ละเล่นลานรัก บทที่ 41 : หมากเก็บ…ขอเก็บเธอไว้เป็นคนพิเศษของใจ
โดย : กุลวีร์
ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก
ปรียานุชเริ่มเล่นตั้งแต่หมากหนึ่งจนถึงหมากสี่ พอครบหนึ่งรอบก็รับก้อนหินได้ห้าก้อน จากนั้นยื่นส่งก้อนหินให้เขา
ไขศิลป์เล่นครบหนึ่งรอบโดยไม่ประหม่าที่จะทำให้ตัวเองต้องตายขณะเล่น แต่รับหินได้แค่สี่ก้อน
“รอบนี้พี่ชนะ พี่ขอถามศิลป์ว่าวันนั้นทำไมถึงอยากแข่งดีดลูกแก้วกับสองคนนั้น”
“ผมอยากให้พี่ปรีเห็นผมบ้าง อยากเป็นตัวเลือกของพี่ปรี แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพี่ปรีเลือกผม” เขาตอบทันที
เธอเห็นเขานั่งยืดอกหลังพูดจบก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยให้เขาได้รู้ “ชีวิตคนเรา บางทีไม่ต้องมีตัวเลือกก็ได้นะ ถ้าอยากคิดจะคบใครก็พุ่งตรงไปที่คนคนนั้นเพียงคนเดียว”
“แล้วตอนนี้พี่ปรีคิดจะคบใคร” เขาโพล่งถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เล่นหมากเก็บชนะพี่ให้ได้ก่อน ค่อยมาถามพี่” เธอย้ำกับเขา แล้วเริ่มเล่นหมากเก็บอีกรอบ
ไขศิลป์ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับกฎกติกาที่เกิดขึ้นระหว่างกันในยามนี้ โดยไม่มีคำโต้แย้ง
ปรียานุชยิ้มลำพองใจ ไม่ว่ายังไงเธอจะต้องชนะอีกหลายรอบและเขาคงไม่มีโอกาสตั้งคำถามกับเธอ แต่ความมั่นใจในตัวเองมากเกินควรก็เผลอทำหินหลุดออกจากมือ ขณะเก็บหินของหมากสาม
“พี่ปรีตายแล้ว รอบนี้ผมชนะ” เขาเอ่ยอย่างดีใจที่กลายเป็นผู้ชนะแบบไม่ต้องลงแรง
เธอรีบตอบคำถามที่เขาถามค้างไว้ เพราะกลัวเจอคำถามอื่นที่สร้างความหวั่นไหวให้แก่หัวใจ
“พี่ไม่เคยคิดจะให้ใครมาเป็นตัวเลือกในชีวิตพี่ ตอนนี้พี่คุยกับศิลป์คนเดียว แค่นี้พอใจหรือยัง”
“พี่ปรียังถามผมไม่ได้นะ ต้องเป็นคนชนะในรอบต่อไปก่อน ถึงจะถามได้” เขานำคำของเธอมาพูดกันบ้าง
“รอบนี้พี่ให้ศิลป์เริ่มก่อน” เธอวางหินทั้งห้าก้อนไว้ตรงหน้าเขา
ไขศิลป์เล่นหมากเก็บ แต่ยังครุ่นคิดหาคำถามมาถามเธอ เมื่อไม่มีสมาธิมากพอก็ทำให้มือไปโดนหินก้อนอื่นบนพื้นระหว่างเก็บหินสองก้อน
“ศิลป์แพ้พี่” เธอรีบเปลี่ยนคำถาม เพราะไม่อยากให้เขาตอบคำถามที่ยังไม่ตอบกัน “ศิลป์เริ่มรู้หัวใจตัวเองตั้งแต่ตอนไหน”
“คำถามนั้นล่ะ ที่ถามว่าผมพอใจหรือเปล่า” เขาทวนคำถามก่อนหน้า
“ไม่อยากรู้แล้ว ถึงไม่ตอบพี่ก็รู้ ขอคำถามล่าสุดดีกว่า”
“ถ้าให้ตอบก็ต้องเป็นตอนที่เห็นพี่ปรีใส่ชุดเจ้าสาว พอรู้ว่าจะเสียพี่ปรีไปให้คนอื่น ผมก็รู้แน่ชัดแล้วว่าหัวใจของผมคิดยังไงกับพี่ปรี” เขาพูดตามความจริง
ปรียานุชทำได้แค่ซ่อนรอยยิ้มกว้าง
ไขศิลป์ส่งก้อนหินให้เธอเป็นคนเริ่มก่อน “ผมขอเล่นต่อ ยังมีอีกหนึ่งคำถามที่จะต้องถามพี่ปรีให้ได้”
ปรียานุชเล่นจนถึงหมากสี่ แต่รับก้อนหินจากหลังมือได้แค่สี่ก้อน เพราะใจนั้นไหวหวั่นมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาเผยความในให้รู้แบบไม่คิดปิดบัง
