ละเล่นลานรัก บทที่ 31 : ขอลงแข่ง

ละเล่นลานรัก บทที่ 31 : ขอลงแข่ง

โดย : กุลวีร์

Loading

ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก

กิจกรรมในวันนี้มีผู้คนจำนวนมากกว่าทุกครั้ง บรรยากาศครึกครื้นเอิกเกริกราวกับบ้านหลังนี้มีงานมงคล ผู้ใหญ่แต่ละคนจับกลุ่มคุยกัน ส่วนเด็กๆ ก็วิ่งเล่นด้วยกันบ้าง หรือนำการละเล่นไทยที่เคยเล่นมาสอนเพื่อนๆ หน้าใหม่ให้เล่นตามกันไปอีกด้วย ระหว่างรอให้เธอเตรียมพร้อมทุกอย่างจนเสร็จสรรพ

ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมกันมาก่อน นอกจากจะเป็นครอบครัวของเด็กสามคนที่อยู่ในความดูแลของเธอแล้ว ก็ยังมีพี่สาวกับพี่เขยซึ่งมาพร้อมกับลูกสาวและยังพ่วงด้วยฉัตรพงษ์ที่มักจะหาโอกาสพูดคุยกับเธอ โดยมีเปรมยุดากับดาราพรคอยชี้โพรงให้กระรอก จนเธอต้องหาอะไรทำให้ดูเหมือนไม่ว่าง

พอมองไปอีกทางเธอก็เห็นเอกลักษณ์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ครอบครัวของเก่งกาจ ที่คอยจ้องหาจังหวะเข้ามาสนทนากับเธอเช่นกัน แต่ธารทิพย์มักจะปล่อยให้สามีดูแลลูก คอยอยู่ข้างๆ เธอ เพื่อปิดหนทางที่เอกลักษณ์จะเข้ามาตีสนิทกันได้สะดวก

แม้ธารทิพย์จะคอยอยู่เคียงข้างกัน แต่สายตาก็ยังพุ่งความสนใจไปที่ชายหนุ่มสองคนด้วยความเคลิบเคลิ้ม เมื่อในวันนี้ฐานินมาเพียงลำพัง และยังอยู่ข้างๆ ไขศิลป์เหมือนคนตัวติดกันตลอดเวลา

ส่วนไขศิลป์หลังจากค่ำวานที่ทิ้งคำถามไว้ให้เธอ วันนี้เขาก็ทำตัวชวนให้สงสัย ทุกครั้งที่เธอมองไปที่เขา มักจะเห็นเขาจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน แม้บางครั้งเขาจะเสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เธอรู้ว่าอยู่ในสายตาเขาโดยตลอด แต่เธอก็รู้และยังคอยเมียงมองเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากัน หญิงสาวจึงเริ่มกิจกรรมในวันนี้ทันทีที่ใช้ไม้ขีดเส้นบนลานดินเรียบร้อยดีแล้ว

ปรียานุชแนะนำให้ทุกคนรู้จักการละเล่นไทยที่ชื่อว่าโยนเส้น โดยโยนเหรียญให้ทับหรือใกล้เคียงเส้นมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่ละคนต่างก็สนุกสนานกับการวัดฝีมือในการโยนเหรียญ เป็นการละเล่นที่ฝึกความแม่นยำและการคาดคะเนในการโยน

พอทุกคนฝึกปรือฝีมือในการโยนเหรียญจนคล่องดีแล้ว เธอก็ให้มารวมตัวกันที่โต๊ะหินอ่อนเพื่อให้เล่นการละเล่นอย่างที่สองของวันนี้คือเป่ากบซึ่งเป็นการเป่ายางวงของคนทั้งสองฝ่าย

