ละเล่นลานรัก บทที่ 20 : ฉันจะตีก้นเธอ
โดย : กุลวีร์
ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก
เสื่อหลายผืนที่วางต่อกันเพื่อใช้เป็นพื้นที่กว้างเพียงพอที่ทุกคนจะนั่งล้อมวงและให้คนวิ่งรอบวงได้
เมื่อทุกคนจับจองที่นั่งและนั่งเป็นวงกลมเรียบร้อยแล้ว เธอจึงอธิบายวิธีการเล่นให้คนที่ไม่เคยเล่นมอญซ่อนผ้าได้ทราบ จากนั้นก็สอนบทร้องประกอบการเล่น ก่อนที่จะเริ่มเล่นเป็นตัวอย่างเพื่อให้ทุกคนเข้าใจกัน
ปรียานุชเป็นมอญหรือคนที่ถือผ้าอยู่ในมือ ยืนรอบนอกวงล้อมของผู้คนที่นั่งบนเสื่อ
ทุกคนช่วยกันร้องบทร้องและตบมือเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกัน
มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ
ระหว่างที่ทุกคนร้องขับขาน เธอก้าวขาไปทางซ้ายมือตัวเองอย่างช้าๆ อยู่ทางด้านหลังของคนที่นั่งกันเป็นวง
การเล่นมอญซ่อนผ้า คนที่ยืนถือผ้าอยู่นั้นสามารถเลือกได้ว่าจะวิ่งหรือเดิน และจะเวียนซ้ายหรือขวา แต่ต้องเวียนไปทางเดียวตลอดทั้งการเล่นแต่ละรอบ
เมื่อร้องบทร้องมาจนถึงคำสุดท้ายคือคำว่าเธอ ปรียานุชกะจังหวะปล่อยผ้าไว้ที่ด้านหลังธารทิพย์ ซึ่งเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าซ่อนผ้านั่นเอง
หากการที่มอญจะทิ้งผ้าได้นั้น ไม่จำเป็นต้องร้องบทร้องจนจบแค่รอบเดียว ถ้ายังอยากเดินรอบวงต่ออีก ก็ปล่อยให้ทุกคนร้องวนไปซ้ำๆ แล้วค่อยรอคำสุดท้ายจึงจะปล่อยผ้าทิ้งไว้ด้านหลังคนที่นั่งอยู่ได้
ธารทิพย์รู้ตัวว่ามีผ้าอยู่ด้านหลังจึงรีบคว้ามาถือไว้ ลุกขึ้นวิ่งไล่ตามเธอไปโดยเร็ว ส่วนเธอต้องพยายามวิ่งหนีไปรอบวงเพื่อมานั่งแทนที่เพื่อนสาวซึ่งครบหนึ่งรอบพอดี
เมื่อธารทิพย์วิ่งตามทันเธอก็ใช้ผ้าตีเบาๆ จนกว่าเธอจะได้ลงไปนั่งแทนที่ ปล่อยให้เพื่อนสาวเป็นมอญต่อไป ธารทิพย์ก็จะเดินรอบวงเพื่อทิ้งผ้าไว้ด้านหลังคนอื่นบ้าง
การเล่นมอญซ่อนผ้ามีกติกาสำคัญคือไม่อนุญาตให้ผู้เล่นที่นั่งเป็นวงนั้นหันไปดูเบื้องหลังของตน ต้องใช้วิธีสังเกตเองว่าผ้าในมือมอญได้อยู่ด้านหลังตัวเอง และผู้อื่นที่ร่วมเล่นด้วยกันก็ห้ามส่งสัญญาณบอกว่ามีผ้าอยู่ด้านหลังคนคนนั้น
คนที่นั่งล้อมวงเริ่มร้องบทร้องอีกครั้ง ธารทิพย์ก้าวขาไปรอบวง เล็งด้านหลังบุตรชายไว้เพื่อจะทิ้งผ้าให้พอดีกับคำสุดท้ายของบทร้อง
แทนไทยซึ่งมองตามมารดาตลอดเวลาก็รีบหยิบผ้าลุกขึ้นยืน รวมทั้งบิดาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก็คอยบอกให้หยิบผ้าวิ่งไล่ตามแม่ แทนไทยทำตามอย่างว่าง่าย วิ่งใช้ผ้าไล่ตีธารทิพย์ที่ยืนรอเพื่อให้ลูกชายทำตามที่เคยเห็น เมื่อแม่ลงนั่งบนพื้น แทนไทยก็เดินรอบวงหลังจากทุกคนช่วยกันขับขานบทร้อง หากด้วยความเป็นเด็กจึงปล่อยผ้าไว้ด้านหลังดาราพร ก่อนที่จะถึงคำสุดท้ายของบทร้อง
พอดาราพรรู้ตัวก็ลุกขึ้นคว้าผ้า วิ่งไล่แทนไทย แต่แทนไทยวิ่งเร็วจี๋ลงไปนั่งแทนที่ดาราพรอย่างรวดเร็ว
