ละเล่นลานรัก บทที่ 23 : แหวนแฟนเก่า
โดย : กุลวีร์
ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก
ปรียานุชเปิดประตูตู้เสื้อผ้า พุ่งเป้าไปที่ชั้นด้านบน ใช้มือแหวกกองผ้า ยื่นแขนไปตรงมุมในสุดของตู้ ทั้งที่ใช้กองเสื้อบังตาไว้เพราะอยากจะลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พอได้ยินเอกลักษณ์พูดถึงของที่เคยมอบให้แก่กันราวกับเจ้าของมาทวงคืน เธอก็จดจำได้ทันทีว่ายังเก็บซุกซ่อนแหวนไว้ในแห่งใด ทั้งที่ไม่เคยเห็นมานานหลายปี
ถุงพลาสติกขาวขุ่นถูกม้วนจนเป็นก้อนเท่ากำปั้น หากมองดูผิวเผินก็คงไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าจะมีแหวนทองหนึ่งวงอยู่ภายใน ถ้าไม่ใช่ตัวเธอเอง
วันนั้นที่คิดตัดใจอย่างแน่วแน่ เธอก็ใช้ถุงพลาสติกพันแหวนเป็นก้อนกลมเพื่อไม่ให้เห็นแหวนแล้วจะนึกถึงผู้ให้ เมื่อถึงคราวที่ต้องกลับบ้านเกิดก็นำติดตัวมาด้วยจนเจอที่เก็บซ่อน แหวนจึงอยู่แน่นิ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้พยายามให้แหวนอยู่ไกลตัว หากสุดท้ายก็อยู่ใกล้กัน ยามที่เธอกลับมาอาศัยในบ้านเกิด
แหวนอาจจะถูกเก็บไว้โดยไม่มีเหตุผล หรือเป็นเพราะเธอยังรอให้เอกลักษณ์หวนคืนมาจึงไม่คิดจะเขวี้ยงทิ้งไป แต่พอเจ้าของแหวนย้อนกลับเข้ามาในชีวิตจริงๆ เหตุใดเธอจึงไม่รู้สึกยินดียินร้ายต่อการพบเจอกันอีกครั้งหนึ่งเลย
เธอยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้กับการที่ไม่ทิ้งแหวนไปเสียที
ปรียานุชค่อยๆ แกะถุงพลาสติกออกทีละชั้นทีละชั้นจนพบแหวนทองเกลี้ยงเกลาซ่อนตัวอยู่ด้านใน
ขณะที่จ้องมองแหวนในมือพลางใช้ความคิด
เธอไม่รู้จะทำยังไงดีกับสิ่งของตรงหน้าที่ยังอยู่ในความครอบครองของเธอ
จะบอกคนให้ว่าทำหายหรือปาทิ้งไปแล้วก็ไม่เป็นความจริง จึงเกิดความละอายใจในตอนที่ได้เจอหน้ากันอีก
จะบอกตรงๆ ว่ายังเก็บเอาไว้ แต่กลัวอีกฝ่ายจะคิดว่าเธอยังหวังที่จะรอให้กลับมาเหมือนในอดีต ทั้งที่รู้ตัวดีว่าความรักที่เคยมีให้หมดลงไปตั้งแต่วันที่ผู้มอบแหวนให้นั้นลืมคำมั่น
จะคืนแหวนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของเดิมเพื่อจะได้ไม่หลงเหลือสิ่งใดแสดงถึงเยื่อใยที่เคยมีต่อกัน หากเธอเกรงว่าอีกฝ่ายจะคิดไปไกลว่าเป็นการตัดสัมพันธ์ ทั้งที่สามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
ขณะครุ่นคิด สองขาก็ก้าวไปในบริเวณบ้าน จนมาหยุดยืนอยู่ข้างตัวบ้านตรงด้านที่อยู่ชิดติดกับเพื่อนบ้าน เธอหาคำตอบที่คิดว่าดีพอสำหรับคนสองคนยังไม่ได้ ซึ่งอยากจะถนอมความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้ ถ้าวันหนึ่งวันใดเอกลักษณ์พูดเรื่องแหวนขึ้นมาอีก
หญิงสาวรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอ
“พี่ปรีทำอะไรอยู่เหรอครับ”
ปรียานุชแหงนคอมองไปตามทิศทางของเสียงนั้น เห็นไขศิลป์โผล่หน้าออกมานอกหน้าต่างห้องนอนของชายหนุ่ม เธอยังไม่ได้ตอบคำถาม ไขศิลป์ก็เอ่ยขึ้นอีก
“ผมขอคุยกับพี่ปรีได้ไหมครับ”
ปกติชายหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ข้างบ้านจะโทรศัพท์ขอคำปรึกษา หากวันนี้อีกฝ่ายคงเห็นเธอเข้าพอดี จึงชะโงกหน้ามาพูดคุยกันเพราะในแต่ละวันเธอไม่ค่อยจะเดินมาทางห้องนอนของไขศิลป์
“พี่จะรีบไปหา ศิลป์คอยอยู่ในบ้านแล้วกัน”
ถ้าเธอไม่มีธุระหรือมีงานติดพันก็จะเป็นฝ่ายไปพบชายหนุ่มถึงบ้านของเขา
“พี่ปรีไม่ต้องมาหาผมก็ได้ ผมไม่อยากอยู่ในห้อง” ไขศิลป์พูดจบก็หายเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้บานหน้าต่างห้องนอนถูกเปิดค้างไว้เช่นนั้น
ปรียานุชดีใจ หลังจากได้ยินถ้อยคำนั้นจากเขา
