กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)

โดย : ชีวาพร

Loading

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco

ทางด้านแก้วแม้จะย้ายมาอยู่เรือนนางสายในฐานะเมียของปราบ ทว่าในทุกคืนทั้งสองต่างแยกกันนอนคนละหอนอน เรื่องนี้ทำให้นางสายกังวลใจไม่น้อย หากแต่ก็มิได้เอ่ยปากตำหนิอะไรคนทั้งสอง เรื่องของผัวเมียถึงตัวเธอจะเป็นแม่ก็มิควรสอดมือเข้าไปวุ่นวายให้มากนัก ที่ทำได้จึงมีเพียงส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เงียบๆ

“วันนี้แม่แก้วลงครัวทำแกงสายบัวเป็นคราแรก พ่อปราบลองชิมฝีมือน้องสักหน่อย”

แม้ว่าตั้งแต่เยาว์แก้วจะมีหน้าที่หุงหาอาหารและทำสวนให้ชบา แต่เพราะไม่เคยมีใครคอยแนะนำ อาหารที่ทำได้จึงมีเพียงไม่กี่อย่าง และล้วนเป็นรายการจำพวกทอดหรือย่างเป็นส่วนมาก ดังนั้นนับจากรับแก้วมาอยู่ร่วมเรือน ในทุกวันนางสายจึงสอนสั่งเรื่องงานครัวแลงานบนเรือนของสตรี

“เป็นอย่างไรบ้างถูกปากหรือไม่พ่อปราบ”

นางสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยมีคนด้านข้างนั่งรอคำตอบด้วยสายตาคาดหวัง ขณะที่คนลิ้มรสกลับแสร้งดึงเวลามิยอมตอบในทันที เอาแต่ตักข้าวใส่ปากไม่หยุด จนนางสายอดไม่ได้ฟาดมือลงไปที่ต้นขาลูกชายอย่างหงุดหงิด

“โอ๊ยแม่! ตีฉันทำไมกัน”

“ยังจะถามอีก ว่าอย่างไร รสชาติถูกปากหรือไม่”

“ก็…มิเลวนัก”

แม้จะบอกว่ามิเลวนัก แต่หลังจากนั้นจวบจนวางช้อนนอกจากแกงสายบัวแล้วปราบก็มิแตะกับข้าวอย่างอื่นอีก สายยกมุมปากส่งสายตาหยอกล้อคนปากหนัก จนสองแก้มของปราบร้อนผ่าว แสร้งกระแอมไอแลหยิบขันน้ำฝนขึ้นมาดื่ม

“วันนี้พ่อครูจะพาฉันไปพบหลวงชิด อาจจะกลับเรือนดึกหน่อยแม่มิต้องรอฉัน เข้าหอนอนได้เลยนะจ๊ะ”

นางสายฟังคำของลูกชายแล้วถอนหายใจยาว ตั้งแต่ส่งปราบเข้าไปเรียนดาบเรียนมวย เธอก็มิเคยรั้งรอเวลากลับเรือนของเขาเลย เห็นจะมีก็แต่หญิงสาวข้างกายที่หากไม่เห็นคนหน้านิ่งก้าวขึ้นเรือนก็จะไม่ยอมดับไฟเข้าหอนอน

“ไปเถิด วันนี้ในสวนมิมีอะไรต้องเอาไปขาย แม่ว่าจะสอนแม่แก้วทำแป้งร่ำสักหน่อย”

เพราะเติบโตมาพร้อมคุณหุ่น ผู้มีศักดิ์เป็นถึงบุตรีของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติฯ นางสายจึงได้เรียนรู้งานฝีมือชาววังมาหลายแขนง และที่โดดเด่นก็คือการทำแป้งร่ำ น้ำอบ แลเครื่องหอม

ส่วนแก้วแม้มิเคยร่ำเรียนมารยาทงานฝีมือเยี่ยงหญิงสูงศักดิ์ แต่เพราะเดิมทีมิใช่คนแข็งกระด้างแลมีปัญญาไหวพริบที่พอตัว ดังนั้นนางสายสอนเพียงไม่กี่คราก็จดจำได้ขึ้นใจ แลลงมือทำได้อย่างช่ำชอง

“ที่แม่สอนไปเมื่อวานจดจำได้หรือไม่แม่แก้ว”