ไขศิลป์เห็นดังนั้นก็มีหนทางที่จะเป็นผู้ชนะ เพื่อขออีกหนึ่งคำถามที่จะกระจ่างชัดเจนในความสัมพันธ์ที่มีให้กัน แล้วเขาก็ทำได้สำเร็จ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง
หลังจากที่เขารับหินได้ห้าก้อน ก็เริ่มตั้งคำถามกับเธอทันที
“ตอนนี้พี่ปรีคงไม่ได้มองผมเป็นแค่น้องชายคนหนึ่งแล้ว ผมขอถามพี่ปรีว่า…” เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ “ตอนนี้พี่ปรีเริ่มจะรักผมได้บ้างหรือยัง”
มันรักไปแล้วต่างหากล่ะ ไม่ใช่แค่เริ่มที่จะรัก นี่คือคำตอบในใจเธอ แต่เธอเลี่ยงที่จะตอบเช่นนั้น
“ถ้าพี่ไม่คิดจะรักกัน คงไม่ยอมให้ศิลป์จีบพี่ได้ง่ายๆ หรอกนะ” เธอเลือกที่จะตอบให้เป็นไปในทางเดียวกันที่ตรงกับความรู้สึกแท้จริงในใจ
สิ้นเสียงของเธอก็มีเสียงทักจากผู้มาเยือนอย่างคนที่คุ้นเคยบ้านของเขาเป็นอย่างดี
“ทำอะไรกันอยู่หรือครับ ลงมานั่งบนพื้นกันทำไม”
เขาและเธอพร้อมใจกันหันหน้าไปมองฐานิน
“เล่นหมากเก็บกันอยู่จ้ะ มาสิ มานั่งเล่นด้วยกัน พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ศิลป์สอนนินเล่นด้วยนะ” ปรียานุชลุกขึ้นยืน เก็บอาการเขินอายและความหวั่นไหวในอกข้างซ้ายไม่ให้ผู้มาใหม่ได้เห็น
ฐานินลงนั่งเคียงข้างเขา หากยังมองหน้าเขาไม่วางตา “นั่งเล่นหมากเก็บ แล้วทำไมหูแดง หน้าแดง เหมือนกินของเผ็ด เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ปรีก็เป็นเหมือนกันเลยนะ”
“มาหาฉัน มีอะไรหรือเปล่า” เขาไม่ตอบคำถามของเพื่อนชาย
“คิดถึงก็เลยมาหา มาให้เห็นกับตาว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง” ฐานินเอ่ยอย่างหน้าตาเฉย “พอไปดีลงานได้เอง จะไม่ยอมให้ฉันเข้าบ้านหรือไง”
“มาได้อยู่แล้ว แต่โทรมาบอกกันก่อนก็ได้ จะได้เตรียมอะไรไว้ให้กิน” เขาอ้างไปเช่นนั้น
“แต่ก่อนก็ไม่เคยโทรบอกเลยนะ อยากมาก็มา ยังไงก็ได้เจอแกอยู่ในบ้าน” ฐานินบอกเขา หากยังมองก้อนหินในมือเขา “สนุกไหมล่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เล่นเกมในคอมพิวเตอร์แล้วเหรอ หรือเล่นกับพี่ปรีมีความสุขมากกว่าเยอะ ความสุขแบบนี้คงหาในคอมพิวเตอร์ไม่ได้หรอก”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเพื่อนซึ่งเหมือนจะล่วงรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาและเธอ
“ถ้าจะมาแค่อยากรู้ว่าฉันอยู่สุขสบายดีไหม เห็นแค่นี้ก็พอแล้วนะ”
“พอมีพี่ปรีก็ไล่ฉันกลับเลยนะ ฉันอยากจะอยู่กับแกนานๆ ไม่ได้เหรอ วันนี้ฉันว่างทั้งวันเลย” ฐานินยังไม่วายที่จะหยอกเย้าเขา “งานที่ไปดีลได้มา เรียบร้อยดีใช่ไหม มีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้เสมอ”
“ฉันดีลงานได้สำเร็จก็เพราะพี่ปรี ฉันต้องขอบคุณพี่ปรีที่ทำให้ฉันออกไปข้างนอกได้โดยไม่กลัวและมีงานทำ” เขาพูดจากใจจริง