หากมีมอญคนใดทิ้งผ้าแล้วยังเดินไปรอบวงด้วยมือเปล่า เมื่อมอญเดินเวียนมาอีกรอบหนึ่งจนถึงผู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่ามีผ้าถูกทิ้งไว้ด้านหลัง มอญจะหยิบผ้าขึ้นมาตีหลังคนผู้นั้นแล้ววิ่งไล่ตีตามไปจนกว่าคนคนนั้นจะวิ่งมานั่งที่เดิม แต่มอญจะได้เป็นมอญต่อไปอีกหนึ่งรอบ
เมื่อไขศิลป์เป็นมอญก็ทิ้งผ้าไว้เบื้องหลังเพื่อนชาย แต่ฐานินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพื่ออยากให้แตกต่างจากหลายรอบที่เคยเกิดขึ้น
เขาเดินผ่านหลังเพื่อนอีกรอบก็หยิบผ้าขึ้นมาตีหลังเพื่อน ฐานินซึ่งเตรียมตัวไว้แล้ว จึงไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เขาตามทันจนกลับมานั่งตรงที่เดิม
ฐานินหัวเราะออกมาเสียงดังที่ได้แกล้งเขาจนสมใจ ไขศิลป์จึงต้องเป็นมอญซ้ำอีกรอบ หากไม่คิดทิ้งผ้าไว้ข้างหลังเพื่อนชายเพราะกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม
ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างก็ได้สลับกันเป็นมอญ วิ่งไล่ใช้ผ้าตีหลังกันสนุกสนาน ยิ่งร้องบทร้องกันหลายรอบ เด็กบางคนก็ร้องตามได้จนคล่องปากก็สนุกยิ่งขึ้น ใบหน้าจึงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มแสนสดใส
เธอมองเห็นกีตาร์ที่ไม่ได้นั่งอยู่เคียงข้างบิดามารดาเหมือนตอนแรก พอมีคนอื่นนั่งประกบข้าง กีตาร์ก็ยังแย้มยิ้มและให้ความสนใจกับการเล่นมอญซ่อนผ้าไปจนจบการละเล่น
แม้แต่ช่วงเวลาพัก ระหว่างรอให้หญิงสาวเริ่มการละเล่นถัดไป กีตาร์ยังชวนพ่อแม่ร้องบทร้องมอญซ่อนผ้าไม่หยุดปาก เด็กๆ ที่พักหายเหนื่อยแล้วจึงร่วมร้องตามและตบมือกันอย่างสนุกสนาน
““มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ”
“แกตีก้นฉันทำไม” ไขศิลป์หันหน้าไปถามเพื่อนชาย เมื่อเสียงร้องของเด็กหลายคนร้องวนมาถึงบทร้องท่อนสุดท้าย
“แกไม่ได้ยินหรือไงว่าฉันจะตีก้นเธอ” ฐานินบอกอย่างหน้าตาเฉย แล้วเอ่ยต่อ “จะไม่ให้ตีได้ยังไง แกลากฉันมายืนตรงนี้ทำไมล่ะ เมื่อกี้ยังรวมกลุ่มกับคนพวกนั้นก็ดีอยู่แล้ว”
เขาดึงแขนเพื่อนชายออกมาให้ห่างจากบรรดาคนเหล่านั้นเพื่อไม่ให้ใกล้ชิดกับปรียานุชมากเกินควร
ธารทิพย์ที่เห็นภาพชายหนุ่มตีก้นกันก็เผลอให้มือจิกต้นขาเธอด้วยความฟิน เป็นเหตุให้ปรียานุชหันมองเพื่อนสาวที่มีสายตาเคลิบเคลิ้มขณะมองไปที่ชายหนุ่มสองคนอย่างเข้าใจดี จึงปล่อยให้เพื่อนมีความสุขกับภาพที่ได้เห็นอย่างคนเพ้อฝันไปไกล แล้วค่อยกู่เรียกกลับมา
เมื่อยืนอยู่กันเพียงสองคนจึงได้ทีพูดถึงบุคคลหนึ่งโดยไม่มีผู้อื่นได้ยิน
“แกเห็นพี่ฉัตรไหม” ไขศิลป์ตั้งใจเปลี่ยนประเด็น
ฐานินมองไปยังคนที่เขาเอ่ยถึงก็เห็นภาพชายหนุ่มพูดคุยฉ้อเลาะกับปรียานุชด้วยความเบิกบานใจ “พี่ฉัตรคุยสนุกดีนะ เป็นกันเองอีกด้วย โดยเฉพาะตอนคุยกับพี่ปรี”
“แกคงเสียดายละสิ ที่มีคนมาแย่งความสนใจของพี่ปรีไปจากแก” เขาเอ่ย หากสายตามองไปที่ฉัตรพงษ์ซึ่งนั่งคุยกับปรียานุช “แต่ก็ดีแล้ว แกอย่าไปสู้หรือแข่งเอาใจพี่ปรีเลย แกมีแฟนแล้ว รู้ตัวบ้างสิ”
ไขศิลป์เห็นท่าทีของฉัตรพงษ์ก็พอจะรู้ว่าสนใจปรียานุช ซึ่งอาจเป็นอีกคนที่กำลังหลงเสน่ห์พี่สาวข้างบ้านไม่ต่างจากเพื่อนชายของเขา
