นิราศรักสองนครา บทที่ 21 : อุปสรรคและทางออก
โดย : ปรียนันทนา
นิราศรักสองนครา โดย ปรียนันทนา เรื่องราวของโชติ หญิงสาวชาวสยาม กับทางเลือกสองทาง ความรักของชายหญิงกับความรักหวงแหนแผ่นดินเกิด เธอจะเลือกทางใด และหากไม่สามารถเลือกได้ จะมีหนทางใดที่ใจสองดวงจะมาบรรจบพบกัน ณ จุดที่ลงตัวได้หรือไม่ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านพร้อมกันที่นี่ anowl.co
ขณะที่หญิงสาวเจ้าของร่างสูงโปร่งก้าวขึ้นบันไดเรือนเสียงพูดคุยที่ดังอยู่เมื่อคนก็เบาลง เมื่อโชติเข้าเรือนก็พบว่าบิดามารดากำลังสนทนากันอยู่ แม้ปราศจากการทุ่มเถียงทะเลาะเบาะแว้งแต่น้ำเสียงและสีหน้าที่ปรากฏกลับบ่งบอกความรู้สึกอันหลากหลายได้
“แม่โชติมาพอดีเวลาตั้งสำรับเลย แล้วนั่นไปทำอันใดมาเนื้อตัวมอมแมม ถึงกับช้ำด้วยรึนี่” นางแสงสังเกตความผิดปกติของบุตรสาวเป็นคนแรก เมื่อครู่เธอกำลังฟังสามีเล่าเรื่องการตามเสด็จซึ่งหนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจก็คือการที่เจ้าเมืองกาญจนบุรีได้รับการลงโทษจากการร้องเรียนเรื่องการขูดรีดประชาชน
“คุณพ่อกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวไม่ตอบมารดาด้วยไม่อยากเล่าเรื่องที่ตนเองพบเจอมาก่อนหน้า
“เสเปลี่ยนเรื่องด้วยเหตุใด ตอบแม่เขาไปสิว่าโดนอันใดมา” พระนรินทรราชเสนาคาดคั้นเอาความกับบุตรสาว
“โดนผู้ร้ายมันกระชากจนถุงอัฐหล่นแลมันแย่งไปได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย เมื่อหันไปมองกลอยก็พบว่าเด็กหญิงนั่งตัวเกร็งอยู่ข้างหลังด้วยคงเกรงจะถูกหาว่าดูแลโชติไม่ดี แต่นางแสงกลับไม่ได้ซักไซ้เด็กหญิงอย่างที่กลอยนึกหวั่น
“กระไรนะ เจ็บมากหรือไม่แม่โชติ” นางแสงลงจากตั่งมาจับแขนบุตรสาวที่แม้ร่องรอยฟกช้ำจางลงไปมากหากมิอาจรอดพ้นสายตาของผู้เป็นมารดาไปได้ หนำซ้ำผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและใบหน้าหมองยิ่งทำให้นางมั่นใจว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับแม่โชติแน่นอน
“มิเป็นอันใดแล้วจ้ะแม่ ลูกกำลังจะไปบ้านคุณลุงคุณป้าแต่เกิดเรื่องก่อนถึงบ้านนั้นพอดี” หญิงสาวชั่งใจว่าจะเล่าเรื่องมิเชลมาช่วยดีหรือไม่
“คนร้ายล่ะ จับมันได้หรือไม่” พระนรินทรราชเสนาถาม
“ได้เจ้าค่ะ ดีว่าคุณหลวงภูบดินทร์พิทักษ์ช่วยจับส่งโปลิศ”
“นับว่ายังเป็นโชคดีของลูกที่คุณหลวงมาช่วยไว้ได้” นางแสงลูบไหล่โชติพลางเอ่ยออกมาอย่างโล่งใจ
“อันที่จริงหาเป็นเช่นนั้นดอกเจ้าค่ะ” กลอยผู้ซึ่งนั่งเงียบด้วยเกรงความผิดคลายความกลัวลงแล้วจึงกล้าเล่าเรื่องราวระทึกที่ตนเองและโชติได้เผชิญมา
“หากมิได้เป็นเช่นนั้น แลความจริงเป็นเยี่ยงไรเล่า” พระนรินทรราชเสนามองอย่างคาดคั้นคำตอบ
“ความจริงก็คือระหว่างที่พวกเรา…” เด็กหญิงเว้นจังหวะเพียงครู่เดียวเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ระทึกในความรู้สึกของเธอ “…ฉัน พี่โชติ ครู แลแม่พุดตาน กำลังเดินออกจากวัดเพื่อไปบ้านเจ้าคุณนั้นมีโจรวิ่งมาชนจนพี่โชติเสียหลักล้มจ้ะ เอ้อ เจ้าค่ะ” ด้วยความที่ไม่ค่อยได้สนทนากับท่านเจ้าของบ้านฝ่ายชายบ่อยนักเด็กหญิงจึงประหม่าเล็กน้อย “แต่มีคนวิ่งตามโจรไปเอาถุงอัฐของพี่โชติมาคืนได้เจ้าค่ะ”