“แกต้องขอบคุณตัวเองและขอบคุณการละเล่นไทยด้วย ที่ทำให้ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้โดยไม่มีภาพอดีตให้ต้องกลัวอีกแล้ว ถ้าแกไม่ลองก็คงไม่รู้หรอก”
ปรียานุชเข้ามาสมทบ หากได้ยินคำของฐานินเข้าพอดีก็ส่งยิ้มให้คนที่เห็นประโยชน์ของการละเล่นไทยหรือกิจกรรมที่เธอนำมาให้ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้รู้จักพร้อมทั้งร่วมเล่นสนุกด้วยกัน
ฐานินหันหน้ามาพูดคุยกับเธอ “กิจกรรมบางอย่างก็อาจช่วยพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง บางพฤติกรรมของคนเราได้ เพียงแค่เลือกใช้ให้ถูกต้องใช่ไหมครับพี่ปรี”
“พูดเป็นการเป็นงานเลยนะ” เขาหยอกเพื่อน
“ถ้าผมมีลูก คงต้องปรึกษานักกิจกรรมบำบัดอย่างพี่ปรีบ้างแล้ว” ฐานินยังพูดกับเธอต่อ
“พี่ยินดีเสมอ แต่อย่าลืมสอนลูกให้รู้จักการละเล่นไทยด้วยล่ะ ยังมีอีกหลายอย่างที่พี่ไม่ได้นำมาให้เด็กๆ หรือพวกนินเล่นกันเลย”
“ต่อให้พี่ปรีอยู่แถวนี้ พวกผมก็ยังได้เล่นกันอีกเยอะ” ฐานินบอกเธอ แล้วถามเขา “ใช่ไหมแก”
เขาพยักหน้าเออออไปตามเพื่อนชาย
ไขศิลป์เพิ่งจะเห็นความสำคัญของนักกิจกรรมที่มีต่อชีวิตคนเรา ทั้งพฤติกรรมที่ไม่ปกติซึ่งออกนอกลู่นอกทางไปบ้างก็สามารถช่วยทำให้เข้าที่เข้าทางหรือใกล้เคียงปกติอย่างคนทั่วไปมักจะเป็นกัน
ถ้าเขาไม่ได้รู้จักกับเธอ หรือเธอไม่ได้นำกิจกรรมการละเล่นไทยมาใช้กับเขา คงไม่รู้จักวิชาชีพที่เรียกว่านักกิจกรรมบำบัดอย่างแน่นอน
“ถ้ามีลูกก็อย่าปล่อยให้เด็กอยู่กับหน้าจอมากเกินไป เพราะไม่ส่งผลดีต่อเด็กเลย คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรแบ่งเวลาเล่นกับเด็กให้ได้มากที่สุด ถ้าคนเราไม่รู้ผลเสียจากการเป็นเด็กติดจอลูกติดมือถือก็จะปล่อยไว้อย่างนั้น พอรู้อีกทีต้องใช้เวลาสำหรับการแก้ไขปัญหาซึ่งไม่ง่ายเลย ใครจะคิดว่าจอเล็กๆ นั้นก็มีโทษมหาศาล เพราะฉะนั้นอย่าเลี้ยงลูกแบบง่ายเข้าไว้ งอแงหน่อยก็ส่งมือถือให้นั้นไม่ควรทำ” เธอบอกชายหนุ่มสองคนให้เข้าใจกับปัญหาของเด็กในปัจจุบันที่ส่อแววจะมีมากขึ้น
ปรียานุชเชื่อว่าปัญหาอาจเกิดขึ้นกับเด็กจำนวนมาก แต่น้อยนักที่จะรู้ตัวว่าปัญหานั้นมีสาเหตุแท้จริงจากจุดใด การอธิบายกับคนที่กำลังจะสร้างครอบครัวก็น่าจะเป็นวิธีป้องกันอย่างหนึ่งเพื่อไม่ให้ลูกเป็นเด็กติดจอก็ได้
“ใครได้พี่ปรีไปเป็นแฟน คงเลี้ยงลูกได้โดยไม่ต้องกังวลใจอะไรเลย หรือผมจะเปลี่ยนมาสนใจนักกิจกรรมบำบัดบ้างดีไหม” ฐานินส่งยิ้มยียวนมาให้เขา
“ไม่ต้องเลย ฉันจะไปฟ้องแฟนแกว่าแกคิดจะเจ้าชู้หลายใจ” ไขศิลป์โวยวายขึ้นมา
“ฉันแค่คิดเล่นๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย ทำเป็นหวงไปได้” ฐานินหัวเราะออกมา เมื่อจับจุดอ่อนของเขาได้
ปรียานุชขอตัวกลับบ้าน ก่อนที่ฐานินจะล่วงรู้ความในใจระหว่างเขากับเธอ
พอไม่มีหญิงสาวร่วมวงสนทนาด้วยกัน ฐานินก็ถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันถามตรงๆ เลยนะ แกกำลังจีบพี่ปรีอยู่ใช่ไหม”
