ละเล่นลานรัก บทที่ 25 : คิดผิดถนัด

ละเล่นลานรัก บทที่ 25 : คิดผิดถนัด

โดย : กุลวีร์

Loading

ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก

วันที่จัดกิจกรรมการละเล่นไทยเวียนมาถึงอีกหนึ่งครา ความครื้นเครงเกิดขึ้นทันทีที่หลายคนมารวมตัวกันตรงลานกว้างหน้าบ้าน จำนวนคนที่มากกว่าครั้งก่อนทำให้ดูคึกคักยิ่งขึ้น ทุกคนมีหน้าตาแจ่มใส แม้บางคนจะเพิ่งมาเจอกันเป็นครั้งแรกก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

หญิงสาวเห็นพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีจึงภูมิใจในวิชาชีพของตน

ถ้าผู้ปกครองให้ความร่วมมือกันจะทำให้บุตรหลานเป็นเด็กที่ดีขึ้นได้ในเร็ววัน อย่างเช่นกีตาร์ที่บัดนี้ไม่ติดแจบิดามารดาตลอด หรือนั่งก้มหน้าก้มตาสนุกอยู่แค่ในโลกของตัวเอง เธอมองดูกีตาร์นั่งรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่นเล่นกันด้วยความสนุกสนาน

เก่งกาจพาภรรยากับลูกชายมาถึงก่อนผู้ใด อีกทั้งยังเอ่ยถึงเอกลักษณ์ให้เธอรู้ว่าจะมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แน่นอน ปรียานุชไม่ได้ให้ความสนใจในตัวแฟนเก่า เพราะยังจดจ่อกับการละเล่นไทยที่จะนำเสนอให้ทุกคนในที่แห่งนี้ได้รู้จัก

แต่มีหนึ่งคนที่เธอนึกถึงอยู่เสมอคือลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งวันนี้ออกมาแสดงตัวได้เองโดยไม่ต้องรอให้เพื่อนชายขึ้นไปตาม

ไขศิลป์เป็นอีกคนที่เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงจากวันแรกที่ได้เผชิญกับการจัดกิจกรรมของเธอ

ตั้งแต่ชายหนุ่มรู้ว่าวันนี้พ่อกับแม่จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เขาก็รีบออกจากห้องนอนลงไปบริเวณหน้าบ้านคอยทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี รอต้อนรับแขกผู้มาเยือน แม้บางคนไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ความกลัวก็ไม่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เพราะเขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นได้เห็นนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอับอายเลย

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ไขศิลป์ยืนรอต้อนรับใครต่อใครได้นั้นก็คือเรื่องน่ายินดีของเพื่อนชายที่เขาจะได้เห็นในวันนี้ หากผู้คนทยอยมากันจะครบแล้ว แต่เพื่อนชายยังไม่โผล่หน้ามาสักที ไขศิลป์พยายามเมียงมองไปทางประตูทางเข้าบ้านบ่อยครั้ง แต่ไม่เห็นคนที่กำลังรออยู่ด้วยใจจดจ่อ

ปรียานุชมักจะเฝ้ามองดูรุ่นน้องข้างบ้านบ่อยครั้งเพื่อดูท่าทีที่เขามีต่อผู้คนในที่แห่งนี้ และเหตุที่เธอไม่อาจเลิกเมียงมองได้นั้นเพราะยังไม่วางใจ เผื่อเขาอาจจะต่อสู้กับความกลัวไม่ไหวจนวิ่งเข้าไปในบ้าน เธอก็พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือให้เขาสู้กับมัน

“ปรีเห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม ศิลป์ต้องรอนินอยู่แน่ๆ ฉันดูออก คงว้าวุ่นใจที่ยังไม่เห็นหน้าแฟนสักที” ธารทิพย์กระซิบพูดกับเธอ

“อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะธาร” ทั้งที่เธอคิดเหมือนเพื่อนสาว แต่ต้องพูดออกไปอย่างนั้น