“ผู้ใดกัน” นางแสงถามอย่างสนใจ
“ฝรั่งที่ชื่อมิเชลเจ้าค่ะ” กลอยรีบตอบพลางมองหน้าของบิดาพี่โชติด้วยความระทึกว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าอย่างไร
“มิเชล คนที่ติดตามท่านกงสุลฝรั่งเศสมาใช่หรือไม่แม่โชติ” เขาหันไปถามบุตรสาว
“ใช่เจ้าค่ะ” โชติตอบรับพลางมองหน้ากลอยอย่างคาดโทษ
“เขาไปด้วยกันกับพวกลูกฤา”
“หามิได้เจ้าค่ะ เขาแค่ผ่านไปละแวกนั้น” หญิงสาวถอนหายใจพลางตั้งใจอธิบายเรื่องราวต่อไป “ลูกมิรู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปที่นั่นด้วยมิได้เจอหลายวันแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ลูกช่วยสอนภาษาแก่เขาก็มีเหตุให้ต้องแคลงใจด้วยเรื่องกงสุลของเขานั่นแหละเจ้าค่ะ”
พระนรินทรราชเสนารับฟังอย่างสงบขณะเดียวกันก็คิดตริตรองถึงเหตุและผลของบุตรี เขาเข้าใจและปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดความรู้สึกของตน
“เรื่องกงสุลดูเหมือนจะทำใครต่อใครเดือดร้อนกันเหลือเกิน” คุณพระบ่นพลางใช้มือจุ่มลงในขันเพื่อทำความสะอาดก่อนจะรับประทานอาหารในสำรับบ่าวกำลังทยอยมาวางลงตรงหน้า
ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธจากโชติหรือคนอื่นนอกจากเสียงถอนหายใจของผู้เป็นเจ้าของบ้าน จากนั้นก็ดูเหมือนเรื่องชายหนุ่มจะเลือนไปจากวงสนทนาเนื่องจากเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศอึมครึมให้สดใสด้วยการชี้ชวนรายการอาหารที่สามีและลูกสาวชื่นชอบ หลังจากที่โชติขอไปผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งเพียงไม่นานการสนทนาจึงเปลี่ยนไปเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางและเหตุการณ์ที่ในหลวงทรงลงอาญาพระยากาญจนบุรีผู้เป็นเจ้าเมืองในโทษฐานขูดรีดราษฎรจนเดือดร้อน พระองค์ได้รับเรื่องร้องเรียนจึงรีบจัดการจนเรียบร้อย และตอนนี้ได้ทรงแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่แล้ว
“เยี่ยงนี้นายเทิดคงมิต้องกังวลว่าจะมีภัยแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
“เป็นเช่นนั้นแหละ”
“เราควรส่งข่าวให้นายเทิดรู้หรือไม่เจ้าคะ”
“พ่อให้คนไปส่งข่าวแล้ว” คุณพระเดาใจบุตรสาวได้จึงเอ่ยประโยคต่อมาอย่างรู้ใจ “แต่หากลูกอยากไปที่เรือนนั้นเพื่อไปไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบแลสอบถามความกับนายเทิดอีกก็มิได้เสียหายอันใด”
“เช่นนั้นวันพรุ่งลูกจะไปที่เรือนคุณหลวงนะเจ้าคะ ขอบพระคุณคุณพ่อเจ้าค่ะ” หญิงสาวพนมมือไหว้บิดาด้วยกิริยาเรียบร้อยซ่อนแววตาตื่นเต้นไว้อย่างแนบเนียน แม้เมื่อครู่มีเรื่องให้ต้องขุ่นใจแต่เมื่อไตร่ตรองดูก็คิดว่าควรแล้วที่บิดาจะต้องซักไซ้เช่นนั้น ด้วยตัวเธอเป็นถึงลูกสาวและหลานสาวข้าราชการผู้ใหญ่ หนทางระหว่างเธอและมิเชลมิอาจพานพบบรรจบกันได้ด้วยมีเรื่องความเหมาะสมเป็นเสมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ต้องข้ามผ่าน
