ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 20 : ดงนักเลง

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 20 : ดงนักเลง

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

หล่อนเดินกลับโดยไม่ยอมรอพี่เก่งเหมือนอย่างทุกวัน เพราะอยากใช้เวลาขณะเดินกลับบ้านครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต แต่พี่เก่งไม่ยอม ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาจนทัน และรับกรผกามารศรีไปส่งจนได้

ถึงตอนนี้ หล่อนบอกไม่ได้เสียแล้วว่า เหตุใดจึงเกลียดชังผู้ชายคนนั้นยิ่งนัก เกลียดทั้งที่เขาไม่เคยทำร้ายหล่อนสักนิด ตรงกันข้าม…จะว่าไปแล้ว ยามที่หล่อนตกอยู่ในสถานการณ์คับขันคราใด ดูเหมือนทินพันธ์จะโผล่มาช่วยอย่างทันท่วงทีเสมอ

แต่หล่อนเกลียด…กรผกามารศรีพร่ำบอกตนเองเช่นนั้น…หล่อนเกลียดนายทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี

และบางครั้งเวลาที่เราเกลียดใครสักคน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรเลยแม้แต่น้อย…

 

ระหว่างที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พี่เก่งกลับบ้าน กรผกามารศรีก็นั่งนึกน้อยใจในโชคชะตาของตนเองว่าเหตุใดเคราะห์ร้ายจึงมาเยือนหล่อนติดๆ กันเช่นนี้ด้วย หล่อนบอกกับสาวทอมผู้มีน้ำใจว่า

“พี่เก่งคะ ต่อไปนี้กรผกาคงไม่รบกวนพี่เก่งให้ไปรับไปส่งอีกแล้วละ เพราะกรผกาเลิกสอนพิเศษหนูเอมแล้ว”

“อ้าว ทำไมล่ะฮะ” พี่เก่งขมวดคิ้ว เธอคิดว่ากรผกามารศรีคงจะพบอาชีพที่เหมาะกับตนเองแล้ว แต่เหตุใดหญิงสาวจึงปฏิเสธที่จะสอนพิเศษหนูเอมเสียเล่า เก่งได้แต่นึกสงสัย

“เพราะว่ากรผกาคิดว่าหนูเอมไม่ควรเรียนพิเศษ” หล่อนไม่กล้าตอบตามความจริงว่าหล่อนไม่อยากรับเงินของทินพันธ์ “หนูเอมยังเป็นเด็ก ควรจะได้เล่นได้สนุกสนานเหมือนเด็กคนอื่น ไม่ใช่กลับบ้านมาก็เอาแต่เรียนพิเศษ กรผกาสอนน้องเอมทุกวัน ทำไมจะดูไม่ออกว่าน้องเอมเบื่อแค่ไหน”

“ก็จริงเนอะ” พี่เก่งพยักหน้าเห็นด้วย “คนไม่ได้เรียนหนังสืออย่างพี่ ก็อยากจะเรียนหนังสือ แต่เด็กอย่างหนูเอม ยังอายุน้อย เรียนแค่ในโรงเรียนก็น่าจะพอแล้ว ไม่ต้องเรียนพิเศษอีกก็ดีเหมือนกัน แล้วนี่น้องผกาจะไปทำอะไรต่อ ไม่ได้สอนหนังสือแล้วนี่”

“ก็ยังไม่รู้เลยจ้ะ” หญิงสาวหน้าสลด “ก็คงต้องหางานใหม่ ระหว่างนี้ก็อาจจะต้องพับถุงกระดาษหรือไม่ก็ช่วยแม่นิ่มขายพวงมาลัยไปพลางๆ ก่อน”

“เอาละ ถ้าพี่เก่งเห็นว่ามีงานอะไรเหมาะกับน้องผกาละก็ พี่เก่งจะรีบบอกเลยนะฮะ” เก่งถอนใจยาว นึกสงสารสาวน้อยผู้อาภัพอับโชคคนนี้อย่างมากมาย

พูดถึงตรงนี้ เก่งก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงหน้ากระท่อมเก่าๆ ของกรผกามารศรี พร้อมกันนั้น ทั้งสองก็ต้องตื่นตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยดังลั่นออกมาจากข้างในบ้าน

“ช่วยด้วยค่า”

กรผกามารศรีกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว เพราะจำได้แม่นยำว่านั่นเป็นเสียงร้องของคุณหญิงสายหยุดผู้มารดา

“มีนักเลงกำลังมาถล่มบ้านเธออยู่แน่ะผกา” เสียงป้าน้อมที่มุงดูอยู่กับชาวสลัมทั้งหลายรีบตะโกนบอกหญิงสาวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