“ว่าแต่ว่าคนที่จ้องจะขายขนมจีบให้ปรี วันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลย หรือว่าจะไม่มา เห็นแต่น้องดรีมมาคนเดียว” ธารทิพย์เปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อยังไม่เห็นใครบางคน

เธอรู้ว่าเพื่อนหมายถึงผู้ใด “ไม่รู้สิ แต่น้องดรีมบอกว่าคุณฉัตรจะตามมาทีหลัง”

“ถ้าเป็นพี่ฉัตร ฉันเห็นด้วยนะ”

ปรียานุชไม่เข้าใจคำของเพื่อน หันมาแสดงสีหน้าเชิงเป็นคำถามว่าพูดถึงเรื่องใด

ธารทิพย์ขยายความให้เธอเข้าใจมากขึ้น “ฉันยอมนะ ถ้าพี่ฉัตรคิดจะจริงจังกับปรี แต่ฉันไม่ยอมแน่ๆ ถ้าคนเก่าจะมาขอคืนดีกับปรี”

“ทำไมธารมีอคติกับเอกนักล่ะ”

“คนที่เคยทิ้งกันมาก่อน มันมีโอกาสที่จะทิ้งกันไปอีก ฉันว่าคนใหม่น่าสนใจกว่าคนเก่าตั้งเยอะ”

“ฉันคงไม่คิดจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับเอกหรอก แต่ฉันคิดว่ายังเป็นเพื่อนกันได้เท่านั้นเอง”

“ตกลงมันจะมาไหม ยังไม่เห็นหน้าเลย”

“คงมานะ คุณเก่งบอกว่าจะตามมาทีหลังเหมือนกัน”

“ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะปรี ถ้ามันจะมาจีบปรี ฉันนี่แหละจะขวางทุกทางเพราะฉันเชียร์พี่ฉัตร” ธารทิพย์บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เธอหัวเราะให้กับท่าทีของเพื่อนสาว “ธารจะมาสนใจฉันทำไม ไม่เอาเวลาไปฟินกับคู่จิ้นของธารเหรอ”

ธารทิพย์ตีไหล่เธอที่รู้ใจกันดี “ฉันแบ่งเวลาได้ก็แล้วกัน”

การสนทนาของสองสาวหยุดลง เมื่อฉัตรพงษ์เดินมุ่งหน้ามาหาเธอเป็นคนแรกในที่แห่งนี้

“วันนี้พี่ฉัตรมาช้านะคะ” ธารทิพย์เป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อน

“พอดีพี่มีงานด่วนเข้ามาตั้งแต่เมื่อวานครับ ทำเสร็จก็รีบบึ่งมาเลย กลัวจะไม่ทัน” ฉัตรพงษ์เอ่ยตอบ หากมองไปทางเธอ “จะเริ่มเล่นกันหรือยังครับ”

“รอคนอื่นอีกสักพักค่ะ” เธอจำเป็นต้องตอบออกไป

“น้องดรีมมาหรือยังครับ” ฉัตรพงษ์ชวนเธอคุยต่อ

“เล่นอยู่ทางโน้นค่ะ คงจะสนุกกันอยู่” ปรียานุชมองไปทางกลุ่มเด็กที่ตอนนี้ยืนล้อมวงกันเป็นกลุ่ม

“ผมขอไปหาน้องดรีมก่อนดีกว่าครับ ไปดูพวกเด็กๆ เล่นอะไรกันอยู่” ฉัตรพงศ์ขอตัว เมื่อรู้ว่าเธอไม่อยากคุยกันมากนัก

“ทำไมทำอย่างนั้นกับพี่ฉัตรล่ะ” ธารทิพย์หันหน้ามาถามเธอทันทีที่ฉัตรพงษ์เดินห่างออกไป

“ทำยังไง ฉันก็พูดปกติของฉันนะธาร”