“ฉันมีแฟนแล้ว ทำไมฉันจะทำตัวสนิทกับพี่ปรีไม่ได้ แกคิดอะไรแปลกๆ”
“แกจะไปขวางคนที่กำลังจีบกันทำไม” เขาบอกตรงๆ และย้ำกับเพื่อนอีกครั้ง “ปล่อยให้จีบกันไปสิ แกมีแฟนแล้วนะ”
“แกมีตาก็ได้แต่มอง มองแล้วคิดบ้างสิ ฉันดูออกว่าพี่ปรีไม่เล่นด้วย หรือฉันจะเอาตัวไปขวางไว้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าพี่ฉัตรไม่ท้อไปซะก่อน ฉันค่อยหลีกทางให้”
ไขศิลป์เตือนเพื่อนด้วยความหวังดี แต่เหมือนจะชี้ช่องทางให้เพื่อนคิดไปอีกแบบ หากยังพูดให้เพื่อนฉุกคิดถึงท่าทีของเธอ “นี่แค่วันแรกๆ ถ้าผู้หญิงเล่นด้วยก็ใจง่ายเกินไปหน่อยแล้ว”
“แต่กับฉัน พี่ปรีก็ดูจะสนิทสนมกันตั้งแต่แรกๆ เลยนะ” ฐานินเข้าใจไปอีกอย่าง
พอได้ฟังคำของเพื่อนชาย ไขศิลป์ก็คาดว่าเธอคงสนใจในตัวฐานินมากกว่าผู้ชายคนใหม่ที่เพิ่งได้รู้จักกัน
ถ้ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ หญิงสาวไม่มีวันสมหวังแน่นอน
เมื่อกิจกรรมที่เล่นกันเป็นกลุ่มในวันนี้สิ้นสุดลง เธอขอบคุณคนทุกคนที่สละเวลามาร่วมเล่นด้วยกัน ทุกคนรื่นเริงสนุกสนานไปตามๆ กัน โดนเฉพาะพวกเด็กๆ ที่เหมือนจะอยากเล่นกันต่อ
ปรียานุชเดินออกไปส่งเด็กสองคนกับผู้ปกครองซึ่งขอบคุณเธอที่ทำให้เห็นความสดใสของบุตรหลานในยามที่ร่วมเล่นกับผู้อื่น
ก่อนเธอจะเดินกลับเข้าไปในบ้านของศศิก็พบฉัตรพงษ์ที่ยืนรออยู่เคียงข้างดาราพรตรงประตูหน้าบ้าน
“วันนี้พี่สนุกมากๆ เลยครับ” ฉัตรพงษ์เอ่ยด้วยเสียงสดใส “พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ ต้องแวะไปส่งน้องดรีมให้คุณเปรมที่ร้านก่อน”
“ฝากบอกพี่เปรมกับพี่รามด้วยนะคะ ว่างๆ ก็มาเล่นด้วยกันบ้าง” เธอเอ่ย
ดาราพรเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ “น้าปรีเล่นกับลุงฉัตรไม่สนุกหรือคะ”
ฉัตรพงษ์ดีใจ เมื่อกามเทพตัวน้อยเริ่มทำงาน
“ก็สนุกจ้ะ” เธอยิ้มน้อยๆ ให้หลานสาว “ถ้ามีหลายคนคงสนุกมากกว่านี้นะ”
“ขอให้ลุงฉัตรมาเล่นกับน้าปรีบ่อยๆ ได้ไหมคะ” ดาราพรยังถามอีก
ฉัตรพงษ์รู้สึกว่าหัวใจพองโต เมื่อเด็กผู้หญิงเอ่ยเข้าทางตน
“จะมาก็มาได้เลยนะจ๊ะ น้าไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว”
“ลุงฉัตรได้ยินแล้วนะคะ มาหาน้าปรีได้ตลอดเวลาเลย” ดาราพรสรุปไปตามความเข้าใจ
ฉัตรพงษ์จูงแขนเด็กผู้หญิงให้เดินออกห่างจากเธออย่างคนอารมณ์ดี ปรียานุชยืนโบกมือให้หลานสาวที่ยกมือขึ้นมาโบกลาเช่นเดียวกัน
“สองคนนั้นกลับไปแล้วหรือปรี” ธารทิพย์เดินเข้ามาคุยกับเธอ “ฉันดูออกนะว่าคุณฉัตรของปรีกำลังจะทำคะแนนกับปรีอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า”
ปรียานุชรู้ดีว่าฉัตรพงษ์ให้ความสนใจและพยายามจะทำตัวสนิทสนมกันให้มากกว่าที่เป็นอยู่ หากยังไม่เอ่ยออกมา เพื่อนสาวก็พูดขึ้นอีก
“ปรีล่ะคิดยังไงกับพี่ฉัตร ฉันว่าก็เข้าท่าดีนะผู้ชายคนนี้ น่าจะเป็นคนดี ไม่ต้องทำให้ปรีรอนาน”
“รู้เหรอว่าฉันรออะไร ฉันไม่รออะไรแล้ว อยู่กับเด็กๆ สบายใจดี”
“ถึงตอนนี้จะเลิกรอแล้ว แต่อดีตก็เคยรอไม่ใช่เหรอ”
