ดาราอรุณ บทที่ 23 : เนื้อคู่…ของคนอื่น

ดาราอรุณ บทที่ 23 : เนื้อคู่…ของคนอื่น

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

ครู่ต่อมา ทั้งหิ้งและลมเย็นก็ได้พบสวนสน ณ ศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้อู่ซ่อมรถที่สุด มีร้านกาแฟเงียบสงบเป็นที่นั่งคุยพร้อมอาหารกลางวัน

หญิงสาววัย 21 จึงเริ่มต้นขึ้นว่า

“หนูรู้จักกับพี่เปรียวค่ะ…เขาเป็นล่ามสามภาษาให้บริษัทที่พ่อหนูทำงานเป็นฝ่ายบริหารเพราะอาจจะต้องเข้าไปเกี่ยวกับราชการด้วยในงานที่ต้องใช้ล่ามน่ะค่ะ…พี่เปรียวก็เลยบอกพ่อว่าในหมู่บ้านเดียวกันมีหมอดูแม่นมากชื่อคุณชัด นอกจากดูหมอแม่นแล้วยังนวดเก่งด้วย แล้วยังขายยาที่ปรุงจากสมุนไพรไทยด้วย พี่เปรียวยังเคยซื้อยาพ่นแก้ปวดเส้นเอ็นมาให้คุณแม่เขาเลยค่ะ พ่นตามที่ปวดก่อนนอน ตื่นเช้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง”

“อ้อ…หรือคะ” ลมเย็นได้แต่ดีใจที่กิติศัพท์ของพ่อดังกังวานไกลมิใช่น้อย พร้อมกับนึกขอบคุณที่ลูกชายคุณปรียา ช่วยโฆษณาสินค้าที่เป็นของแท้ของดีของบิดาให้ด้วย “วันหลังพบกัน พี่จะติดมาฝากหนู จะได้ลองให้คุณแม่ใช้ดู”

“ขอบคุณมากค่ะ” สวนสนพนมมือไหว้ ดูกลมกลืนกันไปกับสีหน้าแววตา “หนูก็เลยดีใจมากที่โลกแคบดีจัง พาเอาหนูมารู้จักพี่ได้”

หิ้งจึงพลอยตอบรับด้วยอัธยาศัยไมตรี

“พี่สองคนก็ดีใจที่ได้รู้จักหนู…นึกไม่ถึงด้วยซ้ำไปว่า แค่รถชนกันก็ยังได้มิตรน่ารักมาตั้งคน” ปลายเสียงของเขาค่อนข้างหยอกล้อหน่อยหนึ่ง ซึ่งลมเย็นเริ่มไม่ชอบฟัง

ทั้งๆ ก็พยายามบังคับใจตนเองมิให้ระแวงระวังหวงหึงจนออกนอกหน้า จึงเพียงนึกถึงคำเตือนของบิดาไว้เสมอ เพื่อมิให้เผลอแสดงกิริยาจนน่าเกลียด

ก็เลยแสร้งพยักเพยิดเห็นด้วย

“ใช่แล้ว…พี่ก็ดีใจมากเลย…แล้วนี่หนูจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ”

“หนูอยากดูหมอน่ะค่ะ” ในที่สุดเจ้าตัวก็ตอบอย่างเปิดเผยพร้อมหัวเราะแลเห็นแนวฟันขาวเรียบ “พี่จะช่วยพาหนูไปหาคุณพ่อพี่ให้ช่วยดูดวงหนูหน่อยได้ไหมคะ อยากทราบว่าสาขาที่หนูจบออกมานี่จะไปสมัครงานที่ไหนดี ซึ่งที่จริงพ่อหนูก็แนะนำนะคะ เพราะหนูก็จบเอกภาษาฝรั่งเศส พี่เปรียวยังชวนไปทำงานล่ามด้วยกันเลย…แต่…หนูก็ยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่…พอทราบว่าคุณพ่อพี่ดูดวงแม่น ก็เลยอยากดูว่า หนูควรมีอาชีพอะไรดีถึงจะทำได้ราบรื่น ไม่ต้องออกภายในหนึ่งหรือสองปีน่ะค่ะ”