“แต่ปรีไม่ยงไม่ยิ้มเลย พูดเสียงเรียบๆ เหมือนพี่ฉัตรมารบกวนกัน ฉันฟังอยู่ก็รู้ว่าปรีไม่ค่อยอยากจะเสวนากับพี่ฉัตร น่าสงสารนะ คนคิดเข้าหากันดีๆ แต่โดนทำไม่ดีใส่”

“ฉันทำไม่ดีตรงไหน ถามแล้วก็ตอบทันที”

“ฉันถามจริงๆ เถอะปรี ไม่คิดจะเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนอีกเลยเหรอ ฉันว่าพี่ฉัตรนี่แหละเข้าท่าที่สุด หรือเธอยังไม่ลืมคนเก่า ตัดใจจากมันไม่ได้จริงๆ สารภาพมาซะดีๆ” ธารทิพย์จ้องหน้าราวกับคาดคั้นคำตอบจากเธอให้ได้

เธอรู้ว่าเพื่อนสาวไม่อยากเอ่ยชื่อเอกลักษณ์จึงเรียกอีกฝ่ายว่ามันมาตลอด “ฉันตัดใจจากเอกได้จริงๆ นะ พอฉันเอาแหวนมาดูอีกที ความหวังที่เคยหวังไม่ได้รู้สึกถึงอีกแล้ว”

“แหวน…” ธารทิพย์หยุดพูด ขณะใช้ความคิด “แหวนที่มันเคยตีตราจองปรีไว้น่ะเหรอ ฉันนึกว่าทิ้งไปแล้วซะอีก จะเก็บไว้ให้แสลงใจทำไม ทิ้งไปเลย ถ้ายังไม่ทิ้งก็คืนมันไป แต่ตอนคืน ปาใส่หน้ามันเลยนะ โทษฐานที่ผิดคำพูด”

ปรียานุชพอจะรู้ว่าเพื่อนสาวเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นมากยิ่งขึ้นยามพูดถึงเอกลักษณ์ หากยังไม่พูดอะไร ธารทิพย์ก็ถามขึ้นอีก

“วันนี้เอาแหวนมาด้วยไหม ฉันจะคืนให้มันเอง”

ก่อนที่เธอจะตอบว่าไม่ได้เอามา คนที่ถูกพูดถึงก็โผล่หน้ามาด้วยความเร่งรีบ

พอเอกลักษณ์เห็นว่าเธอนั่งอยู่ที่ใดจึงพุ่งตรงเข้ามาหากันทันที

“เรามาแล้วนะปรี” เอกลักษณ์บอกกับเธอ

ปรียานุชยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่าย หากชำเลืองมองเพื่อนสาวที่เริ่มมีท่าทีไม่พอใจ

“เอกนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้ อีกไม่นานเราจะเริ่มกิจกรรมแล้ว” เธอหันหน้าไปพูดกับเอกลักษณ์

“ฉันยังคุยธุระกับปรีไม่จบเลย” ธารทิพย์เอ่ยขึ้นลอยๆ หากส่งสายตาคาดโทษไปยังคนที่ยิ่งเห็นใกล้ๆ นานๆ ก็ยิ่งไม่ชอบขี้หน้า

เอกลักษณ์รู้ตัวเหมือนจะเสียมารยาทจึงขอตัวไปหาเก่งกาจที่นั่งรวมตัวอยู่กับผู้ปกครองท่านอื่นที่พาบุตรหลานมาร่วมเล่นการละเล่นไทยตามคำเชิญชวนของหญิงสาว

