ละเล่นลานรัก บทที่ 39 : แมวจับหนู…จะรู้กันบ้างหรือยัง

ละเล่นลานรัก บทที่ 39 : แมวจับหนู…จะรู้กันบ้างหรือยัง

โดย : กุลวีร์

Loading

ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก

ในช่วงเวลาที่แสงแดดโรยราความร้อนแรงลงไปมาก พร้อมทั้งยังมีสายลมพัดโชยเอื่อยทำให้รู้สึกเย็นสบาย แม้จะมีไอร้อนเจืออยู่บางเบา คงถึงเวลาเริ่มกิจกรรมการละเล่นไทยได้เสียที

ก่อนที่จะเรียกให้มารวมตัวกันในลานกว้างก็มีผู้มาใหม่อีกหนึ่งคนเพิ่งมาถึงที่แห่งนี้

โสมส่องยิ้มให้กับทุกคนที่เดินผ่านหน้า ขณะมุ่งตรงไปหาศศิซึ่งยืนคุยกับสิตางค์และเก่งกาจ

“นี่น้องก็รีบมาจากต่างจังหวัด จะเลิกกันแล้วเหรอ ไม่เห็นเล่นอะไรกันเลย เสียดาย นึกว่าจะมาทัน”

“ยังไม่เริ่มเล่นกันเลยครับ” เก่งกาจเอ่ยขึ้น

“ตอนแรกคิดว่าแม่จะไม่มาแล้ว ยังพูดกับป้าศิอยู่เลย ครั้งนี้แม่คงมาไม่ทัน” สิตางค์บอกมารดา

“ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องมาดูให้ได้ก็ต้องมาสิ” โสมส่องพยักหน้ารับไหว้จากปรียานุช ก่อนเธอนำแก้วใส่น้ำใบเตยยื่นให้อีกฝ่าย

“คนมาถึงเหนื่อยๆ ช่างรู้ใจจริงๆ เลยนะหนูปรี นี่ถ้าใครได้ไปเป็นลูกสะใภ้คงโชคดีแน่ๆ รู้การรู้งาน และยังมีน้ำใจงามขนาดนี้” โสมส่องยกแก้วดื่มน้ำอย่างกระหาย พอดื่มหมดก็เอ่ยต่อ “แล้วนี่จะเล่นอะไรกันต่อ น้าขอดูด้วยคนนะ”

เมื่อทุกคนไปรวมตัวกันในลานกว้าง ปรียานุชก็เริ่มอธิบาย

“การละเล่นนี้เรียกว่าแมวจับหนู เป็นการเล่นวิ่งไล่จับอย่างหนึ่งที่คนหนึ่งเป็นแมวจะต้องวิ่งไล่จับอีกคนที่เป็นหนูให้ได้เท่านั้นเองค่ะ”

เมื่อรู้ว่าจะต้องออกแรงวิ่ง ผู้ปกครองหลายท่านจึงขอเป็นผู้ชม ไม่ต่างจากศศิและโสมส่องที่นั่งมองอยู่ไม่ไกล

หลังจากเธอชี้แจ้งวิธีการเล่นอย่างคร่าวๆ ก็ให้ผู้เล่นยืนจับมือกันเป็นวงกลม

ปรียานุชให้ตัวเองเป็นแมว หากถามหาความสมัครใจว่าใครอยากเป็นหนูก็คงเป็นเขาที่ตั้งท่าจะมาเล่นกับเธอ เพื่อไม่ให้เกิดความหวามหวิวในใจหรือเขินอายจนเสียอาการ เธอจึงไม่รอช้าที่จะขอให้ธารทิพย์เป็นหนู

จากนั้นเริ่มโดยการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่จะวิ่งไล่จับกัน เป็นการฝึกให้ผู้เล่นแสดงบทบาทสมมุติและพูดคุยโต้ตอบกันนิดหน่อย