“ได้เลยครับ ได้เลย” หิ้งรีบตอบ นึกชื่นชอบเด็กสาวผู้นี้ขึ้นมาทันใด เพราะน่าจะได้เข้ามาแทนที่ความสนใจของเปรียว ผู้ที่ทำท่าราวกำลังจะคืบหน้าเข้ามาใกล้ลมเย็นของเขาทุกขณะ

“ถ้างั้น เดี๋ยวเราไปกันดีกว่าค่ะ หนูอยากดูมาก-ก-ก”

ครู่ต่อมา ทั้งสามก็นั่งแท็กซี่มาถึงบ้านนายชัดผู้กำลังมีแขกมาดูหมอ ลมเย็นจึงพาสวนสนเลยไปนั่งข้างใน พลางแนะนำให้รู้จักกับแม่กับน้า รวมทั้งโถบรรจุสมุนไพรและที่นอนนวดอันเป็นอาชีพหลักทั้งสามของบิดา

“อู…หนูว่าถือเป็นธุรกิจ ‘เอสเอ็มอี’ ก็ได้แล้วนะคะ” สวนสนเปล่งเสียงด้วยประกายตาวามวาว “ธุรกิจครอบครัวน่ะค่ะพี่…หนูยังไม่อยากให้ธุรกิจครอบครัวไทยหายไปจากสังคมไทยเลยจริงๆ”

หิ้งฟังเพียงเท่านี้ก็ได้แต่อัศจรรย์ใจในเด็กสาวผู้เพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นหญิงสาวได้ไม่กี่ปีคนนี้เป็นอย่างยิ่ง

“พี่ก็เหมือนกัน…ไม่อยากให้หายไป…ก็เลยกำลังคิด…ใช่ไหมเย็น…กำลังคิดกันอยู่นะ หนู…ว่า…เราควรจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ได้นี่นา…ไม่ใช่ดีน้อยๆ ด้วยซี…ต้องดีมากๆ ดีอย่างมีหลักมีฐานแข็งแรงน่ะฮะ”

ครู่หนึ่งทีเดียว สวนสนจึงได้เข้าไปนั่งตรงหน้านายชัดเจ้าของบ้านถามวันเดือนปีเวลาตกฟากแล้วผูกดวง

เสร็จสิ้นจึงเงยหน้าขึ้น

“คุณเกิดวันพฤหัสบดีนะฮะ…อายุ 21 ย่าง 22 ลัคนาอยู่ราศีพฤษภ” นายชัดพึมพำขณะเขียนตัวเลขลงในบัตรดวงที่คล้ายบัตรประจำตัวแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ สำหรับลูกค้าทุกคนเก็บไว้เป็นการส่วนตน “พฤหัสกุมลัคน์นะฮะ มีลาภมาก บริวารมาก มรดกมาก”

“หนูควรทำอาชีพอะไรดีคะคุณลุง” ผู้มาใหม่นับญาติเสร็จสรรพอย่างใคร่เป็นกันเอง

“อาชีพที่ห้ามคือพวกอุตสาหกรรมหนักต่างๆ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการคมนาคม ก็ปล่อยให้คู่ทำไปคนเดียวแล้วกัน คุณก็ทำอีกอย่าง”

คราวนี้อีกฝ่ายหัวเราะเขิน

“มีไหมล่ะ คู่น่ะ…คู่รัก…เอ้า…”

“ยังมังคะ” สวนสนอ้อมแอ้ม หน้าออกชมพูระเรื่อ นัยน์ตาระยับอย่างขำนิดๆ

“ถ้ายัง…ก็จะได้เจอละ…จะเจอแล้ว” หมอดูเองก็แปลกใจเมื่อเห็นดาวศุกร์และอาทิตย์ที่จรมาถึงราศีกรกฎกำลังเป็นตรีโกณหรือเป็น 5 แก่ 16 เดิมในราศีมีน ขณะที่ 279 กำลังเล็ง16 และ 30 ทับลัคนา…

เพราะดวงชะตานายชัดเองก็อยู่ในก็อยู่พฤษภเช่นกัน

“ดีแล้วละคุณที่รถถูกชนน่ะ ใช่เลย…” หมอดูทายทัก ขณะเดียวกันก็กำลังคิดว่า

ปัดโธ่…ก็รถชนนี่ไง…เกิดจาก 30 ชัดๆ

 