“เรายังคุยอะไรกันค้างไว้เหรอธาร” เธอเอ่ยถาม

“ไม่มีหรอก ฉันแค่ไม่อยากให้มันมีเวลาใกล้ชิดหรือพูดกับปรีให้มากนัก ฉันรู้ว่ามันจะหาโอกาสตีสนิทกับปรีอีกครั้ง แต่อย่าหวังเลย ถ้ามีฉันอยู่ทั้งคน แผนของมันตรงพังไม่เป็นท่า ปรีดูไม่ออกเหรอว่ามันอยากมาที่นี่ทำไม ไม่ได้สนใจจะเล่นกันจริงหรอก” ธารทิพย์พูดจบก็หันหน้าไปยังประตูหน้าบ้านซึ่งมีคนเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี

เธอมองตามสายตาของเพื่อนสาว เห็นไขศิลป์วิ่งเข้าไปหาฐานินที่เพิ่งจะมาถึง หากสีหน้าของเขานั้นแสดงถึงความยินดีปรีดาที่อีกฝ่ายมาถึงบ้านสักที แต่ความฉงนก็เกิดขึ้นทันที เมื่อเธอเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งเดินตามหลังฐานินเข้ามาในลานหน้าบ้านด้วยกัน

ธารทิพย์หันหน้ามองเธอซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเธอที่หันหน้าไปถามเพื่อนสาว

ต่างคนต่างสงสัยว่าใครมาพร้อมฐานิน

ส่วนไขศิลป์ที่นั่งรอเพื่อนชายอยู่ตั้งนานสองนานก็ใช้เวลามองไปทางรุ่นพี่ข้างบ้านบ่อยครั้ง

ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะสนใจเธอสักเท่าไร ยกเว้นวันนั้นเห็นเธอเข้าพอดีตอนที่โผล่หน้าไปทางหน้าต่างห้องนอน เมื่อได้มองดูจริงๆ ก็เห็นเธอหันมองเขาบ่อยครั้ง จนบางทีเขาก็หนีหน้าหลบสายตาไม่ทัน จึงต้องมองตอบเธอไปพร้อมกับพยักหน้าให้ แต่ตอนที่เธอคุยกับใคร เขาเป็นฝ่ายเดียวที่ได้มองเธอ จนเห็นผู้ชายสองคนมีท่าทีเหมือนจะสนใจในตัวเธอ คนหนึ่งคือคนที่เคยได้เจอหน้าเมื่อครั้งก่อน ส่วนอีกคนก็เป็นแฟนเก่าของเธอที่เคยเห็นหน้าไกลๆ

เธอมีตัวเลือกมากกว่าหนึ่งเช่นนี้ คงเลิกสนใจเพื่อนชายของเขาได้สักทีไม่ช้าก็เร็ว

ชายหนุ่มรีบไปหาฐานินทันทีที่เห็นเดินเข้ามาในบ้าน อีกทั้งยังได้ทำความรู้จักหญิงสาวที่มาพร้อมกับเพื่อน

ไขศิลป์ไม่รอช้า จูงแขนเพื่อนชายไปหาปรียานุช

“พี่ปรีครับ นี่ลิลลี่ครับ” ฐานินรู้ว่าเขามีเจตนาใดจึงชิงเป็นฝ่ายแนะนำหญิงสาวข้างกายก่อนเขา

ปรียานุชยิ้มให้คนตรงหน้า

ธารทิพย์ที่ยังนั่งอยู่ข้างเธอก็เอ่ยถาม “น้องสาวนินเหรอจ๊ะ”

ไขศิลป์เป็นคนไขข้อสงสัยนั้นให้กระจ่าง โดยเน้นถ้อยคำที่พูดออกไป “ลิลลี่เป็นแฟนของนินครับ”

ปรียานุชหันหน้ามองเพื่อนสาวซึ่งนั่งอ้าปากค้าง ไม่มีคำพูดคำจาอีกเลย เธอพยายามเรียกสติกลับคืนมา เมื่อรู้ว่าคิดผิดไปถนัดในเรื่องความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งสองคน

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ มาเล่นสนุกด้วยกันบ่อยๆ เลยนะ”