นับจากประกาศรับแก้วเป็นลูกสะใภ้ นางสายก็เปลี่ยนคำแทนตัวจากน้ามาเป็นแม่ ตัวแก้วเองก็ไม่ติดขัด เอ่ยเรียกตามโดยมิต้องเอ่ยปากบอก

“จำได้แล้วจ้ะแม่”

นางสายพยักหน้ารับเอนกายบนตั่งนั่งกลางเรือน ขยับโบกพัดในมือเบาๆ มองดูแก้วค่อยๆ ตักแป้งร่ำเหลวที่อบร่ำซ้ำอยู่หลายคราจนได้ที่ใส่ลงในกรวยทองแดง มือเล็กค่อยๆ หยอดแป้งร่ำเหลวออกจากกรวยทองแดงลงบนผ้าต่วนเนื้อมันละเอียด ได้เป็นจุดก้อนขนาดพอดีใช้

“แม่จ๋าฉันหยอดก้อนใหญ่ไปหรือไม่จ๊ะ”

แก้วเอ่ยถามด้วยความกังวล นางสายขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองเม็ดแป้งร่ำเหลวที่แก้วหยอดบนผ้าต่วนแล้วยิ้มกว้างอย่างพอใจ

“ขนาดกำลังพอดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป”

แก้วได้ยินคำชมก็ยิ้มกว้าง ตั้งใจหยอดแป้งร่ำในมือทีละก้อนอย่างพิถีพิถัน จนกระทั่งผ่านไปครึ่งวันแป้งร่ำเหลวที่เตรียมไว้ก็กลายเป็นก้อนแป้งวางเรียงรายอยู่บนกระจาดเหนือผ้าต่วน

“หากเสร็จแล้วเอาไปผึ่งลม วันนี้แดดดีจะได้แห้งเร็วๆ”

“จ้ะ”

มือเล็กยกกระจาดใบใหญ่ไปที่ลานโล่งหน้าเรือน แหงนหน้ามองทิศทางของแสงตะวันแล้วจึงวางลง เดินกลับมาเจียนหมากเจียนพลูให้สายตามที่อีกฝ่ายเคยสอน

“รอแห้งดีแล้วเอ็งแบ่งเก็บใส่โถแก้วให้แม่สักหน่อย แม่จักเอาไปฝากคุณหุ่นท่าน”

“จ้ะ”

และเพราะความตั้งใจทำอย่างประณีตในทุกขั้นตอน ยามที่นางสายนำแป้งร่ำฝีมือแก้วไปฝากคุณหุ่นจึงได้รับคำชมอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังเอ่ยปากให้พาแก้วมาพบเสียที่เรือนอีกด้วย

“เยี่ยงนั้นคราหน้าอิฉันจะพาแม่แก้วมากราบเจ้าค่ะ”

“รับปากแล้วก็อย่าได้ลืมล่ะ”

“เจ้าค่ะ”

ข่าวเรื่องที่คุณหุ่นชมฝีมือการทำแป้งร่ำแลอยากพบแก้วนั้นทำใบหน้าของคนทำมีรอยยิ้มระบายกว้าง ต่างจากคนที่นั่งกินกล้วยตากอยู่ข้างๆ ที่ยามนี้ทั้งเคร่งขรึมทั้งบึ้งตึง

“เป็นกระไรพ่อปราบ ทำหน้าราวกับไปกินรังแตนมาเสียทั้งรัง”

“ฉันจะเป็นกระไรได้เล่า ก็แค่ซ้อมหนักไปหน่อยเลยปวดเมื่อยตัวเท่านั้น”

แก้วได้ยินปราบบอกว่าซ้อมหนักจนปวดเมื่อยตัวก็ลอบมองเนื้อตัวที่เปลือยอกของเขา จึงสังเกตเห็นรอยช้ำบนตัวหลายจุดดังคำที่อีกฝ่ายบอก ดวงตากลมฉายแววห่วงหาอาทรชัดเจนจนนางสายอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ หากแต่คนที่กำลังขุ่นเคืองบึ้งตึงมองฟ้ามองดาวกลับไม่รับรู้

“เยี่ยงนั้นก็ไปพัก จะมานั่งทำหน้าบึ้งตาเขม็งทำไมกัน”

นางสายแสร้งเอ็ดคนท่ามากไปหนึ่งประโยคก่อนจะหันมาเอ่ยเสียงอ่อนโยนกับแม่แก้ว

“แม่แก้วเองก็เหมือนกัน ดึกแล้วเร่งเข้านอนเสีย วันพุกต้องตื่นแต่ย่ำรุ่งเพื่อไปพบคุณหุ่นท่าน”