เรื่องของนายเทิดและลูกสาวเจ้าเมืองนั้นเป็นตัวอย่างให้โชติเห็นชัดในเรื่องความเหมาะสมอันเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง แต่ครั้นกาลเวลาผ่านทุกอย่างอาจเปลี่ยนให้ผู้กำลังก้าวไปพบว่าอาจมีหนทางอื่นนำพาสู่จุดหมาย และอุปสรรคอาจมิได้มีอยู่จริงเพียงแค่ต้องรอคอยเวลาอันเหมาะสมเท่านั้น
“ได้ยินจากคุณพี่ว่าเพลานี้มีเจ้าชายจากเมืองฝรั่งเศสมาเข้าเฝ้าที่วังหลวงฤาแม่โชติ” แม่จันผู้ยังคงดูซูบผอมแต่แววตามีประกายเจิดจ้าเอ่ยถามหญิงสาวผู้มาเยือน ความสดใสทั้งใบหน้าและนัยน์ตากอปรกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มองแล้วชื่นตาชื่นใจทำให้ผู้พบเห็นพลอยรู้สึกเบิกบานไปด้วย
ดวงตาดำขลับฉายแววฉงนด้วยวานนี้มิได้สนทนาด้วยเรื่องเจ้าชายฝรั่งเศสสักนิด แต่หากเป็นข่าวจากคุณหลวงภูบดินทร์พิทักษ์คงจะเป็นเรื่องจริง แม้ว่าฝ่ายนั้นจะทำงานในวังหน้าแต่เรื่องการข่าวต่าง ๆ ระหว่างสองวังนั้นเป็นเรื่องที่ติดต่อกันเป็นประจำสม่ำเสมอ ช่วงเวลานี้สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงประชวรแต่ข้าราชบริพารในพระองค์ก็ยังต้องถวายงานต่าง ๆ เป็นนิจ
“ฉันมิทราบดอกค่ะคุณน้า แต่หากออกจากปากคุณหลวงแล้วคงจะมิเป็นอื่นไปได้แน่ค่ะ”
“ฉันว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องกงสุล แม่โชติคิดเห็นเป็นอย่างไร” ท่าทางสนใจเรื่องความเป็นไปต่าง ๆ ทำให้โชติสนุกที่จะได้แสดงความเห็นกับอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้โชติคิดว่าจันไม่สนใจเรื่องราวเหล่านี้แต่เมื่อคราวที่หมอบลัดเลย์มาตรวจอาการอีกฝ่ายโชติสังเกตุว่าภรรยาหลวงภูบดินทร์พิทักษ์ค่อนข้างสนใจเรื่องที่หมอเล่ามาก และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้จันไถ่ถามเธอตอนนี้
“ฉันมิรู้ดอกค่ะว่าเกี่ยวกับใครหรือไม่ แต่หากคุณน้าถามนะคะ ฉันก็เห็นด้วยว่าอาจมีมูลไม่มากก็น้อยเชียวแหละ อย่างไรเสียความเห็นของเจ้าชายย่อมต้องมีผลต่อพระเจ้านโปเลียนมากกว่าท่านกงสุลเป็นแน่”
โชติและจันเห็นตรงกันในเรื่องนี้ว่าหากทางสยามบอกเรื่องราวพฤติกรรมของกงสุลไปทางเจ้าชายฝรั่งเศสก็อาจมีความเป็นไปได้ที่เรื่องจะไปถึงพระเนตรพระกรรณพระเจ้านโปเลียน
“หากเป็นเยี่ยงนั้นก็เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางฝรั่งเศสจะเปลี่ยนตัวกงสุลเพื่อเจรจาความบ้านความเมืองในตอนนี้”
“ฉันก็คิดเยี่ยงคุณน้าค่ะ แต่ติดตรงที่ว่าเจ้าชายที่เสด็จมาประพาสจะเดินทางกลับถึงเมืองของพระองค์เมื่อใดกันเล่าคะ หากเรื่องยังไปไม่ถึงทางฝรั่งเศสก็เท่ากับว่าทางสยามยังต้องเผชิญกับพฤติกรรมของกงสุลคนนี้อยู่เยี่ยงนี้นะคะ” หญิงสองคนเข้าใจถึงนัยยะที่เอ่ยออกมาว่าสยามแต่แท้จริงแล้วหมายถึงผู้เป็นประมุขของบ้านเมืองนั่นเอง
“นั่นสินะ” จันนิ่งงันไปทันทีก่อนจะยุติเรื่องที่ค้างคาใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่แม่โชติมาเยี่ยมน้าแลมาพบแม่เพ็ญเท่านั้นเองรึ”