ปรียานุชไม่อยากให้ธารทิพย์พูดถึงเรื่องวันวานจึงเฉไฉไปเรื่องอื่น เมื่อมองที่ลานหน้าบ้านไม่เห็นมีใคร นอกจากครอบครัวของเพื่อนสาว “ผู้ชายสองคนของธารพากันไปไหนแล้วล่ะ”
“นั่งรอฉันอยู่ตรงนั้นไง” ธารทิพย์บุ้ยปากไปทางสามีและบุตรชาย
“ไม่ใช่สองคนนั้น ฉันหมายถึงพระเอกนายเอกของธารที่เฝ้ามองไม่คลาดสายตาเลย”
“อ่อ นินกับศิลป์ ฉันต้องเห็นภาพทุกช็อตไม่พลาดหรอก มันฟินยิ่งกว่านั่งดูผ่านหน้าจออีกนะ” เพื่อนสาวเพิ่งเข้าใจที่เธอถามถึง “สองคนนั้นเห็นพากันเดินเข้าไปในบ้าน”
ธารทิพย์กวักมือเรียกสามีกับลูกชายให้เดินมาหา แล้วพากันเดินกลับบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ปรียานุชก้าวขาเข้าไปด้านในอาณาเขตของบ้านก็พบเก่งกาจเดินสวนออกมาพอดีซึ่งกำลังพูดคุยกับคนอื่นผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
“ผมนึกว่าคุณปรีกลับบ้านไปแล้ว” เก่งกาจทักขึ้น หลังจากกดวางสาย
“ปรีจะเข้าไปหาน้าศิค่ะ ค่อยลากลับบ้าน” เธอบอกความประสงค์ของตน
เก่งกาจคิดจะถ่วงเวลาเพื่อให้เธอยังยืนอยู่ด้วยกัน “ผมต้องขอบคุณคุณปรี เมื่อเรามีเวลาให้ลูก ชวนลูกทำหลายอย่างร่วมกัน ตอนนี้ผมดีใจมากที่กีตาร์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เหลือแต่เรื่องพูดที่ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“ทุกอย่างต้องใช้เวลาฝึกฝนจนให้เด็กเรียนรู้ได้เองค่ะ พาไปในที่ต่างๆ ด้วยนะคะ ไม่ใช่ทำกิจกรรมอยู่แต่ในบ้าน เด็กจะได้รู้จักการเข้าสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น” ปรียานุชชื่นชมพวกเขาในใจสำหรับความตั้งใจจริงที่จะทำให้ลูกหายดีในเร็ววัน
“ถ้าผมจะพาเพื่อนมาเล่นด้วยกันจะได้ไหมครับ” เก่งกาจได้ทีก็ลองถามออกไป
“เชิญเลยค่ะ มีคนหลายคนคงจะสนุกดี” เธอตอบรับด้วยคำพูดติดปาก
“นั่นไง เพื่อนของผมมาถึงพอดีเลย” เก่งกาจเห็นรถยนต์ของเพื่อนกำลังเข้ามาจอดตรงด้านข้างกำแพงบ้าน หลังจากโทร.มาถามทาง
ตอนแรกปรียานุชจะแค่หันไปส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่ แต่พอได้เห็นหน้าอีกฝ่าย เธอกลับต้องยืนนิ่งราวกับหุ่นปูนปั้นซึ่งไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่านั้น แล้วปล่อยให้ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงนั้นเดินเข้ามาใกล้จนหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
เธอจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือคนที่เคยคบกันเมื่อหลายปีก่อน
“นี่เอกครับ เพื่อนของผมที่อยากมาเล่นการละเล่นไทยกับคุณปรี” เก่งกาจแนะนำผู้มาใหม่ แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวระหว่างคนทั้งสอง
เอกลักษณ์ส่งยิ้มให้เธอ แม้เธอจะยืนนิ่งเฉยก็ตาม
ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกัน กีตาร์วิ่งนำหน้ามารดามาหยุดอยู่ข้างบิดา มองเอกลักษณ์ด้วยความสงสัยเพราะยังไม่เคยเจอกันมาก่อน
เก่งกาจจึงได้โอกาสแนะนำเอกลักษณ์ให้คนในครอบครัวได้ทำความรู้จักกันเสียที
เด็กชายยกมือไหว้ผู้มาใหม่ตามคำของมารดา ก่อนจะใช้มือลูกท้องตัวเอง “หิวคาฟ หิว หิว”