ถือเป็นสัญญาณดีที่ไขศิลป์คิดจะไม่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องหรือในบ้านทั้งวัน เธอก้าวขาไปยังหน้าบ้านพร้อมกับแหวนที่ยังถืออยู่ในมือ
ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง ขณะที่ไขศิลป์นั่งทอดอารมณ์ตรงบริเวณหน้าบ้านก็เห็นเธอยืนคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาเมียงมองอยู่ในบ้านของตนจึงได้แค่เพียงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจนกระทั่งเธอเดินเข้าไปในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าพูดคุยเรื่องใดกันบ้าง
เขารีบขึ้นไปในห้องนอน เปิดหน้าต่างเพื่อสอดส่องความเป็นไปของเธอ ไม่นานนักก็เห็นปรียานุชเดินเหมือนคนใจลอย มัวแต่จดๆ จ้องๆ ของบางอย่างในมือ เขาจึงไม่รอช้าที่จะเรียกความสนใจจากเธอทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน
แม้จะมองในระยะไกลก็พอรับรู้ได้ว่าเธอกำลังหนักใจจากสีหน้าคร่ำเคร่งที่แสดงออกมาให้เห็น
เขาจึงอยากพูดคุยกับเธอ หากเธอมีเรื่องที่ยังคิดไม่ตก บางทีเขาอาจจะช่วยกันได้เหมือนที่เธอคอยช่วยเหลือเขาให้ผ่านพ้นกับปัญหาที่เป็นในเร็ววัน
ไขศิลป์ไม่รู้ตัวเลยว่าเริ่มเป็นห่วงเธอ ทั้งที่ยังมีบางเรื่องราวครอบงำความคิดของตัวเอง ในเรื่องที่เธอคิดจะทำให้เพื่อนชายลุ่มหลงอยู่ไม่วาย จากการกระทำของเธอที่มีต่อชายผู้นั้นในวันนี้ซึ่งเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับตอนที่ได้อยู่ใกล้ฐานินอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ปรียานุชได้พบชายหนุ่มคนนั้นจนยามที่เขาเอ่ยทักทางหน้าต่าง ใบหน้าของเธอก็ยังไม่มีรอยแย้มยิ้มให้เห็นแม้แต่น้อย
ไขศิลป์ตัดสินใจไปหาเธอโดยให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาแค่อยากรู้ของในมือเธอนั้นคือสิ่งใดที่สร้างความกลัดกลุ้มใจให้แก่เธอ
แค่บ้านเรือนที่ตั้งอยู่เคียงข้างกัน หากเดินออกจากบ้านตัวเอง คงไม่เจอสายตาของคนมากมายตามข้างทาง ไขศิลป์จึงไร้ความกลัว รีบก้าวขาไปยังบ้านของเธอ
“นึกยังไง ถึงมาหาพี่ที่บ้านของพี่ได้” ปรียานุชทักขึ้นทันทีที่เขาเข้ามาใกล้
“แค่อยากคุยกับพี่ปรี” เขาไม่คิดว่าการกระทำของตนจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เธอไม่คาดว่าเขาจะทำได้ “บ้านพี่ปรีอยู่แค่นี้ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ที่ผมไม่อยากออกจากบ้านเพราะกลัวคนอื่นจะจ้องมองเหมือนจับผิดหรือรอดูความอับอายของผมต่างหาก พี่ปรีกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”
ไขศิลป์พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย หากสอดส่องสายตาไปยังของในมือเธอ
“เมื่อวานเป็นยังไงบ้าง ได้ลองทำกิจกรรมกับใครหลายคน” เธออยากถามเขาหลังจบกิจกรรมเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนที่จะจัดกิจกรรมในครั้งถัดไป แต่ยังไม่มีโอกาสไถ่ถาม
“ตอนเจอคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ยังกลัวบ้างนิดหน่อย แต่พอพวกเขาไม่ได้สนใจผมเลย ก็ไม่ค่อยจะกลัวแล้ว ที่ผ่านมาผมคงคิดไปเอง ถ้าไม่คิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ความกลัวคงจะเอาชนะผมไม่ได้อย่างที่พี่ปรีเคยบอก”
เธอยินดีไปกับเขาที่พยายามเข้าใจในสิ่งที่เป็นจนควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
“ครั้งหน้าพี่คงชวนคนมาเยอะขึ้นนะ ศิลป์คงจะรับมือไหว”
“ผมได้เล่นอะไรที่ไม่เคยเล่นมาก่อน แต่มันสนุกกว่าที่คิดไว้ ถ้าได้เล่นกันหลายคน” เขามองหน้าเธอไม่นานก็เลื่อนสายตาไปมองที่มือของเธออีกครั้ง