ต่างคนก็ยังสนุกสนานกับการช่วงชิงชัยชนะที่ต้องเป่ายางวงของตัวเองให้ไปทับยางวงของอีกฝ่าย แต่ผู้ชมเหมือนจะสนุกกว่าผู้เล่น เพราะต้องช่วยลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ยิ่งลูกหรือหลานตัวเองเป็นผู้เล่น ก็ต้องเชียร์ออกนอกหน้าเป็นพิเศษอย่างเช่นธารทิพย์กับเปรมยุดา

แม้จะผลัดกันเล่น ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ แต่ทุกคนก็มีน้ำใจนักกีฬา อีกทั้งยังสอนเด็กๆ ให้รู้จักแพ้ รู้จักชนะ พร้อมทั้งรู้จักให้อภัย เพราะไม่มีใครที่คอยจะแก่งแย่งชิงดีกันได้ทุกเวลา เมื่อการละเล่นจบลง ทุกคนยังพูดจากันดีและมีท่าทีเป็นกันเองเหมือนเคย

“การละเล่นต่อไปคือดีดลูกแก้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นพลางยกโหลใสใบหย่อมซึ่งมีลูกแก้วหลากสีสันหลายลูกบรรจุอยู่ภายในวางลงบนโต๊ะหินอ่อน

“เด็กๆ หยิบไปเล่นได้นะคะ แต่ห้ามนำเข้าปาก”

ปรียานุชต้องพูดเตือนไว้ก่อน แม้จะเป็นเด็กโตที่รู้ความบ้างแล้วก็ตาม เพราะเด็กยังมีความคึกคะนองและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งที่จริงเธอไม่อยากนำดีดลูกแก้วมาให้ผู้คนหรือเด็กๆ ได้เล่นกัน แต่ประจวบเหมาะที่ได้ลูกแก้วมาจากคนในคลินิกซึ่งนำมาให้เมื่อรู้ว่าเธอจัดกิจกรรมการละเล่นไทย เธอจึงนำมาใช้ประโยชน์ แม้อาจจะมีโทษ ถ้าเด็กเผลออมลูกแก้วเข้าไป

หากเธอยึดมั่นในความเชื่อของตนก็อาจจะไม่เกิดเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปก็ได้

“ปรีขอไปเตรียมสถานที่สักครู่ค่ะ” เธอผละออกไปจากโต๊ะ หากได้ยินเสียงผู้ปกครองบางท่านเล่าถึงการดีดลูกแก้วซึ่งเคยเล่นมาก่อนให้ทุกคนได้รู้จักกันคร่าวๆ ก่อนจะไปเล่นจริงในลานกว้าง

หญิงสาวใช้ไม้ขุดหลุมขนาดเท่าเบ้าขนมครกบนลานดินเพียงหนึ่งหลุม จากนั้นก็ย้ายไปขีดเส้นให้ห่างจากหลุมประมาณสามเมตร

เมื่อทุกคนมารวมตัวกันในลานหน้าบ้าน ก่อนที่จะเริ่มเล่นกัน ปรียานุชได้สาธิตวิธีการใช้มือดีดลูกแก้วให้แก่ผู้ที่ยังไม่เคยเล่นได้รับรู้และลองทำตาม

เธอลงไปนั่งยอง ใช้นิ้วหัวแม่มือของมือข้างที่ถนัดกดลงและตั้งบนพื้นดินตรงจุดเดียวกับลูกแก้วที่อยู่นิ่งบนพื้น แล้วใช้นิ้วชี้ดีดลูกแก้วจากมืออีกข้างหนึ่งที่จับลูกแก้วมาชิดนิ้วชี้ไว้ทางด้านหน้า โดยดีดให้ลูกแก้วไปยังทิศทางที่ต้องการ

ส่วนวิธีการเล่น จะเล่นครั้งละกี่คนก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องเล่นสองคนขึ้นไป จากนั้นก็ให้ผู้เล่นถือลูกแก้วคนละลูกไปยืนที่เส้น โดยแต่ละคนพยายามโยนลูกแก้วให้เข้าใกล้หลุม ใครโยนลงหลุมหรืออยู่ใกล้หลุมมากที่สุดจะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน ส่วนคนที่อยู่ห่างจากหลุมไปตามลำดับก็เป็นผู้เล่นถัดมาต่อๆ กันไป