“หามิได้ค่ะ ฉันอยากมาพบนายเทิด” โชติกระซิบกระซาบราวกับมีความลับทั้งที่จันรู้ข่าวเรื่องในหลวงทรงปลดพระยากาญจนบุรีแล้วและคิดว่าคงเกี่ยวกับการที่นายโชติต้องมาตามหาญาติที่นี่เป็นแน่
“นายเทิดหรือ เดี๋ยวน้าให้คนไปตามนะจ๊ะ”
ครู่ใหญ่นายเทิดก็เดินขึ้นเรือนมาพบกับโชติ ชายหนุ่มมีสีหน้าสดชื่นกว่าที่เคยพบกันแม้แววตายังคงมีร่องรอยกังวลพาดผ่านก็ตาม
“คุณโชติต้องการพบกระผมฤาขอรับ” มาอยู่ที่นี่นายเทิดเรียนรู้วิธีการพูดจาและกิริยาเรียบร้อยมากขึ้น
“ฉันรู้ข่าวแล้วเลยมาถามว่านายโชติมีอะไรให้ช่วยหรือไม่จ๊ะ”
“กระผมกำลังเตรียมตัวกลับบ้านขอรับ ขอบพระคุณคุณพระคุณพ่อของคุณโชติเหลือเกินที่ทำให้กระผมได้มีโอกาสกลับบ้านเสียที” เขาทำท่าก้มลงกราบโชติแต่หญิงสาวห้ามไว้
“อย่า อย่านายโชติ หากจะขอบคุณคุณพ่อก็ไปที่เรือนเถิดจ้ะ ฉันมิได้เกี่ยวข้องด้วยจะอายุสั้นเอา” หญิงสาวบอกอย่างอารมณ์ดี “แล้วเช่นนี้จะคิดการอย่างไรต่อไปเล่าจ๊ะ เอ้อ ฉันหมายถึงเรื่องนายเทิดกับคนรักน่ะจ้ะ”
“คุณวาดน่ะหรือขอรับ เธอคงออกมาอยู่กับญาติทางแม่ที่บ้านตรงตลาดใกล้ ๆ กับบ้านกระผม กลับไปครานี้คงได้เจรจาเรื่องสู่ขอกันเสียที” เขามีสีหน้าหมายมั่น
“ฉันยินดีด้วยนะ” จันเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ
“แต่ทางญาติ ๆ แลคุณแม่ของคุณวาดจะมิมีปัญหาหรือจ๊ะ” โชติถาม
“ไม่ขอรับ พวกญาติ ๆ กับคุณนาย” เขาหยุดเมื่อเห็นโชติมีสีหน้าสงสัยก่อนอธิบาย “กระผมหมายถึงแม่ของคุณวาดน่ะขอรับ พวกท่านใจดีแลเมตตากระผมมาแต่ต้นมิได้รังเกียจว่าเป็นคนค้าขาย มีเพียงท่านเจ้าเมืองเท่านั้นที่มิเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ยิ่งกระผมดันไปรู้เห็นเรื่องการขูดรีดแลทำร้ายคนของท่านยิ่งพาลห้ามมิให้กระผมพบคุณวาดจนถึงกับอาฆาตจะเอาชีวิตกระผมขอรับ”
“เรื่องจบลงเช่นนี้ก็ดีหนักหนาแล้วนายเทิด ฉันยินดีด้วยจริง ๆ” โชติชื่นชมในความอดทนรอของอีกฝ่าย แม้ในเวลาที่มืดมนจนอาจไม่เห็นว่าปลายทางอยู่ที่ใดแต่นายเทิดคงมีหมุดหมายอยู่ในใจของเขาที่ทำให้สุดท้ายแล้วเรื่องราวคลี่คลายไปในทางที่ดีเช่นนี้
บุรุษหนุ่มต่างวัยที่นั่งเผชิญหน้ากันโดยแวดล้อมไปด้วยเครื่องเรือนอันตระการตาในทัศนะของผู้ที่รับใช้ซึ่งเป็นคนพื้นถิ่น ทว่าความคุ้นชินในวิถีชีวิตของเจ้านายที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผู้ดูแลสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างกลมกลืน เช่นยามนี้ที่บุรุษวัยหนุ่มผู้ติดตามท่านกงสุลมาแต่แรกได้มาเยือนที่เรือนริมน้ำอีกครา ชุดน้ำชาและอาหารว่างจัดวางอย่างวิจิตรบรรจง ผู้เป็นเจ้านายโบกมือไล่เมื่อเขาจัดการรินน้ำชาและแบ่งขนมให้เรียบร้อยแล้ว
“อามีเรื่องร้อนใจ” เขาเอ่ยอย่างเคร่งเครียดก่อนจะเอ่ยถามมิเชล “ว่าแต่คราวก่อนมีจดหมายถึงหลานได้รับแล้วใช่หรือไม่” โอบาเรต์รู้ดีว่าอดีตคนรักของมิเชลที่ชื่อเฟลอร์เพิ่งตกพุ่มม่ายแต่ยังสาวเนื่องด้วยสามีของเจ้าหล่อนนั้นเป็นสหายรุ่นพี่ของเขานั่นเอง