คำว่า ‘จะเจอแล้ว‘ ชวนให้ลมเย็นเกือบสะดุ้ง เมื่อนึกถึงการพบกันทั้งเมื่อวานและวันนี้ระหว่างหิ้งกับหญิงสาวคนใหม่

จึงเพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘จิตตก’ เดี๋ยวนี้เอง

มิใช่เมื่อวาน วานซืนหรือวันใดวันอื่นก่อนหน้า อันคือบทบาทที่น้องสาวของหล่อนมีต่อชายผู้นั่งอยู่ข้างๆ

แท้ๆ แล้ว ก็อาจจะคือสาวคมขำคนนี้ก็เป็นได้

ดังนั้น หล่อนจึงเอ่ยขึ้นเสมือนช่วยซักไซ้แทนเจ้าตัว

“พบแล้วหรือคะพ่อ หรือว่ายังไม่พบ”

“อาจจะยัง เพราะ..” นายชัดตอบพลางเพ่งพิศดูดาวอังคารตอนที่เพิ่งย้ายเข้ามาในราศีพฤษภตั้งแต่เมื่อวาน ดังนั้นองศาจึงยังคงหมิ่นราศี แม้วันนี้ก็ยังทำงานไม่เต็มที่ แค่ 1 องศา 7 ลิปดา “อังคารเดิม 21 องศา 43 ลิปดา…ฉะนั้น ก็อาจจะยังไม่เจอ หรือถ้าเจอก็เจอแต่ชื่อเสียงเรียงนาม”

เมื่อมาถึงตรงนี้ ลมเย็นก็ได้แต่แอบโล่งใจ

แต่หิ้งกลับช่วยนึก

“เอ…ใครน้า-า-า” เขาทอดเสียงเชิงช่วยทำนายทายทักเป็นกันเอง “อยู่ในหมู่บ้านนี้หรือเปล่าฮะอา”

หมอดูก็เลยนึกขำ

หากก็ขำไม่ออกสักเท่าไรเมื่อแลเห็นดาวคู่ของสวนสน

ดาวคู่คืออังคาร 3 เป็นเกษตร อยู่พิจิกก็จริง แต่ดาว 2 ที่กุมอยู่ในองศาชิดใกล้บ่งบอก…

“เอางี้ละกันนะฮะ ลองดูๆ ไปก่อน อาจจะอยู่ในวงจรของคุณหรือของใครสักคนที่ยังไม่ดลใจให้มาเจอกันก็ได้” นายชัดบอกกล่าวอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจแทนสักเท่าไร “แต่จะยังไงก็ตาม คุณเป็นคนมีฐานะแน่นอน ไม่มีวันตกอับ การงานอะไรก็ตามที่จะได้ทำต่อไปนี้ก็เป็นการงานที่ดี มีค่าตอบแทนค่อนข้างสูง…ผมว่างานล่ามอะไรนั่นก็ใช้ได้ดีมากถ้าคุณคิดจะเข้าไปทำ เพราะล่ามคือ 4 กับ 8 แลกเรือนกัน”

สงสัยคู่ของเด็กคนนี้จะเป็นนายเปรียว หิ้งนึกในใจ

บ๊ะ…ชักจะสนุกแล้วไหมล่ะ

ขอให้เป็นไปได้ทีเถอะ…นายนั่นจะได้ไม่มาหาทาง ทิ้งตาเชื่อมๆ ไว้ที่นี่

หากเจ้าของดวงก็ยังไม่ค่อยรู้สึกลึกตื้นแต่อย่างใด ทั้งชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งฟังจึงแลเห็น แต่ท่าทางสบายๆ ไม่เดือดร้อนรวมทั้งไม่ทำท่าตื่นเต้นที่จะได้เจอใครสักคนบนถนนแห่งยุคใหม่ของตนเอง

“หนูตั้งใจจะหางานทำให้ได้ก่อนค่ะ…เรื่องแฟน…ก็งั้นๆ…รอได้…คือบางที…เพื่อนเราเองก็ทำให้เราเข็ดแทนเหมือนกัน”

“ไม่เป็นไรครับ…พบคนที่ว่าเมื่อไหร่ก็เอาดวงเขามาให้ผมดูได้เลยว่าสมพงศ์กันไหม…คือหมายถึงดวงขัดแย้งกันหรือไม่…ถ้าไม่ขัดก็ถือว่าโชคดี”