“จ้ะ”

ปราบมองตามร่างเล็กที่เดินเข้าหอนอนไปอย่างว่าง่ายตามคำของมารดาเขาโดยไม่แม้แต่จะสนทนาถามไถ่เขาสักประโยคด้วยความน้อยใจ ใบหน้าที่บึ้งตึงกลายเป็นถมึงทึงเดินลงเท้าเสียงดังเข้าหอข้างไปอย่างหงุดหงิด

ไม่คิดจะใส่ใจกันบ้างเลยหรือไร

ปราบทิ้งตัวนั่งลงบนพรมนุ่ม วางมือลงบนโต๊ะเตี้ยที่เขามักใช้อ่านตำราและบันทึกต่างๆ ก่อนนอน ทว่าคืนนี้สายตากลับไม่อาจจดจ่ออยู่กับตัวอักษรตรงหน้าด้วยจิตใจนั้นไม่สงบ ในความคิดเอาแต่คำนึงถึงเรื่องที่มารดาแจ้งเมื่อครู่

ไปพบคุณหุ่น

หากพบเพียงคุณหุ่นก็คงมิเป็นกระไร ทว่าจมื่นเมฆนั้นมีบุตรชายอยู่มากโข ทั้งจากคุณหุ่นและภริยาคนอื่นๆ แก้วแม้ไม่ใช่หญิงงามทว่าก็มิได้ขี้ริ้วขี้เหร่ อีกทั้งยังมีรอยยิ้มและแววตาที่ชวนให้หลงใหล เพียงแค่คิดว่าหนึ่งในบุตรชายของจมื่นเมฆอาจสนใจแก้วในใจของปราบก็รู้สึกกระวนกระวายไปหมด ทว่ากระวนกระวายแล้วอย่างไร เขาย่อมไม่อาจห้ามแม่แก้วมิให้ลงเรือน คนร้อนรนจึงทำได้เพียงถอนหายใจยาวทิ้งตัวเอนหลังพิงผนังเรือนอย่างหงุดหงิด

ทว่าในยามที่กำลังนั่งกลัดกลุ้มระคนขุ่นเคืองใจ ประตูเบื้องหน้าก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวที่ทำให้จิตใจเขาสับสนเดินถือถาดลูกประคบเข้ามา

“ฉันเห็นพี่เนื้อตัวช้ำไปหมดจึงไปทำลูกประคบมาให้จ้ะ”

แก้วเอ่ยบอกพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ทันทีที่ได้รับความห่วงใยจากหญิงสาวความกรุ่นโกรธก่อนหน้าก็จางหายไปจนหมดสิ้น ในใจพลันเกิดความยินดีจนไม่อาจหักห้ามริมฝีปากที่ยิ้มกว้าง

“ตอนเด็กๆ ฉันมักถูกพ่อตีบ่อยๆ น้าช้อยจึงสอนฉันทำลูกประคบแก้ฟกช้ำจ้ะ”

แก้วพรรณนาบอกกล่าวโดยที่ไม่ทันสังเกตสีหน้าคนตัวโต มือเล็กหยิบลูกประคบที่นึ่งอุ่นกำลังพอดีวางลงบนแผ่นหลังที่เป็นรอยช้ำ ความใกล้ชิดแบบกะทันหันนี้ทำให้หัวใจของปราบเต้นระรัว กลิ่นสมุนไพรขจรฟุ้งทว่าที่ปราบสัมผัสได้กลับมีเพียงกลิ่นดอกแก้วเท่านั้น

“ฉันกดแรงไปหรือไม่”

“ไม่ เอ็งช่วยประคบที่ไหล่ซ้ายให้พี่ด้วย วันนี้ไอ้คล้อยมันเตะมาเสียเต็มแรง”

“เยี่ยงนั้นพี่ก็หันหลังมาให้ฉัน นั่งเอียงตัวแบบนี้ฉันประคบไม่ถนัด”

เพราะหลังของปราบนั้นอยู่ประชิดผนังเรือน เมื่อต้องประคบไหล่อีกข้างให้เขาแก้วจึงทำได้ไม่ถนัดนัก

“พี่ปวดตัวขยับมากไม่ได้ เอ็งก็ขยับตัวมาใกล้ๆ พี่เอาก็แล้วกัน”