“กลับกันเถอะนะคุณ ลูกหิวข้าวแล้ว ไว้คราวหน้าค่อยมาคุยกันใหม่ก็ได้” สิตางค์บอกสามี
เก่งกาจจึงต้องพาครอบครัวเดินออกไปจากบ้านของศศิ รวมทั้งผู้ที่เพิ่งมาถึง
“ครั้งหน้าเราจะไม่พลาด ขอมาเล่นกับปรีด้วยคนนะ” เอกลักษณ์เอ่ยกับเธออย่างคนรู้จักมักคุ้นกัน ก่อนจะเดินตามหลังเก่งกาจไป
ปรียานุชไม่ได้ร่ำลาใครเลยสักคน ยังยืนอึ้งกับการได้เจอชายหนุ่มซึ่งเป็นแฟนเก่า จนรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงทักจากฐานินซึ่งดังอยู่ด้านหลัง
“พี่ปรีมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ผมจะกลับแล้วครับ”
“พี่ขอตัวกลับบ้านก่อนนะ” เธอบอกชายหนุ่มสองคนที่เดินมาด้วยกัน แล้วมองไปทางไขศิลป์ “พี่ฝากบอกน้าศิด้วยนะว่าขอบคุณมากๆ ที่ให้พี่มาจัดกิจกรรมในวันนี้”
ปรียานุชยังทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงรีบไปตั้งสติที่บ้านของตัวเองเร็วไว
คนทั้งสองสงสัยในท่าทีของหญิงสาวซึ่งดูแปลกๆ ไปซึ่งไม่ค่อยพูดค่อยจากันเหมือนเคย
“พี่ปรีคงเหนื่อย หน้าตาดูเพลียๆ อาจจะรีบกลับไปพัก” ฐานินพูดกับเขา เมื่อเห็นหญิงสาวผละห่างออกไปมากแล้ว
“แกไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นหรอก พี่ปรีคงไม่เป็นอะไรมาก” ไขศิลป์บอกเพื่อนชายซึ่งมีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยหญิงสาว
“คนรู้จักกันจะไม่ให้เป็นห่วงกันได้ยังไงล่ะ แกล่ะไม่ห่วงพี่ปรีบ้างเหรอ อยู่ข้างบ้านเป็นเพื่อนบ้านกันแท้ๆ อย่าใจจืดใจดำหน่อยเลย” ฐานินทิ้งคำกล่าวไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง
ไขศิลป์สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของปรียานุชเช่นกัน แม้จะสร้างความฉงนในใจ แต่เขาก็ได้คำตอบให้แก่ตัวเองว่าคงเป็นเพราะมีผู้ชายคนใหม่ให้ความสนใจ เธอจึงใช้แรงบริหารเสน่ห์มากเกินไปจนทำให้อ่อนเพลีย ส่งผลให้ความเป็นห่วงในตัวรุ่นพี่ข้างบ้านอันตรธานไป กลายเป็นความสบายใจที่เพื่อนชายอาจจะตัดใจจากเธอได้ง่ายขึ้น
นอกจากคนที่เพิ่งเจอหน้ากันในวันนี้แล้วก็ยังมีผู้ชายอีกคนที่จะกลับเข้ามาพิชิตใจเธอเช่นกัน แต่ใครจะได้ชัยไปนั้น ไขศิลป์อาจไม่รู้เลยว่าเป็นตัวเอง
- READ ละเล่นลานรัก บทส่งท้าย : ความรักในลานละเล่น
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 42 : หอมปากหอมคอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 41 : หมากเก็บ...ขอเก็บเธอไว้เป็นคนพิเศษของใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 40 : ชวนเล่นด้วยกัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 39 : แมวจับหนู...จะรู้กันบ้างหรือยัง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 38 : ยังไม่บอกให้รู้ดีกว่า
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 37 : lucky in game and lucky in love
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 36 : คุยกันแบบเปิดอก รับฟังแบบเปิดใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 35 : ใครเห็น...ใครก็ต้องคิด