เมื่อปรียานุชพอจะรู้ว่าเขามีท่าทีสนใจของที่ถือติดมือมาด้วย ความลำบากใจกับของสิ่งนั้นทำให้เธอลองพูดคุยกับเขา
“ถ้ายังมีของที่ไม่ใช่ของเราเก็บไว้ที่ตัว จะทำอย่างไรกับมันดี”
แม้เขาไม่เข้าใจที่อยู่ดีๆ เธอก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ยังเออออไปกับเธออย่างหน้าตาเฉย “ผมคงโยนทิ้งลงถังขยะ”
“ถ้ามันเคยมีความสำคัญกับเรามาก่อนล่ะ”
“พี่ปรีบอกผมเอง อย่าไปยึดติดอดีต” เขาใช้คำของเธอที่เคยบอกให้ฟัง หากยังเอ่ยต่อ “ถ้ามันทำให้เราใช้ชีวิตไม่เป็นสุขหรือเก็บมันไว้แล้วไม่มีประโยชน์ ผมก็ทิ้งทันที”
ความหวั่นกลัวในใจเขานั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เปล่าประโยชน์ แต่เขาก็ยังทิ้งไปให้พ้นจากชีวิตไม่ได้สักที
ปรียานุชยิ้มน้อยๆ ให้กับคำของเขาซึ่งเป็นความจริงที่ตรงกับความคิดของเธอ
“พี่ปรีเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาไม่ค่อยดีเลย หรือมีใครทำให้ไม่สบายใจ หรือยังคิดมากเรื่องของผม” เขาถามขึ้น เมื่อหญิงสาวยังไม่พูดคำใดออกมา
“ไม่เกี่ยวกับศิลป์เลยนะ” เธอรีบบอกเขา
หากไขศิลป์ยังไม่หยุดเมียงมองของในมือเธอ
ในเมื่อพูดกันมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอควรบอกไปตามความจริงเพื่อให้ได้รู้ว่าที่ไม่สบายใจอยู่ในขณะนี้นั้นสาเหตุไม่ใช่ตัวเขา และอีกใจหนึ่งก็เกิดความไว้ใจที่เธอจะปรึกษาเขาได้
“มีผู้ชายคนหนึ่งเคยให้แหวนวงนี้กับพี่” เธอแบมือให้เขาเห็นแหวนทองบนฝ่ามือ “วันนี้ผู้ชายคนนั้นมาพูดถึงแหวนและอยากคบกันกับพี่อีก แต่เราจบกันไปตั้งนานแล้ว”
ไขศิลป์รู้ได้ทันทีว่าชายคนนั้นที่มาคุยกับเธอคือแฟนเก่ามาขอคืนดี หรือเธอคิดจะให้เพื่อนของเขาช่วยดามใจจึงทำตัวสนิทสนมกัน
“พี่ปรีเอาแหวนมาดูอย่างนี้ คงลังเลอยู่หรือเปล่า ไม่รู้จะทำยังไงกับคนเก่า แสดงว่าพี่ปรีอาจมีเป้าหมายใหม่หรือพบคนอื่นที่น่าสนใจมากกว่า” เขาพูดยันเชิงเธอ
“ไม่ใช่อย่างที่ศิลป์คิดหรอกนะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าเขายังคิดอยู่เสมอว่าเธอจะแย่งฐานินไปจากเขา จึงต้องแก้ความเข้าใจผิดนั้นทันที “ที่พี่หยิบแหวนมาดู เพราะไม่มั่นใจจะทำยังไงกับมัน ถ้ารู้ว่าพี่เก็บไว้ก็เหมือนให้ความหวัง จะบอกทิ้งไปแล้วก็คงไม่ใช่”
“เหลือแค่เอาไปคืน แล้วบอกตรงๆ ว่าไม่อยากคบกันอีก” เขาพูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าไปยุยงให้เธอตัดขาดจากแฟนเก่าจนสำเร็จคงมีโอกาสที่เธอจะเลือกเพื่อนของเขาได้มากขึ้น จึงเสนอความคิดเห็นใหม่อีกครั้ง “พี่ปรีลองคิดดูดีๆ บางทีคนที่กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งได้ อาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดมาให้เป็นของเราก็ได้ แต่ถ้าเก็บมันไว้แล้วเป็นทุกข์ก็โยนทิ้งไปหรือพี่จะฝากผมทิ้ง”
ปรียานุชมองคนตรงหน้ายื่นมือออกมาราวกับขอแหวนจากเธอ
“พี่ไม่รบกวนศิลป์หรอก ขอเก็บไว้ก่อน จะลองเก็บไปคิดอีกที ขอบคุณที่ให้คำแนะนำกับพี่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ปรีให้คำแนะนำกับผมเยอะกว่านี้อีก ถือว่าช่วยเหลือกันไป”
“ที่บอกว่าอยากมาคุยกับพี่ มีเรื่องอะไรจะปรึกษากันเหรอ” เธอเพิ่งจะนึกถึงสาเหตุที่เขามาหาเธอ
“ค่อยคุยกันใหม่ก็ได้ ผมไม่รบกวนเวลาพี่ปรีดีกว่า”
หลังจากได้ล่วงรู้สิ่งที่อยากรู้จนชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอแล้ว ในส่วนที่อ้างว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอ เขาไม่รู้จะคุยเรื่องใดจึงต้องแยกย้ายกัน
ปรียานุชยืนมองชายหนุ่มเดินห่างออกไปด้วยความไม่เข้าใจ แล้วก้มหน้ามองแหวนทองในมือ
อาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดให้เธอเก็บมันไว้เพื่อรอวันหนึ่งที่ผู้ให้จะหวนมาพบกันอีกครั้ง
ทว่าหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะหัวใจของเธอ จะให้สานต่อหรือเริ่มรู้จักกันตรงจุดเดิมที่เคยสิ้นสุดลงไปคงไม่มีทาง นอกจากเริ่มต้นกันใหม่เหมือนใครหลายคนที่เพิ่งจะได้รู้จักกัน คิดได้เช่นนั้น เธอก็พบทางออกให้แก่ตัวเองสำหรับเรื่องแหวนที่ครอบครองอยู่นานหลายปี
เมื่อเจ้าของเหมือนจะมาทวงคืน ถ้าเก็บไว้กับตัวอีกก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 35 : ใครเห็น...ใครก็ต้องคิด
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 34 : สุดแสนเสียดาย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 33 : คนหนึ่งแพ้ย่อยยับ หนึ่งคนชนะขาดรอย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 32 : ช่วงชิงชัย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 31 : ขอลงแข่ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 30 : ตัวเลือกไม่รู้ตัว
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 29 : ต้องลองอีกสักครั้ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 28 : คืนของให้แก่กัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 27 : ดมดอกไม้
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 26 : ท่าควายกับท่าสีซอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 25 : คิดผิดถนัด
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 24 : ต้นเหตุความกลัว
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 23 : แหวนแฟนเก่า
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 22 : ขอหวนคืน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 21 : มัวรอรี ไม่รีรอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 20 : ฉันจะตีก้นเธอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 19 : งูกินหาง...ห้ามใกล้กัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 18 : หลายอย่างช่างถูกจังหวะ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 17 : ผิดทั้งสองคน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 16 : สัญญาณเหมือนจะดี
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 15 : จ้ำชิงหลัก
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 14 : หลานชายก่อกวน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 13 : กำทายขอถาม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 12 : ต้องตาต้องใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 11 : ตัดไฟแต่ต้นลม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 10 : กิจกรรมวันแรกเริ่ม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 9 : ปัญหาเกินกว่าหนึ่ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 8 : ตบแผละแซะคำตอบ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 7 : เด็ก (เริ่ม) มีปัญหา
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 6 : เด็กชายวุ่นวาย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 5 : ร่วมด้วยช่วยกัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 4 : หาทางเข้าหา
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 3 : เหตุจากหิน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 2 : หินเข้าห้อง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 1 : เสียงลือเสียงเล่าอ้าง