ผู้เล่นทุกคนต้องดีดลูกแก้วตัวเองให้ลงหลุมก่อนที่จะดีดให้โดนลูกแก้วผู้อื่นได้หรือเรียกว่ากินลูกแก้ว ซึ่งเป็นการได้ลูกแก้วของคนผู้นั้นมาไว้ในความครอบครอง แต่หลังจากดีดลูกแก้วลงหลุมนั้น มีข้อแม้ว่าจะดีดลูกแก้วไปโดนลูกแก้วคนอื่นได้นั้นต้องเป็นลูกแก้วที่อยู่ห่างจากหลุมเกินหนึ่งฝ่ามือของผู้เล่นคนนั้น ซึ่งวัดระยะห่างโดยปลายนิ้วหัวแม่มือถึงปลายนิ้วก้อยในขณะที่ต้องคว่ำมือและทั้งห้านิ้วกางออกมา ถ้าลูกแก้วของผู้เล่นคนใดอยู่ในช่วงระยะนั้น คนที่ดีดลูกแก้วลงหลุมก็ไม่สามารถกินลูกแก้วของคนผู้นั้นได้ เมื่อเล่นจบแต่ละครั้ง ใครได้ลูกแก้วของคนอื่นมากที่สุดก็ถือเป็นผู้ชนะ

ทว่าคนที่ดูจะมีความสุขและสนุกสนานมากกว่าใครๆ คงเป็นผู้ปกครองที่เหมือนจะได้ย้อนวัยกลับมาเล่นดีดลูกแก้วอีกครั้ง บางคนมีฝีมือช่างแม่นยำไม่เคยเปลี่ยน และยังแสดงการใช้สายตาเล็งไปที่ลูกแก้วที่ต้องการจะดีดให้โดนก็มีให้เห็น พอพวกเด็กๆ เริ่มเล่นได้จึงแยกตัวไปเล่นกันเอง เพราะเหมือนจะสู้ผู้ใหญ่ไม่ไหว แม้ผู้ใหญ่บางคนจะอ้อมมือให้ก็ตาม

ปรียานุชจึงอนุโลมให้เด็กเล่นกับเด็ก โดยขุดหลุมอีกหนึ่งหลุมเพิ่มขึ้นมา ซึ่งมีศศิเป็นผู้ดูแลและเฝ้ามองพวกเด็กๆ แทนเธอ

หญิงสาวยังอยู่ในบริเวณที่เป็นของผู้ใหญ่ เมื่อเอกลักษณ์ขอแข่งดีดลูกแก้วกับฉัตรพงษ์สองต่อสอง เพราะแต่ละการละเล่นที่ผ่านมาสองคนนี้ยังไม่เคยเล่นด้วยกันเลย

หากเธอไม่รู้ว่ามีบางอย่างแอบแฝงในการแข่งขัน

ก่อนที่เอกลักษณ์จะขอชิงชัยกับฉัตรพงษ์ เอกลักษณ์ได้แยกตัวออกไปคุยกันอย่างเปิดอกแบบลูกผู้ชายในขณะที่หลายคนยังตั้งหน้าตั้งตาสอนให้เด็กเล่นดีดลูกแก้ว

เอกลักษณ์ยื่นข้อเสนอ ถ้าใครแพ้จะต้องถอยและปล่อยให้คนชนะทำคะแนนพิชิตใจเธอ จนกว่าเธอจะบอกเองว่าไม่ต้องการ

ไขศิลป์ได้ยินสองคนที่แอบคุยกันจึงขอร่วมลงแข่งด้วยคน “ผมขอดีดลูกแก้วกับพวกคุณ”

ผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดก็สนับสนุนให้ลูกชายเจ้าของบ้านเข้าร่วมเล่นกับสองคนนั้น