เขาซึ่งยืนจับมือกับฐานินไว้ข้างหนึ่งก็ยกแขนให้เธอหรือแมวเดินลอดเข้าไปด้านในวงกลม

การละเล่นที่เรียกว่าแมวจับหนู มีอีกชื่อหนึ่งว่าแมวหยอดน้ำมันหมู

เมื่อปรียานุชอยู่ในวงล้อมของผู้เล่นก็ใช้มือทำท่าตักน้ำมันหมูหยอดใส่ในมือของคนที่ยืนจับมือกันไว้จนครบรอบวง แล้วก็เดินออกไปนอกวง

ชาญชัยที่จับมือกับลูกชายไว้ข้างหนึ่งก็ชูแขนขึ้นอย่างรู้หน้าที่เพื่อให้ธารทิพย์หรือหนูเข้าไปในวง แทนไทยเห็นมารดาตัวเองทำท่ากินน้ำมันหมูจากมือผู้เล่นที่จับกันไว้จนครบรอบวงก็ขบขัน จนธารทิพย์เดินออกไปนอกวงเช่นกัน

ปรียานุชเดินกลับเข้ามาในวงอีกครั้ง ทำท่าสำรวจตรวจตราน้ำมันหมูตามถ้วยหรือมือผู้เล่น ก่อนเอ่ยถาม

“น้ำมันหมูหายไปไหนหมด”

“หนูกินหมด” ผู้ที่ยืนจับมือล้อมวงตอบออกมาพร้อมกัน แม้แต่คนที่นั่งดูก็ยังช่วยตอบอีกด้วย

“หนูหนีไปทางไหน” เธอถามต่อ

“หนูหนีไปทางนี้” ชาญชัยพูดพลางยกแขนที่จับมือลูกชายไว้

เธอรีบวิ่งออกไปนอกวงซึ่งเห็นธารทิพย์ยืนอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็เป็นการวิ่งไล่จับหรือเข้าสู่ช่วงแมวจับหนูให้ได้นั่นเอง

ธารทิพย์ยืนอยู่นอกวง รอให้เธอวิ่งเข้าไปหา พอเธอวิ่งไล่ทันจนจวนตัว ธารทิพย์ก็วิ่งเข้าไปในวงโดยผู้เล่นที่ยืนจับมือกันชูแขนขึ้นให้ลอดเข้าไปได้ แต่พอเธอไปถึง กะจะลอดเข้าไปบ้าง ผู้เล่นคนนั้นก็นำแขนลงทันที ทำให้เธอเข้าไปในวงไม่ได้ ปรียานุชจะต้องพยายามหาทางหลอกล่อให้คนที่จับมือกันไว้เผอเรอ หรือพูดจาอ้อนวอนร้องขอ เพื่อหาทางเข้าไปวิ่งไล่จับธารทิพย์ให้ได้

ขณะที่เธอหาช่องทางเข้าไปในวง ธารทิพย์ก็แกล้งวิ่งออกมานอกวงทางด้านตรงข้าม ล่อให้เธอวิ่งเข้าไปหา แต่พอเธอเข้าไปใกล้ ธารทิพย์ก็เข้าไปในวงอีก เล่นกันเช่นนี้ จนเธอเข้าไปในวงได้ก็สามารถวิ่งจับตัวธารทิพย์ได้สำเร็จ เพราะต่างฝ่ายต่างอยากให้ผู้อื่นวิ่งเล่นไล่จับกันบ้าง

ปรียานุชหาผู้เล่นคนใหม่มาเป็นแมวกับหนู

“รอบนี้ใครอยากเป็นแมว ยกมือขึ้นได้เลย”

กีตาร์รีบยกมือขึ้นเป็นคนแรก แล้วหันไปยิ้มให้กับพ่อแม่และยายที่นั่งดูอยู่

เธอพูดต่อ “กีตาร์เป็นแมว แล้วอยากให้ใครเป็นหนูดีล่ะจ๊ะ”

“พี่ดรีมคาฟ” กีตาร์ชี้ไปทางดาราพร

เธอหันไปมองหลานสาวซึ่งรู้หน้าที่เป็นอย่างดี ถึงแม้กีตาร์จะไม่ได้เป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของเธอ แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในตัวเด็กชายผู้นี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกปีติยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้กีตาร์มีทั้งการกระทำ คำพูดคำจา การเข้าสังคม เหมือนกับเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน

“จับให้ได้เร็วๆ นะ ยายคอยเชียร์อยู่ตรงนี้” โสมส่องบอกหลานชาย

เด็กๆ สลับกันมาเป็นแมวและหนูเพื่อวิ่งไล่จับกัน ส่วนคนที่ยืนจับมือกัน ต่างก็ผ่อนปรน ปล่อยมือที่จับกันไว้เพื่อเป็นช่องทางให้แมววิ่งไล่จับหนูได้สะดวก เพราะเด็กหลายคนต่างสนุกและมุ่งมั่นที่จะจับตัวอีกฝ่ายให้ได้โดยไม่มีมารยาใดๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อให้บางคนใจอ่อน เพียงแค่ใช้หน้าตาใสซื่อ กะพริบตาปริบๆ ทำตาใส ผู้ใหญ่บางคนก็ยอมยกมือให้ลอดเข้าไปได้แล้ว หรือเพราะเด็กยังตัวเล็กจึงหาจังหวะลอดเข้าลอดออกได้ง่ายว่าผู้ใหญ่ วิ่งลอดช่องนั้นออกช่องนู้นจนหมดแรงกันไปข้างหนึ่ง แม้แต่ผู้ที่จับมือกันไว้ยังต้องมีสติ ไม่เผลอให้หนูหรือแมวรอดผ่านไปได้ สร้างความคึกคักในยามเย็นได้เป็นอย่างดี

ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่เป็นแมวกับหนู หรือผู้ที่ยืนจับมือเป็นวง หรือผู้ที่นั่งดู ต่างก็ครื้นเครงและมีรอยยิ้มให้กับการละเล่นแมวจับหนู

ความสนุกสนานของผู้เล่นยังส่งถึงผู้ชมให้ก่อเกิดความสนุกไปตามๆ กัน

“ผมขอเล่นเป็นแมวได้ไหมครับ” ไขศิลป์เอ่ยขึ้น เมื่อเด็กทุกคนต่างได้วิ่งเล่นจนสมใจ

“ฉันขอเป็นหนู” ฐานินเสนอตัว

“ดีเลยค่ะ พี่อยากเห็นสองคนนี้เล่นด้วยกัน” ธารทิพย์ที่หาโอกาสฟินกับสองหนุ่มช่วยสนับสนุน

“ผมขอให้พี่ปรีเป็นหนูได้ไหม” ไขศิลป์หันหน้าไปพูดกับเธอโดยไม่สนใจใคร

“จะไปรบกวนพี่ปรีทำไม ฉันบอกแล้วไง ฉันจะเป็นหนูให้แกวิ่งไล่จับเอง” ฐานินขัดขึ้นมาอีก

“แกก็ไปวิ่งไล่จับกับแฟนของแกสิ” ไขศิลป์ลอยหน้าลอยตาบอกออกไป

ฐานินมองแฟนสาวซึ่งนั่งดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “แล้วทำไมฉันจะเป็นหนูให้แกไล่จับไม่ได้ล่ะ”

ธารทิพย์ที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ เธอ ก็คอยลุ้นให้ไขศิลป์ยอมใจอ่อนกับคำพูดของเพื่อนชาย

“ฉันแค่อยากให้พี่ปรีเป็นหนู ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” ไขศิลป์ยืนยันความตั้งใจเดิม

“ไม่เป็นไร พี่เป็นหนูให้ก็ได้ หายเหนื่อยแล้ว” ปรียานุชรีบตัดบท ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะโต้เถียงกันไปมากกว่านี้

เธอหันไปมองเห็นหน้าเพื่อนสาวที่ออกอาการเสียดาย เมื่อไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง

การเล่นไล่จับของการละเล่นแมวจับหนูระหว่างเธอกับเขานั้นทำให้ใจฟูฟ่องโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากความรักส่งกลิ่นหอมหวานราวกับดอกไม้นานาพรรณ การเล่นในรอบนี้คงจะมีกลิ่นของความรักคละคลุ้งทั่วบริเวณลานกว้าง