ทันใดนั้น เสียงกริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น..รัวถี่ๆๆ

“มาละ” หิ้งลดเสียงเบาขณะที่น้าเยี่ยมเยือนกดรีโมท

ลมโชยก็พาร่างในกระโปรงบานเสื้อแขนกว้างดำสลับแดงก้าวเข้ามา พลางเหลือบมองไปยังโต๊ะพยากรณ์ แลเห็นเด็กคนเมื่อวานเหลียวมาดูพร้อมเปิดยิ้มอย่างไม่เห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่

“สวัสดีค่ะพี่” สวนสนปราศรัยโดยไม่ปั้นปึ่งเหมือนอีกฝ่าย

ลมโชยเพิ่งเกาะท้ายมอเตอร์ไซค์หน้าหมู่บ้านออกไปหาอาหารถูกปากรับประทาน ด้วยว่าตอนนั้นแม่กับน้าขับรถออกไปซื้อของ พี่สาวก็เอาคันที่ถูกชนไปเข้าอู่ พ่อก็มีแขกมานวดตอนสิบนาฬิกา ตัวเองเลยเคว้งคว้าง เกิดโมโหหุนหันเหมือนทุกวันทุกชั่วโมงที่ไม่ได้ดั่งใจ ได้แต่โทรศัพท์เรียกรถรับจ้างเจ้าประจำที่ใช้แก้ขัดพาออกไปปากซอยที่ร้านกาแฟดังเปิดแล้ว เสร็จสรรพก็กลับมานี่ มาทันได้เห็นเด็กขับรถแดงคนเมื่อวานนั่งหน้าบานอยู่ตรงหน้าพ่อ ก็ยิ่งทวีความโกรธา

เหวี่ยงกระเป๋าสะพายไปบนเก้าอี้รับแขกพลางกระแทกตัวลงนั่ง

หิ้งกับลมเย็นจึงได้แต่มองตากัน

แต่เสียงนายชัดดังขึ้น

“ถ้าคุณเป็นล่ามได้ ก็คงเป็นล่ามที่ดี ต่อไปจะมีคนเรียกหาทั้งราชการทั้งเอกชนแน่นอน”

โอย…เอาฆ้อนมาฟาดหัวก็ยังไม่เจ็บขนาดนี้

พ่อชมมันจนเลิศเลอได้อย่างไร

เกลียดนางนี่ตั้งแต่แรกเห็นเลยละนะ

“ล่ามอะไรพ่อ ไม่ใช่ล่ามโซ่นะ” หล่อนเลยโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด

“โชย” นายชัดก็เลยปรามเบาๆ “เรากำลังทำงานนะ…คุณคนนี้เขาเอาสตางค์มาให้พ่อต่อลมหายใจ ควรจะขอบคุณเขาให้มากๆ”

ทันใดนั้น ทั้งหิ้ง ลมเย็น รวมทั้งผู้พูดก็ได้แต่นิ่งอั้นอ้ำอึ้ง แถมตะลึงงงราวกับนายชัดส่งฆ้อนสุดท้ายฟาดลงมากลางศีรษะกะให้ลมโชยลุกไม่ขึ้น

“โอย…ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกค่ะคุณลุง” สวนสนได้สติ จึงรีบปฏิเสธทันควัน “โธ่…คุณลุงคะ…คุณลุงคิดแค่ ห้าร้อยบาท แต่ดูได้ละเอียดมากจริงมากเลยละค่ะ คือหนูก็ตั้งใจนะคะว่า จะลองตามพี่เปรียวไปดูงาน ดูซิว่าหนูพอจะทำแล้วมีความสุขไหม คือหนูอยากได้งานที่ทำแล้วชอบ แล้วมีความสุข แค่นั้นเองค่ะ”

“คุณจะได้งานแน่นอน เร็วๆนี้ครับ คู่ก็จะเจอด้วย แต่จะถูกใจแค่ไหนเพียงไร ก็ต้องลองคบดู”

ไม่มีใครหันมามองลมโชย ผู้กำลังจับจ้องมองเขม็งจากด้านหลัง ด้วยสีหน้าราวจะฉีกเนื้ออีกฝ่าย

 



Don`t copy text!