ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 23 : ผีพนัน

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 23 : ผีพนัน

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

ยามเมื่อปีศาจแห่งการพนันเข้าสิงจิตใจมนุษย์ ไม่ว่าผู้ใดก็ยากที่จะถอนตัวออกห่างจากมัน คุณหญิงสายหยุดก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเงินสองล้านที่มีอยู่ในมือนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากการที่บุตรสาวสุดที่รักตัดใจขายสร้อยคอมรกตประจำตระกูลไป และเธอควรจะใช้เงินก้อนนี้อย่างมีสติที่สุด หากด้วยนิสัยรักการพนันเป็นชีวิตจิตใจ คุณหญิงจึงคิดว่าถ้าลองนำเงินสองล้านบาทมาเสี่ยงโชคดูอีกสักหน เธออาจจะได้บ้านและบริษัทกลับคืนมาโดยไม่ยาก

แต่แล้วเมื่อไพ่ในมือเผยออกมาให้เห็น คุณหญิงสายหยุดก็แทบจะล้มทั้งยืน เมื่อมองเห็นความหายนะที่กำลังมาเยือน

“ไม่จริง” คุณหญิงยกมือขึ้นกุมหน้าอก รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“คุณหญิงครับ คุณหญิงแพ้ผมอีกหนหนึ่งแล้วนะ” ทินพันธ์หัวเราะหึๆ ในลำคอ

เขามองดูคุณหญิงสายหยุดที่ยืนตัวสั่น ดวงหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือดด้วยความรู้สึกเยาะหยันแกมสงสาร ใบหน้าของคุณหญิงสายหยุดในยามนี้เหมือนกับซากศพ ปราศจากสง่าราศีที่ควรจะมี ที่จริงแล้วทินพันธ์ไม่อยากเล่นพนันกับเธออีก หากคำว่า ‘แต่งงาน’ กับกรผกามารศรีนั่นเอง ที่ทำให้เขาอยากลองเสี่ยงดูอีกสักหน และจะให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่า การที่คุณหญิงสายหยุดแพ้พนันในครั้งนี้ เขาไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือกลโกงแต่อย่างใด มันเป็นเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิตแท้ๆ

“ฉันขอเล่นใหม่ แกอาจจะโกงฉันก็ได้ นายทินพันธ์” คุณหญิงพยายามต่อรอง ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อันใด

“หมดเวลาของคุณหญิงแล้วละครับ” ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมเกรียม ด้วยต้องการจะสอนบทเรียนให้กับคุณหญิงสายหยุด “ผมไม่ได้โกง คุณหญิงก็รู้ดี…อย่ามาทำนิสัยขี้แพ้ชวนตีดีกว่า ส่งเช็คเงินสดสองล้านบาทนั้นมาเดี๋ยวนี้ และเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้ผมจะไปรับกรผกามารศรีไปจดทะเบียนสมรส”

“มะ…ไม่นะ…ไม่ได้นะ” คุณหญิงสายหยุดเข่าอ่อน ทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางอ่อนระทวย เธอส่งเช็คเงินสดจำนวนสองล้านบาทให้กับชายหนุ่มแต่โดยดี หากขอร้องเขาว่า “ฉันให้เงินคุณก็ได้ สองล้านบาทเอาไปสิ แต่เรื่องแต่งงานกับกรผกามารศรี ฉันขอปฏิเสธ”

“อ้าว! คุณหญิง” คราวนี้ชายหนุ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ “ทำไมพูดเป็นเล่นขายของแบบนี้ล่ะครับ ไหนยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะไงว่าถ้าแพ้พนัน นอกจากเงินสองล้านบาทแล้ว ลูกสาวของคุณหญิงจะแต่งงานกับผม”

“ฉันพูดเองทั้งนั้น” คุณหญิงก้มหน้านิ่ง ก่อนจะสารภาพออกมาด้วยความรู้สึกละอายแก่ใจ “ลูกกรผกามารศรีไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย ยกโทษให้ฉันเถอะนะ ฉันแค่อยากได้บ้าน อยากได้บริษัทคืนเท่านั้นเอง ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้คุณก็ไม่ยอมให้ฉันเล่นพนันด้วยน่ะสิ”