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 34 : สุดแสนเสียดาย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 33 : คนหนึ่งแพ้ย่อยยับ หนึ่งคนชนะขาดรอย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 32 : ช่วงชิงชัย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 31 : ขอลงแข่ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 30 : ตัวเลือกไม่รู้ตัว
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 29 : ต้องลองอีกสักครั้ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 28 : คืนของให้แก่กัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 27 : ดมดอกไม้
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 26 : ท่าควายกับท่าสีซอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 25 : คิดผิดถนัด
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 24 : ต้นเหตุความกลัว
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 23 : แหวนแฟนเก่า
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 22 : ขอหวนคืน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 21 : มัวรอรี ไม่รีรอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 20 : ฉันจะตีก้นเธอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 19 : งูกินหาง...ห้ามใกล้กัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 18 : หลายอย่างช่างถูกจังหวะ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 17 : ผิดทั้งสองคน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 16 : สัญญาณเหมือนจะดี
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 15 : จ้ำชิงหลัก
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 14 : หลานชายก่อกวน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 13 : กำทายขอถาม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 12 : ต้องตาต้องใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 11 : ตัดไฟแต่ต้นลม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 10 : กิจกรรมวันแรกเริ่ม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 9 : ปัญหาเกินกว่าหนึ่ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 8 : ตบแผละแซะคำตอบ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 7 : เด็ก (เริ่ม) มีปัญหา
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 6 : เด็กชายวุ่นวาย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 5 : ร่วมด้วยช่วยกัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 4 : หาทางเข้าหา
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 3 : เหตุจากหิน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 2 : หินเข้าห้อง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 1 : เสียงลือเสียงเล่าอ้าง