ไขศิลป์ถูกเพื่อนจ้องหน้าแบบไม่ละสายตาก็ยากที่จะเลี่ยงได้ “ใช่ ฉันกำลังจีบพี่ปรี และดูเหมือนพี่ปรีจะมีใจให้ฉัน”
ในที่สุดเขาก็ยอมรับและบอกเรื่องราวความรักของตนให้เพื่อนสนิทรับรู้ได้เสียที
“ฉันนึกว่าแกจะปิดบังกันอีก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้หรือดูไม่ออกนะ เพียงแค่อยากได้ยินจากปากแกมากกว่า”
“แกรู้ได้ยังไง”
“ฉันได้ยินที่แกถามพี่ปรีตอนที่เล่นหมากเก็บกัน แกกับพี่ปรีรักกันก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องมาบอกว่าพี่ปรีมีใจให้แก” ฐานินแอบยืนฟังคนทั้งสองถามตอบกันและรอคอยจังหวะที่จะเผยตัวให้เห็น
“รู้แล้ว จะมาถามฉันอีกทำไม” เขายังตีหน้านิ่ง เมื่อเพื่อนจับได้ว่ามีเรื่องปิดบังกัน
ฐานินยืดอกพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ฉันดูออกตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าแกกับพี่ปรีต้องได้ลงเอยกันสักวันหนึ่ง”
ไขศิลป์เริ่มหมั่นไส้ที่เห็นเพื่อนยักคิ้วลิ่วตาให้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำใด ฐานินก็พูดขึ้นมาอีก
“แกลองคิดดู ถ้าคนเราไม่มีใจผูกพันกันมาก่อน จะมาเป็นห่วงเป็นใยกันเพื่ออะไร และคงไม่ทำถึงขนาดนี้ให้กันหรอก ฉันจึงร่วมมือด้วยดี ไม่ใช่แค่อยากให้แกได้งาน แต่อยากให้แกได้เมียอีกด้วย เพราะฉันรู้ว่าสักวัน แกต้องหันมาชอบพี่ปรี ฉันรู้ว่าฉันคิดถูกก็ตอนที่แกขอลงแข่งดีดลูกแก้วแล้ว”
“มันดูออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอก็แค่เล่นดีดลูกแก้ว”
“คนอย่างแกจะไปชิงชัยอะไรกับใคร สิ่งนั้นต้องสำคัญกับชีวิตแกมากพอ ฉันเป็นเพื่อนกับแกมานาน ก็รออยู่ว่าแกจะยอมปริปากบอกฉันเมื่อไหร่”
“ทำไมแกถึงคิดว่าฉันจะชอบพี่ปรี” เขาถามเพื่อนต่อ
“ชีวิตแกจะมีใครมาห่วงใยและช่วยแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้น คงไม่มีหรอกคนแบบนั้นที่จะหวังดีกับแกจริงๆ หรืออาจจะหายาก แต่พอแกได้เจอแล้ว ฉันเชื่อเลยว่าพี่ปรีจะชนะใจแกได้”
“ที่พี่ปรีมาช่วยฉัน เพราะเห็นฉันเป็นแค่น้องชายข้างบ้านคนหนึ่ง ไม่ได้พิศวาสฉันอะไรมากมาย” เขาบอกเหตุผลที่เธอคิดจะช่วยเหลือกัน
“ตอนนี้เลื่อนขั้นเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ” ฐานินอยากให้เขามองแค่ปัจจุบัน
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ตอนนี้แค่คนที่เปิดใจให้กัน ใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันเท่านั้นเอง”
“นอกจากชีวิตแกจะได้รู้จักการละเล่นไทยแล้ว ก็ยังได้พบความรักความผูกพันที่เคยหายไปอีกด้วยความรักที่เกิดขึ้นบนลานกว้างหน้าบ้านของแกเอง แกอย่าลืมนำไปเล่าให้ลูกให้หลานฟังก็แล้วกัน”
“แกอย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลย ตอนนี้ฉันกับพี่ปรีเป็นแค่คนที่เพิ่งจะเริ่มคบหาดูใจกันไปก่อน”
