ละเล่นลานรัก บทที่ 35 : ใครเห็น…ใครก็ต้องคิด

ละเล่นลานรัก บทที่ 35 : ใครเห็น…ใครก็ต้องคิด

โดย : กุลวีร์

Loading

ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก

ปรียานุชไม่เข้าใจในการกระทำของเขา ตอนแรกเธอจะส่งยิ้มให้กัน เมื่อเห็นเขาโผล่หน้ามาทางหน้าต่าง แต่ยังไม่ทันที่มุมปากจะยกขึ้น เขาก็รีบปิดบานหน้าต่างราวกับไม่อยากพบหน้ากัน

เสียงปิดหน้าต่างเรียกความสนใจให้ฉัตรพงษ์และดาราพรที่ชวนคนทั้งสองให้มายืนข้างบ้านเพื่อจะให้ช่างภาพถ่ายภาพบ้านเก็บไว้ตามคำสั่งของผู้เป็นพี่สาว

“มานั่งพักดื่มน้ำดื่มท่า กินขนมกันได้นะ เติมแรงไว้ก่อน เหลืออีกหนึ่งชุดที่จะต้องออกไปถ่ายกันอีก” เปรมยุดาเรียกคนทุกคนให้มานั่งรวมกันที่โต๊ะอาหาร หลังจากช่วยมารดาจัดเตรียมขนมและน้ำดื่ม

“ปรีขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม ใส่ชุดนี้แล้วรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ จะยืนจะเดินก็ลำบาก” ปรียานุชเดินเข้าไปพูดคุยกับคนที่เป็นแม่งานในวันนี้ โดยละทิ้งเรื่องรบกวนจิตใจไว้ก่อน

“จะเปลี่ยนทำไม เดี๋ยวต้องใส่ชุดนี้ออกไปถ่ายกันต่ออีก ยังเหลืออีกชุดหนึ่งด้วยนะ รอให้แสงน้อยลงอีกสักนิด ภาพจะได้สวยๆ” เปรมยุดาบอกเธอ จากนั้นก็หันหน้าไปคุยกับบิดามารดาที่นั่งบนเก้าอี้ หลังจากฉัตรพงษ์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ “ถ้าสองคนนี้แต่งงานกันก็เหมาะสมกันดีนะ พ่อกับแม่เห็นด้วยกับเปรมไหม”

ปรียานุชรีบพูดขึ้นทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เปรมอยากได้รูปชุดเจ้าสาวไปใส่ในแค็ตตาล็อกให้ลูกค้าดู ปรีก็ไม่ยอมมาเป็นนางแบบให้ถ่ายภาพหรอกนะ แต่ทำไมไม่บอกกันก่อนว่ามีคุณฉัตรมาถ่ายคู่กับปรีด้วย”

เปรมยุดาหัวเราะออกมา “ถ้าบอกไป ปรีจะยอมมาเป็นนางแบบใส่ชุดของพี่ไหมล่ะ อีกอย่างมีภาพเจ้าสาวอย่างเดียวจะใช้ได้ที่ไหน ต้องมีภาพเจ้าบ่าวด้วยสิ นี่พี่ก็เลือกถ่ายที่ใกล้ๆ บ้านเรา เพราะมื้อค่ำจะได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน ถือว่าเลี้ยงข้าวคุณฉัตรไปในตัวที่เสียเวลามาถ่ายรูปให้ร้านของพี่ ประหยัดงบได้อีกด้วย”

“ประหยัดตั้งแต่ค่าตัวนายแบบและนางแบบแล้วนะพี่เปรม” เธอลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างมารดา ขณะเดียวกันฉัตรพงษ์ก็เดินมาที่โต๊ะ “คุณฉัตรคิดค่าตัวที่วันนี้มาเป็นนายแบบให้ร้านพี่เปรมหรือเปล่า”

“คิดไปก็เท่านั้น พี่ไม่ยอมจ่ายเหมือนปรีนั่นแหละ” เปรมยุดาเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่คนถูกถามจะตอบเธอ

“พี่ไม่คิดหรอก ค่าตงค่าตัว คนกันเองทั้งนั้น ถือว่าช่วยเหลือกัน” ฉัตรพงษ์พูดออกมา

“ต้องให้ได้แบบนี้สิ คุณฉัตรยังไหวนะ เหลืออีกหนึ่งที่ ค่อยออกไปถ่ายรูปกันต่อ ถ้าหิวกินขนมรองท้องไปก่อนนะ เก็บท้องไว้กินกับข้าวฝีมือแม่ได้เลย หรือจะขอเป็นลูกชายอีกคนก็ได้ พ่อกับแม่คงเต็มใจ” เปรมยุดาหันหน้าไปคุยกับฉัตรพงษ์

“แปลกๆ ดีเหมือนกัน ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เคยคบผู้หญิงกี่รายก็โบกมือลากันก่อนที่จะคิดถึงเรื่องแต่งงานซะอีก” ฉัตรพงษ์ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ

ดาราพรที่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันก็เอ่ยขึ้นมา “น้าปรีกับลุงฉัตรจะมีเบบี๋เมื่อไหร่คะ น้องดรีมอยากมีน้อง”

“ไปบอกแม่สิ มาถามน้าอย่างนี้ไม่ได้นะ” ปรียานุชพูดกับหลานสาว ก่อนหันหน้าไปบอกพี่สาว “พี่เปรมจะปล่อยให้ลูกคิดอย่างนั้นไม่ได้ ปรีเสียหายหมดรู้ไหม”