แก้วถอนหายใจยาวขยับตัวเข้ามาแนบชิด โน้มตัวเอื้อมมือไปประคบไหล่ซ้ายให้คนที่เอาแต่ใจ ทว่าจากที่เดิมทีตั้งใจแกล้งหยอกหญิงสาวให้ตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวของปราบที่กำลังลำบากเสียเอง เมื่อแก้วขยับตัวแนบชิดโดยไม่ระวัง ทำให้ต้นแขนขวาของเขาสัมผัสกับความอ่อนนุ่มบนกายสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ

ร่างกายของปราบตื่นตัวตามสัญชาตญาณของบุรุษ มือหนากำเข้าหากันแน่น กัดฟันควบคุมลมหายใจ หากแต่คนที่มีใจหวังดีกลับไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างความลำบากให้ผู้อื่น มือเล็กขยับหมุนวนลูกประคบไล่จากไหล่หนาลงมาจนถึงเอวสอบอย่างใส่ใจ

“แม่แก้วพอแล้ว”

ปราบที่ใกล้หมดความอดทนเต็มทีเอ่ยบอกเสียงสั่น แก้วชะงักมือขมวดคิ้ว ขยับตัวถอยมาอยู่ในท่านั่งปกติด้วยความสงสัย คนที่พยายามควบคุมตนเองผ่อนลมหายใจยาว ตัวเขาตระหนักดีว่าแก้วไม่ได้เต็มใจมาเป็นเมียเขาหากแต่เพราะสถานการณ์ยามนั้นยากจะหลีกเลี่ยงจึงได้ยินยอมตกกระไดพลอยโจนเช่นนี้ ดังนั้นที่ผ่านมาเขาจึงมิได้คิดข่มเหงให้เสียน้ำใจ

“พี่ปราบเป็นกระไรไปหรือจ๊ะ หรือว่าเป็นไข้”

แก้ววางลูกประคบในมือลงแล้วขยับเข้าประชิดคนที่ใบหน้าแดงก่ำ วางหลังมือบนหน้าผากกว้าง เพียงแต่ไม่ทันสัมผัสถูกตัวเขาข้อมือเล็กก็ถูกจับห้ามเอาไว้

“แม่แก้วอย่า”

คนถูกห้ามเอียงคอมองสบตาด้วยความสงสัย

“เอ็งลืมไปแล้วฤๅแม่แก้ว…ว่าพี่ก็เป็นบุรุษ”

แม้แก้วจะไม่ช่ำชองเรื่องชายหญิงเช่นผกากรอง ทว่าคำพูดนี้ของปราบเธอก็สามารถเข้าใจความหมายได้ในทันที โดยไม่ต้องให้ปราบบอกว่าควรทำอย่างไรแก้วรีบดึงมือของตนเองกลับมาเก็บบนตัก ก่อนจะดันถาดลูกประคบให้เขาแล้วเอ่ยเสียงรัวเร็วก่อนหมุนตัวแทบจะวิ่งออกจากหอข้าง

“ฉะ…ฉันง่วงแล้วจ้ะ”

ปราบถอนหายใจยาวมองเรือนร่างที่วิ่งออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มขบขัน แม่แก้วของเขาช่างไร้เดียงสานัก นี่เธออายุสิบแปดปีแล้วจริงๆ หรือ โดยปกติหญิงสาวผู้อื่นจะแต่งงานออกเรือนตั้งแต่อายุสิบห้าสิบหก ทว่าเพราะชบาต้องการใช้เรือนร่างของผกากรองล่อลวงเงินจากชายหนุ่ม และต้องการใช้แรงกายของแก้วดูแลไร่สวนหาเงิน สองพี่น้องจึงได้ครองตัวเป็นสาวเทื้อให้ผู้คนตำหนินินทา หากแต่สำหรับปราบกลับรู้สึกยินดียิ่งนักที่แก้วมิได้ตบแต่งไปกับผู้อื่น และสุดท้ายยังกลับกลายมาเป็นเมียของเขาเช่นนี้

ทว่าหากแม้ชบาคิดยกแม่แก้วให้ผู้อื่นเขาก็ไม่คิดยินยอม เพราะนับจากวันที่เธอก้าวขาลงเรือของเขามา ปราบก็ได้นับแม่แก้วเป็นคนของเขา อดีตเป็นน้องของเขา ปัจจุบันเป็นเมียของเขา และในอนาคตก็คือแม่ของลูกเขา



Don`t copy text!