉันให้ละล่องตาม “ความรักในมหาวิทยาลัยเหมือนกับเล่นงิ้วบนเวที” และ “พ่อแม่หวังจะลากเราลงจากเวที”

“อะไรๆ เราก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี  พิธีแต่งงาน แหวนก็ไม่มี เป็นการแต่งงานที่เปล่าเปลือยตามมาตรฐานในปลายทศวรรษ 1990”

“งิ้วของเราไม่มีคนดู แต่เราซึ้งของเราเอง”

พระปรีชาสามารถในรสถ้อยอักษรสั้น กระชับและแต่ละวลีแต่ละประโยคสะท้อนให้เห็นความเป็นอยู่อย่างเป็นธรรมชาติของแต่ละสังคมนั้นๆ ทำเอาฉันไม่อาจวางพระราชนิพนธ์แปลนี้ลงได้แม้นาทีเดียว หากเพื่อนๆ ยังไม่ได้อ่าน ก็จงรีบหามาอ่านเสียไวๆ เถอะค่ะ

หมิ่นมินเล่าถึงบทบาทของเธอในหน้าที่เลขานุการของเถ้าแก่ลูกสามและภรรยาชื่อคิมยองฮี ที่พยายามเรียกร้องความสนใจจากสามีด้วยการกรีดข้อมือจนเลือดแดงฉานในอ่างอาบน้ำ จากโรคซึมเศร้าหลังคลอด ว่างานของเธอนี้ไม่ต่างอะไรกับคนใช้แค่นั้นเอง ทำทั้งงานในบริษัทและงานดูแลลูก-ภรรยาเถ้าแก่ที่คอนโดฯ ด้วย

หมิ่นมินเองก็เถอะ ดูจะนินทามาดามของเถ้าแก่ด้วยปลายปากกาที่คมวาววับด้วยเช่นกัน

“คิมยองฮีเป็นคนอารมณ์ร้าย พูดอะไรออกมาทีเหมือนกับปาระเบิด ติเตียนจับผิด ไม่พอใจอะไรสักอย่างที่ฉันทำ เวลาด่าก็ไม่ปรานี ปากบางๆ คู่นั้นเหมือนกับมีดคมสองเล่มที่ตัดเหล็กได้ง่ายดาย”

คราที่หมิ่นมินตั้งท้อง ความสวยงามและชีวิตของเธอเปลี่ยนไป “กลางวันฉันนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน นอนจนกล้ามเนื้อเจ็บไปหมด พอค่ำลงความง่วงหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ หลับตาปี๋ก็ไม่มีประโยชน์ ในใจเหมือนมีหุบเหวลึกที่หยั่งไม่ถึง กินอะไรก็ยังหิว ที่จริงไม่หิว แต่รู้สึกว่างเปล่า กินอะไรเยอะแยะไปหมด กินจนอ้วนแต่ไม่พอสักที”

“เมื่อออกลูกแล้ว ทุกๆ คืนต้องให้นมลูก ต้องใช้เครื่องมือบีบนมให้ออกมา ต้องทำแบบนี้ทุกวัน

ร่างกายฉันไม่เป็นของตัวเอง มือคอยรีดนม ตัวฉันกลายเป็นสาวรีดนม รีดอย่างไม่มีความรู้สึกอะไรเลย”

“พอหยู่ซีเกิด ทุกวันมือไม่ว่างเลย ท้องฟ้าสีอะไรก็ลืมไปแล้ว ชีวิตฉันเปลี่ยนเป็นผักดองจมอยู่ในโอ่งน้ำเกลือ”

“หยู่ซีเกิดมาเป็นเด็กที่ไม่ชอบนอน เหมือนมีความแค้นกับเตียง เวลาเขานอนไม่หลับ วางไว้บนเตียงก็จะร้องไห้”

ความรักของแม่มือใหม่ของหมิ่นมินก็ไม่ต่างจากแม่มือเก่ารุ่นย่ายายของเราแม้แต่น้อย “หยู่ซีเหมือนโจรปล้นชีวิตฉันจนว่างเปล่า มีเวลาเท่าไรก็ต้องให้เขาหมด หยู่ซีเกิดมาแล้ว ฉันไม่มีเวลาดูทีวี แต่หยู่ตงกลับใช้เวลาอยู่กับทีวีมากขึ้น”

ทุกเวลานาทีที่ทุ่มให้กับลูกชาย ทำให้หมิ่นมินแม่ลูกอ่อนเกิดความรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากสังคม เหมือนตกงาน ยิ่งสามีแต่งตัวหล่อหน้าตาสดชื่นออกจากบ้านแต่เช้ายิ่งคิดมาก กลายเป็นความกดดัน “ฉันยกชามแกงขึ้น แต่แรกอยากจะสาดน้ำแกงใส่หยู่ตง แต่มีสติหยุดได้ทัน ก็เลยแค่กระแทกชามลงบนโต๊ะ แกงในชามกระเด็นโดนหน้าหยู่ตง”

หยู่ตงพึมพำว่า “ประสาทกินแล้ว”

เพราะประสาทกินนี่แหละค่ะ หมิ่นมินจึงกลับไปทำงานนอกบ้านอีกครั้ง แต่แล้ว “หยู่ซีไข้ขึ้น 40 ต้องเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ พี่เลี้ยงคนเดียวดูแลไม่ไหว” ที่สุดก็ลาออกจากงาน กลับมากินๆ อยู่บ้านจนอ้วนกว่าเดิม ความเครียดกำเริบหนักถึงทะเลาะกับสามีอย่างรุนแรงเสมอๆ

กระทั่งหยู่ตงต้องออกปาก “หมิ่นมินอย่าเอะอะโวยวายอีกเลย อยู่ได้ก็อยู่ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไปเถอะ”

“ฉันยกกระเป๋าแล้วออกจากบ้านไป”

หนึ่งคืนกับหนึ่งวันที่หมิ่นมินได้เจอะเจอสังคมเมื่อหนีออกไปนอกบ้าน จะเป็นอย่างไร… เพื่อนจงหาอ่านเอาเองนะคะ

และอย่าลืมตอบคำถามของหมิ่นมินที่ว่า ทำไมความรักมันจะต้องปวดร้าว…?

 

ภาพประกอบอันน่ารัก : หมิ่นมินตกใจกับ “หน้าอ้วนๆ ในกระจกรวมกับหน้าอ้วนๆ นอกกระจกทั้งสองหน้าเป็นคนเดียวกัน อ้วนพี เทอะทะ โง่ทึบ เป็นรูปลักษณ์ที่ทำให้ฉันห่อเหี่ยวใจ”

 

– ดารี –

Don`t copy text!