เปรมยุดายกมือขึ้นลูบศีรษะบุตรสาวที่ทำหน้าตาไร้เดียงสา แต่ยังไม่รีบแก้ความเข้าใจผิดของลูก เพราะคุยกับเธอ “อายุเท่านี้แล้ว ทำเป็นเล่นตัวอยู่ได้ ใครมาสนใจก็คว้าไปเถอะ มัวรีรออะไรอยู่อีกล่ะ”

สองพี่น้องพูดคุยกันเหมือนไม่มีฉัตรพงษ์นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน ส่วนฉัตรพงษ์นั้นก็ซ่อนรอยยิ้มระรื่นไว้ในใบหน้านิ่งเฉย

ปรียานุชไม่ได้ต่อปากต่อคำกับพี่สาวอีกเลย เมื่อรู้ว่าพี่สาวนั้นกำลังเรียกร้องความสนใจแทนคนที่นั่งสวมชุดเจ้าบ่าวซึ่งเธอนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ทำหน้าที่ที่ได้รับปากกับพี่สาวไว้ให้เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีก็พอ

เมื่อได้เวลาที่แสงอ่อนลงจนเป็นที่ถูกใจเปรมยุดา เธอก็เดินตามหลังพี่สาวออกไปหน้าบ้าน

ก่อนจะขึ้นไปนั่งในรถตู้ ธารทิพย์เดินเข้ามาพูดคุยกับเธอ

“ทำไมฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อนเลยล่ะปรี นึกยังไงถึงแต่งชุดนี้มาเดินเพ่นพ่าน หรือว่าเลือกได้แล้ว” ธารทิพย์หันไปส่งยิ้มให้ฉัตรพงษ์ที่ขึ้นไปนั่งรอบนรถตู้ แล้วคุยกับเธอต่อ “มีพี่สาวทำร้านชุดบ่าวสาวก็ดีอย่างนี้นี่เอง อยากแต่งกันปุ๊บก็ทำได้ปั๊บ ฉันยินดีด้วยนะ”

“หยุดคิดแบบนั้นไปเลยนะธาร ฉันแค่เป็นนางแบบใส่ชุดถ่ายรูปให้ร้านของพี่เปรม ยังจะมาหยอกกันอีก ฉันไม่ได้จะแต่งงานจริงๆ สักหน่อย” เธอเคยบอกกับเพื่อนสาวถึงการรับงานในวันนี้ ธารทิพย์จึงออกมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอสวมชุดเจ้าสาวจะมีออร่าขนาดไหน

“อุตส่าห์ดีใจที่ปรีไม่คว้ามันเพราะเลือกคนที่ฉันเชียร์” ธารทิพย์รู้เรื่องที่เธอพูดคุยกับเอกลักษณ์จนเข้าใจกันดี “พอปรีสวมชุดเจ้าสาวก็ดูดีเหมือนกันนะ แววเจ้าสาวจับชัดๆ ใครเดินผ่านมาเห็นคงคิดแบบฉันทั้งนั้นแหละ”

คำกล่าวของเพื่อนทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าที่ไขศิลป์มีท่าทีแบบนั้น เพราะคิดว่าเธอจะแต่งงานกับฉัตรพงษ์ ถ้าเป็นจริงอย่างที่คาดเดา เหตุใดเขาจึงต้องเป็นเช่นนั้น ปรียานุชถามตัวเองซ้ำๆ จนโพล่งถามเพื่อนสาวเพื่อให้ช่วยคิดหาคำตอบ

“นี่ธาร ถ้ามีคนมาเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้แล้วไม่พอใจหรือไม่ยอมคุยกันสักคำ จะสื่อถึงอะไรในตัวคนนั้นได้บ้าง”

ธารทิพย์ครุ่นคิดอยู่สักพัก “เท่าที่ฉันดูซีรีส์ คนที่ออกอาการอย่างนั้นน่าจะเรียกว่าหึงกัน หรืออาจจะผิดหวังที่ตัวเองไม่ได้เป็นอย่างนั้นบ้าง ปรีถามทำไมเหรอ”

“แล้วทำไมต้องมาหึงกันด้วยล่ะ” เธอไม่ตอบคำถามของเพื่อน หากยังถามต่อ แต่เหมือนจะถามตัวเองมากกว่าที่จะถามเพื่อนสาว

แต่ธารทิพย์ได้ยินคำถามนั้นก็ตอบออกมา “ถ้าคนไม่รักไม่รู้สึกดีด้วยจะหึงกันเหรอ”

เธอจ้องหน้าเพื่อนที่ให้ความกระจ่างใจในสิ่งที่สงสัย แต่ก่อนจะคุยกันต่อ เปรมยุดาก็เรียกให้เธอขึ้นรถตู้ที่ติดเครื่องได้สักพักหนึ่งแล้ว

ธารทิพย์ปล่อยให้เธอไปทำงานเป็นนางแบบโดยไม่ติดใจกับเรื่องราวที่ได้พูดคุยกัน

แต่สำหรับปรียานุชนั้นยังวนเวียนอยู่กับคำพูดของเพื่อนสาวและท่าทีของเขายามที่เห็นเธอสวมชุดเจ้าสาว

ถ้าเขาออกอาการด้วยสาเหตุที่ธารทิพย์เอ่ยขึ้นมาจริงๆ เธอจะรู้ได้อย่างไร

ปรียานุชเพิ่งจะทบทวนท่าทีของไขศิลป์ที่มีต่อกัน หลังจากที่เขาเป็นผู้ชนะของการชิงชัยในการละเล่นไทยหนล่าสุด จนเธอเริ่มที่จะรู้ถึงใจจริงของเขาในยามนี้ เพราะหลายอย่างที่ผ่านมานั้นเริ่มส่อเค้าว่าเขาอาจไม่ได้มองเธอเป็นแค่พี่สาวข้างบ้านอีกต่อไป



Don`t copy text!