“นินจะเล่นด้วยไหม” ธารทิพย์หันไปถามฐานิน เพื่อจะได้ฟินเหมือนตอนนั่งดูซีรีส์วายต่อไปอีก แต่คำตอบที่ได้ยินก็ทำให้ความหวังหมดไป

“ผมขอตัวดีกว่าครับ เล่นมาหลายรอบแล้ว ปล่อยให้ศิลป์ไปสู้กับคนอื่นบ้าง” ฐานินบอกออกมา

ทั้งฉัตรพงษ์และเอกลักษณ์ก็ไม่ขัดข้อง ต่างรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้

ปรียานุชไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นเป้าหมายหลักของชายหนุ่มทั้งสามในการชิงชัยของการลงสนามดีดลูกแก้วในหนนี้

ชายหนุ่มสามคนเลือกลูกแก้วไปคนละหนึ่งลูก ก้าวขาไปหยุดยืนที่เส้น แล้วหันหน้าไปทางหลุม

เอกลักษณ์หันไปมองหน้าฉัตรพงษ์ให้รับทราบถึงคำพูดที่สื่อให้รู้กันเพียงสองคน

“เล่นแบบให้มีผู้ชนะแค่คนเดียวจะได้ปิดเกม”

แต่คนที่สามอย่างเขาก็รู้ความหมายนั้นดี หากไม่แสดงท่าทีออกไป

“ใครลงหลุมก่อน ก็ต้องกินให้เรียบทีเดียวทั้งสองคน” ฉัตรพงษ์พูดออกมา

“แล้วถ้าคนหนึ่งกินคนที่กินอีกคนไปแล้ว ใครคือคนชนะ” ไขศิลป์ถามเผื่อไว้

“แบบนั้นไม่ถือว่ามีคนชนะ เริ่มกันดีกว่า เพราะฉันขอกินเรียบ” เอกลักษณ์พูดจบก็โยนลูกแก้วไปทางหลุม

จากนั้นฉัตรพงษ์และไขศิลป์ก็โยนลูกแก้วตามกันไป ปรากฏว่าลูกแก้วของเอกลักษณ์อยู่ใกล้หลุมมากที่สุดจึงเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน ตามด้วยไขศิลป์เป็นผู้เล่นคนที่สอง และฉัตรพงษ์เป็นผู้เล่นคนที่สาม

ผู้เล่นทั้งสามต่างตั้งหน้าตั้งตาที่จะดีดลูกแก้วของตนเองลงหลุมให้ได้ก่อนใคร จนลูกแก้วทั้งสามอยู่ใกล้ๆ ปากหลุม เอกลักษณ์เป็นคนดีดลูกแล้วลงหลุมก่อนผู้เล่นคนอื่น แต่ไม่สามารถกินลูกแก้วของใครได้เลย เพราะอยู่ในระยะที่ไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ จึงดีดลูกแก้วไปให้ห่างจากหลุมมากที่สุด

ไขศิลป์ทำเช่นเดียวกัน หลังจากดีดลูกแก้วลงหลุมเป็นคนที่สอง แต่ดีดไปทิศทางตรงข้ามเอกลักษณ์ เขาไม่อยากเสี่ยง แค่ไปตั้งหลักดูท่าทีของคนอื่นน่าจะดีกว่า ส่วนฉัตรพงษ์เห็นดังนั้นก็ทำตามบ้าง จนเหมือนคนทั้งสามอยู่กันคนละมุมของลานกว้าง

ต่างคนย่อมรู้ดีแก่ใจ ถ้าใครแพ้จะต้องหลีกทางให้ผู้ชนะ จึงไม่มีใครยอมเข้าใกล้ใคร แล้วเมื่อไหร่การละเล่นจะสิ้นสุดลงสักที

ใครกันแน่! จะเป็นผู้ชนะซึ่งเหมือนจะมีโอกาสสูงได้ตัวและหัวใจของเธอไปครอบครอง 

 



Don`t copy text!