เขาได้ยินเสียงพูดตะกุกตะกักก็ยิ้มย่องในใจที่เธออาจจะตั้งตัวไม่ทัน คงคิดไม่ถึงเลยว่าแฟนของฐานินจะกล้ามาแสดงตัวให้เห็นเร็วขนาดนี้

เมื่อเจ้าของมาแสดงตัวให้เห็น เธออาจจะตัดใจได้ง่ายและยังช่วยให้เธอคืนดีกับแฟนเก่าได้อีกด้วย

ฐานินขอพาแฟนสาวไปเข้าห้องน้ำในบ้าน เขาจึงเดินตามไปด้วย ปล่อยในหญิงสาวสองคนที่ยังนั่งเหมือนคนมีสติสตังไม่อยู่กับตัวได้มีโอกาสคุยกัน

“เสียดายนะ อุตส่าห์ฟินอยู่หลายวัน นึกว่าจะเป็นแฟนกันจริงๆ” ธารทิพย์เอ่ยออกมา หลังจากหาเสียงตัวเองเจอ

“พวกเราคิดผิดมาตลอดเลย” เธอขบขันในเรื่องชายหนุ่มสองคนที่อาจเป็นหวานใจกัน

“เหมือนคนถูกหลอกให้รัก แล้วเพิ่งจะตาสว่าง” ธารทิพย์พูดเสียงค่อย ยังคงเสียดายที่ไม่เป็นไปตามที่คิดฝัน

“อย่างนี้ก็คงจะเลิกมองพวกเขาได้แล้วสิ อดฟินไปได้เลย”

“ใครบอกว่าฉันจะเลิกจิ้นสองคนนั้น” ธารทิพย์หันหน้ามาถามเธอเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว

“ก็นินมีแฟนเป็นผู้หญิงไปแล้ว พวกเขาไม่ได้เป็นหวานใจกัน” เธอย้ำกับเพื่อน

“เรื่องนั้นไม่ไช่ปัญหา ยังไงก็ฟินต่อได้ ถ้าศิลป์กับนินยังอยู่ใกล้กันให้ฉันเห็น แม้ความจริงจะไม่เป็นอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันขอฟินในความคิดของฉันเหมือนตอนนั่งดูซีรีส์ก็ได้”

“ตกลงว่าจะไม่หยุดจับคู่ให้พวกเขา”

ปรียานุชเห็นเพื่อนพยักหน้าตอบก็ไม่มีคำพูดใด ปล่อยให้เพื่อนสาวจมอยู่กับความคิดตัวเอง

“เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันจะได้มีเวลากันมันให้ห่างจากปรีได้เต็มที่” ธารทิพย์เอ่ยด้วยความมาดมั่น

“ธารไปอยู่กับจินตนาการของธารก็ได้นะ ปล่อยเอกไปเถอะ” เธอส่ายศีรษะให้กับความุ่งมั่นตั้งใจของเพื่อนสาวที่จะไม่ให้เธอมีโอกาสได้คืนดีกับแฟนเก่า

หลังจากทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างถ่องแท้ ปรียานุชก็ชวนธารทิพย์ให้ไปช่วยกันจัดเตรียมสถานที่

เมื่อเห็นทุกคนมากันพร้อมหน้า เธอก็เริ่มกิจกรรมการละเล่นไทยที่จะเกิดขึ้นในวันนี้

“นั่งล้อมวงกันได้เลยนะคะ” ปรียานุชตะโกนบอก หลังจากปูเสื่อบนพื้นตรงลานกว้างหน้าบ้านเสร็จเรียบร้อย

แต่ละคนนั่งลงจนเป็นวงกลมวงใหญ่ ปรียานุชเดินเข้าไปอยู่ตรงกลางวงล้อม เริ่มอธิบายถึงการละเล่นที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ปรีจะพาทุกคนไปรู้จักกับการละเล่นที่ชื่อว่าสีซอให้ควายฟัง”

 



Don`t copy text!