“เสียใจครับคุณหญิง” ทินพันธ์เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกโมโห คุณหญิงสายหยุดทำเช่นนี้เห็นเขาเป็นคนโง่หรืออย่างไรกัน “คุณหญิงพูดแบบนี้เอาแต่ได้นี่ครับ ผมตกลงเล่นกับคุณหญิงก็เพราะเดิมพัน ซึ่งถ้าหากผมแพ้ คุณหญิงก็ได้บ้าน ได้บริษัทคืนไป แต่ถ้าผมชนะ ผมก็ได้แค่เงินสองล้านเท่านั้น ผมไม่ตกลงด้วยครับ คุณหญิงกลับไปบอกกรผกามารศรีได้เลยว่าพรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้า ผมจะไปรับเธอมาจดทะเบียนสมรสด้วย ไม่เช่นนั้นคุณหญิงก็เตรียมตัวเข้าคุกได้ เพราะที่เราตกลงกันทั้งหมดนั้น ผมได้บันทึกภาพและเสียงของคุณหญิงเอาไว้ทั้งหมดแล้ว และมันจะเป็นหลักฐานอย่างดี”

“ฉันไม่เชื่อ แกกล้าจะเอาตำรวจมาจับฉันเลยเชียวเรอะ” คุณหญิงสายหยุดพูดเหมือนกับกำลังจะกระอักโลหิต “บ่อนพนันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตำรวจน่าจะมาจับพวกแกมากกว่าฉันนะ”

“ก็ลองดูสิครับคุณหญิง ว่าผมจะทำได้หรือเปล่า” สายตาของทินพันธ์จ้องมองคุณหญิงสายหยุดเขม็ง “อยากอับอายผู้คนก็เอา เพราะผมจะไม่เอาแค่ตำรวจมาจับคุณหญิงเท่านั้น แต่จะลงข่าวในหนังสือพิมพ์ประจานให้รู้กันทั้งประเทศเลยว่าคุณหญิงติดพนันขนาดต้องขายลูกกิน”

“แก…แก…” คุณหญิงสายหยุดยกมือขึ้นกุมหน้าอก ก่อนจะรีบหยิบยาอมใต้ลิ้นขึ้นมาอมแก้อาการแน่นที่หัวใจ “ไอ้ทินพันธ์…”

“จะทำไมผมครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ยี่หระ “คุณหญิงมีเวลาหนึ่งคืนเพื่อกลับไปเจรจากับลูกสาวของคุณหญิง ไม่เช่นนั้น ผมจะพาตำรวจไปจัดการคุณหญิงแน่”

“ฉันขอเวลามากกว่าหนึ่งคืนได้ไหม” คุณหญิงสายหยุดพยายามต่อรอง “หรือไม่…แกต้องการเอาเงินอีกเท่าไหร่ ฉันจะพยายามหามาให้ เพราะฉันมั่นใจว่าอย่างไรลูกกรผกามารศรีก็จะไม่ยอมแต่งงานกับแกแน่ๆ”

“ผมให้เวลาคุณหญิงอีกหนึ่งสัปดาห์” เห็นสีหน้าของคุณหญิงที่เพิ่งหายป่วยจากโรคหัวใจแล้ว ชายหนุ่มก็อดใจอ่อนไม่ได้ “ถ้ากรผกามารศรีไม่ยอมแต่งงานกับผม คุณหญิงก็ต้องหาเงินมาให้ผมอีกสิบล้านบาท ไม่อย่างนั้นเตรียมเข้าไปนอนในคุกได้เลย”

“สิบล้าน” คุณหญิงสายหยุดทำตาโตเท่าไข่ห่าน “ไม่มากไปหน่อยเหรอแก จะเอาอะไรตั้งสิบล้าน”

“ผมว่าไม่มากไปหรอกครับ” ดวงตาของทินพันธ์วาวโรจน์ รู้สึกสะใจเป็นยิ่งนัก เขาคิดว่าบทเรียนหนนี้จะสอนคุณหญิงสายหยุดได้เป็นอย่างดียิ่ง “ส่งกรผกามารศรีมาแต่งงานกับผม หรือหาเงินมาให้ผมสิบล้านบาทเป็นการแลกเปลี่ยน ถือว่าผมลดราคาให้แล้วนะครับ เพราะจะว่าไป…สิบล้านบาทนี้มีค่าน้อยกว่าตัวของคุณกรผกามารศรีตั้งมากมายไม่ใช่หรือครับคุณหญิงแม่”

 

เย็นวันนั้น แม่นิ่มและกรผกามารศรีสังเกตว่าคุณหญิงสายหยุดรับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าทุกวัน แถมบางครั้งก็ยังนั่งเหม่อลอยและถอนหายใจบ่อยๆ ทั้งๆ ที่วันนี้ป้าจิตเพื่อนบ้านให้ปลาทูมาเข่งเบ้อเริ่ม และแม่นิ่มก็ตำน้ำพริกสุดแสนจะอร่อยอย่างที่คุณหญิงเคยชอบ

“คุณแม่ขา ทำไมไม่รับประทานอีกสักหน่อยล่ะคะ” กรผกามารศรีขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง “ประเดี๋ยวก็ถึงเวลาจะต้องกินยาแล้วนะคะ”