“ได้รับแล้วขอรับ” เขาตอบสั้นที่สุดเพราะไม่อยากอธิบายความรู้สึกของตนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ “ว่าแต่เรื่องของคุณอาเล่าขอรับ มีเรื่องอันใด” แม้เขาจะสนิทสนมและให้ความเคารพอีกฝ่ายสักเพียงใดแต่เรื่องของอดีตคนรักเป็นเรื่องที่มิเชลไม่อยากแสดงความรู้สึกให้โอบาเรต์รู้สักนิดเนื่องจากความทรงจำครั้งที่หญิงสาวผละจากเขาไปสมรสกับขุนนางวัยกลางคนผู้เป็นสหายของท่านกงสุลยังฝังลึกในใจ ครานั้นโอบาเรต์ปลอบเขาว่าดีแล้วที่เฟลอร์ไปจากเขาเช่นนี้เพราะทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ลาภยศชื่อเสียงมากกว่าความรัก แต่เขากลับรู้มาว่าในงานมงคลสมรสระหว่างขุนนางผู้นั้นกับอดีตคนรักของเขา โอบาเรต์กล่าวเยินยอทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงว่าสมกันยิ่งและยังยกย่องว่าเฟลอร์เป็นหญิงผู้มีจิตใจงดงามไร้ที่ติ คู่ควรแล้วกับขุนนางใหญ่เยี่ยงสหายของเขา
มิเชลถอนตัวจากภวังค์แล้วกลับมาจดจ่อกับคำตอบของท่านกงสุลซึ่งไม่ได้สร้างความแปลกใจแก่เขานัก
“อาคิดว่าจะฟ้องร้องหมอบลัดเลย์เรื่องที่เขียนข่าวเรื่องของอาลงในบางกอกรีคอร์ดเดอร์”
“คุณอาแน่ใจหรือขอรับ” เขาถามย้ำทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เปลี่ยนใจ
“อาคิดทบทวนมาหลายเพลาแล้ว เรื่องนี้สร้างความเสื่อมเสียแก่อาในแง่ของชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนที่ไม่รู้จะคิดว่าอาเป็นตามที่เขาเขียน”
“แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่เล่าขอรับ” มิเชลถามตรง ๆ อย่างแคลงใจ ไม่แพ้คนอื่นทั้งที่เขาคิดแก้ต่างให้อีกฝ่ายว่าทำตามหน้าที่แต่หากเรื่องไม่มีมูลมีหรือที่คนอื่นจะนำเอาไปปั้นแต่งขึ้นมาได้
“อาขอยืนยันว่ามิได้ทำสิ่งใดเกินเลยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ส่วนเรื่องพฤติกรรมที่แสดงออกเป็นเรื่องเฉพาะหน้าในตอนนั้นมิได้สะท้อนถึงความคิดในใจของอา แต่การที่หมอบลัดเลย์ผู้ซึ่งมิได้อยู่หน้าพระที่นั่งฟังความจากผู้อื่นแล้วไปเขียนข่าวนั้นสร้างความเสียหายแก่อาเป็นอย่างยิ่ง” โอบาเรต์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ แววตาแสดงความฉุนเฉียวชัดเจนเมื่อนึกถึงข้อความที่ได้อ่านในหนังสือพิมพ์
“กระผมมิได้จะห้ามปรามแต่อยากให้คุณอาคิดอีกนิดว่าแม้คุณอาได้รับการตัดสินให้เป็นผู้ชนะจะมีสิ่งใดดีขึ้น เพราะในตอนนี้ก็มิได้มีผู้ใดจะนึกนิยมชมชอบมากขึ้นหรือน้อยลงเลยนี่ขอรับ”
มิเชลเอ่ยเสียงเรียบอย่างคนที่คิดเรียบเรียงคำพูดมาเป็นอย่างดีมิให้กระทบใจอีกฝ่ายได้ อย่างไรเสียท่านกงสุลก็เป็นบุคคลที่เขาเคารพนับถือเสมอมา แม้ท่านจะมีพฤติกรรมอย่างไรในสายตาคนอื่นแต่สำหรับเขาโอบาเรต์นั้นเป็นตัวแทนขององค์จักรพรรดิผู้ที่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่เพื่อแผ่นดินฝรั่งเศสโดยประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 33 : โมงยามแห่งความทรงจำ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 32 : ความในใจของบุรุษทั้งสอง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 31 : หลานสาวภริยาท่านทูต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 30 : หญิงสาวสองคนในเมืองใหญ่