พอกรผกามารศรีโผล่เข้าไปในบ้านพร้อมกับพี่เก่ง เธอก็ต้องกรีดร้องอย่างเสียขวัญ เพราะเห็นชายฉกรรจ์จำนวนมากกำลังรื้อข้าวของในบ้านหล่อนจนกระจัดกระจาย คุณหญิงสายหยุดและแม่น้อมพยายามจะเข้าไปห้าม ก็ถูกเหวี่ยงจนกระเด็นออกมาอยู่ที่ชานหน้าบ้าน

“อะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ” กรผกามารศรีร้องห้าม

“อ้อ มาแล้วเหรอยะ” เสียงแหลมบาดหูของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะโผล่หน้าออกมาจากในบ้านของกรผกามารศรี

“เธอเป็นใคร” หญิงสาวขมวดคิ้ว เพราะมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกับหญิงสาวขาวซีด ผมซอยสั้น ตาชั้นเดียวคนนั้นมาก่อน “เราไม่เคยรู้จักกัน เธอพาพวกมาทำลายข้าวของบ้านของฉันทำไม”

“ไม่รู้จักก็รู้จักไว้ซะ ฉันชื่อคุณวิกกี้ เป็นคนรักของเฮียทินพันธ์”

หญิงสาวหน้าหมวยคนนั้นยกมือขึ้นกอดอก ขณะที่กวาดสายตามองดูกรผกามารศรีด้วยท่าทางเหยียดหยาม

“แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ฉันและเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย” กรผกามารศรีถามทั้งที่หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น

“เกี่ยวสิยะ หน็อย ทำหน้าเซ่อเชียวนะแก” วิกกี้ตวาดแว้ด นัยน์ตาที่จ้องมองกรผกามารศรีนั้นวาววับ “ที่พาคนมาถล่มบ้านแกวันนี้ก็เพราะจะสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าทีหลังอย่ามายุ่งกับเฮียทินพันธ์ของฉัน จำเอาไว้ ถ้าแกยังไม่เชื่อละก็วันหลังจะโดนยิ่งกว่านี้ ฉันจะมาเผาบ้านแกให้หมด เอาให้ไม่มีที่ซุกหัวนอนเลย”

“ฉันไม่เคยยุ่งกับนายทินพันธ์” กรผกามารศรีโกรธจนหน้าแดงก่ำ เธอเชิดหน้ามองวิกกี้โดยไม่หวาดหวั่น “ถ้าไม่เชื่อ เธอถามใครดูก็ได้”

หญิงสาวกวาดมือไปยังผองเพื่อนชาวสลัมที่ยืนฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเป็นทำนองสนับสนุนกรผกามารศรี

“ถ้าฉันอยากยุ่งละก็ ฉันไม่อพยพกันมาอยู่ที่สลัมนี่หรอก”

“ไม่จริง” วิกกี้ร้องกรี๊ด “เมื่อเดือนก่อน เฮียทินพันธ์โดนรุมยำเสียเละ ก็เพราะมาช่วยแกเอาไว้ไม่ให้ถูกเสี่ยร้านอาหารปล้ำไม่ใช่เหรอ แล้วยังจะว่าไม่ได้มายุ่งกับเฮียทินพันธ์ได้ยังไง ฉันถามเท่าไหร่ เฮียก็ไม่ยอมบอก ต้องให้คนมาสืบถึงได้รู้ความจริง หน็อย…หล่อนนี่ร้ายมากนะยะ ยั่วยวนให้ผู้ชายหลงรักแล้วก็ต้องมาชกต่อยกันเพราะตัวเอง”

“เธอเข้าใจผิดนะวิกกี้” กรผกามารศรีแย้ง “ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น”

“ยังจะเรื่องสอนพิเศษอีก…หน็อย…อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าแกอยากได้เงินของเฮียทินพันธ์จนตัวสั่น เดือดร้อนเฮียต้องให้คนแกล้งมาเรียนหนังสือกับแก” วิกกี้ยังไม่ยอมหยุด “คนอะไร ดัดจริตจริงๆ ขอตบหน่อยเถอะ”

พูดจบ วิกกี้ก็วิ่งลงมาจากเรือนสับปะรังเคหลังนั้น ทำท่าเหมือนจะกระโดดตบกรผกามารศรี ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของชาวสลัม เพราะจู่ๆ ก็มีมวยคู่พิเศษมาให้ดูจนถึงที่

เคราะห์ดีที่เก่งอยู่ใกล้ๆ จึงดึงวิกกี้เอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะฟาดฝ่ามือโครมลงบนใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว

“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ววิกกี้” กรผกามารศรีพยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ “ฉันไม่เคยยุ่งอะไรกับเฮียของเธอเลย มีแต่นายทินพันธ์นั่นละมายุ่งกับฉันเอง ทางที่ดีแล้วละก็ ไปบอกเขาให้เลิกยุ่งกับฉัน น่าจะดีกว่านะ”

“ฉันไม่เชื่อแกหรอก นังผู้ดีตกยาก” วิกกี้แผดเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งสลัม หล่อนพยายามดิ้นรนจะให้หลุดจากเก่ง แต่ไม่สำเร็จ “จะพูดยังไงก็พูดไปเหอะ คนอย่างเฮียทินพันธ์มีศักดิ์ศรีพอย่ะ เขาไม่สนแกหรอก ถ้าแกไม่ไปยั่วเขาก่อน”

“เฮ้ย ตำรวจมาโว้ย”

เสียงป้าจิตเจ้าของร้านชำที่ใหญ่ที่สุดในสลัมร้องกรี๊ดขึ้น สร้างความโกลาหลให้กับเหล่าชายฉกรรจ์ที่กำลังช่วยกันพังบ้านของกรผกามารศรียิ่งนัก แต่ละคนมีสีหน้าท่าทางแตกตื่น

“ช่วยด้วยค่า คุณตำรวจ” เหล่าชาวสลัมช่วยกันร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ “มีนักเลงอันธพาลมาทำร้ายพวกเรา ช่วยด้วยค่า”

“เฮ้ย พอได้แล้ววิกกี้” เสียงผู้ชายร่างใหญ่ที่คุมนักเลงมาถล่มบ้านของหล่อนรีบร้องบอกหญิงสาวหน้าหมวย พร้อมกับรีบมากระชากตัวหล่อนไปจากเก่ง “ตำรวจมา รีบหนีเถอะ เดี๋ยวเกิดเรื่องใหญ่”

“จำเอาไว้นะนังกรผกามารศรี” ก่อนจะวิ่งจากไป วิกกี้ไม่วายหันมาขู่อาฆาต “ถ้าขืนแกยังยุ่งกับเฮียทินพันธ์ละก็ ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่”

เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ถ้าพวกมันจะเฉลียวใจสักนิดก็จะเห็นว่าไม่มีตำรวจมาสักคน ทั้งหมดนั้นเป็นแผนการของป้าจิตเท่านั้นเอง

กรผกามารศรีไม่ได้สนใจกับข้าวของที่กระจัดกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย หล่อนกำลังเป็นห่วงคุณหญิงสายหยุดที่นั่งกองอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหน้าอก เหงื่อกาฬแตกพลั่ก

“คุณแม่คะ เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปประคองผู้เป็นมารดา

“โอย เจ็บหน้าอก” คุณหญิงสายหยุดอ้าปากบอกลูกสาวด้วยความยากลำบาก ท่าทางอาการไม่ค่อยจะดีนัก

“แม่นิ่ม” กรผกามารศรีหันไปหาคุณแม่นมที่โดนคนร้ายเหวี่ยงจนได้รับความบอบช้ำไม่แพ้กัน “ยาอมใต้ลิ้น…อยู่ที่ไหน เร็วเข้าสิคะ”

“ได้ค่ะๆ”

แม่นิ่มวิ่งลนลานไปคุ้ยหาซองยาอมใต้ลิ้นสำหรับโรคหัวใจที่คุณหญิงสายหยุดใช้เป็นประจำในกองข้าวของที่ถูกเหวี่ยงกระจัดกระจาย เธอค้นหาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้มาแล้วรีบส่งให้กับคุณหญิงผู้เป็นมารดาของกรผกามารศรี

“โอย…” คุณหญิงสายหยุดรีบอมยาใต้ลิ้นอย่างรวดเร็ว หากอาการของเธอยังไม่ดีนัก เพราะยังไม่หายจากความตกใจบวกกับความหวาดกลัวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้อาการโรคหัวใจของเธอกำเริบขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน “ชะ…ช่วยด้วย” คุณหญิงสายหยุดยกมือขึ้นไขว่คว้า ท่าทางเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ “มะ…แม่ หาย…ใจไม่ออก”

“ทำใจดีๆ เอาไว้ค่ะคุณแม่” กรผกามารศรีร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว หล่อนหันไปรอบๆ “ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย”

“ไม่เป็นไรฮะ น้องผกา” เก่งรีบสตาร์ตมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ แล้วบอกกับหญิงสาวว่า “เดี๋ยวพี่เก่งขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามรถพยาบาลมาให้ บอกคุณหญิงแม่ทำใจดีๆ เอาไว้ก่อนนะฮะ นึกถึงเล่นไพ่เอาไว้เยอะๆ ก็ได้ จะได้มีกำลังใจอยู่ต่อ”



Don`t copy text!