“แม่กินไม่ลงค่ะลูกขา” คุณหญิงแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าจะระบายความหนักใจออกมาอย่างไรดี

“อาหารไม่อร่อยหรือคะคุณหญิง นิ่มทำไม่อร่อยหรือเปล่า” แม่นิ่มเองก็รู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายไม่น้อยไปกว่ากรผกามารศรี

“เปล่าหรอกจ้ะนิ่ม” คุณหญิงยังคงก้มหน้านิ่ง “ฉันมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”

“คุณแม่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือคะ บอกลูกได้ไหมคะ เผื่อว่าบางทีเราอาจจะช่วยกันคิดหาทางแก้ไขได้” ธิดาสาวแสนสวยของคุณหญิงสายหยุดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แม่…เอ่อ…แม่” คุณหญิงสายหยุดอึกอัก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี “ไม่เอาละ ไม่พูดดีกว่า”

“คุณแม่คะ พูดเถอะค่ะ” กรผกามารศรีทำเสียงขอร้อง

“นิ่มออกไปก่อนดีกว่านะคะ คุณๆ จะได้คุยกันสะดวก” แม่นิ่มคิดไปว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน คุณหญิงสายหยุดอาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องการจะพูดกับบุตรสาวตามลำพัง เธอจึงขยับตัวจะลุกหนีไป

“ไม่ต้องไปหรอกจ้ะแม่นิ่ม อยู่ด้วยกันตรงนี้ละ” กรผกามารศรียื่นมือไปดึงแม่นิ่มเอาไว้ “บ้านหลังเล็กแค่นี้ ห้องก็มีอยู่ห้องเดียว จะกินจะนอน จะทำอะไรก็มีอยู่แค่ห้องนี้เท่านั้น แม่นิ่มจะเดินหนีไปไหนได้ อีกอย่างตอนนี้เรามีกันอยู่แค่สามคนเท่านั้น แม่นิ่มเลี้ยงกรผกามาตั้งแต่เด็กๆ อยู่กันมานานจนเหมือนกับเป็นญาติคนหนึ่ง ไม่มีความลับอะไรหรอกค่ะ จริงไหมคะคุณหญิงแม่”

“จ้ะลูก” คุณหญิงสายหยุดรับเสียงอ่อนอ่อย “แต่แม่ก็…แม่ก็ไม่กล้าพูดอยู่ดีละ”

“ตกลงมีอะไรกันแน่คะ” กรผกามารศรียังคงคาดคั้นมารดา “จะบอกหรือไม่บอกกรผกาคะคุณแม่”

“เอ่อ…คือว่า…” คุณหญิงก้มหน้างุด “แบบว่า…คือว่า…เอ่อ…”

“คุณแม่” หญิงสาวทำเสียงเข้ม “บอกกรผกามาเดี๋ยวนี้ค่ะ”

“คือว่าคุณแม่ไปเล่นพนันน่ะค่ะ แล้วแบบว่าคุณแม่ก็แพ้น่ะค่ะ ก็เลยเสียเงินที่มีเหลือไปทั้งหมด แล้วแม่ยังบอกว่าลูกจะแต่งงานกับเขาด้วย” คุณหญิงสายหยุดพูดติดกันเร็วปรื๋อจนคนฟังฟังแทบไม่ทัน

“อะไรนะคะคุณแม่” กรผกามารศรีทำช้อนสังกะสีในมือหล่นโครมลงบนจานกระเบื้องเคลือบชั้นดีที่ยังมีเหลือ “แต่งงาน…เงิน…พนัน…อะไรกันเนี่ย กรผกางงไปหมดแล้ว”

“เอ่อ…” คุณหญิงสายหยุดกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ก่อนจะรวบรวมกำลังใจเพื่อเล่าความจริงออกมา “แบบว่า…ตอนคุณแม่ป่วยน่ะค่ะ เรายังมีเงินเหลืออีกสองล้านบาทจากการที่ลูกขายสร้อยมรกตประจำตระกูลเราไป ทีนี้คุณแม่ก็คิดว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนในบ่อน เพื่อจะได้บ้านและบริษัทกลับคืนมา ไม่น่าเลย…คุณหญิงแม่ไม่น่าเลย”

“คุณแม่เสียพนันอีกแล้วใช่ไหมคะ”

กรผกามารศรีโกรธมารดาจนดวงหน้าแดงก่ำ เงินก้อนสุดท้าย…เงินจำนวนสองล้านที่ได้มาจากการที่หล่อนตัดสินใจขายสร้อยมรกตไป…เงินจำนวนนี้น่าจะช่วยให้ทุกคนได้อยู่สุขสบายกว่าที่เป็น แถมยังสามารถนำไปลงทุนทำกิจการอะไรได้อีกหลายอย่าง