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 29 : ต่างบ้านต่างเมือง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 28 : ก่อนถึงจุดหมาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 27 : ห่างกันไปไกล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 26 : เพียงชั่วเวลาพลิกฝ่ามือ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 25 : ในความคิดคำนึง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 24 : จังหวะของหัวใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 23 : การเดินทางสู่โลกกว้าง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 22 : เรื่องประหวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 21 : อุปสรรคและทางออก
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 20 : โรงเรียนเด็กหญิงในสยาม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 19 : ฤาดวงใจที่ไหวหวั่นอาจลับหาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 18 : ความไม่ลงตัวในจิตใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 17 : หวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 16 : มิอาจทำใจยอมรับ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 15 : สยามกับคนในร่มธงฝรั่งเศสและความสัมพันธ์ที่เริ่มเปลี่ยนไป
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 14 : เรื่องที่ไม่อาจเอ่ย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 13 : เรื่องดีและร้ายภายในหนึ่งวัน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 12 : สัญญาณที่ดี
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 11 : อิสระทั้งกายใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 10 : โอกาสของเด็กหญิง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 9 : ท่าทีเริ่มดีขึ้น
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 8 : ความเป็นไปของชีวิต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 7 : ผู้ก่อเหตุ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 6 : พบกันอีกครา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 5 : ความกังวล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 4 : บทสนทนา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 3 : บ้านลานย่านบางขุนพรหม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 2 : ทุ่งสามเสน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 1 : สองฝั่งน้ำ
- READ นิราศรักสองนครา : บทนำ