“ฉันเชื่อว่าแกกับพี่ปรีจะได้แต่งงานกัน และฉันจะขึ้นไปพูดบนเวทีด้วยว่าแกกับพี่ปรีรักกันได้เพราะอะไร มันไม่ใช่แค่คนที่อยู่ข้างบ้านหรอก แกอย่าลืมสิ ก่อนที่ดอกรักจะเบ่งบาน มันต้องมีรากมีลำต้น ก่อนที่ต้นไม้จะโตก็ต้องได้ปุ๋ยได้น้ำ ฉันก็เคยบอกแล้วไง ระหว่างแกกับพี่ปรี ความห่วงใยคือปุ๋ยคุณภาพดีที่เร่งให้ต้นรักเติบโตจนออกดอกให้ได้เห็น”
“ว่างๆ แกลองไปเขียนคอนเทนต์ลงในเว็บบ้างก็ได้ ช่างสรรหาอะไรมาพูดกรอกหูให้ได้ยินเสียจริงๆ”
“แกลองคิดดูแล้วกัน ถ้าแกออกไปไหนต่อไหนได้ บางทีก็คงไม่ได้เจอพี่ปรีจนรักกันได้หรอก ทุกอย่างมันถูกโชคชะตากำหนดมาหมดแล้ว”
ไขศิลป์ยิ้มให้เพื่อน ถ้าตนไม่ได้เป็นโรคกลัวการเข้าสังคม ตนจะพบเจอหรือรู้จักกับเธอได้อย่างไร “เพราะพี่ปรี ฉันจึงได้งานทำและเห็นถึงความสุขกับเสียงหัวเราะของคนอื่นที่เผื่อแผ่มาถึงฉัน ทำให้ลบภาพฝังใจที่คิดว่าจะเจอแต่สายตาที่มองหาแต่ความอับอายซึ่งไม่ใช่เลย”
“แกต้องรักพี่ปรีและซื่อสัตย์กับคนรักให้มากๆ ถ้าไม่อยากเสียสิ่งมีค่าในชีวิตของแกไป”
“ไม่ต้องมาสอนฉัน บอกตัวแกเองบ้างเถอะ” เขาพูดกับฐานินที่ยังยักคิ้วให้กัน
หนทางของการมีคู่ชีวิตมันจะยาวไกลมากแค่ไหนคงไม่มีใครรู้ เพียงแค่วันนี้ยังมีกันก็ต้องทำตัวให้น่าไว้วางใจมากที่สุด เพื่อให้ความรักยังคงอยู่ในใจตลอดไป เพราะถ้าเขาเสียเธอไป เธอก็คงไม่คิดจะหวนคืนเพื่อให้โอกาสกันอย่างเช่นคนที่เคยเป็นแฟนเก่าของเธอ
“ฉันหวังว่าความรักครั้งนี้ของแก จะทำให้แกพบเจอแต่สิ่งดีๆ” ฐานินเอ่ย
ไขศิลป์เชื่อเสมอว่าจะต้องเป็นไปตามคำพูดของเพื่อนสนิทอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่ชีวิตเขาได้พบเธอก็มีแต่เรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นเสมอมา
เธอจึงเป็นคนพิเศษในใจเขา นับตั้งแต่วันที่ได้รู้หัวใจตัวเองจนสู่กาลเวลาที่ชราไปพร้อมกัน เธอก็ยังเป็นคนสำคัญของเขาไม่เปลี่ยนแปลงไป
- READ ละเล่นลานรัก บทส่งท้าย : ความรักในลานละเล่น
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 42 : หอมปากหอมคอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 41 : หมากเก็บ...ขอเก็บเธอไว้เป็นคนพิเศษของใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 40 : ชวนเล่นด้วยกัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 39 : แมวจับหนู...จะรู้กันบ้างหรือยัง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 38 : ยังไม่บอกให้รู้ดีกว่า
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 37 : lucky in game and lucky in love
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 36 : คุยกันแบบเปิดอก รับฟังแบบเปิดใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 35 : ใครเห็น...ใครก็ต้องคิด