หากความหวังทั้งหมดของหล่อนเหมือนจะหลุดลอยไปเสียแล้ว เพราะบัดนี้คุณหญิงสายหยุดได้สารภาพออกมาว่า ได้นำเอาเงินก้อนนี้ไปถลุงในบ่อนพนันจนหมดสิ้นเสียแล้ว

“แล้วเรื่องแต่งงานล่ะคะ มันยังไงกันแน่” หล่อนจำได้ว่ายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่มารดาเอ่ยถึง

“แบบว่า…คุณหญิงแม่ก็ตกลงกับเขาด้วยว่า ถ้าแม่แพ้พนันคราวนี้…ลูกก็จะแต่งงานกับเขาด้วย” น้ำเสียงของมารดาพูดอุบอิบอยู่ในลำคอ

“อะไรนะคะแม่!” กรผกามารศรีใจหายวาบ “คุณแม่ไปตกลงกับเขาแบบนั้นได้ยังไง…คุณแม่”

พูดได้เพียงเท่านั้น หญิงสาวก็พูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป น้ำตาของหล่อนไหลรินราวกับสายฝนที่หยาดหยดลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบน

“มันจำเป็นนะคะลูก มันจำเป็น” คุณหญิงสายหยุดพยายามอธิบายด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ “ถ้าแม่ไม่เอาลูกเข้ามาล่อ เขาจะยอมเล่นพนันกับแม่หรือคะ”

“นายทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐีอะไรนั่นใช่ไหมคะ” กรผกามารศรีจ้องหน้ามารดาด้วยความรู้สึกสับสน

“ค่ะ ลูก” คุณหญิงแม่เมินมองไปทางอื่น ด้วยละอายเกินกว่าจะสบตาธิดา

“คุณแม่…คุณแม่ทำกับลูกแบบนี้ได้อย่างไร” กรผกามารศรีคร่ำครวญหวนไห้ “ลูกเกลียดเขา ลูกเกลียดเขา”

“ลองมองเขาในแง่ดีหน่อยสิคะลูกขา” คุณหญิงแม่พยายามเกลี้ยกล่อม “หน้าตาเขาก็ไม่ได้เลว ฐานะเขาก็ดี เข้าขั้นมหาเศรษฐี และที่สำคัญเขารักลูกมากนะคะ”

“แต่ลูกไม่ได้รักเขา” หญิงสาวเม้มปากแน่น เชิดหน้าด้วยความหยิ่งทระนง “ลูกเกลียดเขา อย่าเอาเรื่องเงินตรามาพูดกับลูกเลยค่ะคุณแม่…คนอย่างกรผกามารศรี ต่อให้มีเงินมีทองเท่าภูเขามากองอยู่ตรงหน้า ก็ซื้อลูกไม่ได้หรอกค่ะ”

“แม่อยากให้ลูกลองคิดดูให้ดี” คุณหญิงสายหยุดยังไม่ละความพยายาม

“ลูกคิดดูดีแล้วค่ะ” หญิงสาวว่า “ลูกคือ นางสาวกรผกามารศรี มรกต…คิดดูสิคะคุณแม่ขา ถ้าลูกต้องแต่งงานไปกับเขา ตามข้อตกลง…ลูกจะต้องจดทะเบียนสมรสและใช้นามสกุลของเขา หมายความว่าลูกจะต้องมีนามสกุลใหม่ย้าวววว ยาว…กลายเป็นนางกรผกามารศรี เกียรติมหึมามหาเศรษฐี…จะเซ็นชื่อแต่ละทีก็ยากลำบาก”

“แต่แม่จะต้องติดคุกนะคะลูก ถ้าลูกไม่ยอมแต่งงานกับเขา แม่จะต้องหาเงินสิบล้านบาทมาให้เขาภายในหนึ่งอาทิตย์ ไม่อย่างนั้นนายทินพันธ์จะเอาตำรวจมาจับแม่ ขนาดล้านสองล้านเรายังหาไม่ได้เลย นี่อีกตั้งสิบล้าน เราจะไปหามาจากไหน” คุณหญิงสายหยุดน้ำตาไหล เมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องหมดอิสรภาพในอีกไม่ช้านี้ “แก่ขนาดแม่จะให้ไปอยู่ในคุก ลูกไม่สงสารแม่เลยหรือคะ”

“คุณแม่ใจร้ายมาก ถ้าคุณพ่อยังอยู่ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอย่างนี้” กรผกามารศรีฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ก่อนจะร้องไห้โฮออกมา

 



Don`t copy text!