หลังจากจบกิจกรรมของวันนี้ ทุกคนขอตัวกันกลับบ้าน หากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการละเล่นที่ได้รู้จักนั้นสนุกและมีประโยชน์ที่จะนำไปเล่นกันได้อีก

โสมส่องยังขอบคุณเธอไม่หยุดปาก ก่อนจะกลับไปพร้อมกับครอบครัวของบุตรสาว

พอรู้ว่าบิดามารดาของเธอนั้นไม่อยู่บ้าน ครอบครัวของพี่สาวจึงขอตัวกลับไปพร้อมฉัตรพงษ์ที่วันนี้หมดความเสน่หาในตัวเธอเป็นปลิดทิ้ง เมื่อรู้ว่าคนที่เข้าไปอยู่ในหัวใจเธอนั้นคือคนที่มองออกตั้งแต่วันแรกแล้วว่าเธอมีความรู้สึกพิเศษให้แก่กัน

ไขศิลป์ออกมาส่งฐานิน ทั้งสองคนหยุดคุยกันระหว่างทาง โดยไม่รู้เลยว่าเธอนั้นได้ยินเรื่องที่คุยกัน

“ฉันถามจริงๆ นะ แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า ถึงทำตัววุ่นวายกับพี่ปรีมากนัก ไม่ค่อยมายุ่งกับฉันเลย อะไรๆ ก็พี่ปรี” ฐานินถามเขา

“ฉันเห็นแกมากับแฟนก็เลยอยากให้ใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด” ไขศิลป์ตอบ หากยังเอ่ยต่อเพื่อหวังเปลี่ยนประเด็น “ถ้าฉันไม่รู้ว่าแกมีแฟนอยู่แล้ว แกถามอย่างนั้น ฉันคงคิดว่าแกหวงพี่ปรี”

ฐานินไม่ได้ถามเซ้าซี้อีก แล้วพาแฟนสาวเดินไปที่รถยนต์

ปรียานุชรู้ดีว่าที่เขามายุ่งเกี่ยวกับเธอนั้นเพราะอยากทำคะแนนเพื่อพิชิตใจเธอ

เธอเดินมาหาธารทิพย์ที่ยืนมองสองหนุ่มอยู่ไกลๆ “ธารยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”

“วันนี้ฉันยังไม่ค่อยฟินเท่าไรเลย ดูสองคนนั้นสิ ไม่ค่อยจะทำอะไรด้วยกัน หรือวันนี้เพราะนินพาแฟนมาด้วย แต่พอคิดๆ ดูที่วันนี้ฉันฟินไม่มากพอ เพราะศิลป์ทำตัวแปลกๆ กับปรีนะ” ธารทิพย์ไม่ได้ตอบคำถามเธอ

“แปลกยังไงล่ะ” เธอถามเพื่อนสาวทันที หรือจะมีคนมองออกเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา

“ไม่รู้สิ รู้สึกว่าอะไรก็ต้องพี่ปรี พี่ปรี เหมือนเด็กติดแม่ ไม่ค่อยมาเล่นหรือหยอกล้อกับนินมากเท่าเมื่อก่อน” ธารทิพย์พูดไปตามสิ่งที่คิด

“ไม่มีอะไรหรอก ธารคิดไปเองมากกว่านะ คงไม่ได้ฟินสมใจก็คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย” เธอยังไม่บอกไปตามความเป็นจริง

ธารทิพย์ได้แต่พยักหน้ารับฟังคำของเธอ ก่อนจะเดินไปหาสามีและลูกชายที่ยืนรออยู่ไม่ไกล

ในเมื่อทราบว่าเขายังไม่ยอมให้ใครรู้ว่าคิดยังไงต่อกัน เธอที่ตอนนี้นั้นก็จะไม่บอกใครเช่นกันว่ารู้สึกดีกับเขา

หลายคนที่สนิทชิดเชื้อหรืออยู่รอบตัวของเขาและเธอจะรู้กันหรือไม่ว่าทั้งสองคนมีใจให้แก่กัน



Don`t copy text!