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 34 : สุดแสนเสียดาย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 33 : คนหนึ่งแพ้ย่อยยับ หนึ่งคนชนะขาดรอย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 32 : ช่วงชิงชัย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 31 : ขอลงแข่ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 30 : ตัวเลือกไม่รู้ตัว
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 29 : ต้องลองอีกสักครั้ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 28 : คืนของให้แก่กัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 27 : ดมดอกไม้
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 26 : ท่าควายกับท่าสีซอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 25 : คิดผิดถนัด
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 24 : ต้นเหตุความกลัว
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 23 : แหวนแฟนเก่า
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 22 : ขอหวนคืน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 21 : มัวรอรี ไม่รีรอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 20 : ฉันจะตีก้นเธอ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 19 : งูกินหาง...ห้ามใกล้กัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 18 : หลายอย่างช่างถูกจังหวะ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 17 : ผิดทั้งสองคน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 16 : สัญญาณเหมือนจะดี
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 15 : จ้ำชิงหลัก
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 14 : หลานชายก่อกวน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 13 : กำทายขอถาม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 12 : ต้องตาต้องใจ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 11 : ตัดไฟแต่ต้นลม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 10 : กิจกรรมวันแรกเริ่ม
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 9 : ปัญหาเกินกว่าหนึ่ง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 8 : ตบแผละแซะคำตอบ
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 7 : เด็ก (เริ่ม) มีปัญหา
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 6 : เด็กชายวุ่นวาย
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 5 : ร่วมด้วยช่วยกัน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 4 : หาทางเข้าหา
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 3 : เหตุจากหิน
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 2 : หินเข้าห้อง
- READ ละเล่นลานรัก บทที่ 1 : เสียงลือเสียงเล่าอ้าง